วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 125 เด็กหนุ่มยามค่ำ

ตอนที่  125  เด็กหนุ่มยามค่ำ
อากาศรอบตัวถังเทียนเริ่มสั่นเป็นจังหวะ การสั่นสะเทือนก่อให้เกิดคลื่นเป็นระลอก และร่างของถังเทียนดูบิดเบี้ยวผิดรูป

ไม่มีลมหายใจ ไม่มีเสียงตวาด เป็นหมัดที่ปล่อยออกไปเงียบๆ
ระลอกรอบๆ ตัวถังเทียนถูกดึงดูดเข้าหาหมัดของเขา มันล้อมรอบหมัดอย่างรวดเร็ว
ระลอกของหมัดนับไม่ถ้วนถูกดันออกไป ปะทะกำแพงหมอกอย่างเงียบ
ปิง!
เสียงเหมือนแก้วแตกคมชัด กำแพงหมอกพังทลาย และละลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
การสลายหายไปกระทันหันของกำแพงหมอก ทำให้งูภูตดวงดาวประหลาดใจ ความจริงมันกำลังตั้งท่าโจมตี   แต่กายครึ่งท่อนบนหดกลับทันทีอยู่ในท่าตั้งรับ
หัวใจของถังเทียนลอบสั่นไหว ปราณที่เยือกเย็นมากแล่นผ่านหมัดเขา ปราณกระเรียนในร่างเขาความจริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ทันที  แต่หลังจากนั้นสามวินาทีพลังกระเรียนจึงสามารถแปลงปราณเย็นยะเยือกได้
ปราณที่มีพลังเย็นยะเยือกขนาดนั้น
ถังเทียนจ้องมองงูภูตดวงดาวอย่างตั้งใจ  ขณะที่งูก็จ้องตอบเขา ทั้งสองติดค้างอยู่กับการเผชิญหน้า
"กลับกันเถอะ" ปิงปรากฏด้านหลังถังเทียน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนถอยออกมาช้าๆ และงูภูตดวงดาวก็รู้ว่าถังเทียนล้อเล่นด้วยไม่ได้  มันตั้งท่าอยู่อย่างเดิมโดยไม่ไล่ตาม
※※※※※

