วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 68 ต่อสู้



ตอนที่  68  ต่อสู้
หวีเป่าจำคนสองสามคนนี้ได้

ในพื้นที่ทั่วเมืองสามวิญญาณนั้นยังไม่นับว่าเป็นเมืองใหญ่   และเนื่องจากคนพวกนี้เข้ามาชมกันบ่อย จึงเป็นธรรมดาที่หวีเป่าจะจำคนพวกนี้ได้  วัยรุ่นไม่กี่คนนี้มีเบื้องหลังที่มีอิทธิพลสูงหนุนหลัง  มาจากตระกูลต่างๆ  และเมื่อกลุ่มผู้เยาว์เหล่านี้รวมตัวกัน ก็ไม่มีผู้ใดในเมืองกล้าลองดีกับพวกเขา
 “เป็นหุ่นกระจอกเทศบรอนซ์จริงๆ ด้วย” เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งจ้องมองนกกระจอกเทศด้วยความสนใจอย่างมาก กล่าวอย่างประหลาดใจ “ข้าเคยอ่านหนังสือมาก่อนว่าหุ่นกลกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในพาหนะที่มีชื่อที่สุดของกองทัพดาวกางเขนใต้  ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะได้มาเห็นหุ่นนกกระจอกเทศของจริง”
จากนั้นเด็กสาวชุดม่วงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มชุดขาว ก็วิ่งเข้ามารบเร้าเกาะแขนเขาไม่หยุด “พี่เว่ย, ข้าต้องการนกตัวใหญ่นี้, ข้าต้องการนกตัวใหญ่”
สีหน้าของหวีเป่าเปลี่ยนไป  แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์แปลกประหลาด
เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลก และพยายามกลั้นหัวเราะ
หลินเว่ยหันไปทางถังเทียนอย่างช่วยไม่ได้ “สหาย, เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะยกนกกระจอกเทศนี้ให้ข้า?”
ถังเทียนสั่นศีรษะ “ไม่ได้”
 “เฮ้, พ่อหนุ่ม, ให้รู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร” เหลาอี้ยืนอยู่ข้างๆ ตอนแรกต้องการจะเห็นหลินเว่ยทำตัวเองแกล้งโง่  แต่พอได้ยินถังเทียน เขาอดสอดขึ้นมาไม่ได้ “เปิดราคามาดีกว่า จะได้รู้ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า”
ถังเทียนหุบยิ้ม แม้แต่คนโง่ก็จับสัญญาณความไม่เป็นมิตรในน้ำเสียงของเขาได้  หนุ่มน้อยชาวฟ้าคุ้นเคยกับการรังแกในโรงเรียนอยู่แล้ว และถังเทียนก็ไม่ยินดีที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นด้วย  เขาหยีตาแคบลง "ช่างยโสจริงนะ”
 “โอว, ดูเหมือนว่าเราเจอของแข็งเข้าให้แล้ว”  สีหน้าของเหลาอี้กลายเป็นเย็นชา
ถังเทียนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า  ทันใดนั้นเขาฉีกยิ้มและกระตุ้นให้นกกระจอกเทศทำงานและพุ่งเข้าใส่เหลาอี้
 “ระวัง” สีหน้าหลินเว่ยเปลี่ยน
นกกระจอกเทศสูงกว่าถังเทียน มันสูงราวๆ สองเมตร และหนักมากเนื่องจากมันสร้างด้วยโลหะบรอนซ์ มันจึงกลายเป็นมาตรฐานการใช้งานของกองทัพดาวกางเขนใต้  เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นของมัน  มันมีมาตรฐานเฉลี่ยพอๆ กับวิชาตัวเบาระดับห้า ทำให้ใช้วิ่งเป็นระยะไกลได้  ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของมันก็คือ วิ่งได้เต็มกำลัง
ปิงเห็นถังเทียนกับนกกระจอกเทศพุ่งเข้าใส่  เขาฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ  เนื่องจากครั้งหนึ่ง หน่วยนกกระจอกเทศโจมตีของค่ายทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้มีชื่อเสียงโด่งดังน่าครั่นคร้าม
พลังที่หนักหน่วงหลายตัน  และพลังระเบิดที่น่ากลัวยามเมื่อมันพุ่งใส่ และผลกระทบเกินกว่าจะนึกออก
เหลาอี้รู้สึกทันใดว่าความมืดที่อยู่ต่อหน้าเขา เหมือนกับมีภูเขาถล่มอยู่เบื้องหน้า  ในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกจิตใจระทึก
ขุนพลวิญญาณว่องไวและมีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมได้หลบและมาปรากฏอยู่ข้างตัวถังเทียน
น่าเสียดาย ที่เป็นไปตามที่ถังเทียนคาด และเขายืดกำปั้นออกไป
ปัง!
