ตอนที่ 75 กลุ่มโจรแพนด้า
“ฝึกพลังจิตวิญญาณ?”
ถังเทียนถูกคำพูดของปิงดึงดูดอีกครั้ง
“อืม” ลุงปิงระลึกถึงอดีตของเขาขณะตอบ
“วิทยายุทธเดี๋ยวนี้กับตอนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่จิตวิญญาณพลังยุทธกลับคล้ายๆ กัน เมื่อเราเรียนรู้จิตวิญญาณพลังยุทธ เราพบว่าความจริงแล้วพลังงานก็มีลักษณะเฉพาะตน
ตอนแรกจะซ่อนอยู่ลึกในใจมนุษย์และมีสภาพอ่อนมาก
ขณะที่นักสู้เริ่มฝึกพลังเที่ยงแท้
พลังเที่ยงแท้จะไหลโคจรอยู่ภายในกายและจะค่อยๆ ปลุกจิตวิญญาณพลังยุทธขึ้นมา
เมื่อพลังเที่ยงแท้ของนักสู้พัฒนาถึงระดับที่สี่
บังเอิญว่าเป็นจุดวิกฤติที่ทำให้มันตื่นขึ้นเต็มที่และเริ่มแก่กล้ายิ่งขึ้น ไม่มีผู้ใดค้นพบความลับของจิตวิญญาณพลังยุทธในรุ่นที่ข้ามีชีวิตอยู่ ตอนนี้
ดูเหมือนว่าในคนรุ่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดพบเช่นกัน
บางคนจึงคิดว่าเป็นลักษณะเฉพาะของพลังงาน
ขณะที่บางคนเรียกว่าสำนึกที่สอง
สำหรับทฤษฎีที่ซับซ้อนของมัน
จิตวิญญาณพลังยุทธมีวิธีการที่ซับซ้อนมากกว่าพลังปราณเที่ยงแท้”
ถังเทียนฟังด้วยความเข้าใจครึ่งเดียว
เนื้อหาเหล่านี้ลึกซึ้งเกินไปสำหรับเขา
ลุงปิงยังคงอธิบายต่อไป
“แม้ว่าจะไม่มีความชัดเจนว่าลักษณะโดยธรรมชาติของจิตวิญญาณพลังยุทธคืออะไร การค้นคว้าของเราก็ไม่ถึงกับสูญเปล่า
มีปัจจัยสำคัญสองประการสำหรับจิตวิญญาณพลังยุทธ
ประการแรก ระดับความเข้มข้นขององค์ประกอบ
ประการที่สอง ระดับของความบริสุทธิ์ พลังจิตวิญญาณพลังยุทธทั้งหมด ไม่ว่าจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตาม
ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องขององค์ประกอบและความบริสุทธิ์ ระดับขององค์ประกอบของจิตวิญญาณพลังยุทธและระดับความบริสุทธิ์ของมันจะมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดมาก ทั้งสองเติบโตควบคู่กันและมีความพิเศษมาก ถ้านักสู้ผู้แข็งแกร่งเผชิญกับสภาวะคอขวด
เขาก็ต้องเพิ่มระดับความบริสุทธิ์ให้กับจิตวิญญาณพลังยุทธให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกัน เมื่อระดับความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น
ระดับของจิตวิญญาณพลังยุทธก็จะไปเผชิญกับสภาวะคอขวดอีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้น
เขาคงต้องเพิ่มระดับขององค์ประกอบของจิตวิญญาณพลังยุทธอีกมากเพื่อให้มีความก้าวหน้าได้อีกต่อไป”
“จิตวิญญาณพลังยุทธทรงพลังมากนักหรือ?”
ถังเทียนไม่เข้าใจเต็มที่
“นอกจากใช้ทำการ์ดขุนพลวิญญาณแล้ว
ยังใช้ทำอย่างอื่นได้อีกไหม?”
