ตอนที่ 91 ร่ำรวย
ถังเทียนถูกฝึกตามพอใจ และยิ่งwfhพอใจที่เขาไม่เคยฝึกอย่างนี้มาก่อนจนทำให้เขาไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยตนเอง
ลุงปิงบอกว่าพลังของเขายังคงอ่อนมาก ดังนั้นพลังจริงๆ
ของจิตวิญญาณพลังยุทธเงินจึงยังเปิดเผยเต็มที่ไม่ได้
แต่สัญชาตญาณของเขาเลื่อนระดับมากกว่าเดิมถึงห้าเท่ส่งผลให้พลังของเขาก้าวหน้ามาก เขาฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งลุงปิงต้องเตือนเขาว่าหมดเวลาฝึกแล้ว
พอกลับเข้าไปในที่รอยแยกพลังงาน
เขายังคงสนุกอยู่กับการฝึกฝนต่อ
หลังจากสัญชาตญาณของเขาเพิ่มขึ้น ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างก็เกิดขึ้น
ความรู้สึกมากมายที่เคยทอดทิ้งไปแล้วมาปรากฏในตอนนี้
พลังมังกรฟ้าของถังเทียนที่ไม่เคยแสดงกระบวนการอะไร
ตอนนี้มีการค้นพบใหม่
เขารู้สึกได้ถึงการระเบิดของพลังปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขา
หลังจากเขาพบตำแหน่งของเขาแล้ว ถังเทียนดูดพลังในการฝึกฝนของเขามากขึ้น
ผ่านไปสามวัน จิ่งหาวเข้ามาหาอีกครั้ง
ครั้งนี้มุมมองที่เขามีต่อถังเทียนกลับตาลปัตรไปเลย
ถ้ามีความรู้สึกของความเป็นผู้อาวุโสในแต่ก่อนนี้ แต่ตอนนี้พวกเขามีสถานะเสมอกัน
ถังเทียนเห็นจิ่งหาวเข้ามา
จึงหยุดการฝึก "พี่จิ่งหาว!"
จิ่งหาวไม่อาจซ่อนความสุขและความร่าเริงไว้ได้ "น้องถังช่างขยันจริงๆ
ก่อนอื่นข้าขอบอกข่าวดีน้องถังเสียก่อน
ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจยกระดับให้น้องถัง
จากนักสู้ชั้นเหล็กเป็นนักสู้ชั้นบรอนซ์ ไม่ใช่ว่าน้องถังจะได้รับความเชื่อถือในครั้งนี้เท่านั้นนะ
แต่การที่เจ้าสามารถฝึกถึงขั้นจิตวิญญาณเงินได้ทั้งที่เจ้ายังเป็นนักสู้ระดับสี่สร้างความทึ่งให้กับผู้บริหารระดับสูงเช่นกัน น้องถังมีอนาคตที่สดใสรออยู่แล้ว"
ถังเทียนหัวเราะ "ข้ายังคงอ่อนด้อยอยู่"
จิ่งหาวเห็นว่าถังเทียนไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
และรู้ทันทีว่าถังเทียนรู้เรื่องผลประโยชน์ของการเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์น้อยมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มอธิบาย "เกี่ยวกับเรื่องของนักสู้ระดับบรอนซ์ค่อนข้างจะมีมาตรฐานเข้มงวดอยู่ในสมาพันธ์ชาวยุทธ
นอกจากความสามารถแล้ว ก็ต้องมีความสำเร็จด้วยเช่นกัน สำหรับหมู่ดาวในพื้นที่ห่างไกล
นักสู้ระดับบรอนซ์มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับเป็นผู้นำย่อย
นักสู้ระดับบรอนซ์คนหนึ่งจะได้รับหินดวงดาวระดับหกเดือนละสามก้อนและจะได้เลือกการ์ดวิญญาณชั้นเงินระดับหก
