ตอนที่ 491 ฆ่ายักษ์ไตตัน ยกระดับทั่วหน้า
สิบชั่วโมงต่อมา
ไตตันโบราณผู้สูญเสียพลังเรี่ยวแรงต่อสู้ไปจนหมด และในพริบตาที่เขาตาย
เขาร่วงลงมาจากการโจมตีครั้งสุดท้ายของเย่ว์หยาง
ร่างมหึมาของเขากระแทกเข้าที่ผืนน้ำสีเลือดของทะเลสาบในหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตทำให้น้ำกระเด็นกระจายไปทั่วทุกที่
เย่ว์หยางเหน็ดเหนื่อยแทบตายก็คลายใจและหมดสติร่วงลงกับพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
นางเงือกวายุใช้หางปลาที่งดงามของนางโล้มาตามคลื่นอย่างรวดเร็วตรงเข้าหาเย่ว์หยาง
นางยื่นวงแขนที่เรียวงามรับตัวเย่ว์หยางไว้
ก่อนที่ตัวนางจะต้านคลื่นที่ถาโถมเข้ามาไว้ได้
ตอนนี้ในท้องฟ้ายังมีนางพญากระหายเลือดหงและตั๊กแตนมัจจุราชพยายามจะบินขึ้นเพื่อหนีให้พ้น
แต่ก็ช้าเกินไปเพราะความเหนื่อยล้าจึงพยุงร่างให้บินต่อไปไม่ได้
นางพญากระหายเลือดยังดีที่ร่วงลงใกล้ฉลามเสือทองและขึ้นหลังมันได้ แต่ตั๊กแตนมัจจุราชร่วงลงกระแทกน้ำอย่างเต็มที่
ปีกของมันล้าไร้เรี่ยวแรงทำได้แต่ตีน้ำกระจายไปทั่ว ดูสภาพแล้วน่าสมเพช
ถ้าไม่ใช่เพราะเมดูซ่าศิลาดึงมันขึ้นมาจากน้ำทันเวลา
มันคงเป็นตั๊กแตนมัจจุราชตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่จมน้ำตายก็เป็นได้
ไม่ใช่แต่พวกเขาทั้งสองเท่านั้น
แต่สัตว์อสูรทั้งหมดที่เข้าร่วมต่อสู้ต่างก็หมดแรงไปตามๆ กัน
มีเพียงโคเงาอาหมันที่ยังคงเหลือเรี่ยวแรงกายอยู่บ้าง นางไม่มีทางหมดแรงตราบเท่าที่ยังยืนอยู่บนพื้นแผ่นดิน
นอกจากนางแล้วภูตเพลิง, นาคาสายฟ้า, อสรพิษน้ำแข็งและนางพญาดอกหนามมงกุฏทองตั่วตั่ว
หรือแม้แต่เสี่ยวเหวินหลีก็หมดแรงกันหมด
แม้ว่าอูซูจะสูญเสียร่างกายไปครึ่งหนึ่ง
และเหลืออยู่แต่เพียงพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง
แต่สิ่งมีชีวิตอย่างไตตันโบราณก็มีความสามารถต่อสู้จนถึงขั้นนี้ได้
โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคัมภีร์อัญเชิญหรือสมบัติวิเศษ ทั้งหมดเป็นการใช้เรี่ยวแรงตนเองล้วนๆ
ไตตันโบราณแข็งแกร่งสมชื่อของเขาจริง
ถ้าอูซูไม่ถูกพันธนาการหรืออยู่ในสภาพที่สุดยอดพร้อมต่อสู้ ถ้าเขามีคัมภีร์อัญเชิญ หรือมีอสูรพิทักษ์
หรือมีสมบัติวิเศษใช้ต่อสู้ ผลการต่อสู้อาจตรงกันข้ามก็ได้
เหตุผลที่เย่ว์หยางสามารถเอาชนะอูซูได้ไม่ใช่เพราะจำนวนของอสูรหรือพลังปราณ แต่สาเหตุหลักมาจากโซ่ล่ามเทพ
มันใช้พันธนาการอูซูและจำกัดความเคลื่อนไหวของเขาไว้
เขาถูกใช้เป็นเหมือนกระสอบทราย อาจกล่าวได้ว่าอูซูอาศัยกำลังความแข็งแกร่งของร่างกายในฐานะที่เป็นชาวไตตันต่อสู้มาได้จนบัดนี้
"ข้าจะจดจำเจ้าไว้ เจ้าแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ"
เย่ว์หยางผ่านการต่อสู้มาหลายศึก
อูซูต่อสู้คนเดียวโดยใช้ฝีมือไม่ได้ใช้อุบายลูกไม้ใดๆ
เขาหยิ่งและใช้ความแข็งแรงของร่างกายและอดทนสู้ด้วยอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ในมือของเย่ว์หยางถือหัวใจขนาดยักษ์ไว้
หัวใจของยักษ์ไตตันตอนแรกมีขนาดใหญ่กว่าบ้าน
แต่เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตกลั่นปรับขนาดลดลงต่อเนื่อง
