วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 121 ดาบพิรุณสวรรค์

ตอนที่  121  ดาบพิรุณสวรรค์
ทั่วทั้งสถานที่เงียบเป็นป่าช้า

พลังกรงเล็บที่ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายปล่อยออกไปนั้นสร้างความหวาดหวั่นขวัญผวาให้กับทุกคน  อย่างไรก็ตาม เขาแค่ยืนคุ้มกันถังเทียนเหมือนชายชราธรรมดา  เขาไม่ได้แสดงท่าทางอะไรอีก
สายตาทุกคนเปลี่ยนไปจ้องถังเทียนแทนทันที
ไม่แน่ใจว่าเป็นความสงสัย กลัว เคารพหรือสับสนกันแน่
คนผู้นี้มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?
ภายใต้การโจมตีที่ทรงพลังน่าตระหนกทั้งสองครั้ง  ความตั้งใจต่อต้านของตระกูลอวี่ทั้งหมดหายไปเหมือนควัน  นอกจากมีเสียงต่อสู้ให้ได้ยินเป็นระยะๆ สมาชิกตระกูลอวี่ที่เหลือทุกคนมีสีหน้าเหมือนกับยอมรับชะตากรรมแล้ว
หมิงจื่อฉวนและพวกที่เหลือหน้าไม่มีสีเลือด  ในใจพวกเขารู้สึกยินดีอย่างไม่มีที่สุด เมื่อคิดดูอีกที ถ้าถังเทียนปล่อยขุนพลวิญญาณของเขาออกมาตั้งแต่แรก  ทั่วทั้งลานคงนองไปด้วยเลือดไม่มีใครรอดชีวิตเป็นแน่
ดีแล้ว แค่นั้นก็ดีแล้ว...
ซ่างกวนเฉียนมีสีหน้าตกตะลึง  ขณะที่มีความสุขไปพร้อมกัน  แต่เขาถอนหายใจ  เนื่องจากเขาคิดว่าคุณชายอาเทียนต้องประสบกับหลายเรื่องที่อื่นไม่ล่วงรู้
ถังเทียนไม่สนอะไรอื่น เขาวิ่งไปหาหานปิงหนิงและสหายที่เหลือเพื่อตรวจสอบทันที
โชคดีที่เกือบทุกคนบาดเจ็บเล็กน้อย และแทบไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขา
"นี่คือผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพรายหรือนี่?"  บุรุษเท้าเปล่าร่างใหญ่ถามด้วยความเคารพ เขามีผมกระเซิงและเครารุงรัง ใบหน้ามอมแมม  แต่มีกลิ่นอายของจอมยุทธผู้กล้า
ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายยังยืนอยู่ห่างๆ เหมือนกับไม่ได้ยินอะไร
ถังเทียนผงกศีรษะ "อืม"
จากนั้นจิ่งหาวจึงเดินเข้ามาและทักทายบุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่า "คารวะอาจารย์อา!"
"ฮ่าฮ่า!" บุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่าหัวเราะลั่น "จิ่งหาวน้อย เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เจ้าเติบใหญ่มากแล้ว"
เติบใหญ่...
จิ่งหาวนัยน์ตากระตุกเล็กน้อย เขาหลบตาลง พยายามจะไม่เหลือกตา
ข้าจะสามสิบขวบอยู่แล้ว ท่านยังพูดอย่างนั้นกับข้าอีก...
