ตอนที่ 495 เพกาซัสเขาเงินกับผีเสื้อมอมประสาท
“ท่านป้าบอกข้าว่า
วิธีดีที่สุดในการฝึกจิตก็คือรักษาสภาพจิตวิญญาณหลักไว้ให้ดี
ปล่อยให้ร่างกายผ่อนคลายและขยายขีดจำกัดจิตของเจ้าออกไป อย่างไรก็ตาม
ข้าไม่สามารถสงบจิตตนเองได้และในที่สุด... ในที่สุด ข้าก็คิดถึงวิธีนี้”
อี้หนานหน้าแดงทุกครั้งที่นางรู้สึกเขินอาย
นางก้มหน้าไม่กล้ามองเย่ว์หยาง
หลังจากนั้นชั่วขณะที่นางแอบมองเขา นางก็พูดมาเสียงดังราวกับยุง
“ครั้งหนึ่ง บังเอิญข้าพบว่ากำลังคิดเรื่องของเจ้า
การคิดถึงเจ้าเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้จิตวิญญาณข้ามั่นคงได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสภาพจิตวิญญาณที่พร้อมก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ความคิดเตลิด ในที่สุดด้วยการสนับสนุนจากอสูรพิทักษ์ของข้า แฟรี่น้อยและภูตกระจก
ข้าก็สามารถเข้าถึงเขตแดนระดับใหม่ที่ยอดเยี่ยม
ท่านป้าบอกข้าว่านี่เรียกว่าเขตแดนวิญญาณ”
เย่ว์หยางพึมกับตนเอง
เขารู้ว่าอี้หนานประสบผลสำเร็จทางจิตได้มาก
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถเข้าใจเขตแดนวิญญาณที่อี้หนานพูดถึง
อี้หนานคิดว่าเขาไม่เชื่อจึงเรียกคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองของนางออกมา
ประกายแสงสว่างเจิดจ้า
ม่านพลังขยายออกอย่างรวดเร็ว
เทียบกับในอดีต เย่ว์หยางรู้สึกว่าม่านพลังนี้ใหญ่กว่าและมีพลังป้องกันทางจิตอย่างเลือนลาง
เมื่อมองดูคัมภีร์อัญเชิญของอี้หนาน ก็ทราบว่าความจริงนางยังเป็นนักสู้ระดับเจ็ด
ยังไม่ได้เป็นนักสู้ระดับแปดด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม
เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังจิตของอี้หนานอยู่เหนือกว่านักสู้ส่วนใหญ่
แต่พลังรบของนางยังอ่อนอยู่ ถ้ามีเงื่อนไขถูกตั้งไว้ก่อนต่อสู้
เช่นไม่สามารถต่อสู้ระยะประชิดหรือใช้ม่านพลังปกป้อง
อย่างนั้นอี้หนานอาจสามารถเล่นงานนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองได้ถึงตายได้ด้วยพลังจิตของนาง
ระหว่างการต่อสู้ในวังเทพของจักรพรรดิอวี้
เขามองเห็นศักยภาพของอี้หนานแล้ว
นางสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ปรากฏรูปลักษณ์ได้
การผสานพลังของนางกับภูตกระจกของนางทำให้สมบูรณ์แบบ
ภูตแฟรี่น้อย – อสูรสายธาตุจำเพาะ
อสูรพิทักษ์ ชั้นเงินระดับสาม, ลักษณะกายภาพ..มีร่างหยาบ, ฉลาด, ทักษะพิเศษ
– ช่วยเหลือ, ความกระจ่าง, โซ่วิญญาณ”
ภูตกระจก – อสูรชนิดพิเศษ
อสูรทองระดับห้า, ลักษณะกายภาพ..ร่างวิญญาณ, ลวงตา ไม่ใช่จิตวิญญาณที่ทรงภูมิความรู้ ทักษะพิเศษ “ร่างแปลงวิญญาณ”,
“พลังดูดซับวิญญาณ”, “ภูตกระจกผสาน”
นอกจากอสูรที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัดทั้งสองนี้แล้ว
