วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 115 เจตนาของถังเทียน

ตอนที่  115  เจตนาของถังเทียน
หมิงหย่งมองดูอาโมรี่ที่อยู่ต่อหน้า ด้วยท่าทีจริงจัง

ร่างที่ล่ำสันกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามมองมาที่เขาแต่ไกล  เขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งในร่างของอาโมรี่  นอกจากนี้ สายตาของเขายังสะดุดอยู่ที่ดาบที่อยู่ในมือของอาโมรี่  ดาบดูเหมือนเก่าโทรมเมื่อเทียบกับตัวอาโมรี่ที่เหมือนกระทิงป่าแล้ว ยังไม่ถือว่าโดดเด่น
ดาบนั่นคือสมบัติดวงดาว
หมิงหย่งมีพื้นฐานที่ไม่ธรรมดา  ดังนั้นเขาจึงมีความรอบรู้ดี และเขาสามารถบอกได้เพียงแค่ชำเลืองมองดาบที่โทรมในมือของอาโมรี่ก็รู้ว่าเป็นสมบัติดวงดวง
คนผู้นี้เจตนาไม่ดี
อาโมรี่เป็นคนที่อดทนน้อยอยู่แล้ว "ถ้าเจ้าไม่เข้ามาสักที  อย่างนั้นข้าขอบุกก่อน"
เพียงก้าวยาวๆ ก้าวเดียว ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป เส้นผมของเขาตั้งชัน เขาคำรามด้วยความโกรธและฟันดาบใส่หมิงหย่ง
แสงสีทองจากมีดขยายออกมาขณะที่เขาฟันใส่ออกมา
หน้าของหมิงหย่งเปลี่ยนสี  พลังโจมตีของอาโมรี่ไม่มีความพลิกแพลงอะไรมาก ป่าเถื่อน มองดูเหมือนสะเปะสะปะ แต่ความจริงแล้วเข้มข้นมั่นคง
หมิงหย่งสูดลมหายใจลึก  ก้าวไปข้างหน้าและปล่อยหมัดออก
รังสีหมัดทองปะทะเข้ากับรังสีดาบของอาโมรี่
ร่างของหมิงหย่งสั่นสะท้าน รังสีหมัดเป็นเหมือนแก้วแตกกระจายเป็นชิ้น ปราณเที่ยงแท้ซึมเข้ามาในตัวเขา หมิงหย่งส่งเสียงครางและถอยออกมาสองก้าว ก่อนจะสลายพลังนี้ออกไปได้
พลังของเจ้าผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก
อาโมรี่หัวเราะลั่น "เฮ้, รับอีกหนึ่งดาบ!"
เขาก้าวยาว แสงที่เหมือนแม่น้ำพุ่งตรงมาที่หัว  กระบวนท่ายืดหยุ่นมากแต่รุนแรงสำหรับคนอื่น
หมิงหย่งต่อยอีกหนึ่งหมัดและถอยอีกครั้ง
"รับอีกหนึ่งดาบ!"
หมิงหย่งยังคงถอยอีก!
"รับอีกดาบ! รับอีกดาบ!  รับอีกดาบ!"
อาโมรี่คำรามต่อเนื่อง  ดาบฟันลงมาเหมือนสายฝน
หมิงหย่งถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกบริวารที่อยู่ในจตุรัสตะลึงเกินกว่าจะพูดออกกับภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าพวกเขา  หมิงหย่งคือพี่ชายของหมิงจื่อฉวน  แต่เขามีชื่อเสียงในด้านพลังยุทธอยู่ในหมู่ดาวเพอร์ซูส  ไม่มีใครคิดว่าเขาจะถูกเจ้าโง่คนหนึ่งข่มเสียอยู่หมัด
เจ้าโง่ผู้นี้.... เป็นใครกันแน่...
※※※※※※※