หลังจากผ่านเผาผลาญด้วยเพลิงอมฤตสิบนาที
ในที่สุดมันก็หดตัวลงเหลือขนาดเพียงผลแตงโม
แข็งราวกับโลหะแต่ชัดใสเหมือนแก้วผลึก
เลือดเทพเจ็ดสีส่องรัศมีสว่างไหลออกมาจากภายในช้าๆ เมื่อเลือดเทพไหลออกมา มันส่องรัศมีสว่างโดยรอบ
ทำให้ยากจะมองเลือดเทพที่มีคลื่นพลังมหึมาขณะกำลังหยดลงได้
พลังของมันมากจนแทบจะควบคุมสำนึกของเย่ว์หยางไว้ได้ แต่เขาคาดเอาไว้อยู่แล้ว เขาถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงเพลิงอมฤตควบแน่นและถ่ายเข้าไปในผนึกต่อเนื่อง
เข้าต้องการท้าทายความเป็นไปไม่ได้ นั่นคือกลั่นเลือดเทพด้วยปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต
เย่ว์หยางไม่สนใจสำนึกเทพที่ปรากฏอยู่ภายในเลือดเทพ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะเย่ว์หยางต้องการแต่พลังงานภายในเท่านั้น
สำนึกเทพที่อยู่ภายในเลือดเทพจะแข็งแกร่งกว่า
หรือเป็นเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดจะทรงพลังมากกว่ากัน?
ยี่สิบนาทีต่อมา
สำนึกเทพภายในเลือดเทพเริ่มจางหายไป
หยดเลือดเทพสีทองเกือบโปร่งใสปนทองและสีแดง นี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา
เพราะหลังจากเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดขับไล่สำนึกเทพแล้ว
สำนึกของเย่ว์หยางก็เข้าควบคุมเลือดเทพได้อย่างสิ้นเชิง
อสูรอื่นๆ
ไม่สนใจสำนึกเทพที่ระเหยออกมา
มีแต่ภูตเพลิงที่ไล่ซึมซับสำนึกเทพไว้ภายใน
เย่ว์หยางไม่ได้ห้ามนาง ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่า
นี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
“แค่เลือดเทพหยดเดียวก็ทรงพลังมากมายแล้ว”
เย่ว์หยางเพ่งความสนใจไปที่หยดเลือดเทพที่ได้รับการกลั่นฟอก
แค่เพียงเลือดเทพหนึ่งหยดก็เท่ากับพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบแล้ว
“หูว!” เสี่ยวเหวินหลียิ้มหวานให้เย่ว์หยาง เธอพยายามเก็บเลือดเทพนี้ไว้ให้เย่ว์หยาง
“ลูกสาวคนดี, ข้าจะให้ของนี้กับเจ้านะ!” เย่ว์หยางยื่นเลือดเทพให้ต่อหน้าเสี่ยวเหวินหลี
“....” เสี่ยวเหวินหลียิ้ม เธอโบกมือแล้วสั่นศีรษะ
“เจ้าไม่ชอบเหรอ?” เย่ว์หยางตะลึง
“....” เสี่ยวเหวินหลีกางแขนแล้วจากนั้นกอดขาเย่ว์หยางแน่น
แสดงให้เห็นว่าเธอมีสิ่งที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว
ดังนั้นเธอไม่ต้องการเลือดเทพ
เย่ว์หยางตอนแรกตกใจ แม่หนูน้อยผู้นี้เป็นเช่นนี้เสมอมา เธอมักจะเป็นคนแรกที่ออกมายืนหยัดต่อสู้ แต่เธอไม่เคยโลภอยากได้รางวัลใดๆ เลย
เธอไม่สนใจแม้แต่เลือดเทพซึ่งทุกคนไล่ไขว่คว้าตามหาแทบคลั่ง
“ข้าจะมอบร่างไตตันทั้งหมดกับตั่วตั่ว,
และให้เลือดไตตันกับตั๊กแตนน้อยกับเมดูซ่าเท่าที่เจ้าต้องการ
หัวใจไตตันมอบให้อาหมัน เนื่องจากเสี่ยวเหวินหลีไม่ต้องการหยดเลือดเทพนี้ ข้าจะให้เจ้าก็แล้วกัน”
เย่ว์หยางรู้สึกว่าหยดเลือดเทพนี้จะช่วยผู้หญิงของเขาได้มาก แต่เขาเกรงว่าร่างกายพวกนางจะรับไม่ได้ นางเซียนหงส์ฟ้าอาจรองรับได้
แต่นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นสุดยอดไปแล้ว ดังนั้นการยกระดับของนางคงเป็นไปได้ช้า