เมื่อกลับมาที่ฐาน
หน้าถังเทียนดูน่าเกลียด เขาไม่สบายใจและแค่นเสียง "ข้าสามารถเอาชนะมันได้!"
"หลังจากนั้นเล่า?"  ปิงมีสีหน้าเหยียดหยาม "นี่แค่ครั้งแรก เจ้าก็เจอกับภูตอสูรดวงดาวเสียแล้ว และข้าสาบานได้เลยว่า มันต้องมีเทคนิคฆ่าอย่างอื่นอยู่อีก"
"เทคนิคฆ่าอะไร?"  ถังเทียนเงยหน้ามองปิง
"ข้าไม่รู้" หน้าของปิงบ่งบอกว่าจริงจัง "ภูตอสูรดวงดาวเหล่านี้มีการดูดกลืนชิ้นส่วนขุนพลวิญญาณโบราณ และเจ้าอย่าดูแคลนชิ้นส่วนเหล่านี้จะดีกว่า แม้ว่าระดับของมันจะไม่สูงและมีการแยกส่วนมาก แต่พวกมันมักประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของเคล็ดต่อสู้ของนักสู้และอสูรดวงดาวเหล่านี้ทุกตัวได้ดูดเอาชิ้นส่วนขุนพลวิญญาณโบราณ ผลกระทบทั้งหมดจะถูกพวกมันดูดกลืนไว้ทั้งหมด"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนตะลึง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดตะกุกตะกัก "ลุงกำลังบอกว่าภูตอสูรดวงดาวเหล่านี้รู้จักเคล็ดวิชาต่อสู้อย่างนั้นหรือ?"
"ถูกแล้ว" ปิงมีสีหน้ารำลึกถึง "ในอดีตเราได้พบกับพวกมันมามากมาย อย่าดูถูกนักสู้โบราณ แม้ว่าวิชาต่อสู้ของพวกเขายังมิได้ซับซ้อนเหมือนตอนนี้ แต่ด้วยความหลากหลายรูปแบบ มันเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน  แต่ทรงพลังน่าทึ่ง นอกจากนี้ภูตอสูรดวงดาวเหล่านี้มีร่างกายแข็งแกร่งอยู่แล้ว และสามารถก้าวหน้าในวิชาต่อสู้ได้อย่างไม่ธรรมดา แสดงว่ามันเฉลียวฉลาด"
ถังเทียนยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ เขาพึมพำกับตนเอง "ถ้าข้ารู้แล้ว ข้าคงไม่ลองสู้กับมันแน่น"
ปิงจ้องดูเขาทันที "วางใจได้, เจ้ายังมีโอกาสอีกมาก"
"ทำไมพวกท่านทั้งสองไม่ลองใช้อาวุธจักรกลดูบ้างเล่า?" จู่ๆ เสียงของเซรีนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา  หลังจากได้หลับชั่วครู่  นางก็ฟื้นฟูเรี่ยวแรง รอยเส้นเลือดแดงในดวงตานางหายไปแล้ว ความสับสนและความยุ่งเหยิงในหัวของนางหายไปหมดแล้ว และนางกลายเป็นเซรีนเจ้าปัญญาอีกครั้ง
เซรีนปกติสร้างความรู้สึกกดดันให้ถังเทียนทันที เขาจ้องดูนางอย่างปวดหัว
เสื้อเอวลอยของนางไม่สามารถปิดอกอวบที่ร้อนแรงยั่วยวนของนางได้ นางเมินเฉยที่จะหวีสางผม นัยน์ตาที่มีเสน่ห์ของนางเหมือนกับมีประกายที่คาดเดาไม่ได้
"อาวุธเครื่องกลที่นี่มีความโดดเด่นมาก  ถ้าเจ้าไม่พอใจมัน เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้ทำความเข้าใจมันบางอย่างได้ลึกซึ้ง และลูกปัดวิญญาณโบราณที่เจ้าให้ข้าเมื่อครั้งล่าสุด ข้ายังไม่ได้ใช้ ดังนั้น ข้าจะลองใช้มันสร้างอาวุธเครื่องกลรุ่นใหม่" นัยน์ตาของเซรีนเต็มไปด้วยแรงปรารถนาร้อนแรง "แล้วเจ้าสามารถใช้มันต่อสู้และส่งคำเสนอแนะมาให้ข้า"
ทุกครั้งที่สายตาของเซรีนที่มีความคลั่งไคล้มองดูพวกเขา แรงกดดันในใจของถังเทียนจะหายไปทันที
"นั่นเป็นไปไม่ได้" ปิงตัดบทและอธิบายว่า "เส้นทางสายนี้ในอดีต ไม่ได้เป็นเส้นทางลับทางทหาร  หลายๆ คนจะเดินไปตามเส้นทางนี้  แต่เนื่องจากทางกองทัพมีประกาศห้ามใช้ เนื่องจากถนนสายนี้นำไปสู่ในกลางของฐานทัพ เพื่อป้องกันเรื่องนั้น มันเป็นสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนเกียจคร้านหลายคนที่ยังคงใช้เส้นทางนี้อยู่ แม้จะมีประกาศไปแล้วก็ตาม  จากนั้นก็มีหลายคนที่ถูกลงโทษ  หลังจากนั้นผู้บัญชาการก็ออกหน้าเอง และอนุญาตให้ช่างเครื่องกลสร้างกับดักหลายแห่ง  ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจักรกลใดๆ ก็ตามก็จะถูกโจมตี"
"ปิดกั้นถนนโดยตรงจะไม่ดีกว่าหรือ?  ความคิดของผู้บัญชาการของท่านนี่แปลก" ถังเทียนไม่เข้าใจ
"วิธีคิดของเขาก็แปลกอยู่เสมอ"  ปิงผลักมือเขาออก "ถ้าเจ้าไม่ยืมพลังของอาวุธเครื่องกล และอาศัยความแข็งแกร่งของตนเองผ่านไปตามถนน  อย่างนั้นเจ้าจะไม่ถูกลงโทษ  ท่านผู้บัญชาการคิดว่า นั่นควรแก่การยกย่อง"
"อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?"  ถังเทียนมองปิง
"ไม่มีทางอื่น  เจ้าต้องลุยถนนตลอดสายด้วยตนเอง" ปิงสั่นศีรษะ "ข้าเองก็เช่นกัน คิดอะไรไม่ออก โชคดีที่ฐานเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และด้วยความก้าวหน้าในปัจจุบันของเจ้า เจ้าจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่บ้าง  นั่นคือเส้นทางใกล้ที่สุดที่เราใช้ได้"
ถังเทียนลอบกำหมัดแน่น
※※※※※

