วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 109 ความเปลี่ยนแปลง

ตอนที่  109  ความเปลี่ยนแปลง
อาโมรี่พักอยู่ชั่วเวลาสั้นๆ ก่อนจะจากมา  และก่อนที่เขาจะออกมา เขาให้ที่อยู่โรงเตี๊ยมที่พวกเขาพักไว้ด้วย  อาโมรี่และสหายที่เหลือยังเป็นคนใหม่ ไม่มีป้ายเกียรติยศนักสู้  แต่ทันทีที่พวกเขาพบว่าถังเทียนเป็นนักสู้ระดับบรอนซ์ไปแล้ว  พวกเขาก็ต้องเบิกตาค้างมองดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ลุงเฉียนมีความสุข  เขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขามีคนแข็งแกร่งกันไม่กี่คน  และถ้าคุณชายอาเทียนพบกับปัญหา อย่างน้อยเขาก็จะไม่โดดเดี่ยวโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ลุงเฉียนลอบตรวจสอบตระกูลอวี่ไว้แล้ว
สองปีที่ตระกูลซ่างกวนฟื้นตัวขึ้นมาโดยไม่มีใครขัดขวางพวกเขา  ขณะที่พวกเขาลืม พวกเขาค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นได้  แม้ว่าเป็นเพราะพวกเขายังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับช่วงเวลาที่พวกเขารุ่งเรืองได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่วางใจ
ในยุคปัจจุบันตระกูลอวี่มีคนแปลกหน้าที่มีชื่อไม่กี่คนปรากฏตัวขึ้น  และพวกที่หนุนหลังพวกเขาทุกคนยังไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
ลุงเฉียนมองเพียงครั้งเดียว ก็สามารถมองเห็นไฟลุกโหมอยู่ในที่ฝึก นัยน์ตาชราของเขามีประกายภูมิใจ
ต่อให้คุณหนูอยู่ที่นี่  พวกคนรุ่นเยาว์ทั้งหลายก็คงไม่ขยันฝึกหนักขนาดนั้น
คุณหนูมีสายตา เลือกคู่ได้ดีจริงๆ
※※※※※※※

ตระกูลอวี่
ความตายของอวี่หมิงชิวไม่ได้ทำให้ตระกูลอวี่จมอยู่ในความโศกเศร้า อวี่หมิงชิวถูกคนของเขาลืมหลังจากมีหลายๆ คนเข้ามาและจากไป  การปรากฏตัวกะทันหันของเขาทำให้พวกเขาประหลาดใจ เพราะเป็นเรื่องคาดไม่ถึง แต่ความรู้สึกของพวกเขาก็มีเพียงเท่านั้น
 ข้านึกไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งมากจริงๆหน้าของอวี่หมิงเว่ยประมุขตระกูลอวี่คนปัจจุบันดำคล้ำขณะที่เขากล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักสู้ระดับห้า  แต่เขาห้าวหาญและอดทนมาก บุรุษหนุ่มที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างนั้น  น่าจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเป็นแน่
 เขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ บุรุษตัวสูงกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี่หมิงเว่ยถึงกับสีหน้าเปลี่ยน แม้แต่เสียงก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย  "สมาพันธ์..เกียรติยศ..ชาวยุทธ?"