เย่ว์หยางตัดสินใจมอบให้อสูรพิทักษ์ของเขาแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหมัน,
หงและตั่วตั่วกำลังหลักทั้งสาม เขาให้ความสำคัญพวกนางเป็นพิเศษ
“ขอบคุณนายท่าน, แต่หงไม่ต้องการเลือดเทพ” หง
นางพญากระหายเลือดสั่นศีรษะและโบกมือ
มิใช่แต่นางผู้เดียวเท่านั้น เนื่องจากอาหมันก็ทำเหมือนกัน
“แล้วเจ้าเล่า ตั่วตั่ว?” เย่ว์หยางงงงัน
ทำไมพวกนางถึงไม่ต้องการ?
“คิก คิก.. ข้าก็เหมือนกัน”
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่ยอมรับเลือดเทพในมือเย่ว์หยาง แต่นางกลับแลบลิ้นเลียบาดแผลบนตัวเย่ว์หยางอย่างมีความสุขแทน
มองดูเหมือนลูกแมวน้อย ปกติเย่ว์หยางจะต้องโกรธ
เนื่องจากเขาไม่ได้ตั้งใจฝึกนางให้เป็นแวมไพร์สักหน่อย
“เจ้าชอบเลือดของข้ามากกว่าอย่างนั้นหรือ?”
พอเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนเย่ว์หยางจะจับเค้าลางบางอย่างได้
“หวานอร่อยมาก!” ลักษณะของตั่วตั่วเมื่อมีวิวัฒนาการแล้วจะกลายเป็นสาวงามหยาดเยิ้ม แต่นิสัยของนางยังไม่โตสมวัย
ยังดูเหมือนเด็กวัยรุ่นอยู่
ว่ากันในแง่วิวัฒนาการลักษณะภายนอก
นางวิวัฒนาการได้ดีกว่าหง
นางมีสติปัญญาฉลาดด้วยเช่นกัน แต่ยังด้อยกว่าหงในเรื่องพัฒนาการอารมณ์แบบมนุษย์
ความจริงหงเพิ่งจะมีวิวัฒนาการเหนือตั่วตั่วเมื่อเร็วๆ
นี้เอง
ถ้านางพญาดอกหนามมงกุฏทองไม่ได้ใช้เวลาวิวัฒนาการส่วนใหญ่ไปกับการจำศีลมากเกินไป หรือถ้าหงนางพญากระหายเลือดมิได้รับแรงบันดาลใจจากเย่ว์หยางและภรรยาของเขา
เช่นหญิงงามอู๋เหิน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้า
บางทีหงคงยังไม่อาจเทียบได้กับราชินีพฤกษาตั่วตั่ว
แม้ว่าตั่วตั่วและหงจะไม่ตอบออกมาตามตรง แต่เย่ว์หยางก็ได้คำตอบของเขาแล้ว
บางทีการสนองตอบของพวกนางอาจมาจากสัญชาตญาณ เนื่องจากพวกนางเองไม่สามารถทำความเข้าใจได้
อย่างไรก็ตามหลังจากเมื่อเย่ว์หยางนึกย้อนถึงการทำสัญญาวิญญาณโลหิตของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี,
เสี่ยวเหวินหลีถือกำเนิดใหม่ด้วยเลือดของเขา
และจากนั้นพฤติกรรมชอบเลียเลือดของเขาของนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
และเรื่องอัศจรรย์เมื่อคราวที่ตั๊กแตนมัจจุราชและภูตเพลิงได้รับจากเลือดของเขา
เย่ว์หยางคงจะโง่ถ้ายังจะสงสัยเรื่องของตนเองอีกต่อไป
เย่ว์หยางมักคิดเสมอว่าปราณก่อกำเนิดในเลือดของเขาคงสร้างผลสะท้อนที่พิเศษมาตลอด แต่ตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่จริงไปทั้งหมดเสียแล้ว
ปราณก่อกำเนิดเพิ่มประโยชน์ให้มันได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากเลือดของตัวเย่ว์หยางเอง
บางทีนักพรตเฒ่าที่เตะเขาข้ามมิติมา
คงได้เพิ่มพลังอมตะลงมาในสายเลือดของเขา จากนั้นเป็นต้นมาสภาพร่างกายของเขาจึงเปลี่ยนไป
หรือเป็นไปได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงปกติของร่างกายเขา
เมื่อเทพธิดากระบี่ฟ้าให้เขากินยาอายุวัฒนะจากกระเป๋าวิเศษของนางระหว่างที่เขาเกือบตายเนื่องมาจากการเดินทางข้ามมิติ?