“แน่นอนว่ามันทรงพลัง”
น้ำเสียงของลุงปิงเข้มยิ่งขึ้น
“เจ้าจะได้รู้ในอนาคต พลังเที่ยงแท้ระดับต่ำที่สุดถูกควบคุมโดยแผ่นดินใต้แผ่นฟ้า
ขณะที่ปราณเที่ยงแท้ระดับสูงจะถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณพลังยุทธ”
“มันต้องสูงส่งขนาดไหนกันแน่?”
ถังเทียนถาม
“ระดับสิบและที่สูงกว่านั้น”
ปิงตอบตามปกติ
หน้าถังเทียนห่อเหี่ยว “นั่นยังไกลไปนิด...”
ปิงทำหน้ารังเกียจ “เพียงแค่นี้
เจ้าก็บอกว่าไกลเกินไปเสียแล้วหรือ? พ่อหนุ่มชาวฟ้า, เจ้ากลัวหรือ?”
ถังเทียนกระโดดผางและถลึงตามองด้วยความโกรธ “เฮ้, ลุง, อย่าพูดซี้ซัวะนะ ระดับสิบสำหรับหนุ่มชาวฟ้าจะแค่ไหนกันเชียว?
ฮึ่ม, ทั้งหมดนั้นเป็นแค่เป้าหมายของหนุ่มชาวฟ้าเท่านั้น ฮ่าฮ่า.. สั่นเลยนะ, ลุง”
“เจ้าเด็กนิสัยเสียระดับสี่น่ะสิ
ทั้งบ้า, หยิ่ง แต่ก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ” ปิงถากถาง
“เฮ้, เฮ้, ข้าอยากซ้อมมือกับท่านเสียแล้ว มาเลย ลุง,
เดี๋ยวได้สั่นกลัวภายใต้เงาของหนุ่มชาวฟ้าแน่”
ถังเทียนโมโหจนหน้าแดง พลางชี้มาที่ปิง
ปิงไม่สนใจคำท้าทายของถังเทียน “พูดถึงรอยแตกพลังงานแล้ว
มันสามารถใช้ฝึกพลังจิตวิญญาณและยังเป็นที่รู้กันว่าใช้ทรมานได้ เนื่องจากในยุคของเรา มีเพียงทหารใหม่ที่กล้าหาญที่สุดถึงจะได้ใช้รอยแตกพลังงานมาใช้ฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธ โอว ตอนนี้ข้าจำได้แล้ว เสียงร้องโหยหวนในอากาศดังขนาดไหน จุ๊ จุ๊
ข้าจำได้แล้วเมื่อข้าเข้ามาในค่ายครั้งแรก
มีผู้มีจิตวิญญาณกล้าหาญเพียงห้าคนที่กล้าทำเช่นนั้น”
ถังเทียนครางด้วยท่าทีดูถูก “เห็นได้ชัดว่าลุงไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกนั้น”
ปิงเหลือกตา น้ำเสียงยังสงบเยือกเย็น
แต่เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของถังเทียน
“เสียใจด้วย เจ้าเดาผิด
ข้าเป็นหนึ่งในพวกเขาจริงๆ”
ถังเทียนชะงักแต่แล้วก็หัวเราะอย่างไม่เชื่อถือ “ลุงต้องโม้แน่
ความจริงไม่มีอะไรที่น่ากลัวนักเกี่ยวกับการฝึกพลังจิตวิญญาณ”
“เฮ้, เจ้าลองดูก็ได้นี่
พ่อหนุ่มชาวฟ้า, เจ้ากล้ารับคำท้าทายนี้ไหมเล่า?” ปิงเงยหน้าขึ้นและรำพึง “ตอนนั้นข้าแข็งใจทนอยู่ได้สองชั่วโมง นี่คือโอกาสที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้โดยตรง แต่การลองนี้มันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงนะ
พ่อหนุ่มชาวฟ้า...”
