ตอนที่ 77 พัฒนาการในภูมิภาควิญญาณ
สีหน้าของถังเทียนขาวซีด ขณะที่เขาเดินเข้าไปในร้านขายการ์ดทั้งที่ตัวยังงอ โจรแพนด้าทั้งสามถูกมัดตัวท่อนบน แขนไพล่หลังและเชือกมัดรอบคอร้อยเข้ากับพลองทองแดงสีเหลืองของแพนด้าขาว
เมื่อเห็นบุรุษทั้งสามคนนี้
เซรีนยิ่งโกรธหนัก
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าบัดซบสามคนนี้
วันนี้เราคงไม่ต้องเสียหน้าอย่างนั้น
เราคงไม่ต้อง...
เซรีนเดินจ้ำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ยกรองเท้าส้นสูงและย่ำบนหลังเท้าของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ปุ ปุ ปุ
พลังของรองเท้าส้นสูงในตอนนี้ถูกปลดปล่อยใส่พวกเขาอย่างเต็มที่
หน้าของเขาเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ถูกลวกในหม้อลวกและใช้ตะเกียบกวนเป็นวงเข้าด้วยกัน
“พวกแกทั้งสามคนตั้งใจจะทำร้ายข้า”
เซรีนเชิดหน้าและดูภาคภูมิใจในหน้าตาของเธอ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“โชคของพวกแกยังไม่เลวนะ
ถ้าข้ามีเรื่องโชคร้ายไม่คาดคิดเกิดขึ้น
พวกแกทั้งสามคงได้เสียใจที่เกิดมาในโลกนี้แน่”
พอได้ยินคำพูดเธอ
ถังเทียนถอยกรูดทันที
ผู้หญิงบ้านี่ไร้เหตุผลเสียจริง
อยู่ห่างๆ เธอไว้จะดีกว่า
“เจ้าตั้งใจจะทำยังไงกับพวกเขา?”
ลุงปิงถามถังเทียน
ถังเทียนอึ้ง
จะทำยังไงกับพวกเขาดี? ฆ่าพวกเขาหรือ? ถ้าพวกเขาอยู่ในระหว่างต่อสู้
ถังเทียนก็สามารถทำได้
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพอย่างนี้
ถังเทียนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำได้
เซรีนเหลือบมองถังเทียน
พอเห็นว่าถังเทียนไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง
เธอพูดทันทีว่า “ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
ถังเทียนผงกหัว “ก็ดีเหมือนกัน”
ในที่สุดโจรแพนด้าทั้งสามก็จะถูกส่งมอบไปพ้นตัวเสียที
หัวใจถังเทียนรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสามคนถูกส่งมอบให้กับผู้หญิงที่น่ากลัว สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คงแย่ยิ่งกว่าตายแน่นอน
เป็นไปตามคาด สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไป นัยน์ตาของแพนด้าบุปผาปรากฏแววกลัว
ถึงพ่นคำสบถออกมา “นังผู้หญิงสกปรก
มาให้อาวุธกับตาแก่ผู้นี้อย่างตรงไปตรงมาดีกว่า”
เซรีนหัวเราะเย็นชา
“พวกแกช่างไร้เดียงสาเหลือเกินนะ”
พอได้ยินเช่นนี้ ถังเทียนตัวสั่น
หน้าของเขาไม่เปลี่ยน แต่เท้าขยับออกไปสองก้าวเพื่อเพิ่มระยะห่าง
“ทำไมพวกเจ้าทั้งสองมาหาข้าอีกล่ะ?”
เซรีนไม่สนใจทั้งสามคนและหันมาคุยกับถังเทียนและปิง
ถังเทียนมอบพิมพ์เขียวที่ปิงมอบให้เขา
“ลุงปิงถามเจ้าว่า เจ้าสามารถทำสิ่งนี้ได้ไหม?”