เย่ว์หยางไม่อาจหาผลสรุปได้
แต่เนื่องจากหงและตั่วตั่วชอบเลือดของเขามากกว่าเลือดเทพ
ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้จุดหนึ่ง แม้ว่าเลือดของเขาจะไม่ใช่เลือดเทพ
แต่ก็ต้องดีพอ อาจจะคล้ายๆ
กับเนื้อของพระถังซัมจั๋ง ที่พวกหัวหน้าปีศาจชอบอ้างอยู่เรื่อยว่ากินไปแล้วจะเป็นอมตะไม่แก่ไม่เฒ่า เย่ว์หยางเดาสุ่มไปทั่ว
แต่เขาก็ยังไม่ได้ผลสรุป ดังนั้นเขาตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยๆ
รอและค้นคว้าดูในอนาคต
เขาเก็บเลือดเทพไว้ก่อนและจากนั้นใช้ดาบเพลิงอมฤตค่อยๆ
ชำแหละร่างไตตันโบราณ
นอกจากแขนขวาแล้ว ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่จะยกให้นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง เพื่อที่ว่านางจะได้ยกระดับเพิ่มขึ้นได้อีก...
เมื่อไม่นานนี้นางพญาดอกหนามมงกุฎทองเพิ่งจะกินนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปมากรวมทั้งมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์
ดังนั้นนางสามารถยกระดับได้อย่างน้อยที่สุดก็เป็นอสูรในตำนานได้ ขอเพียงแต่นางย่อยร่างพวกที่กินไปก่อนหน้านั้นทั้งหมด
ตอนนี้
ยังเพิ่มร่างไตตันโบราณอีก เย่ว์หยางเดาว่าอนาคตนางคงจะไม่มีขีดจำกัด
แน่นอนว่า
ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของนางพญาดอกหนามมงกุฎทองจะสูงล้ำแน่นอน
และเย่ว์หยางมักจะให้ส่วนที่ดีที่สุดกับนาง
ดังนั้นเขาไม่ลังเลที่จะยกศพไตตันให้
“รอให้ข้าตื่นจากจำศีลเสียก่อน ข้าจะทำงานหนักตอบแทนเจ้านายแน่”
นางพญาดอกหนามมงกุฏทองกอดและจูบเย่ว์หยางก่อนจะกลับเข้าไปจำศีลต่อ
“รวบรวมเลือดทั้งหมดไว้แล้ว”
นางเงือกวายุรวบรวมเลือดทั้งหมดไว้ในอ่าง
และสร้างเป็นรูปบอลโลหิตก่อนที่นางจะยกขึ้นในอากาศและค่อยเคลื่อนส่งไปไว้ต่อหน้าเย่ว์หยาง
นางเป็นหนึ่งในอสูรที่มีวิวัฒนาการทางปัญญารวดเร็ว
รวมทั้งเมดูซ่าศิลา
เมื่อเงือกวายุสามารถพูดได้อย่างชัดเจน
เมดูซ่าศิลาและพวกที่เหลือก็ยังเรียนภาษามนุษย์ได้อย่างตะกุกตะกัก
แม้แต่เสี่ยวเหวินหลีเจ้านายของพวกนางก็ยังพูดไม่ได้ แต่เย่ว์หยางสงสัยว่าเสี่ยวเหวินหลีคงจะรู้วิธีพูดแล้ว
เธออาจเป็นเหมือนสาวกิเลนปิงหยิน
ผู้ไม่ต้องการจะพูดเนื่องจากเสียงของนางยังเด็กมาก
นอกจากนี้นี่อาจเป็นนิสัยส่วนตัวของนาง
เลือดไตตันนับว่าเป็นของชั้นดี
เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าสามารถเอามากลั่นให้ยิ่งขึ้น
ก็อาจเป็นตัวเลือกระดับสูงเพื่อฝึกฝนยกระดับอสูรชั้นดี คงไม่เป็นของสูญเปล่าแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือเขาไม่มีเวลา
และไม่มีพลังมากพอจะกลั่นเพิ่ม
ดังนั้นเย่ว์หยางทำได้เพียงแต่เก็บเลือดไตตันไว้