"ข้ายังไม่ได้ถามชื่อของแม่นางเลย?"  ตาของหวินตี้เป็นประกายมองดูทึ่ง
เด็กสาวที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขามีท่าทีสง่าแต่เย็นชา ดูเหมือนนางไม่ใช่คนของที่นี่  ความเย็นชาของนางดูคล้ายกับเชียนฮุ่ย  แต่ในความเป็นจริงแตกต่างกันสิ้นเชิง  หวินตี้จำแนกความแตกต่างของสตรีได้  เขามีสายตาที่ละเอียดอ่อน  ความเย็นชาของเชียนฮุ่ย ลึกๆ แฝงด้วยความหยิ่ง เพียงแต่นางปกปิดความหยิ่งเป็นอย่างดี  แต่เด็กสาวที่อยู่ต่อหน้าเขา มีแต่ความเย็นชาล้วนๆ
เป็นสาวงามที่หาได้ยาก!
และขณะที่นางพริ้มตาลง วิธีที่นางจับกระบี่ ดูน่ารัก ในท่ามกลางจิตวิญญาณที่กล้าหาญ  เขารู้สึกปากแห้งจริงๆ
หานปิงหนิงแสดงท่าเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา และไม่ได้แม้แต่จะกระพริบตา
ในที่สุด ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าข้าก้าวหน้าไปมากแค่ไหน
ในใจนาง สะท้อนภาพของชายหนุ่มที่อยู่บนเสาไฟโดยไม่รู้ตัว เมื่อนางตระหนักรู้ตัว นางตื่นตกใจว่าทำไมนางถึงได้มีความคิดเช่นนี้
รอยสีชมพูจางแพร่ลามไปทั่วคอนาง
หวินตี้เป็นคนเจ้าชู้  พอสังเกตได้ทันทีเขาเป็นเหมือนถูกสะกดจิตเผลอแลบลิ้น "แม่นาง, เจ้าช่างงดงามจริงๆ"
หานปิงหนิงมองเย็นชา มือซ้ายของนางเลื่อนลงมาที่ตัวกระบี่  ขณะที่มือขวาจับอยู่ที่ด้ามกระบี่  ใต้เท้าของนางมีชั้นน้ำแข็งปรากฏโดยไม่รู้ตัว
หวินตี้รู้สึกว่าอุณหภูมิอากาศลดลงอย่างรวดเร็ว ถึงกับหนาวสั่น
"เจ้ากำลังหาเรื่องตาย!"
หานปิงหนิงสบถ และคิ้วที่หลุบลงดูเหมือนจะทำให้ยิ่งน่ากลัวขึ้นอีก
ลำแสงสีเงินคล้ายกับงูน้ำแข็ง พุ่งเข้าโจมตีใส่หวินตี้
หวินตี้ตกใจมาก  ว่าถึงความเร็วของกระบี่ยังไม่ถือว่าเร็ว  แต่อุณหภูมิตกับค่อนข้างเย็น  กระบี่แทบจะไม่ถูกต้องตัวเขาเลย แต่ในระหว่างคิ้วของเขามีชั้นน้ำแข็งเกิดขึ้น  และอากาศโดยรอบค่อนข้างหนาวเย็น
ทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนอยู่ในหล่มน้ำแข็งมีลมหนาวพัดหวีดหวิว
แม้ว่าจะตกใจ  แต่เขาก็รีบรวบรวมปราณเที่ยงแท้และใช้กระบี่ยาวแทงตรงไปที่รังสีกระบี่ของหานปิงหนิง
หมอกแสงปรากฏอยู่รอบๆ ตัวกระบี่ของเขา ทำให้กระบี่เขาดูเหมือนไม่มีตัวตน
วิชากระบี่ธาตุน้ำของตระกูลหวิน วิชากระบี่หมอก
กระบี่หมอกเป็นวิชากระบี่ที่หวินตี้ ถ้าฝึกได้ดีที่สุดจะสำเร็จที่ระดับเจ็ด แต่หวินตี้ฝึกสำเร็จวิชากระบี่ขั้นที่ห้าไปแล้ว  เขาเป็นผู้โดดเด่นที่สุดในศิษย์ตระกูลหวิน  วิชากระบี่นี้เป็นวิชากระบี่ไร้รูปใช้ภาพเสมือนตอบโต้ภาพจริง และท่ากระบี่ที่หวินตี้ใช้ก็ดูสง่างามจึงทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่ผู้เยาว์มาก
แต่ วันนี้ เขาพบกับดาวข่มของเขา
หานปิงหนิงก็ฝึกวิชากระบี่ธาตุน้ำด้วยเช่นกัน  แต่ไม่ใช่กระบี่พิรุณพร่างพรายอีกต่อไป กลับเป็นวิชากระบี่น้ำแข็ง
วิชากระบี่ธาตุน้ำนี้เป็นวิชาที่สตรีฝึกกัน น่ากลัวมากและเคล็ดสำคัญก็คือเหมาะกับบุคลิกของหานปิงหนิงมาก ดังนั้นนางจึงก้าวหน้าได้รวดเร็วระหว่างฝึกฝน
นอกจากอาโมรี่แล้ว ก็มีนางที่มีความรุดหน้ามากที่สุด
กระบี่ทั้งสองปะทะกัน
หวินตี้สีหน้าเปลี่ยน และรีบถอยออกมาโดยไม่ลังเล
ความรู้สึกเย็นที่ไม่ธรรมดาแล่นไปตามตัวกระบี่ของเขา  ฝ่ามือของเขาชาแทบหมดความรู้สึก  เขาเหลือบมองดูและเห็นว่าหมอกรอบๆ ตัวกระบี่เปลี่ยนเป็นหยดน้ำแข็งและหลุดร่วงจากตัวกระบี่
นี่....
หวินตี้ตกใจกลัว หานปิงหนิงที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็ง แทบไม่มีการเปลี่ยนสีหน้า นางหลุบตาลงไม่แสดงสัญญาณน่าลุ่มหลงอันใด แต่กลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แข็งแกร่งมาก.....
หวินตี้สูญเสียความฮึกเหิมที่จะบุกโจมตีแล้ว
※※※※※※※