ทั้งสองฝ่ายมองดูและขุนพลวิญญาณปลิวขึ้นไปในอากาศ
ความเร็วของนกกระจอกเทศน่าทึ่งอยู่แล้ว  ควบคู่กับความเร็วในการโจมตีของขุนพลวิญญาณ  แม้ว่าถังเทียนจะใช้แต่เพียงหมัดพิฆาตน้อยระดับสาม ขุณพลวิญญาณก็ยังกระเด้งไปไกลเหมือนกับว่าถูกทุบด้วยค้อนยักษ์
ปิงเห็นภาพเช่นนั้นก็รู้สึกมีความสุข กระบวนท่าของถังเทียนดูเหมือนยังไม่ขึ้นสนิมและรับมือได้อย่างเหมาะสม
ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ทหารใหม่ของกองทัพดาวกางเขนใต้
ปิงรำพึง
ถังเทียนดูเหมือนจะไม่ต้องการลดความเร็วของเขา   เขาก้มตัวลงทันที และนัยน์ตาของนกกระจอกเทศเป็นประกายทันที  สองเท้าตะกุยและหัวแบนเหมือนหอกยาวพุ่งใช้โจมตี
หลายปีของการทำลายล้าง  นกบรอนซ์โบราณก็ได้กลับมาใช้งานอีก
เป้าหมายคือ เหลาอี้
บรรยากาศที่เศร้าห่อหุ้มเหลาอี้ไว้
สีหน้าของหลินเว่ยพลันเปลี่ยนและรู้สึกใจตก  เหลาอี้หน้าซีดขาว  เขาตกใจกับท่าทีฝ่ายตรงข้าม และถูกตรึงไม่ให้พยายามหลบได้
ช่วงเวลานี้ มือขาวราวหิมะปรากฏอยู่ด้านหลังเหลาอี้โดยไม่มีการเตือนและดึงเขาให้หลบไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน
พอเห็นว่าพวกเขาเฉียดผ่านนกกระจอกเทศไป ถังเทียนคำรามเย็นชาและลอบชี้ไปที่ขาขวาของเขาที่เป็นกับงูพิษ
ฝ่ายตรงข้ามก็มีปฏิกิริยารวดเร็วใช้มือป้องกันขาของถังเทียนไว้
อย่างไรก็ตาม นางประมาทพลังขาของถังเทียน  พลังร่างกระเรียนคู่กับพลังโจมตีของนกกระจอกเทศ  พร้อมกับเสียงคราง เธอถูกส่งกระเด็นไปหาเหลาอี้
 “นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง”
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและนกกระจอกเทศเต้นไปมาก็หยุด  หลังจากสร้างรอยลึกบนพื้น  มันจึงเปลี่ยนตำแหน่งได้สำเร็จ  ขณะที่เด็กสาวประคองเหลาอี้  ทั้งสองคนอยู่บนพื้น
 “โห ว้าว โห! พวกเจ้าหลบไม่ได้หรอก!
ถังเทียนยังพูดไม่จบประโยค  แต่นกกระจอกเทศก็พุ่งตรงเข้าหาเด็กสาวและเหลาอี้ในอากาศแล้ว
หลินเว่ยค่อยรู้สึกตัวและใบหน้าเขามีอาการหงุดหงิด “ปาฝาน, จัดการเจ้านี่ให้ได้”
วิญญาณขุนพลที่แข็งแกร่งและน่ากลัวลอยอยู่ข้างๆ หลินเว่ยพลันลืมตาขึ้นทันที  เขางอเข่าเล็กน้อยและพุ่งออกมาหาถังเทียนราวกับกระสุนปืนใหญ่
วาบ
จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าปาฝาน
ปีศาจกรงเล็บยาวจ้องมองปาฝานอย่างเย็นชา
ปาฝานเป็นเหมือนภูเขาหินที่แข็งแกร่งมั่นคงและมีอันตรายใบหน้าไร้ความรู้สึก  ตรงกันข้ามกับปีศาจกรงเล็บยาว เมื่อเทียบแล้วผอมแห้งเหมือนไม้ขีดไฟและดูอมโรคคล้ายกับคนแก่อดอาหารใกล้ตาย
อย่างไรก็ตาม ปาฝานกลับย่นย่อเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง
หือ? หลินเว่ยประหลาดใจ  แต่แล้วเขากลับโมโหทันที “ปาฝาน,  เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นทำไม”
เด็กสาวที่ก่อนนั้นร่ำร้องต้องการนกใหญ่นามหัวหลิงเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม พอเห็นว่าสถานการณ์เลยเถิดถึงกับกลัวรีบสั่งขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอทันที “เฝินหวี่, เฝินหวี่รีบไปช่วยพี่หวี่ซี เร็วเข้า”
ขุนพลวิญญาณข้างตัวเธอเป็นสตรีแต่งตัวอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า พอลืมตาได้ก็ชักกระบี่และพุ่งเข้าหาถังเทียนเหมือนกับเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
ขณะนั้น ปิงดึงทวนยาวออกมาและชี้มาที่ขุนพลวิญญาณสตรีนั้น
ขุนพลวิญญาณสตรีชะงักค้างทันที
หวี่ซีเห็นถังเทียนพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามาหานางกลางอากาศด้วยความโกรธ จึงตะโกนว่า “หวังเตา”
ควั่บ, รังสีกระบี่แผ่อยู่ด้านบนถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นหนาแน่นบนศีรษะเขา  เส้นผมถึงกับลุกชัน เขาดึงศีรษะหลบทันที
ประกายรังสีกระบี่กวาดผ่านศีรษะเขาไป
ถังเทียนรีบควบคุมนกกระจอกเทศให้กระโดดหลบจากวิถีกระบี่ขุนพลวิญญาณที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่ที่มีกลิ่นอายอันตรายนั้น
เห็นได้ชัดว่าขุนวิญญาณนี้มีพลังไม่ธรรมดา...