หรือการ์ดวิญญาณชั้นทองระดับห้า
ยิ่งกว่านั้นนักสู้ชั้นบรอนซ์มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อซื้อของของแผนกภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ
น้องถังได้รับคะแนนสะสมในปัจจุบันนี้ห้าพันคะแนนขึ้น
เท่านี้ก็น่าทึ่งสำหรับนักสู้ระดับบรอนซ์แล้ว น้องถังจะสามารถซื้อของที่ต้องการได้ไม่ว่าจะเป็นสมบัติ, การ์ดวิญญาณ, แก่นพลังวิญญาณเป็นต้น"
"ห้าพันคะแนนนี่เยอะนักหรือ?" ถังเทียนข้องใจ
จิ่งหาวสั่นศีรษะพร้อมกับยิ้มขมขื่น "แน่นอนว่าเยอะ ต่างกับข้า
ข้ามีคะแนนสะสมไม่ถึงเจ็ดร้อยคะแนนด้วยซ้ำ"
ถังเทียนตอบ "โอว"
"นี่คือรางวัลจากสมาพันธ์ชาวยุทธ
น้องถังสามารถตรวจสอบดูในแผ่นป้ายเกียรติยศได้" จิ่งหาวพูดต่อทันที
"ผู้ที่ได้รับประโยชน์ในการนี้มากที่สุดก็คืออาจารย์ข้า อาจารย์ข้าปลาบปลื้มกับน้องถังมาก
เขาต้องการจะให้เกราะระดับเงินเป็นของขวัญให้น้องถัง
แต่พอทราบว่าน้องถังได้รับตกทอดเกราะนกยูงครามจากผู้อาวุโสหนงกรงเล็บปีศาจ เขาจึงเปลี่ยนความคิด"
"เปลี่ยนความคิด..." ถังเทียนนัยน์ตาเบิกกว้างและใจตก
ชุดเกราะระดับเงิน นั่นเป็นเกราะระดับเงินจริงๆ
มันปลิวหายไปแล้วในสภาพอย่างนั้น
เขายังไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยซ้ำ
"ถูกแล้ว อาจารย์บอกว่าเกราะนกยูงครามเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีศักยภาพยิ่งใหญ่ และมีโอกาสวิวัฒนาการ ถ้าดำเนินการดีๆ
พลังของมันอาจไม่ด้อยกว่าเกราะระดับเงินธรรมดา
ดังนั้นอาจารย์หวังว่าน้องถังจะชื่นชมหวงแหนมัน หลังจากไตร่ตรองอย่างหนัก
อาจารย์จึงตัดสินใจมอบของขวัญให้น้องถังเป็นสมบัติที่เขาเคยใช้มาก่อน"
พอพูดเช่นนั้นแล้ว
จิ่งหาวก็ล้วงโซ่เงินที่มีวัตถุรูปร่างคล้ายถังเปล่งประกายสีเงินออกมา
"นี่คือสมบัติดวงดาวชั้นเงินแห่งหมู่ดาวเครื่องสูบลม
เรียกว่าสร้อยคอดาวเครื่องสูบลม
หมู่ดาวเครื่องสูบคือหมู่ดาวเล็กๆ
แต่สมบัติชิ้นนี้มีประโยชน์มาก"
เสียงของจิ่งหาวเต็มไปด้วยความอิจฉา
"อาจารย์ได้ยินว่าน้องถังมีเพียงพลังปราณเที่ยงแท้ระดับสี่
ดังนั้นจึงเลือกสร้อยคอดาวเครื่องสูบลมให้เป็นพิเศษ นี่เรียกว่าเครื่องสูบ
เครื่องสูบอากาศ มันสามารถดึงพลังงานรอบๆ
ตัวมาใช้ได้และเพิ่มความเข้มข้นของพลังงานโดยรอบถึง 15%"
หลังได้ฟังคำแนะนำของจิ่งหาวแล้ว
ถังเทียนฉีกยิ้มทันทีและรีบคว้าสร้อยคอแห่งดาวเครื่องสูบลมมาสวมคอทันที
พอแน่ใจแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าพลังงานรอบตัวเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ของดี!