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะเกี่ยวข้อกับสมาพันธ์ชาวยุทธ ที่เป็นองค์กรมีพลังขนาดใหญ่ อย่าว่าแต่ตระกูลอวี่  แม้แต่ทั่วทั้งหมู่ดาวเพอร์ซูสก็ไม่มีพลังพอต่อต้านองค์กรขนาดใหญ่นั้น
บุรุษไว้หนวดแทนที่จะไม่พอใจอาการตอบสนองของอวี่หมิงเว่ย  แต่เขารู้ว่านี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ จึงกล่าวว่า "ท่านไม่ต้องกังวล หมู่ดาวเพอร์ซูสเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็ก  อำนาจของสมาพันธ์ชาวยุทธก็แค่นั้น  นอกจากข่งอี้หวี่แล้ว ไม่มีนักสู้คนอื่นที่แข็งแกร่ง  เรื่องของสมาพันธ์ชาวยุทธ ปล่อยให้เราเป็นฝ่ายกังวลเถอะ"
สีหน้าของอวี่หมิงเว่ยค่อยคลายใจลงบ้าง เขารีบกล่าว "ดีแล้ว อย่างนั้นก็ดี"
"ตอนนี้พวกท่านคิดให้มากดีกว่า เรายังมีวิธีอื่นอะไรอีก?"  บุรุษไว้หนวดกล่าว "เบื้องบนส่งยอดฝีมืออาวุโสจากตระกูลที่สนับสนุนเรามาช่วย  ดังนั้นอย่าห่วงเรื่องข่งอี้หวี่ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรต่อหน้าเบื้องบน  ทุกคนจะพลอยเสียหน้าไปด้วย"
อวี่หมิงเว่ยไม่พูด
ทันใดนั้น อวี่ชิงเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ อวี่หมิงเว่ยกล่าวขึ้น "ข้ามีความคิดดีๆ"
สายตาทุกคนจ้องมองไปที่อวี่ชิงเจ๋อ บุรุษร่างสูงเลิกคิ้วกล่าว "ว่าไป"
อวี่ชิงเจ๋อเป็นบุตรของอวี่หมิงเว่ยและอยู่ในระดับเดียวกับซ่างกวนเชียนฮุ่ย  ก่อนที่เชียนฮุ่ยจะกลับมา เขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียน และในฐานะที่เป็นผู้นำของโรงเรียน  ทุกคนขานรับเขาแทบทันที  แต่เมื่อเชียนฮุ่ยมาถึง  เขาก็ถูกลืมอย่างรวดเร็ว  เขาคับแค้นใจอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เขามักจะหาหนทางเอาชนะเชียนฮุ่ยเสมอ
ใบหน้าที่ใสและดูฉลาดของอวี่ชิงเจ๋อดูหมองลง ตาของเขามีแววเกลียดชังและเขาพูดเย็นชา "ซ่างกวนเชียนฮุ่ยมองหานักสู้หลายคนจากตระกูลต่างๆ และรวมกลุ่มกัน  ตราบเท่าที่เราหาเหตุบางอย่าง พวกเขาทุกคนจะรวมตัวกันและไปหาเรื่องกับถังเทียน  ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือซุ่มรอโอกาสโหมไฟขัดแย้ง และตระกูลซ่างกวนคงได้แต่อยู่ในความกลัว หึ หึ"
เสียงของเขาเยือกเย็นเหมือนงูพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
แต่ทุกคนนัยน์ตาเป็นประกาย  บุรุษมีหนวดชม "แผนที่ดี มีเพียงคุณชายชิงเจ๋อที่มีสติปัญญาและแผนการที่ดี  เรื่องนี้เราขอยกให้คุณชายชิงเจ๋อรับไปจัดการ"
อวี่ชิงเจ๋อตะลึง  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก  แม้ว่าในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดและวางแผนที่ร้ายกาจนั้นได้ แต่เขาไม่ยินดีจะเสี่ยงรับไปทำเอง
เขาพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง "พลังของข้ามีไม่พอ แต่ข้ามีความคิดดีๆ ว่าจะเลือกใครได้..."
บุรุษตัวสูงจ้องมองเขา  เขาพูดตัดบทอวี่ชิงเจ๋อ "อย่าบอกข้านะว่า คุณชายชิงเจ๋อไม่เต็มใจทำ?"
"เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น..." อวี่หมิงเว่ยตั้งใจอธิบาย
เขารู้ว่าคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขามีใจอำมหิตและเห็นชีวิตมนุษย์เหมือนผักเหมือนปลา เมื่อเห็นสัญญาณ  เขาจะรู้ได้ทันทีว่ารังสีฆ่าฟันเกิดขึ้นในใจของพวกเขาแล้ว  และเมื่อดูสีหน้าของลูกชายเขาแล้ว  เขารู้ว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้  เขากัดฟัน รวบรวมความกล้าของเขากล่าว "ลูกชายข้าเพียงแต่กลัวว่าเขาจะไม่สามารถทำได้สำเร็จและกลัวว่าเขาอาจทำเสียแผนของท่านทั้งสองคน  เนื่องจากท่านทั้งสองเชื่อถือเรา  ลูกข้าจะไม่กลัวเรื่องยุ่งยากอะไร และจะไม่ปฏิเสธแน่"
จากนั้นสีหน้าของทั้งสองจึงค่อนข้างจะเฉื่อยชา
"อย่างนั้นเราจะปล่อยให้คุณชายชิงเจ๋อจัดการ!"  บุรุษตัวสูงพยักหน้าและพูด "อย่างนั้นเราจะไปพักก่อน"
"ข้าขอน้อมส่งผู้อาวุโสทั้งสอง" อวี่หมิงเว่ยค้อมหลังด้วยความเคารพ
เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว อวี่ชิงเจ๋อมีสีหน้าหม่นหมอง "ท่านพ่อ, เรื่องนี้ เรื่องนี้..."
อวี่หมิงเว่ยข่มความกังวลในใจเขาและทำเป็นสงบใจพูดว่า "ความจริงไม่มีอะไรมาก เจ้าต้องไม่วิ่งออกไปเสนอหน้า อย่าออกหน้า ให้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด  เจ้าดึงคนอื่นมาให้มากๆ ไว้จะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลอื่นและกลุ่มพวกคุณชาย เฮ้อ.. จะดีที่สุดให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกัน ถึงตอนนั้นข้าจะดูว่าจะจัดการกับตระกูลซ่างกวนได้อย่างไร"
อวี่ชิงเจ๋อค่อยๆ เรียกความรู้สึกกลับมา  เขาไม่ใช่คนโง่  ยิ่งเขาครุ่นคิดแผนการมาก  เขายิ่งรู้สึกว่าไม่มีอะไร  ตระกูลซ่างกวนและถังเทียนไม่สามารถเอาชนะได้  เรื่องนี้ดูรุนแรงและมันไม่น่ากลัวเหมือนอย่างที่เขาคิด  แม้ว่าตระกูลซ่างกวนจะไม่กลัวตระกูลอวี่  แต่ถ้าพวกเขาไปเกี่ยวพัวพันตระกูลอื่น ต่อให้ซ่างกวนเชียนฮุ่ยปรากฏตัว  พวกเขาก็ไม่มีความคิดอะไร
"แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อันตราย  แต่นั่นก็เป็นโอกาส ถ้าเจ้าสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้  และถ้าผู้อาวุโสสองสามท่านเห็นเจ้าเข้าตา ก็อาจจะดีต่ออนาคตของเจ้าก็ได้"  อวี่หมิงเว่ยมองดูอวี่ชิงเจ๋อและตั้งใจสนับสนุนเขาต่อไป  "ข้าไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ในหมู่ดาวเพอร์ซูสตลอดไป  เจ้าควรต้องไปยังหมู่ดาวที่ใหญ่กว่า และผลักดันตระกูลอวี่ให้รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ขึ้น"
อวี่ชิงเจ๋อตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าบิดาของเขามีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่อย่างนั้นและตั้งความหวังไว้กับเขา  เขาปลาบปลื้มใจอยู่ชั่วขณะ และพูดอย่างตื่นเต้น "อย่าห่วงเลยท่านพ่อ  ลูกของพ่อจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จจนได้"
หวี่ชิงเจ๋อมีประกายตาวูบวาบ  เขามีความคิดต่อสู้ดิ้นรน แม้ว่าเขาจะกลัวซ่างกวนเชียนฮุ่ย  ถังเทียนก็แค่เด็กโง่ที่ไม่รู้เรื่อง   เขามุ่งมั่นจะทำให้ถังเทียนเป็นหินรองเท้าก้าวไปให้ได้
※※※※※※※※

หลังจากผ่านไปสิบวัน การฝึกฝนมีความเข้มข้น  ทุกๆ วันการฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นไม่มีหยุด  หลายคนกัดฟันทุ่มเทฝึกฝน  แต่ไม่มีใครโกรธแม้แต่น้อย
พวกเขาไม่มีริ้วรอยแห่งความขุ่นเคือง
เป็นเพราะความเข้มงวดในการฝึกฝนของถังเทียนมีผลต่อพวกเขาหลายเท่า  การฝึกฝนของเขาอย่างน้อยไม่มีปลอมปนสักนิด  และทุกคนสามารถเป็นพยานในการฝึกฝนของเขาได้    พวกเขาจะดูที่ผลสะท้อนของถังเทียน ถังเทียนมีความพยายามและเด็ดขาด  เขาทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่สนใจความลำบากเลยแม้แต่น้อย  การฝึกฝนแห้งๆ น่าเบื่อจะทำให้คนอารมณ์เสียได้มาก  แต่เขาก็ยังฝึกฝนต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากวิชาหมัด เป็นวิชาดรรชนี วิชาตัวเบา วิชาเตะ วิชาฝ่ามือ...
ถังเทียนเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่ไม่รู้จักความเหนื่อยล้า  หลั่งเหงื่อได้ทั้งวันทั้งคืน
วัยของเขาไม่ต่างจากพวกเขาเลย  และความจริงเขาอายุน้อยกว่าศิษย์ในตระกูลสองสามคนด้วยซ้ำ  แต่ใบหน้าของเขายังมีวี่แววน่าเอ็นดู มีทรงมีสัณฐาณชัดเจน ดูเหมือนเด็กที่แข็งแกร่งสุขภาพดี
ศิษย์ในตระกูลซ่างกวนทุกคนตกใจอยู่ลึกๆ
ไม่มีอะไรเรียกความเชื่อมั่นได้มากกว่าการเปรียบเทียบความสามารถของคนวัยใกล้เคียงกันที่อยู่ข้างหน้า
ไม่มีใครยอมล้าหลัง
พวกคนหนุ่มทุกคนล้วนมีเลือดระอุอยู่ในร่างกาย  พวกเขายังมีความนับถือตัวเอง  ร่างที่อยู่ที่สนามฝึกฝนผู้ไม่รู้จักความเหนื่อยล้ายังผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้าต่อไป  ทุกครั้งที่พวกเขาคิดยอมแพ้  สายตาของพวกเขาจะมองเห็นภาพเงาข้างหน้าทันที
พวกเขาทุ่มเทกันเต็มที่  ในสายตาพวกเขาเหมือนมีเปลวไฟร้อนแรงทันที
ความฮึดของพวกเขา ไม่ยินดียอมแพ้ ฝันของพวกเขา  หัวใจที่ห้าวหาญของพวกเขา...
มักจะมีคนล้มนอนเพื่อหอบหายใจอยู่เสมอ  แต่หลังจากพักช่วงเวลาสั้นๆ  พวกเขาจะฝืนตัวเองฝึกฝนต่อไป  มักจะมีคนหมดแรงล้มลงเสมอๆ แต่พวกเขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ ก่อนฝึกฝนต่อไป
ราวกับว่ามีสนามพลังปราณที่เยือกเย็นมองไม่เห็นครอบคลุมสนามฝึกซ้อมไว้ ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างเงียบๆ
บรรยากาศเช่นนั้นแผ่กระจายครอบคลุมตระกูลซ่างกวนเงียบๆ  สมาชิกทุกคนของตระกูลซ่างกวน จะต้องมาฝึกฝนที่สนามฝึกฝนเป็นกิจวัตรประจำวันและดูสมาชิกตระกูลฝึกฝน  ขณะที่พวกเขากลัวว่าจะเป็นการทำลายเด็กๆ  พวกเขาจะยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีและคาดหวังถึงอนาคต
"เด็กๆ พวกนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก!"