 “ปาฝาน!  ตอนนี้ หลินเว่ยหงุดหงิด เนื่องจากปาฝานไม่กล้าจู่โจมทำร้ายศัตรู และภายใต้การพิเคราะห์ของคนอื่นๆ หลินเว่ยรู้สึกอับอายมากและเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธขนาดไหน
ตอนนี้ หวี่ซีพาเหลาอี้ลอบมาอยู่ข้างๆ หลินเว่ย นางลดเสียงกล่าว “สั่งให้ปาฝานกลับมาเดี๋ยวนี้”
 “สั่งให้กลับ?” หลินเว่ยอึ้งและมีสีหน้าตกตะลึง
 “เขาไม่ใช่คู่มือพวกนั้น”  หวี่ซีมีท่าทางกลัว แต่กลับคืนสู่ความสงบได้
 “ไม่ใช่คู่ต่อสู้?” หลินเว่ยรู้สึกเหลือเชื่อ “ไม่มีทาง! ปาฟานเป็นขุนพลระดับห้า!
 “อีกฝ่ายหนึ่งเป็นขุนพลวิญญาณระดับหก และดูเหมือนจะไม่ใช่ระดับหกธรรมดา” หวี่ซีลดเสียง “ข้าเกรงว่าคราวนี้ เราก่อกวนผิดคนเสียแล้ว”
ไม่ใช่ระดับหกธรรมดา.....
หลินเว่ยงง อุทานว่า “ไม่มีทาง”
 “หวังเตาบอกข้า” หวี่ซีพูดเบาๆ
คราวนี้หลินเว่ยเงียบ  ในบรรดาขุนพลวิญญาณของพวกเขา  หวังเตาของหวี่ซีแข็งแกร่งและเหนือชั้นที่สุด เป็นขุนพลวิญญาณระดับหก
ปีศาจกรงเล็บยาวเปลี่ยนความสนใจมาที่หวังเตาที่อยู่ใกล้ๆ และหวังเตาไม่อาจรักษาท่าทีสงบอยูได้  เขากำด้ามกระบี่แน่นราวกับเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่
ปีศาจกรงเล็บยาวเดิมทีมีปราณเที่ยงแท้ระดับเจ็ด  ดังนั้นแม้ว่าเขาจะใช้วิชาได้ระดับหกอันเป็นผลมาจากแก่นพลังวิญญาณ  แต่ระดับความเชี่ยวชาญวิชากรงเล็บของเขาเป็นสาเหตุให้มีความสามารถเหนือกว่าขุนพลวิญญาณระดับหกธรรมดามากนัก  ขุนพลวิญญาณมีความรู้สึกอ่อนไหวในหมู่พวกเขากันเอง  ดังนั้นปาฝานจึงผงะถอยเมื่อเผชิญกับปีศาจกรงเล็บ
ขุนพลวิญญาณเฝินหวี่ของหัวหลิงตกอยู่ใต้อิทธิพลของปิงไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ถังเทียนซึมเซาขณะเจ้ามองหวังเตาที่อยู่ในกลางอากาศ  สำหรับการโจมตีที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น คุกคามชีวิตของเขามาก  ถังเทียนสำนึกได้ว่า ความจริงแล้วเขาอ่อนที่สุดในที่นี่  นี่เป็นเหตุให้เขาอารมณ์เสียมาก  เนื่องจากเขาเกลียดความรู้สึกอ่อนแอและไร้กำลัง
ถังเทียนสลดใจจนสีหน้าหม่นหมอง
 “สหายของข้าทำให้คุณชายโกรธโดยไม่ได้ตั้งใจ  โปรดอภัยให้เธอด้วยเถอะ เพราะเธออายุยังน้อย”  หวี่ซีฝืนตนเองและพูดเสียงเบาๆ
 “พวกเจ้าย่ามใจเต็มที่ก่อนนั้นไม่ใช่เหรอ  ทำไมถึงกลายเป็นผู้เยาว์ที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดในตอนนี้เล่า?”  ถังเทียนแค่นเสียง
หลินเว่ยที่เป็นคนหัวแข็งกล่าวว่า “คุณชาย, แค่ยกโทษก็แล้วกันไป เจ้าคิดว่าเราจะถูกรังแกได้ง่ายๆ งั้นหรือ?”