ทันใดนั้น
ถังเทียนสามารถรู้ซึ้งถึงคุณค่าของสร้อยคอนี้ การฝึกปราณเที่ยงแท้ก็คือทักษะที่คล้ายกังหันวิดน้ำ พลังเพิ่ม 15% อาจจะดูเหมือนไม่มาก
แต่พอเวลาผ่านไป จำนวนจะมากจนน่าตกใจ
แม้ว่าจะจิ่งหาวจะรู้สึกอิจฉา แต่เมื่อเห็นสีหน้ายินดีของถังเทียน
เขาอดหัวเราะลั่นไม่ได้
แต่ในไม่ช้า, จิ่งหาวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
"มีบางเรื่องที่ข้าคิดว่าเจ้าควรต้องรู้ไว้
ข่งโหย่วหลินตายแล้ว"
"ตาย?" ตาของถังเทียนเบิกกว้าง
และหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
เขาไม่ได้ตกใจกับการตายของข่งโหย่วหลิน
แต่ตกใจที่จิ่งหาวรู้ข่าวได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง
สมาพันธ์ชาวยุทธน่าเกรงขามจริงๆ!
"อืม"
จิ่งหาวกล่าวจริงจัง "แม้ว่าข่งโหย่วหลินจะเป็นคนสุภาพ
แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
ไม่เพียงแต่เป็นนักสู้ระดับเจ็ดเท่านั้น
เขายังมีเกราะเพลงหงส์อยู่ด้วย
เกราะนี้อย่างน้อยไม่ได้ด้อยกว่านกยูงครามของเจ้า
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาตกอยู่ในแผนของศัตรู
สมาพันธ์ชาวยุทธยังคงสืบสวนเรื่องนี้อยู่
ข่งอี้หวี่น้องสาวของเขาผู้เป็นผู้นำส่วนย่อยของดาวเพอร์ซูสสาบานว่าจะล้างแค้นให้พี่ชายนาง”
จิ่งหาวไม่คิดว่าความตายของข่งโหย่วหลินจะมีอะไรเกี่ยวกับถังเทียน
นอกจากนี้ข่งโหย่วหลินยังมีความสามารถระดับเจ็ด ถังเทียนทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว
"ข่งอี้หวี่?" ถังเทียนทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"อืม..
นางเป็นนักสู้ระดับแปดไปแล้ว" จิ่งหาวเตือน
"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความขัดแย้งกับนาง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาปะทะกัน
พลังของนักสู้ระดับแปดยากที่เจ้าจะนึกภาพออกตอนนี้
ความห่างชั้นระหว่างนักสู้ชั้นเงินและชั้นบรอนซ์ไม่มีทางจะข้ามไปกันได้ง่ายๆ
นี่คือความแตกต่างของพลังตามธรรมชาติ
เหตุที่บอกเรื่องนี้เจ้าก็เพราะสมาพันธ์ชาวยุทธจะมีการประชุมที่หมู่ดาวรุ้งขาว
และเจ้าอาจไปพบนางที่นั่น"
ถังเทียนรู้ว่าจิ่งหาวหวังดีต่อเขา ดังนั้นจึงรีบพยักหน้า
"ข้าจะไม่วู่วาม"
"ดีแล้ว"
จิ่งหาวพยักหน้า "ตราบใดที่เจ้าไม่ไปตอแยนาง
นางก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ ฮืม.. ด้วยพื้นฐานสำนักเรา
ตระกูลข่งยังไม่สามารถยั่วยุเราได้
เจ้าฝึกต่อไปให้ถูกต้อง เร็วๆ นี้ก็จะถึงระดับห้าได้"
หลังจากสั่งสอนแล้ว
จิ่งหาวเดินจากมา แต่ก่อนที่เขาจะจากมา
เขาชำเลืองมองปิง จิ่งหาวลองถามอาจารย์เขาโดยเฉพาะแล้ว
แต่อาจารย์ไม่เคยได้ยินว่ามีขุนพลวิญญาณเช่นนั้น!
ถังเทียนถามปิง
"นี่ลุง!ระดับแปดมีพลังขนาดไหน?"
"พวกเขาทุบเจ้าเละได้ง่ายๆ"
ปิงไม่ได้มองดูถังเทียน
"นั่นมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?..." ถังเทียนโวยวายเกินเหตุ
แต่ในไม่ช้า เขาก็ลูบคางพูดจริงจัง
"ดูเหมือนว่าข้าจะย่อท้อไม่ได้เสียแล้วมั้ง?"