เซรีนรับพิมพ์เขียวมา พอมองดูก็ถูกภาพนั้นดึงดูดทันที สายตาของเธอไม่อาจละวางออกจากภาพในกระดาษได้
“อุปกรณ์สำหรับฝึกพลังจิตวิญญาณ... พูดถึงอุปกรณ์ฝึกพลังจิตวิญญาณในตำนาน..
มันมีโครงสร้างแปลกและแยบยลมาก!
เต็มไปด้วยพลัง
คาดว่าสิ่งนี้ออกแบบโดยอัจฉริยะแน่..”
“เขาชื่ออังเดร” ลุงปิงพูด
“อังเดร?” เซรีนเงยหน้าขึ้น
เธอขมวดคิ้วและคิดลึกอยู่นาน ก่อนที่จะสั่นศีรษะ “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้”
“เขาไม่ได้มีชื่อเสียงเกียรติยศแต่อย่างใด
แต่เป็นนักเครื่องกลที่โดดเด่น
ช่างเครื่องกลหมายเลขห้าแห่งกองทัพดาวกางเขนใต้” ลุงปิงเหม่อมองพูด
“เป็นไปตามคาด เขาเป็นช่างเครื่องกลในยุคทองแห่งการออกแบบ นี่คือแบบอัจฉริยะ
สามารถปรากฏอยู่ในช่วงเวลานั้นเท่านั้น” เซรีนรำพึงกับตัวเอง “ตรงนี้ พอคิดดูแล้ว โอว ข้าเข้าใจแล้ว มันใช้ถึงแปดวงจรที่ได้แก้ไขแล้ว พระเจ้า
ยุคโบราณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังวิญญาณนักสู้แล้วหรือนี่ นี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
“เจ้าทำได้ไหม?” เสียงแข็งๆ ของปิงดังออกมา
“อย่าดูถูกข้านะ”
เซรีนเงยหน้าและรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
ตาของเธอฉายแววภูมิใจ “แม้ว่าอัจฉริยะเครื่องกลในยุคนั้นจะน่าเทิดทูนบูชา
แต่เกี่ยวกับความรู้กลศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ข้าไม่ยอมแพ้พวกเขาแน่”
หน้าของเซรีนยิ่งสงบขึ้น “ขอเวลาให้ข้าสักระยะ”
เธอรีบล้วงชิ้นกระดาษออก และเขียนลงไป
หลังจากนั้นเธอก็ยื่นกระดาษให้ถังเทียน “ข้าต้องการวัสดุตามรายการนี้”
ถังเทียนส่งรายการให้ปิง
ปิงเหลือบมองดู และผงกศีรษะ “ข้าจะเตรียมของบางอย่างให้เรียบร้อย”
ด้วยของแค่นั้น เขาดำเนินการหามาให้ได้แน่
เซรีนตรวจสอบวัสดุ แล้วมองปิงด้วยความประหลาดใจ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบเจอขุนพลวิญญาณที่มีประสบการณ์เครื่องกล”
ปิงยังคงเฉยๆ “มาตรฐานของข้าก็ยังงั้นๆ”
“วัสดุที่นี่ก็มีไม่มากไม่น้อยเกิน แต่ข้ายังขาดวัสดุสำคัญสองอย่าง
หนึ่งในนั้นก็คือแก่นพลังวิญญาณของภูตอสูรระดับสี่ที่มีพลังสองธาตุคือ
น้ำกับดิน และอีกอย่างก็คือหยกเหล็กวิญญาณ
หลังจากฟังเธอพูดแล้ว น้ำเสียงของปิงกลับคืนเป็นปกติ “มาตรฐานของเจ้าดีมาก
พรุ่งนี้ราวๆ เวลานี้
เราจะเอาวัสดุทั้งสองมาให้
“ดี! อย่างนั้นข้าจะเริ่มทำงานในส่วนแรกไปพลางก่อน” ตาของเซรีนเป็นประกายตื่นเต้นและคลั่งไคล้
เป็นราวกับเธอเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
ทั่วทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจที่น่ากลัว ความเฉื่อยชาและความเกียจคร้านก่อนนั้นหายไปทันที
“เชลยสามคนนี้
เจ้าแน่ใจนะว่าไม่จำเป็นต้องให้เราช่วยจัดการ?” ปิงถามขณะเขาเดินออกนอกประตู
“รีบๆ ไปหาของที่ต้องการเถอะน่า” เซรีนเริ่มทำงานแล้ว “ข้าเตรียมของเล็กๆ
น้อยๆ ไว้ให้พวกเขาแล้ว รับรองพวกเขาได้สนุกกับมันแน่”
ปิงไม่พูดอะไรอีก และเดินออกมาพร้อมกับถังเทียน
ทันทีที่ก้าวออกมา
ถังทียนระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก
“ผู้หญิงคนนี้ น่ากลัวจริงๆ”
“น่ากลัว?” ปิงสับสน แต่เขารีบถามถังเทียนโดยเร็ว “อาการบาดเจ็บของเจ้ารุนแรงหรือเปล่า?”