ถังเทียนหัวเราะลั่น  ทุกคนฝึกฝนกันมาอย่างหนัก
อาโมรี่ก็ฝึกเพลงดาบสายธาตุดินหรือนี่? ช่างน่ากลัว ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่า แม้ว่าการโจมตีของเขาจะดูเหมือนป่าเถื่อนและวุ่นวาย แต่ความจริงกลับรวมเป็นหนึ่งเต็มไปด้วยพลัง  ต่อให้เป็นเขาเผชิญหน้ากับพลังโจมตีของอาโมรี่  เขาคงต้องตั้งสมาธิให้ดี
สำหรับความก้าวหน้าของอาโมรี่ ถังเทียนไม่ได้ประหลาดใจมากนัก  เพราะเจ้าวัวแมงวันมีพรสวรรค์ยิ่งใหญ่และมีร่างกายไม่เหมือนใคร บวกกับการฝึกฝนอย่างหนักและได้อาจารย์สอนที่ดี  ความห้าวหาญทรงพลังอย่างน่ากลัวนั้นเป็นเรื่องธรรมดาแน่นอน
เหลียงชิวและซือหม่าเซียงซานก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน  การโจมตีของเหลียงชิวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและมั่นคงไม่มีช่องโหว่  การโจมตีของซือหม่าเซียงซานกลับตรงกันข้าม  เต็มไปด้วยปราณหยินเหมือนกับภูตพราย ไม่ธรรมดาและคาดเดาไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนตกตะลึงจริงๆ ก็คือหานปิงหนิง
ย้อนไปเมื่อตอนอยู่ในเมืองซิงฟง  แม้ว่าหานปิงหนิงจะมีรายชื่ออยู่ในระดับยอดฝีมือ  แต่นางก็ยังเป็นรองเซียงซาน  แต่ความสามารถของนางในตอนนี้เหนือกว่าเซียงซานไปแล้ว
ระดับความก้าวหน้าของนางเป็นรองแค่อาโมรี่เล็กน้อย
พวกบริวารเริ่มได้คิดว่ายอดฝีมือทั้งสี่คนนั้น ถูกขัดขวางหมดแล้ว
บุรุษร่างสูงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดประหลาดใจ "กลุ่มเด็กใหม่ของสมาพันธ์ชาวยุทธหรือนี่? ฝีมือของทุกคนไม่เลวเลย  อายุยังน้อยมาก ดูแล้วพวกเขาน่าจะมีอนาคตสดใสไม่เบา"
บุรุษไว้หนวดขมวดคิ้ว "เราจะเข้าโจมตีด้วยไหม?"
"โจมตีน่ะหรือ?" บุรุษร่างสูงชำเลืองมาทางเขา "เจ้าตั้งใจจะเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยกับสมาพันธ์ชาวยุทธในตอนนี้ใช่ไหม?"
บุรุษไว้หนวดจ้องมองไปที่ลานจตุรัส "อย่างนั้นแผนของเราถือว่าล้มเหลวแล้วใช่ไหม?"
"นายท่านจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า" บุรุษตัวสูงกล่าว  "เราอย่าทำเรื่องให้ยุ่งยากดีกว่า การดำเนินการในหมู่ดาวเพอร์ซูสทั้งหมดเป็นเจ้านายวางแผนเอาไว้  ดังนั้นปล่อยให้เจ้านายตัดสินใจทุกอย่าง"
"ข้าเพียงเกรงว่าถังเทียนจะไม่รอจนเจ้านายมาถึง" บุรุษไว้หนวดฝืนหัวเราะ
บุรุษตัวสูงก็ฝืนยิ้มเช่นกัน "หวังว่าเจ้านายคงจะมาถึงเร็วๆ"
ทั้งสองมองหน้ากันและฝืนยิ้ม
※※※※※※