ปิงกลืนคำพูดที่เกือบหลุดปากออกมาแล้ว ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่ยังเห็นข้อบกพร่องตัวเองอยู่บ้าง
ทันใดนั้นถังเทียนชูแขนทั้งสอง
"สู้ๆ เอาชนะระดับแปดให้ได้"
ปิง
"......."
ทันใดนั้นถังเทียนคิดถึงป้ายเกียรติยศของเขาทันที จิ่งหาวบอกว่าคะแนนที่สะสมอยู่ภายในสามารถใช้ทำธุรกรรมได้ ดังนั้นเขาจึงรีบล้วงออกมา
ทันทีที่เขาล้วงป้ายเกียรติยศออกมา เขาถึงกับอุทานด้วยความทึ่ง
เพราะป้ายเหล็กดำในตอนนี้กลายเป็นสีบรอนซ์ไปแล้ว
"เยี่ยมเลย, มันเปลี่ยนสีเองได้จริงๆ"
ถังเทียนอุทานขณะที่เปิดการทำงานป้ายเกียรติยศ
ป้ายเป็นเหมือนสมบัติซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณพลังยุทธได้
และถังเทียนรู้สึกว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาเปลี่ยนไป
ถังเทียนเลื่อนดูรายการไถ่ถอนและรายการสินค้าที่อยู่ต่อหน้าเขาทันที
ภายในนั้นมีของแปลกทุกประเภท
แต่ละอย่างจะมีป้ายบอกคะแนนที่เป็นเหมือนราคา
สมบัติดวงดาวทั้งหมด, แก่นพลังวิญญาณและการ์ดวิญญาณ
ถังเทียนสนใจการ์ดวิญญาณเป็นส่วนใหญ่
เขามีสมบัติดวงดาวอยู่สองสามชิ้นแล้วซึ่งก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามการ์ดวิญญาณของเขา
โดยเฉพาะวิทยายุทธระดับสี่ยังคงขาดอยู่มาก
การ์ดทองที่จิ่งหาวมอบให้เขาเป็นระดับห้าทั้งหมด แต่ทั้งหมดนั้นยังไม่ได้ช่วยอะไรตอนนี้
เซรีนให้การ์ดสองใบคือลูกเตะต่อเนื่องและลมปราณสี่มังกรฟ้า, แปดย่างก้าวโชคชะตาที่จิ่งหาวมอบให้เขาก่อนนั้น
วิชาหมัด, ฝ่ามือ,
ดรรชนี วิชาข้อต่อ ฯลฯ จำเป็นต้องพัฒนาด้วยตนเอง
ขณะที่พลิกดูชั่วขณะ
ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักถึงความหวาดหวั่นของเขาว่า
ไม่มีการ์ดเหล่านี้ในระดับที่ต่ำกว่าหกเลย จากนั้นเขาจึงคิดและเข้าใจ
เนื่องจากมีเพียงนักสู้ชั้นบรอนซ์สามารถเเข้าชมรายการแลกเปลี่ยนได้ และความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่มีต่ำกว่าระดับหก
จึงไม่มีการ์ดวิทยายุทธระดับต่ำเลย
อย่างไรก็ตาม
การ์ดทั้งหมดเหล่านี้ทั้งหมดไม่แพง เป็นการ์ดชั้นเงินระดับห้า
เกือบทั้งหมดคิดเป็นราคาหนึ่งร้อยคะแนน
ถังเทียนเห็นการ์ดชั้นทองระดับห้าซึ่งคิดราคาเพียงห้าร้อยคะแนน
เขารู้สึกว่าร่ำรวยขึ้นมาทันที
หลังจากเรียกดูแล้ว
เขาพบนักสู้คนหนึ่งผู้ชำนาญในการขายการ์ดวิญญาณ
นักสู้ผู้นี้จะขายการ์ดวิญญาณที่หลากหลายได้สมบูรณ์ที่สุด
ราวกับว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการ์ด
ถังเทียนส่งข้อความส่วนตัวไปให้อีกฝ่ายหนึ่ง
เพื่อสอบถามถึงการ์ดชั้นทองระดับสี่