ถังเทียนชะงักค้าง
แต่พอรู้สึกตัวก็รีบตอบทันที “อ๊ะ, ไม่มีปัญหา!”
ถังเทียนรู้สึกหวาดมากและรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “ปิง,
เราจะไปหาแก่นพลังวิญญาณและหยกเหล็กวิญญาณได้ที่ไหน?”
“ที่พื้นที่ล่าวิญญาณ” ปิงกล่าว
“พื้นที่ล่าวิญญาณ?”
เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้ยินชื่อเช่นนั้น
“อืม, ข้าเคยเห็นหนังสือสองสามเล่มเกี่ยวกับพื้นที่ล่าวิญญาณ
และในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ปิงอธิบายขณะเดิน “ช่วงราวๆ ต่อจากยุคราชวงศ์สกอร์เปียน
ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว และยิ่งทางเข้าถูกพบมากขึ้น ก็ยิ่งนำคนเข้าไปในนั้นมากขึ้น
ตำหนักพลังจิตวิญญาณยุทธมีสิ่งที่ไม่เคยพบและไม่รู้จักอีกมากมาย ทั้งหมดจึงถูกเปิดเผยออกมา ตอนนี้ภูมิภาควิญญาณ
เมื่อเทียบกับตำหนักพลังจิตวิญญาณยุทธในยุคข้า ก็น่าจะใหญ่กว่าราวๆ สิบเท่า
ถังเทียนฟังอย่างตั้งใจ
เนื่องจากมีพลังงานมากมายในเศษหักพังของพลังวิญญาณยุทธโบราณ
จึงมีประโยชน์มากในการฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธ ในเวลาอันรวดเร็ว
พื้นที่จิตวิญญาณกลายเป็นสถานที่คึกคัก มนุษย์แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนบ่อยถี่เข้า จึงมีสัญญาณของการตั้งเมือง แต่เนื่องจากเป็นสถานที่มีเศษพลังวิญญาณยุทธแตกพังมากเกินไป
และสามารถปล่อยพลังออกมาได้ทุกเวลา มันจึงเต็มไปด้วยอันตราย
ดังนั้นภูมิภาคนี้จึงไม่เหมาะกับการตั้งเมืองน้อยเมืองใหญ่ มันกลายเป็นเขตที่แยกออกไป
และกลายเป็นภูมิภาคล่าวิญญาณ”
“ทำไมเศษวิญญาณพลังยุทธจึงออกมาเรื่อยเล่า?”