ถังเทียนหน้าเขียวคล้ำเป็นก้นกระทะ เขากัดฟันกล่าว “ข้าจะทำให้ลุงยอมรับเดี๋ยวนี้แหละ”
“หึหึ ทุกครั้งที่คู่แข่งจะเริ่มแข่ง
พวกเขาก็ปากดีอย่างนี้แหละ”
ปิงยังคงเยาะเย้ยต่อไป “ไอ้หนุ่มชาวฟ้า
อย่ายอมแพ้ก่อนยี่สิบนาทีเชียวนะ
ไม่งั้นขายขี้หน้าตาย”
หน้าของถังเทียนยิ่งเขียวคล้ำกว่าเดิม
“ลุงภาวนาให้ข้าไม่ชนะจะดีกว่า ฮ่าฮ่า แค่คิดว่าลุงจะต้องคร่ำครวญที่เห็นข้าได้ชัยชนะ
นั่นทำให้ข้ารู้สึกดีแล้ว”
“นี่คือการฝึกซ้อมที่คาดหวังเต็มรูปแบบ”
ปิงพยักหน้า “แต่พอเริ่มฝึกซ้อมนี้แล้ว เราจำเป็นต้องไปหาเซรีนกัน”
“ทำไมเราต้องไปหาเธอเล่า?”
ถังเทียนยิ้มมีเลศนัย “กลัวด้วยเหรอ ลุงปิง”
“เฮ้อ. เนื่องจากต้องการให้การแข่งขันตรงไปตรงมา อย่างนั้นก็ต้องเพิ่มความยุติธรรมขึ้นอีก” แสงของปิงจางไปจากใบหน้าปิง “ อุปกรณ์ฝึกจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่น่ากลัว ทหารใหม่ทุกคนจะต้องหน้าถอดสีเมื่อได้ยินเรื่องนี้”
ถังเทียนมองด้วยอาการเหยียดหยาม “ดูเหมือนว่ากองทัพของลุงจะอ่อนแอกว่าหนุ่มชาวฟ้าอยู่นะ!
กองทัพดาวกางเขนใต้ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
ปิงหันมาจ้องหน้าถังเทียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ถังเทียนไม่ยอมเสียเปรียบ
เขาจ้องหน้าปิงกลับ
ทั้งสองต่างก็ถลึงตาใส่กันด้วยความโกรธ
“หนุ่มน้อย อย่าเสียใจก็แล้วกัน
รสชาติอยู่ก็เหมือนตายจะสร้างความทรงจำที่งดงามและประทับใจที่สุดไปตลอดชีวิตของเจ้า” น้ำเสียงซึมเศร้าเปล่งมาจากใบหน้าที่ว่างเปล่าส่งผลให้ความเยือกเย็นแล่นไปตามสันหลัง
“ฮึ, ลุง, ลุงจะขู่ให้ข้ากลัวตอนนี้เหรอ?
ข้าขอบอกลุงไว้เลย
สายเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้ว ข้าจะทำให้ลุงยอมรับให้ได้” ถังเทียนปั้นหน้าถมึงทึง
“เนื่องจากเจ้าต้องการหาที่ตาย
ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า” ปิงลุกขึ้นยืน
เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
“รอคำนับเทิดทูนหนุ่มน้อยชาวฟ้าคนนี้ให้ดีก็แล้วกัน” ถังเทียนตะโกน พลางล้วงมือในกระเป๋า
หนึ่งคนและหนึ่งวิญญาณจึงเข้าไปยังเมืองสามวิญญาณอีกครั้ง
“เจ้าไปหาเซรีนและมอบสิ่งนี้ให้เธอ”
ปิงมอบแผ่นพิมพ์เขียวให้ถังเทียน “ข้าจะไปหาซื้อวัสดุบางอย่าง”
“ลุง, อย่าหนีไปก่อนการสู้จะเริ่มขึ้นดีกว่า”
ถังเทียนมองดูพิมพ์เขียวแล้วตะโกน
“หนีเหรอ? ความจริงข้ากำลังเดินหน้า
เพื่อจะได้ดูสีหน้าที่เจ็บปวดของเจ้า”
รังสีอำมหิตคลุมเต็มร่างปิง
หนึ่งมนุษย์หนึ่งวิญญาณมองหน้ากัน ก่อนที่ต่างคนต่างเย้ยหยันใส่กันและหมุนตัวเดินแยกจากไป
ถังเทียนมีสีหน้าดำคร่ำเครียด ขี่นกกระจอกเทศกลวิ่งโขยกไปตามถนนอย่างอารมณ์ไม่ดี
ตรงไปที่ร้านขายการ์ดเซรีน
※※※※※※※※
ในคลังสินค้า เซรีนถูกคนสามคนล้อมเอาไว้ ทุกที่ยุ่งเหยิง
บนพื้นเต็มไปด้วยจักรกลหักพังทุกอย่าง
“ความจริงมันน่าสนุกนะที่ได้เห็นอุบัติเหตุนี้ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณเซรีน
นอกจากเป็นมือดีทางด้านเครื่องกลแล้ว ยังมีความงดงามอีกด้วย
ช่างทำให้ผู้คนน้ำลายหกนัก อกขนาดนั้นเหมาะมือข้าว่าคัพ-D กระมัง?”