"นี่คือน้องถัง เป็นผู้สืบทอดและรับมรดกของผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพราย และเป็นหนึ่งในพวกเรา" จิ่งหาวตัดสินใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา
บุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่าดูเหมือนจะเข้าใจได้ทันที เขาตบศีรษะตนเอง ฝุ่นและผงนับไม่ถ้วนฟุ้งออกจากตัวเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ทุกคนรีบถอยไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
"อ้อ..เจ้าคือถังเทียนสินะ" บุรุษตัวโตเท้าเปล่าขึ้นเสียงสูง  เขารู้สึกทึ่ง ขณะที่เขาจ้องดูถังเทียน  เขาพูดอย่างพอใจ "พื้นฐานของเจ้าแข็งแกร่งมาก  เจ้ามีศักยภาพยิ่งใหญ่"
จิ่งหาวไร้อารมณ์  น้ำเสียงของเขาแนะนำถังเทียนอย่างเสียไม่ได้ "นี่คืออาจารย์อาของข้า นามอู่กวง  เจ้าไม่ต้องใส่ใจเขามากนักหรอก"
อู่กวงไม่พอใจ "จิ่งหาวน้อย เจ้าหมายความว่าไง ที่ว่าอย่าสนใจข้ามากนัก? นี่คือวิธีแนะนำตัวอาจารย์อาของเจ้าหรือ?" น้ำเสียงเขาเปลี่ยน แต่เต็มไปด้วยความคุ้นเคย "พ่อหนุ่มถัง รอจนกว่าเราคุ้นเคยกันและกัน เจ้าจะรู้ว่าข้าน่าเชื่อถือแค่ไหน  เมื่อมีธุรกิจใดๆ ในอนาคต เจ้าต้องจำไว้ให้นึกถึงข้า"
"ธุรกิจเหรอ?"  ถังเทียนสับสน
"ถูกแล้ว ฆ่าคน วางเพลิง ทำลายบ้าน ก่อการวิวาทและปล้นทรัพย์ ทั้งห้าอย่างนี้ข้าไม่ทำแน่นอน" อู่กวงพูดเสียงกึกก้อง  เขาตบหน้าอกกล่าวว่า "เจ้ามีเรื่องกับสมาคมรวมตระกูล  ตราบใดที่เจ้ายินดีใช้บริการ  ข้าสามารถช่วยเจ้าฆ่าพวกสมาคมรวมตระกูลให้หมด และสัญญาได้ว่าพวกมันจะไม่กล้าโผล่หน้ามาที่หมู่ดาวเพอร์ซูสอีกเลย"
"สมาคมรวมตระกูล?" นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้ยินชื่อเช่นนั้น
"เพิ่งจะเรืองอำนาจขึ้นมาเมื่อไม่นานนี่เอง"  อู่กวงมีสีหน้าดูแคลน "คนกลุ่มนี้ไม่ได้ฝึกวิทยายุทธในวิถีที่ควรทำ  ไม่ได้ฝึกอย่างถูกต้อง แต่ต้องการจะหาวิธีลัดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ทำตัวเองจนไม่ใช่ทั้งคน ไม่ใช่ทั้งผี"
จิ่งหาวสังเกตว่าถังเทียนยังมีสีหน้างงอยู่ และรู้ว่าถังเทียนไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอก จึงตัดสินใจอธิบาย  "สมาคมรวมตระกูลเป็นกลุ่มพันธมิตรร่วมที่มีการทำงานซับซ้อน พวกเขามักค้นคว้าเรื่องการผสานรวมตัวกับขุนพลวิญญาณ  ดูเหมือนพวกเขาจะประสบความสำเร็จ"
"เราสามารถผสานเข้ากับขุนพลวิญญาณได้หรือ?"  ถังเทียนสงสัยมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ยินหลายเรื่องในวันเดียวกัน  ทุกเรื่องไม่เคยได้ยินมาทั้งนั้น
"อืม" หน้าของจิ่งหาวกลายเป็นเคร่งเครียด "นี่เป็นเรื่องต้องห้ามอยู่เสมอ ขุนพลวิญญาณร่างหนึ่ง จะผสานโดยวิธีกลืนขุนพลวิญญาณตนอื่นและกลายเป็นขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น"
ถังเทียนตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น "นั่น... นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ?"