ยามค่ำ
ยามค่ำในภูมิภาควิญญาณและดวงดาวธรรมดาจะต่างกัน   ท้องฟ้าเป็นสีแดงตามธรรมชาติ  พระอาทิตย์ยามอัสดงเป็นเหมือนทุ่งหญ้าทะเลแดงแขวนอยู่ในท้องฟ้า พระอาทิตย์สีส้มอมเหลืองค่อยๆ ลดระดับลง และพระจันทร์เต็มดวงสีเหลืองอำพันลอยสูงขึ้นในท้องฟ้าเงียบๆ
เสาหินสูงหลายต้นตั้งตระหง่านอยู่นอกค่าย
ถังเทียนนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น จ้องมองท้องฟ้าแสนไกลจมอยู่กับความคิด
เขาเพิ่งออกมาจากห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง ตลอดทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกจากหน้าลงมาถึงคางของเขา  อาการหอบหายใจของเขาค่อยช้าลง ความโกรธจากการถูกเจ้าหุ่นสิบแปดตัวทุบตีค่อยๆ ลดลงช้าๆ
ฉากภาพแบบนั้นไม่ได้หรูหราหรือสวยงาม  แต่ก็เป็นประเภททำให้จิตใจคนสงบลงได้
ทันใดนั้นเขาหวนนึกถึงเมืองซิงฟงในอดีต วันแล้ววันเล่ากับการฝึกที่แห้งแล้งน่าเบื่อ เพราะเขาไม่ต้องการถูกผู้คนเยาะเย้ย   เขาจึงหาสถานที่ห่างไกลไม่มีผู้คนเพื่อฝึกตามลำพัง  เชียนฮุ่ยมักจะไปมากับเขา  แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับเหลือเขาตามลำพัง
เขายังคงนั่งอยู่ที่ยอดเขาอย่างนั้นมองดูท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆ คลี่ม่าน  ดูจันทราค่อยๆ ลอยเด่นฉายแสงสว่างเต็มม่านฟ้า
จู่ๆ ลมผสานกลิ่นหอมพัดใส่เขาวูบหนึ่ง และข้างๆ เขามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน
"เฮ้, ทำไมเจ้าถึงมานั่งอยู่ตามลำพังตรงนี้  กังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอ?" เซรีนมานั่งข้างๆ ถังเทียนและหยอกเย้าเขา "หนุ่มชาวฟ้าไม่ควรจะมีเรื่องกังวลหรอกนะ"
"จะมีเรื่องแบบไหนให้ข้ากังวลได้เล่า?" ถังเทียนรู้สึกและหัวเราะลั่น
"เอาเถอะน่า!"  เซรีนเหลือกตา "เจ้ากำลังคิดเรื่องเชียนฮุ่ย!  อย่าตำหนิตัวเองมากเกินไปเลย  เจ้าพยายามมากเท่าที่เจ้าทำได้แล้ว.."
"อืม.. ข้าคิดถึงนาง  และข้าไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร  อย่างไรก็ตาม ข้าไม่กังวลมากนัก  เชียนฮุ่ยมักจะมีความสามารถมากกว่าข้า ฉลาดกว่าข้า  ข้ามั่นใจนางมาก" หน้าของถังเทียนแสดงความชื่นชม  เขาหันหน้ามาทำหน้ากวนใส่เซรีน "แม่สาวน้อย, เจ้าคิดว่าหนุ่มชาวฟ้าจะตำหนิตัวเองหรือ?  ฮ่าฮ่า และสิ่งที่เจ้ากำลังพูด  เจ้าต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้นด้วย  คำพูดแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับข้า"
เซรีนอึ้ง "ไม่เหมาะสำหรับเจ้า?"
ความภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม  เขากำหมัดชูนิ้วหัวแม่มือและจิ้มมาที่ตัวเอง พูดอย่างลำพองว่า "หนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้มีชะตาจะต้องกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด  ในพจนานุกรมของข้าจะใส่คำว่าพยายามมากเกินไปได้อย่างไร?"
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ตก หรือเป็นแสงในตัวของเด็กหนุ่ม มันทำให้เซรีนกระวนกระวายจนต้องหลุบตาลงเพื่อหลบจากโลกที่บริสุทธิ์และมีเสน่ห์  นางแค่นเสียง "เจ้าคิดเอง เออเอง ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน"
น้ำเสียงของนางเปลี่ยน "อย่างนั้นเจ้าคิดว่าที่นี่เป็นยังไง?"
ถังเทียนอึ้ง จู่ๆ เซรีนก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา "ข้าคิดว่าไงน่ะหรือ? ความจริงข้าไม่มั่นใจสิ่งที่ข้าคิดมากนัก ความจริงข้ากำลังนึกถึงการฝึกฝนที่ผ่านมาต่างหาก"
"การฝึกฝนในอดีต?" จู่ๆ เซรีนก็ให้ความสนใจ  "เจ้าคงมีพลังแข็งแกร่งมากในอดีตใช่ไหม?  เจ้ามักอยู่ลำดับสูงสุดในโรงเรียนเจ้าใช่ไหม? สามอันดับแรกหรือเปล่า?"
ถังเทียนหน้าแดง  เขาพูดอย่างละอาย "ผลการฝึกฝนของข้าแย่มาก ข้าเรียนซ้ำชั้นอยู่หลายปี"
"ซ้ำชั้นอยู่หลายปีเชียวหรือ?" เซรีนตะลึง  นางไม่เชื่อหูเลย หน้าของนางเป็นเหมือนกับว่าเห็นผี  "ไม่มีทาง! เจ้าไปเข้าเรียนโรงเรียนแบบไหนกัน  เจ้าแข็งแกร่งมาก มาตรฐานฝีมืออย่างเจ้า ยังต้องซ้ำชั้นอีกหรือ?  โอวพระเจ้า! โลกนี้ความจริงมีโรงเรียนที่ทรงพลังแข็งแกร่งอย่างนั้น ข้าไม่รู้เลยจริงๆ เจ้าต้องบอกข้านะ!"
"อะแฮ่ม!" ถังเทียนไม่รู้ว่าจะบอกนางอย่างไร และด้วยอดีตที่ดำมืดของเขา  ถ้ามันตกไปอยู่กับเซรีนผู้อาจมีสถานะอันตราย มันจะยิ่งอันตรายมาก  เขาทำท่าทางเสพูดเป็นอย่างอื่น "เหลือเวลาไม่มากแล้ว  ข้าต้องไปเริ่มฝึกต่อ"
พูดจบ เขาพรวดพราดลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปทันที
"เฮ้ๆๆ! พูดจบก็ไปเลย! อย่าปล่อยให้ข้าค้างไว้อย่างนี้สิ มันแย่จริงๆ"
เซรีนที่ชอบนินทา ตะโกนไล่หลัง
ถังเทียนวิ่งออกไปเร็วกว่าเดิม
※※※※※