หนึ่งในบุรุษนั้นน้ำลายหกนัยน์ตาหื่นกระหาย เขาสวมหมวกฟาง
อยู่ในชุดคลุมทอด้วยขนสัตว์สีเทาหุ่นรูปร่างสูงใหญ่ในปากคาบหญ้าฟาง
“คัพ-C”
บุรุษผอมสวมแว่นตาสีขาวอยู่ในชุดคลุมขนสัตว์สีดำ
หรี่นัยน์ตามองและพูดด้วยเสียงต่ำ
“นัยน์ตาแกเป็นอะไรไปแล้ว
เหล่าเฮย! เด็กหนุ่มร่างอ้วนสวมชุดขนสัตว์ขาวล้อเลียนอย่างช่วยไม่ได้ “ต้องเป็นคัพ-E แน่นอน
แต่ แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ
เธอมีขาเรียวงาม สุดยอด งดงามจริงๆ ขาวเรียบราวหิมะ ขนาดรูปร่างก็สมบูรณ์แบบ
ทั้งอกองค์เอวดูยั่วยวนดี หน้าตาก็ดูอ่อนโยนดี ว้าว ว้าว ว้าว คุณภาพสุดยอด สุดยอดจริงๆ”
คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มหันหน้ามาพูด “คำพูดของเหล่าไป๋
ข้าจำคลับคล้ายว่าเขาก็พูดทำนองนี้ แต่ว่าตั้งแต่ที่ไหนนะ?”
เหล่าเฮยพูดเสียงเย็นชา “ก็ขาหมูไงเล่า! ก็จากเมื่อคืนวานซืนไงเล่า”
หัวหน้ากลุ่มจำได้ทันที “ข้าจำได้แล้ว แม่งเอ๊ย! เหล่าไป๋ซัดไปเจ็ดขา ส่วนข้าแทะได้ขาเดียวเอง”
เหล่าเฮย “สอง”
เซรีนมองดูสามคนอย่างเย็นชา เธอยืนกอดอกเยาะเย้ย “กลุ่มโจรแพนด้าที่ลือชื่อเห็นอะไรในตัวข้าหรือ? รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ แพนด้าบุปผา,
แพนด้าดำและแพนด้าขาว”
แพนด้าขาวปรบมืออวบหนาและยิ้ม “ถ้าเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติ
อย่างนั้นก็มากับเราเถอะ”
“ข้าไม่ต้องการไปไหนทั้งนั้น” เซรีนส่ายหน้า
แพนด้าบุปผาหยีนัยน์ตา เขาพูดช้าเหมือนกับโจรแต่ด้วยท่าทางดุร้าย “ทำไม? เจ้าสร้างรายได้จากร้านเล็กๆ
อย่างนี้ได้มากแค่ไหน? เราจะซื้อมันซะ และเจ้าแค่ตามเรามา เจ้าจะได้กินและดื่ม ตอนนี้เราขาดแคลนช่างกล นอกจากนี้ เจ้าก็งดงามมาก ขณะที่ข้ายังโสด เห็นไหมว่าเราเข้ากันได้ดีขนาดไหน?”