ถังเทียนหัวเราะลั่น “ดูเหมือนพวกที่ข้าทะเลาะด้วยจะพูดคล้ายกันทุกคนเลยนะ”
หลินเว่ยโกรธ... “แก...”
หวี่ซีรั้งตัวหลินเว่ยไว้และหันหน้ามาทางถังเทียน “เนื่องจากมีเรื่องที่ผิดใจกันเกิดขึ้น  เราต้องการจบเรื่องทันทีทั้งหมด  ไม่ว่าคุณชายว่ายังไง เราจะปฏิบัติตาม”
สุภาพสตรีนี้ตรงไปตรงมา ถังเทียนจึงมีสีหน้าอ่อนลง  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่มีประสบการณ์ เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี  ดังนั้นเขาจึงกระซิบถามปิง “ลุงปิง! ลุงยุติปัญหาเช่นนี้ในอดีตยังไงกัน?”
 “อีกฝ่ายต้องกลายเป็นทาส หรือไม่ก็ไถ่ถอนตัวเอง” ปิงเสนอ
เป็นทาส? ถังเทียนสั่นศีรษะ  คนพวกนี้เคยใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย  ขอให้พวกเขาเป็นทาสมีแต่จะนำอันตรายมาให้เขาเอง  ไถ่ถอนตัวเองดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี  ดังนั้นถังเทียนจึงเงยหน้าประกาศว่า “เนื่องจากพวกเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ งั้นก็ไถ่ถอนตัวเอง  พวกเจ้าทุกคนมีสถานะและชื่อเสียง  ใครก็ตามที่ให้จำนวนที่น่าอนาถา  หึหึ อย่ามาตำหนิว่าข้าทำลายศักดิ์ของพวกเจ้าก็แล้วกัน”
หวี่ซีพยักหน้า “ตกลง”
นางหยิบถุงเล็กออกมาแล้วโยนให้ถังเทียน “แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า ข้าเชื่อว่าจำนวนเท่านี้น่าจะเหมาะสมพอแล้ว”
หัวใจถังเทียนแทบกระดอน  แก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้า นึกไม่ถึงเลยว่าสุภาพสตรีนี้จะรวยนัก
เหลาอี้และหลินเว่ยโยนถุงเงินให้เช่นกัน ในชั่วพริบตาที่ถังเทียนได้รับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก  หวีเป่าที่หลบอยู่ตรงมุมได้แต่มองอย่างอิจฉา  สำหรับมูลค่าแก่นพลังวิญญาณระดับห้าสูงกว่าแก่นพลังวิญญาณระดับสี่มากนัก รวมกับแก่นพลังวิญญาณระดับสิบห้าสามลูก รวมแล้วเป็นจำนวนเงินที่มากนัก
หัวหลิงนัยน์ตาแดงทำท่าจะร้องไห้ “ข้าไม่ได้เอาแก่นพลังวิญญาณของข้ามา”
อีกสามคนตกใจ เพราะพวกเขาไม่มีแก่นพลังวิญญาณพิเศษในพวกเขา
 “งั้นก็ใช้ของอื่นไถ่ถอน”  ถังเทียนเหลือบมองกระบี่ข้างตัวนาง “กระบี่ก็ดูเหมือนจะใช้ได้, ข้าจะเอากระบี่ก็แล้วกัน”
สีหน้าหัวหลิงหงุดหงิดด้วยความเจ็บปวด  แต่นางกัดฟันชักกระบี่ที่มีค่าออกมาและซัดใส่ถังเทียนเต็มกำลัง
ปิงมาปรากฏอยู่หน้าถังเทียนและรับกระบี่ที่มีค่าไว้ และถามอย่างเย็นชา “ข้าไม่ชอบเชลยที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่เหมาะสม  เจ้าไม่รู้ธรรมเนียมเสนอกระบี่อย่างเหมาะสมหรือ?”
เขาหมุนตัวและเดินไปข้างนกกระจอกเทศและแขวนกระบี่มีค่าไว้ข้างอาน
หัวหลิงร้องออกมาดังๆ และคนอื่นๆ พากันงงงวย
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหวี่ซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
 

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

สะใจครับ 555

Unknown กล่าวว่า...

ลุงปิงโชว์โหดแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น