ถังเทียนปล่อยหมัดออก
ระลอกนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่รอบหมัดของเขา เหมือนกับว่าหมัดของเขากำลังฉุดดึงเส้นด้ายกองใหญ่
ถังเทียนหยุด หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ มีไอหมอกลอยขึ้นจากตัวของเขา  แต่เขาไม่รู้สึกอะไร  เขาก้มหน้ามองดูหมัดของตัวเอง
กระตุ้นปราณเที่ยงแท้ในร่างเขาและใช้หมัดรวบรวมพลัง
เศษริ้วระลอกทั้งหมดปรากฏขึ้นอีกครั้ง อากาศโดยรอบเริ่มสั่นสะเทือน  เขาสั่งสมประสบการณ์คลื่นสั่นสะเทือนอย่างรอบคอบ  สัญชาตญาณที่โดดเด่นของเขาทำให้เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทุกนาที ความเข้าใจเรื่องแรงสั่นสะเทือนของเขาลึกซึ้งกว่าในอดีต
เขาฝึกและพัฒนาทุกวัน แต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้ว่าเขากระทบกับคอขวดในการฝึก
ปราณเที่ยงแท้!
หลังจากริ้วละรอกสั่นสะเทือนทั้งหมดถูกสร้างด้วยพลังสั่นสะเทือนของเขา  ถังเทียนได้ขุดพลังมาวิเคราะห์แรงสั่นสะเทือนของปราณเที่ยงแท้อย่างหนัก และเขามีความก้าวหน้าได้อย่างโดดเด่น  แต่ตอนนี้ เขาติดอยู่ที่คอขวดของการฝึกฝน
ปราณเที่ยงแท้เป็นเหมือนสายธนู  มันเป็นรากเหง้าของแรงสั่นสะเทือน
แต่สายธนูนี้ คุณภาพ ความเหนียวและความแข็งนั้นได้ทั้งหมด และสามารถทนรับความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือนได้
แต่ปัญหาในปัจจุบันของถังเทียนก็คือ ปราณเที่ยงแท้ของเขาไม่สามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนที่กล้าแข็งได้  เขาจำเป็นต้องทำให้ปราณเที่ยงแท้ของเขาหนาแน่น ทนทาน แข็งและหนายิ่งขึ้น  จากนั้นเขาจะสามารถสำรวจลึกไปอีกก้าวก็ได้
เป็นเรื่องของเวลา
ถังเทียนพบปิงและบอกเล่าแนวคิดของเขา
 “ลุง! มาเริ่มกันเถอะ ข้าอยากลองกับวิทยายุทธโบราณ  ใช้การต่อสู้เพื่อยกระดับฝีมือ ฟังดูน่าจะดี”
มีอีกเสียงดังก้องอยู่ในใจของถังเทียน
เชียนฮุ่ย, ข้ามาแล้ว!

3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

แสดงความคิดเห็น