ถังเทียนไม่ตั้งใจจะให้เรื่องยืดยาวล่าช้าออกไป  เขายืดตัวแล้วตะโกนเรียก "ซ่างกวนเว่ย!  ออกมานี่!"
ซ่างกวนเว่ยตะลึงทันที แต่ก็รีบปีนขึ้นไปบนเสาฉายไฟไปยืนอยู่ข้างๆ ถังเทียนกระซิบว่า "คุณชาย"
ถังเทียนดึงคุณชายคนหนึ่งขึ้นมาแล้วถาม “เขาคือใคร?”
 “คุณชายหวัง” ซ่างกวนเว่ยงง แต่เขาคุ้นเคยกับคนพวกนี้
 “โอว” ถังเทียนพยักหน้าเหมือนกับว่าเข้าใจ และดึงคุณชายหวังเข้ามาใกล้ๆ เผียะ เผียะ เผียะ เขาตบหน้าอยู่สองสามครั้งเพื่อปลุกคุณชายหวัง
 “ถังเทียน! ตระกูลหวังจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าแน่นอน!” องครักษ์ของคุณชายหวังตะโกนด่าด้วยความโกรธ  ทั้งเศร้าและไม่พอใจ แต่เพราะความกลัวถังเทียน ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปใกล้
 “ได้ยินไหมนั่น?” ถังเทียนตะคอกใส่คุณชายหวัง “ลูกน้องของเจ้าบอกว่าตระกูลเจ้าจะเป็นปฏิปักข์กับข้า ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าอาจจะถูกหมายหัวไว้ก็ได้ใช่ไหม?”
ถังเทียนจ้องคุณชายหวังอย่างเอาเรื่อง
คุณชายหวังที่ยังมึนงงพอถูกกระตุ้นเตือน ถึงกับหน้าซีดขาวด้วยความกลัวทันที “ไม่ ไม่ ไม่! นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด, แค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อย.....”
 “ดีมากกก” ถังเทียนพยักหน้าเคร่งขรึม  “ข้าก็เชื่อว่านี่เป็นการเข้าใจผิดเช่นกัน ฉะนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดแค่ครั้งเดียว  พูดมา ใครชวนเจ้ามาที่นี่?”
คุณชายหวางลังเลและไม่แน่ใจ
ถังเทียนทำท่าขึงขัง “เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว  ถ้าเจ้าชี้ผิด ข้าจะเลือกตัดนิ้วของเจ้าหนึ่งนิ้ว”
คุณชายหวังหน้าซีดกว่าเดิมระล่ำระลักว่า “เป็นหงจวินชวนข้ามา!
พวกองครักษ์คุ้มครองหงจวินที่อยู่ข้างล่างสีหน้าเปลี่ยนทันที พวกเขาตะโกนว่า “คุณชายหวัง!  คุณชายของเราปฏิบัติต่อท่านเหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน  ท่านไม่ควรกล่าวหาเขานะ!
คุณชายหวังดูเหมือนจะละอายใจ
ถังเทียนไม่สนใจคนที่อยู่ข้างล่าง หันหน้าไปถามซ่างกวนเว่ย “คนไหนเหรอ หงจวิน?”
ซ่างกวนเว่ยสะดุ้งเฮือก และดึงตัวหงจวินขึ้นมาทันที