"ใช่แล้ว, ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนั่นจะยืนหยัดได้นานมาก  ในอดีตเมื่อเขาฝึกไปได้ชั่วขณะเสร็จ ก็จะบ่นครวญครางไปหลายวัน"
"ถ้าเพียงแต่เขยของตระกูลมาเร็วกว่านี้"
"ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป ตราบเท่าที่พวกเขามีความอดทน  พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จได้"
"คุณหนูสายตาดีจริงๆ"
เมื่อได้ยินสมาชิกในตระกูลซุบซิบคุยกัน ลุงเฉียนเพ่งมองที่สนามฝึกฝน รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา  เมื่อเขามีเวลา  ทุกๆ วันเขาจะต้องไปที่สนามฝึกฝนและดูเหล่าผู้เยาว์ฝึกฝน นี่กลายเป็นช่วงเวลาที่โปรดปรานของเขาเสียแล้ว การได้เห็นผู้เยาว์ไม่ยอมแพ้ ทำให้เขามักรู้สึกว่าอนาคตของตระกูลซ่างกวนจะดียิ่งขึ้น
นับวันเขาก็ยิ่งมีแต่ความประทับใจยิ่งขึ้น
คุณหนูและคุณชายอาเทียนทั้งสองคนมีเบื้องหลังที่แตกต่างกันสิ้นเชิง  คุณหนูจะมีพรสวรรค์ธรรมชาติ ฉลาด มีไหวพริบ นางสมบูรณ์เพียบพร้อม  ทุกคนเทิดทูนลุ่มหลงนาง แต่ไม่สามารถรับพลังจากนางได้  นางเพียบพร้อมเกินไป  เพียบพร้อมจนทำให้ผู้คนห่างไกลจากนาง
เมื่อเทียบกับนางแล้ว พรสวรรค์ของคุณชายอาเทียนไม่คู่ควรเอ่ยอ้างถึง แต่ความขยันหมั่นเพียรของเขา ไม่มีใครเทียบได้
ทุกคนรู้ว่าความขยันหมั่นเพียรเป็นยังไง  ศิษย์ในตระกูลซ่างกวนทุกคนก็รู้เช่นกัน
แต่ไม่ใช่จนกระทั่งพวกเขาพบคุณชายอาเทียน และเขาได้แสดงความพากเพียรต่อหน้าพวกเขาให้ได้เห็นประจักษ์ นั่นทำให้พวกเขาปลาบปลื้มจริงๆ
คุณชายอาเทียนอาจจะไม่ได้ฉลาดกว่าพวกเขา  แต่แค่มีความเพียรมากกว่า, ไม่สิ, เขาขยันหมั่นเพียรกว่ามากมายนัก พวกเขามองดูคุณชายอาเทียนฝึกฝนเพลงหมัดมวยอย่างเดียวเกินกว่าแสนครั้ง  พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก  พวกเขาไม่เคยตกตะลึงอะไรอย่างนี้มาก่อน
ในโลกนี้ มีใครบ้างที่ทำอย่างนั้นได้!
การให้เกียรติตัวเองของผู้เยาว์เหล่านั้น ทำให้ให้พวกเขาเงียบ
พรสวรรค์ของคุณหนูสูงส่งเกินเอื้อม  แต่ความสำเร็จของคุณชายอาเทียนนั้น มาจากหยาดเหงื่อ  หยาดเหงื่อล้วนๆ
ทุกคนเหงื่อหลั่งไหล
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคำขวัญนี้ถูกถ่ายทอดต่อๆ กันมาในตระกูลซ่างกวน คำขวัญที่คุณชายอาเทียนพูดอยู่เสมอว่า "หยาดเหงื่อไม่เคยโกหก"
เมื่อเห็นเหล่าผู้เยาว์ทุกคนหลั่งเหงื่อมากมายอยู่ในสนามฝึกซ้อม ลุงเฉียนรู้สึกชุ่มชื่นใจ
ตะวันช่างสวยสดงดงาม
ในช่วงเวลานั้น บ่าวในตระกูลวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาและกระซิบบอกอะไรบางอย่างข้างหูลุงเฉียน
รอยยิ้มบนใบหน้าลุงเฉียนชะงักค้าง

5 ความคิดเห็น:

kk.putting กล่าวว่า...

มีร่างมาให้ฝึกตึบอีกแล้ว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ซ้อมลมมานาน ได้เวลาออกเหงื่อกับเหยื่อสดๆ แล้ว ฮี่ฮี่ฮี่ :D

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น