ในไม่ช้าอีกฝ่ายก็ตอบรับมา
“ได้เลย”
จากนั้นไม่นาน
ถังเทียนก็ได้รับการ์ดชั้นทองระดับสี่มาไม่กี่ใบ แต่ละใบหักราคาสองร้อยคะแนน
ถังเทียนเหมาการ์ดชั้นทองรวดเดียวสี่ใบ
หมัดสะท้านฟ้า,
ฝ่ามือมีด-วงเดือน ดรรชนีมารพิโรธ และพลังภูษาหมอง
หมัดสะท้านฟ้ามีลักษณะคล้ายหมัดพิฆาตน้อยและถังเทียนพบว่าเหมาะกับเขามาก
ฝ่ามือมีด-วงเดือนเป็นวิชาที่ใช้ฝ่ามือแตกต่างไปจากเดิม
โดยใช้ฝ่ามือเหมือนเป็นมีดวงเดือน ดรรชนีมารพิโรธ
เป็นวิชาดรรชนีที่ฝึกยากอย่างหนึ่งแต่มีพลังที่แข็งแกร่ง
และวิชาภูษาหมองเป็นวิชาต่อสู้ที่น่าประทับใจสำหรับคนที่ฝึกข้อต่อลูกโซ่ได้สำเร็จ
ตราบที่ผู้ฝึกใช้สู้ระยะประชิดศัตรู
การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยของศัตรูจะช่วยให้นักสู้ที่ฝึกวิชานี้ตอบสนองได้ทันที
วิชาข้อต่อลูกโซ่เป็นวิชาที่ฝึกกันเป็นส่วนน้อย
ขณะที่วิชาภูษาหมองเป็นวิชาข้อต่อที่มีชื่อ
ต่อจากวิชาอื่นในเรื่องระดับความยาก
ความจริงพลังของวิชานี้อาจเพิ่มเป็นเท่าตัวด้วยการเพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้ของนักสู้
นั่นก็หมายความว่าจนกว่าจะเป็นนักสู้ระดับหก
ถังเทียนไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาทำลายข้อต่ออย่างอื่น
ความจริง
ไม่ใช่เพียงแต่วิชาทำลายข้อต่อเท่านั้น
ระบบวิชาต่อสู้เดี๋ยวนี้
มีโครงสร้างเป็นแกนแนวดิ่ง เริ่มตั้งแต่วิทยายุทธพื้นฐานแล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ด้วยการขยายตัวหลากหลายรวดเร็ว และเมื่อมันกลายเป็นระดับที่สูงสุดความหลากหลายจะลดลงอย่างรวดเร็ว
นี่เรียกว่าหมื่นวิถีกลับคืนสู่ต้นกำเนิด (สูงสุดคืนสู่สามัญ) เป็นข้อสรุปจากวิธีการที่แตกต่างกัน
วิชาต่อสู้ทุกรูปแบบ
เมื่อฝึกจนถึงระดับขั้นสูงจะถูกผนวกรวมกันในที่สุด
หลังจากได้รับการ์ดชั้นทองสี่ใบแล้ว
ถังเทียนตื่นเต้นมาก
แม้ว่าเขาใช้คะแนนแลกมาถึงแปดร้อยคะแนนแต่เขาไม่ได้รู้สึกว่าขนหน้าแข้งร่วงเลย คะแนนเหล่านี้ได้รับมาง่ายเกินไป เพราะถังเทียนรู้จักสมบัติเหล่านั้น
จิ่งหาวอยู่ในสมาพันธ์ชาวยุทธมานาน แต่ก็มีคะแนนเพียงเจ็ดร้อยคะแนน
ซึ่งถังเทียนใช้เวลาวันเดียวก็เหนือกว่าคะแนนของจิ่งหาวทั้งหมดแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนจะได้ฝึกวิทยายุทธกับการ์ดวิญญาณชั้นทอง
การ์ดวิญญาณชั้นทองและการ์ดชั้นเงินจะมีความแตกต่างกันมากหรือไม่?
เขาไม่อาจรีรอได้
และเอาการ์ดทองวิชาหมัดสะท้านฟ้าออกมาใช้
5 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แหมๆ เงินหนาจังนะ 5555
แสดงความคิดเห็น