เขาแยกเก็บไว้ในแหวนแพลตตินัมของเขาและค่อยหาเวลาจัดการทีหลัง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปขณะที่เย่ว์หยางเผาโซ่ล่ามเทพด้วยเพลิงอมฤตของเขา
ทันใดนั้น
แสงมากมายเปล่งออกมาจากร่างเย่ว์หยาง, เสี่ยวเหวินหลี, หงนางพญากระหายเลือด,
โคเงาอาหมัน, ตั๊กแตนมัจจุราช, ภูตเพลิง, เมดูซาศิลาและอสูรที่เหลือ
เหตุผลก็เพราะว่าการต่อสู้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว คัมภีร์อัญเชิญลอยมาอยู่ด้านข้างเย่ว์หยาง
ขณะที่ “โลก” อสูรพิทักษ์ยิงลำแสงออกมาทำให้รัศมีม่านพลังแต่เดิม 80
เมตรเพิ่มขนาดไปเกินกว่าร้อยเมตร
อสูรทั้งหมดยกระดับพร้อมๆ
กันรวมทั้งเสี่ยวเหวินหลีที่ยกระดับได้ยากที่สุดในกลุ่มพวกเขา
เธอได้ยกระดับต่อเนื่องหลังจากจู่โจมทำร้ายจักรพรรดิชื่อตี้
ลอบสังหารจักรพรรดิสมุทรและร่วมต่อสู้กับอูซู การต่อสู้ทั้งสามรอบนี้
เป็นเพราะต้องต่อสู้ด้วยความพยายามเต็มที่จึงเชื่อมโยงกับการยกระดับได้
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ
เธอได้รับพลังของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีด้วย
พลังของเธอจึงเพิ่มขึ้นทันที
ทั้งหมดนี้รวมกับการฝึกฝนและประสบการณ์ที่เธอได้รับจากในการต่อสู้ครั้งนี้ เธอจะไม่ยกระดับได้ยังไง?
เสี่ยวเหวินหลียกระดับจากอสูรเพชรระดับห้า
เป็นอสูรเพชรระดับหก
เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจฆ่าอูซูเพื่อใช้ฝึกฝนหนูน้อยอสรพิษน้อยผู้นี้ เมื่อเห็นว่าเธอผ่านระดับห้ากลายเป็นอสูรเพชรระดับหกได้ในที่สุด
ทำให้เขาปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
แสงรุ้งขาวกระจายไปทั่วทุกที่และเต็มไปทั้งห้อง กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วห้องทำให้จิตใจของทุกคนผ่อนคลาย
เสี่ยวเหวินหลีค่อยๆ
ลอยขึ้นไปในอากาศภายใต้แสงแพรวพราว
ตลอดทั้งตัวของเธอดูเป็นประกายระยิบระยับและโปร่งใสเหมือนกับเป็นชิ้นหยกขาวขณะที่เธอขยายขนาดขึ้น แม้ว่าเธอยังเป็นเด็กหญิงน้อยอยู่
แต่เย่ว์หยางก็พบอย่างตื่นเต้นว่าเสี่ยวเหวินหลีเติบโตอีกครั้ง เขาต้องวางแผนฝึกแม่หนูน้อยนี่ต่อไป
ดูเหมือนว่าเขาได้เห็นผลที่ชัดเจนแล้ว
ชั่วเวลาขณะนั้น
เย่ว์หยางรู้สึกว่าได้รับความสำเร็จมากมายมหาศาลและโล่งใจไปพร้อมกัน
18 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอยคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณครับ
เลเวลอัพกันหมดเลย อิอิ
ขอบคุณมากจ้า
อัพเวลกันเกือบหมด ยกเว้นเย่ว์ กับเจ้าฮุ่ย อิอิ
ขอบคุณ
มีลูกสาวน่ารักอ่ะ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
พึ่งรู้แฮะ ว่านางพญาดอกหนามชื่อตั่วตั่ว *0*
ขอบคุณครับ
เสี่ยวเหวินหลี่ไม่พูดเพราะจะมีลำแสงอุลตร้าแอทแทคพุ่งออกมาจากปากมั้ง
สงสารยัก ToT 555
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น