แพนด้าดำหน้าเฉยชา แต่กลิ่นอายของเขาเพิ่มขึ้นรุนแรง
แพนด้าขาวยิ้มและเดินตรงมา
เซรีนมองอย่างใจเย็น แต่ในใจของเธอกำลังตื่นเต้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มโจรแพนด้า กลุ่มโจรแพนด้าโหดร้ายเลวทราม วิธีการของพวกมันป่าเถื่อนรุนแรง เครื่องจักรที่แยกชิ้นส่วนอาวุธไว้ถูกพวกมันเก็บกวาดไป
แย่จริง!
ทำไมไม่มีใครมาที่นี่เลย?
เซรีนกังวล เธอเสียใจที่มาเปิดร้านในสถานที่เปลี่ยว
แพนด้าบุปผามองเห็นความคิดของของเซรีนจึงหัวเราะเบาๆ “ไม่มีใครเข้ามาได้หรอก
เราแขวนป้ายว่าร้านปิดไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเจ้ายอมแพ้เสียดีกว่า
ถ้าเราจะเอาตัวเจ้าไป อีกสองคนก็จะดูต้นทางรอบๆ ให้ ข้าจะได้สนิทสนมกับแม่นางเซรีนได้ง่ายๆ ไงเล่า”
เซรีนสีหน้าเปลี่ยนไป
แพนด้าบุปผาเริ่มพับแขนเสื้อ
ด้วยท่าทีลามก
ทันใดนั้นพื้นเริ่มสั่นสะเทือน
ทั้งสามคนเตรียมระวังป้องกันทันที เซรีนมีประกายตาเปลี่ยนแปลง
เธอกรีดร้องโดยไม่ลังเลใจ “ช่วยด้วย”
สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แพนด้าบุปผาต่อยหมัดใส่เซรีน
บึ้ม!
ห้องเก็บสินค้าด้านหลังทั้งสามคนระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
Tang Tian rode on his Bronze Mechanic
Ostrich like an ancient knight. With each step, a
ถังเทียนขี่นกกระจอกเทศกลเหมือนกับอัศวินโบราณ แต่ละย่างก้าวเสียงดังนั่นและพื้นสะเทือน
หัวของนกกระจอกเทศยกระดับ เหมือนกับอัศวินกำลังเตรียมใช้ทวนยาว
เสียงหวีดหวิวเต็มท้องฟ้าเหมือนพายุฝนสาดเทลงพื้นหิน
นกกระจอกเทศกลชั้นบรอนซ์ขับขี่โดยถังเทียนพุ่งมาข้างหน้าด้วยกำลังที่ดุร้าย
แพนด้าบุปผาที่อยู่ในกลางอากาศสีหน้าเปลี่ยน จากด้านหลังของเขา
เขาได้ยินเสียงหวีดหวิวที่ทำให้ผมเขาตั้งชัน
โดยไม่สนใจเซรีน เขาย่อตัวและกระตุ้นพลังปราณเที่ยงแท้ก่อนที่จะต่อยหมัดไปด้านหลัง
ปัง!
พลังน่าหวาดหวั่นทำให้เขารู้สึกลำคอหวานวูบ หมัดของเขาเจ็บปวดและเขารู้ว่ากระดูกแตกหัก ขณะที่ประหลาดใจ
เขายืมพลังน่ากลัวและพุ่งหลบไปด้านข้าง
หุ่นนกกระจอกเทศบรอนซ์ที่หนักและมั่นคงไถลตามพื้นหินจนประกายไฟที่เท้ามันสองลูก
เขาใช้แขนที่แข็งแรงข้างหนึ่งยันเอวไว้
ดูเหมือนเขากระโจนขึ้นไปร่อนในอากาศเป็นวงกลมและควบคุมลมได้ ความตกใจและความกลัวหายไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเอง เซรีนรู้สึกกังวลใจมาก
5 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
พระเอกขี่นกมาช่วยแล้ว
แสดงความคิดเห็น