ถังเทียนอดถามไม่ได้
“เราพบปัญหานี้แล้วตั้งในอดีต” ปิงพูดอย่างลึกซึ้ง “แม้ว่าจะไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ก็ตาม แต่เราคาดเดาไว้ไม่กี่ประเด็น
บางคนเดาว่าข้างล่างตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธเป็นสุสานโบราณ ในยุคดึกดำบรรพ์ยิ่งกว่า คงมีประเพณีการฝังศพ ที่เมื่อกษัตริย์ถูกฝัง ขุนพลวิญญาณหลายตนก็เลือกที่จะตามไปด้วย วิธีนี้ดูเหมือนพวกเขาจะหยิ่งยโส แต่ตรงกันข้าม
ในช่วงเวลานั้นคงแพร่หลายกันมากและขุนพลวิญญาณรู้สึกเป็นเกียรติ แต่เราไม่ต้องคิดเรื่องนั้น
ภูมิภาควิญญาณใหญ่โตมาก
ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ข้าอาจจะเดาผิด”
“โบราณดึกดำบรรพ์...” สีหน้าถังเทียนงงงวย
ยุคของปิง เขารู้สึกว่าก็โบราณมากแล้ว
แต่ยังมีเก่าแก่และโบราณมากว่ายุคของปิง ทำให้ถังเทียนรู้สึกปวดหัวยิ่งขึ้น
“มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในที่นี้” น้ำเสียงของปิงแฝงแววเสียใจ “ทะเลสีครามเปลี่ยนเป็นทุ่งหม่อน
ข้าไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนจนมีภูมิภาคล่าวิญญาณ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดไปจากความทรงจำข้ามาก
อย่างนั้นข้าจะรู้ว่าแก่นพลังวิญญาณธาตุน้ำและดิน
และหยกเหล็กวิญญาณจะหาพบได้ที่ใด”
ถังเทียนตามปิงและเดินออกไปจากเมืองสามวิญญาณ
ทันทีที่พวกเขาออกจากเมืองสามวิญญาณ ภาพมุมมองก็ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ที่ทั้งหมดรกร้างเงียบสงัด
บางครั้งก็มีต้นไม้ยืนตายซากให้เห็นเป็นระยะๆ
เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในสถานที่รกร้างอย่างนี้
“ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณพลังยุทธต้องอาศัยปัจจัยสองอย่างคือ
ความเข้มข้นและความบริสุทธิ์ สำหรับกลืนกินจิตวิญญาณพลังยุทธเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
ตรงที่สุดในการเพิ่มความเข้มข้น
แต่วิธีการนี้ก็ยังมีผลข้างเคียง
ซึ่งก็คือมันจะเป็นเหตุให้จิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้ามีความแตกต่างไม่เข้ากันมากขึ้น ยิ่งเจ้ากลืนกินไปมาก ก็ยิ่งมีความแตกต่าง
และนั่นจึงเป็นเหตุให้อุปกรณ์ฝึกพลังจิตวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อุปกรณ์ฝึกพลังจิตวิญญาณสามารถช่วยชำระพลังจิตวิญญาณอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังไม่มีผลข้างเคียงที่เจ็บปวดอีกด้วย”
คำอธิบายของปิงมักชักนำให้ถังเทียนรู้สึกว่า เขารู้ในรายละเอียด
และรอบรู้ในหลายๆ เรื่อง
“ข้าไม่รู้ว่าภูมิภาควิญญาณอื่นเป็นเหมือนอะไร แต่ตำหนักพลังวิญญาณยุทธก่อนนั้นไม่มีกลางวันและกลางคืน
เป็นสถานที่พิเศษ ที่นี่มักจะมืดมนเสมอ
ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธมีพืชพันธุ์ขึ้นหนาแน่น เนื่องจากไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตและพลังวิญญาณยุทธโบราณก็ดุร้ายมาก
สถานที่แห่งนี้ แต่ก่อนนี้รู้กันดีว่าเต็มไปด้วยแผ่นหินแข็ง
จึงทำให้คนเข้าใจและคิดไปว่ามีสุสานอยู่ข้างใต้” ปิงลอยตัวไปพูดไป “มันกลายเป็นที่ใหญ่จริงๆ ตามที่คาดไว้ ที่นี่อาจจะพาให้เจ้าไปพบจิตวิญญาณพลังยุทธมากมาย”
“จิตวิญญาณพลังยุทธโบราณดูเหมือนอะไร?”
ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
ความจริง เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าโลกจะมีสถานที่แปลกๆ อย่างนี้
และเมืองสามวิญญาณทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตา
เขาไม่มั่นใจว่าเชียนฮุ่ยเคยมาภูมิภาควิญญาณนี้มาก่อนหรือไม่
ไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้ไหมที่จะพบเชียนฮุ่ยในภูมิภาคจิตวิญญาณเช่นนี้ แต่จากสิ่งที่ลุงปิงพูด มีทางเข้าสู่ภูมิภาควิญญาณนี้มากมาย
เมื่อมีเวลา ข้าจะลองถามว่ามีทางเข้าสู่ภูมิภาคจิตวิญญาณที่ดาวสายรุ้งแห่งหมู่ดาวเพอร์ซูสดู
เฮ้, ถ้าเมืองสามวิญญาณมีทางเข้าอื่น
ก็หมายความว่าเราสามารถออกไปจากภูมิภาควิญญาณโดยตรงได้ไม่ใช่เหรอ?
ทันใดนั้นถังเทียนเริ่มมีความคิดเรื่อยเปื่อยทันที
“เจ้าจะรู้ได้ในไม่ช้า” ลุงปิงพูด
“มีสถานที่แปลกประหลาดเกินจินตนาการมากมายในจักรวาล มีภูตอสูรดวงดาวบางตัวสามารถดูดซับเศษวิญญาณพลังยุทธได้และกลายเป็นทรงพลังและไร้เหตุผล ภูตอสูรดวงดาวของภูมิภาควิญญาณ
จะมีพลังมากกว่าภูตอสูรด้านนอก
เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
“ได้เลย”
ถังเทียนตอบโดยไม่ต้องคิด
ใจของเขาไม่อยู่กับตัว
ความจริงว่าเขาต้องอยู่ต่ออีกมากกว่าสองสามเดือนทำให้เขาแผนเดิมของเขาเสียไปและทำให้เขาไม่สบายใจ เขาคิดว่าจะไปพบเชียนฮุ่ยได้เร็วๆ
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะต้องล่าช้าออกไปอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ของหนุ่มน้อยไม่ค่อยสดใสนัก
ถังเทียนเองก็ทราบชัดเจนว่า ไม่มีอะไรที่สำคัญไปยิ่งกว่าพลังความแข็งแกร่ง
เชียนฮุ่ยเธอต้องมีพลังมากมายแล้วในตอนนี้
เดิมทีเธอก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว
เราไม่อาจล้าหลังได้อีกแล้ว
เราสัญญากันไว้แล้วว่าจะไปที่สวรรค์วิถีด้วยกัน ถ้าเราไม่สามารถปกป้องเชียนฮุ่ยได้ อย่างนั้นเราก็ช่างไร้ประโยชน์
หัวใจของถังเทียนสงบลง
เขาหัวเราะให้ตัวเองในใจ
เขาอดทนมาหลายปีแล้ว แต่เวลานี้
สภาพจิตใจของเขากลับไม่มั่นคง
ตามที่คาดไว้ สภาพจิตใจเรายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ.. เอ่,
เป็นผู้ใหญ่... อย่างนั้นไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว
แต่เราก็ยังเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจมุ่งมั่น
ถังเทียนลอบกำหมัดแน่นและพร่ำบอกตนเอง
เขาเงยหน้าอีกครั้ง
ปิงมองดูถังเทียนด้วยความรู้สึกประหลาด
ถังเทียนมีความคิดหมกมุ่นบางอย่าง
อารมณ์เขาบางทีก็หดหู่ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นจิตวิญญาณนักสู้ระดับสูงอีกครั้ง
อำนาจความสนใจของปิงถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วด้วยภาพที่คุ้นตาห่างไกลออกไป
3 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น