ผัวะ ผัวะ ผัวะ!
หลังจากถูกตบสองสามทีหงจวินก็ตื่นขึ้น
เขาขู่ขวัญหงจวินเหมือนที่ทำแต่ก่อน  หงจวินไม่ได้สภาพดีไปกว่าคุณชายหวัง หน้าซีดขาวทันทีและชี้ไปที่สหายที่ชักชวนเขามา
ตอนนี้ ซ่างกวนเว่ยเข้าใจเจตนาของถังเทียนแล้ว  เขาตื่นเต้นทันที
พวกบริวารที่อยู่ด้านล่างก็เงียบลงเช่นกัน เพราะพวกเขาพอจะเห็นเบาะแสแล้ว
แต่ละคนถูกลากขึ้นมา ถูกตบและถูกบังคับให้เป็นพยาน
ในไม่ช้า เบาะแสทั้งหมดบ่งชี้ไปที่คนๆ เดียว นั่นคือคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้สติ พวกองครักษ์ข้างล่างเริ่มปั่นป่วน เพราะพวกเขาจำคนผู้นี้ได้
ถังเทียนถามซ่างกวนเว่ย “เขาคือใคร”
หน้าของซ่างกวนเว่ยเขียวคล้ำ นัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธ “เขาคืออวี่ชิงเจ๋อจากตระกูลอวี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนฉีกยิ้มทันที
สายตาที่ทุกคนจับจ้องอวี่ชิงเจ๋อพลันมืดมัว  พวกเขาเป็นเด็กที่ฝีมือต่อสู้อ่อนด้อย แต่แผนการและอุบายเป็นสิ่งที่พวกเขาได้พบเห็นอยู่บ่อยๆ พอถึงจุดนี้ ใครก็ตามที่ยังไม่เข้าใจก็คงเป็นเจ้างั่งบัดซบแน่นอน
อวี่ชิงเจ๋อถูกตบไม่กี่ครั้งก็สะดุ้งตื่น และเห็นถังเทียนกำลังยิ้ม และสายตาหลายคู่ของคนอื่นๆ ที่อยากจะเชือดเฉือนเขาให้เป็นชิ้นๆ นัก
ทันใดนั้น เขามีความรู้สึกเหมือนถูกจับแก้ผ้าแล้วโยนเข้ารังสิงโต
 

10 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แทบจะอดใจตอนต่อไปไม่ไหว
ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สาวไปสาวมาได้ตัวกุนซือหลังฮากเลยวุ๊ย ดีงามจริงๆ
งานนี้ตระกูลอวี้ได้กลายเป็นเป้าระบายแค้นให้กับเหล่าคุณชายห้อยโตงเตงทั้งหลายแน่นอน

ปล.ทำไมเหมือนถังเทียนมันจะดูฉลาดๆ หวา

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

หุหุ ชิหายเลี้ยววววววว อวี่ชิงเจ๋อ 555

Unknown กล่าวว่า...

หาตัวการได้รวดเร็วจริงๆ 55

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ิb00kworm กล่าวว่า...

ตบอย่างเดียวตัวการโผล่เลย เล่นก๊ะใครไม่เล่น

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มันแค่ทำตามลุงปิง มั้ง

Lucky กล่าวว่า...

คุณหนูหานโดนปักธงแล้ว

แสดงความคิดเห็น