จิ่งหาวเห็นสีหน้าถังเทียนแล้วอดยิ้มไม่ได้ "พวกเขายังได้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งหนึ่ง  นอกจากค้นคว้าเรื่องขุนพลวิญญาณแล้ว ยังมีการค้นคว้าเรื่องสมบัติดวงดาวและค้นคว้าเรื่องสายเลือด  สมาพันธ์ชาวยุทธของเราจะค้นคว้าเรื่องสมบัติดวงดาว  เราจะนำเอาพลังของสมบัติดวงดาวออกมาใช้ได้ดีกว่า  ขณะที่องค์การวิญญาณมืดจะดีเด่นในเรื่องดึงพลังสายเลือดออกมใช้  ยังมีโรงเรียนค้นคว้าสองแห่งที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนั้น ยังมีการค้นคว้าแต่เก่าก่อนนั้น  พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าเครื่องกลโบราณ และพยายามรื้อฟื้นงานวิศวกรรมเครื่องกล  คนพวกนี้มีน้อยมาก  ในโลกนี้มีสถาบันค้นคว้าที่แปลกประหลาดมากมาย"
"อย่าไปฟังเขา ไอ้เรื่องสถาบันค้นคว้าบ้าบอนั่น" อู่กวงคำราม  "พวกเขาก็แค่พยายามหาวิธีลัด  พวกเขาหลงทางกันทั้งนั้น ขุนพลวิญญาณที่พวกเขาเอามาใช้ ล้วนมีผลข้างเคียงทั้งนั้น  มรรคาวิชาบู๊คือเส้นทางชีวิตของข้า"
"ถูกแล้ว" จิ่งหาวพูดด้วยความเคารพ "พวกเขาต้องใช้จิตวิญญาณพลังยุทธตนเองในตอนแรกเพื่อประทับและสร้างการ์ดวิญญาณจากขุนพลวิญญาณ และจากนั้นใช้ผลของเทคนิคกลืนโดยการกลืนและผสานกับขุนพลวิญญาณอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เพราะเหตุนั้น  เมื่อมองดูขุนพลวิญญาณ ดูเหมือนว่าพลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็จริง  แต่จิตวิญญาณพลังยุทธของขุนพลวิญญาณจะผสมปนเปกันมากเกินไป และจะเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งยากไม่มีที่สิ้นสุด"
แล้วถังเทียนก็เข้าใจและพยักหน้า  จิ่งหาวพูดถูก ให้จิตวิญญาณพลังยุทธบริสุทธิ์ดีกว่า จากนั้นก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น  จากจุดนี้เขาได้ประสบมาด้วยตนเอง
"ฮืมม.. นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว" อู่กวงสั่นศีรษะ "ขุนพลวิญญาณนี้เกิดมาจากแบบพิมพ์จิตวิญญาณพลังยุทธของตนเอง เพื่อที่ว่าจะได้ควบคุมขุนพลวิญญาณได้  พวกเขาจะทำความคุ้นเคยและสนิทกับขุนพลวิญญาณ เมื่อขุนพลวิญญาณถูกสร้างมากไปมันจะกลืนกินเจ้าของตน
อู่กวงโบกมือและเปลี่ยนเรื่องคุย ขณะมองถังเทียนอย่างคาดหวัง "แล้วเจ้าจะเอายังไง?  เจ้าต้องการทำธุรกิจไหม?  สบายใจได้น่า  ข้ามีผลงานน่าเชื่อถือได้นะ  ไม่เชื่อถามจิ่งหาวน้อยดูก็ได้"
จิ่งหาวมองจนใจ ขณะที่เขาก้มหน้ามองเท้าตนเอง "เจ้าไม่ต้องรบกวนเขาก็ได้"
อู่กวงตื่นเต้นและโกรธทันที และจี้สะเอวจิ่งหาวและด่า "จิ่งหาวน้อย! เจ้าทำอย่างนี้กับอาจารย์อาได้ยังไง?"
จิ่งหาวยังคงจ้องดูเท้าตนเองต่อไป และพูดว่า "อย่าไปสนใจเขา"
อู่กวงโวยวายลั่น "จิ่งหาวน้อย!  อย่านึกว่าเจ้าโตแล้วจะปีกกล้าขาแข็งนะ  ข้าขอบอกซะก่อน เมื่อเจ้ายังตัวกะเปี๊ยก ข้าเป็นคนซื้อขนมให้เจ้ากิน"
"ชัดเจนเลย ท่านอาไปขโมยเขามา" จิ่งหาวพูดเสียงในลำคอ  แต่ทันทีที่เขาพูดถึง หน้าของเขากลับแดง
น่าขายหน้ามาก!
เป็นไปตามคาด เขาไม่อาจตอแยกับอาจารย์อาจอมวุ่นผู้นี้..
สีหน้าของจิ่งหาวกลับเป็นปกติ  "ทำไมน้องถังจะต้องหาท่านด้วยเล่า? เว้นเสียท่านแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพราย  ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายคือผู้บัญญัติวิชากรงเล็บเคียวเพลิงภูตพราย  ท่านบัญญัติวิชาอะไรได้บ้าง?"
อู่กวงคำรามทันที เสียงดังจนดูเหมือนลมที่รั่วจากลูกโป่ง
วิชากรงเล็บของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายก่อนนั้น  แม้แต่อู่กวงก็รู้สึกทึ่ง  ถังเทียนมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง คงไม่จำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากเขาเลย
เมื่อครูก่อนนี้ธุรกิจจะสำเร็จอยู่แล้ว ถ้าขืนเป็นไปแบบนี้ ข้าคงได้จนตาย...
"ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถคุยธุระกันได้นี่" ถังเทียนลูบคาง เหมือนกับว่ากำลังคุยกับตนเอง
อู่กวงนัยน์ตาเป็นประกาย  แค่เพียงถลันตัววูบเดียว เขาก็มาอยู่ข้างตัวถังเทียนแล้ว "โอ โอ โอ! พ่อหนุ่ม เจ้าช่างมีอะไรพิเศษจริงๆ ชายหนุ่มอารมณ์ดี  มีความเข้าใจโลกที่สมบูรณ์แบบจะทำให้มองเห็นโลกได้ปรุโปร่งทุกอย่าง"
จิ่งหาวอึกอักกล่าว  "แต่ไม่สามารถมองทะลุผิวท่านได้...."
"จิ่งหาวน้อย, แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนที่ข้าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่  แต่ถ้าเจ้าก้าวก่ายธุรกิจของข้า  เจ้าคือศัตรูของข้า!" ตาของอู่กวงเป็นประกายแข็งกร้าว "อย่าบังคับให้ข้าต้องชักดาบ!"
"ดาบของท่านสนิมกินจนผุแล้ว เมื่อท่านชักออกมา  อย่านึกว่าข้าไม่เห็นนะ..." จิ่งหาวตอบเสียงเย็นชา
อู่กวงเกือบร้องไห้และโผเข้าหาจิ่งหาวแล้ว  เมื่อถังเทียนยื่นนิ้วออกมาและกันร่างอู่กวงทันที  อู่กวงหันมาดูนิ้วของถังเทียน
"สหายของข้านี้ตั้งใจจะร่วมกับกลุ่มของเรา  แต่พวกเขาอยู่ในความดูแลของรัฐมนตรีข่ง  เราจะทำยังไงดี?" ถังเทียนหันไปถามอู่กวง
จิ่งหาวกระชับกระบี่ของเขากล่าว "เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง..."
อู่กวงลืมตาโพลง ในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย เมื่อครู่ทำไมเขาถึงไม่ควงดาบและเตือนเจ้าเด็กบ้านี่? มันน่าฟันให้ตายนัก
อู่กวงกัดฟันกล่าว "ข้าจะจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้ก็ได้"
ทันใดนั้นเขาขึ้นเสียงตะโกน "รัฐมนตรีข่ง ขอเชิญออกมาสนทนากันหน่อย"
สตรีร่างสูงโปร่งคล่องแคล่วเหินและร่อนลงมาอยู่ชายคาใกล้ๆ  ข่งอี้หวี่ในชุดไหมยิ้มเฉิดฉันท์ "ดาบพิรุณสวรรค์อู่ต้าเริ่น (ท่านอู่) ข้าเชื่อเหลือเกินว่าเราจะต้องพบกันจนได้"
นางรักษาระยะห่างอย่างระมัดระวัง  นางเพิ่งได้เห็นประจักษ์ถึงความร้ายกาจของพลังดาบอู่กวงแล้ว และเขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนไม่ถือเหตุผล
"รัฐมนตรีข่ง เฒ่าอู่มีเรื่องให้ท่านช่วย" อู่กวงพูดเสียงดัง  "เด็กๆ เหล่านี้ทุกคนอยู่ในความดูแลของท่าน  ข้าไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีข่งจะวางมือจากพวกเขาได้ไหม?"
สีหน้าของข่งอี้หวี่เปลี่ยนแปลงไปมา
แม้ว่าทั้งสี่คนจะเพิ่งแพ้ในการต่อสู้มา และไม่สะดุดตาเท่าถังเทียน  แต่นางสามารถบอกได้ว่าทั้งสี่คนมีแนวโน้มและศักยภาพที่ดี และแม้ในตอนแรกนางก็คิดจะดึงถังเทียนเข้ามารวมในกลุ่มเด็กทั้งสี่ด้วย
แต่ดูเหมือนตอนนี้ คงไม่มีหวังแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนางเห็นสายตาแข็งกร้าวของอู่กวง  นางยิ้มตอบรับ "พวกเขาสามารถได้รับความสนใจของดาบพิรุณสวรรค์ได้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว  ข้าหวังว่าอู่ต้าเริ่นจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เนื่องจากพรสวรรค์ของพวกเขาทุกคนไม่เลวเลย"
ทันทีที่นางโบกมือเสร็จ การ์ดสี่ใบก็พุ่งเข้าหาทั้งสี่คน
ราวกับว่าการ์ดอ่อนทั้งสี่ใบถูกควบคุมด้วยมือที่มองไม่เห็น มันบินอยู่หยุดอยู่ต่อหน้าของทั้งสี่คน
 “ทุกคนจะได้รับคนละ 10 คะแนน ถือว่าเป็นของขวัญของข้า” ข่งอี้หวี่พูดอย่างธรรมดาด้วยสีหน้าปกติ
ข่งอี้หวี่เห็นแก่หน้ามากแล้ว อู่กวงมีความสุขมากหันหน้ามาทางจิ่งหาวคล้ายๆ จะเย้ยว่าเห็นฝีมือหรือยัง
 “ตกลง ข้าขอรับไว้” อู่กวงประสานมือคำนับข่งอี้หวี่และพูดเสียงดัง “ขอบคุณรัฐมนตรีข่ง ถ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วยในวันหน้า แค่ส่งข่าวให้เฒ่าอู่ทราบก็พอ”
ข่งอี้หวี่ยังคงยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยไม่ควรแก่การเอ่ยอ้าง  อู่ต้าเริ่นจริงจังเกินไปแล้ว”
อู่กวงหันไปมองถังเทียนและตบหน้าอก “เรื่องเล็กแค่นั้น ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
จิ่งหาวยังพูดหน้าเย็นชาต่อไป “ใช่แล้ว มันเรื่องเล็ก”
อู่กวงยิ้มค้างบนใบหน้า
ถังเทียนถามต่อ “ข้าไม่ต้องการให้สมาคมรวมตระกูลเข้ามาเหยียบหมู่ดาวเพอร์ซูส”
 “คิด 1000 คะแนน”  อู่กวงยินดี อู่กวงทุบอกตัวเองอีกครั้งและประกาศลั่น “ตราบใดเจ้ายินดีจ่ายให้ข้า 1000 คะแนน ข้ารับรองได้ว่า สมาคมรวมตระกูลจะไม่มีทางย่างเท้าเข้ามาในหมู่ดาวเพอร์ซูสได้เลยแม้สักครึ่งก้าว”
 “ระวังนักธุรกิจไร้ยางอายด้วยล่ะ” เสียงเย็นชาของจิ่งหาวดังขึ้นมาอีกครั้ง
อู่กวงจ้องเขา
จิ่งหาวทำท่าเหมือนไม่เห็นอะไร และยังคงพูดต่อไป  “ภายในกลุ่มยังมียอดฝีมือว่างอยู่หลายคน...”
อู่กวงคำรามทันที  หน้าของเขามีแวววิงวอน “800 คะแนน! ราคาขาดตัว ยอดฝีมืออย่างข้า ถ้าเรียกราคาต่ำขนาดนั้น  ข้าก็แทบไม่เหลือหน้าแล้ว”
 “ข้าให้ท่าน 1500 คะแนน”  ถังเทียนส่ายหน้า แต่ท่านต้องแน่ใจนะว่ารับมือได้”
สำหรับถังเทียน 1500 คะแนน ถือว่าถูกมาก เพราะผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายถ้าออกมาแต่ละครั้ง ก็ต้องใช้ถึง 1000 คะแนน และเขาสามารถอยู่ได้ครั้งละสามวันเท่านั้น  ขืนออกมาสองสามครั้ง เขาคงไม่สามารถรับภาระได้
อู่กวงตะลึง  แต่แล้วกลับมีความสุขทันที  รังสีฆ่าฟันแผ่เต็มใบหน้าของเขา “ดี...ข้าจะถอนรากถอนโคนฐานก่อการของสมาคมรวมตระกูลในหมู่ดาวเพอร์ซูสแถวๆ นี้ให้เรียบ และข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกหนูเล็ดรอดหนีไปได้”
รังสีอำมหิตกระจายอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยน

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ฮาทุกคนเลย

Unknown กล่าวว่า...

ได้ผ่อนคลายกับนิยายที่ชื่นชอบ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดค่าร่ายแล้ว จ่ายแบบเหมาถูกกว่าสินะพ่อหนุ่มเทพ :D

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

รวยจริงๆเสี่ยถัง

แสดงความคิดเห็น