อี้หนานยังมีผีเสื้อลวงประสาทและเพกาซัสเงิน สำหรับแมงมุมแม่มดที่ขลาดกลัว
มันถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลานานแล้ว จนอี้หนานและเย่ว์หยางเกือบลืมมันไปแล้ว
เย่ว์หยางไม่เคยดูแลอี้หนานอย่างเต็มที่มาก่อน เพราะนางไม่ได้เป็นส่วนกำลังหลักในการต่อสู้ของเขา
เกี่ยวกับพลังโจมตีหรือพลังสังหาร
อี้หนานยังไม่อาจเทียบเย่ว์ปิงได้
ถ้าเป็นในอดีต เย่ว์หยางยังคงไม่มีวิธีที่ดีที่สุดสำหรับยกระดับให้อี้หนาน
เนื่องจากพลังจิตไม่ใช่จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกผสานร่างกับนางเซียนหงส์ฟ้า
พลังจิตจากทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนาง
และทักษะธรรมชาติของนางพญาซัคคิวบัสในการกระตุ้นผู้คนทำให้พลังจิตของเย่ว์หยางรวมตัว
เรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อลักษณะพลังจิตของเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางช่วยให้นางเซียนหงส์ฟ้าเข้าถึงระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เมื่อมองดูอี้หนานอีกครั้ง เขาพบว่าศักยภาพพลังจิตของอี้หนานคือขุมสมบัติชนิดหนึ่ง
จึงไม่น่าสงสัยที่เทพธิดาผู้ปราณีแห่งวิหารเทพสตรีจะเลือกมอบภูตกระจกให้อี้หนานแทนที่จะเป็นเสวี่ยอู๋เสียหรือเย่ว์ปิง
“ในอดีต ข้าไม่เข้าใจว่าจะทำยังไง แต่ตอนนี้
ข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าโล่วฮัว!”
เย่ว์หยางรู้สึกผิดอย่างช่วยไม่ได้ ความพยายามที่เขาทุ่มเทให้อี้หนาน
อย่างน้อยนางไม่เคยบ่น
เขายื่นมือแล้วกอดอี้หนานเบาๆ จากนั้นจูบหน้าผากนางอย่างเป็นธรรมชาติ
“ข้า...” อี้หนานสั่นเล็กน้อย
นางยกมือน้อยๆ ขึ้นมากัน นางจำได้ว่าคิดถึงอ้อมกอดคนรักของนางอยู่หลายครา
เย่ว์หยางไม่ได้ใจร้อนเร่งให้อี้หนานยกระดับ
ทั้งนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าศักยภาพของนางไม่มีขีดจำกัด
นางคือขุมสมบัติที่ไม่ควรทำอะไรอย่างผลีผลาม เขาต้องใช้วิธีที่ดีที่สุดเปิดศักยภาพของนาง
นอกจากคิดเองแล้ว
เขายังต้องปรึกษากับนางเซียนหงส์ฟ้าและจักรพรรดินีราตรี
เผื่อว่าพวกนางจะมีเงื่อนไขที่ดีกว่า
ปกติแล้วพวกนางก็ไม่ขัดขวางเย่ว์หยางและอี้หนานในปฏิบัติการฝึกผสานร่างคู่รักอยู่แล้ว
พวกเขาฝึกผสานร่างมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้พวกเขาจะเริ่มต้นภายในอ้อมกอดของความรัก
และเมื่อเงื่อนไขถูกต้องก็จะทำให้สำเร็จได้
เย่ว์หยางก้มศีรษะลง
ขณะที่อี้หนานพยายามข่มหัวใจที่กำลังเต้นเร็ว
อี้หนานเงยหน้าที่แดงซ่านเล็กน้อย นางหลับตาแน่นและลมหายใจกระชั้น
ริมฝีปากสีแดงเข้มขบกันเล็กน้อย นางเขย่งปลายเท้าพร้อมประกบริมฝีปากที่ร้อนแรงของคนรักนาง
เกือบขณะเดียวกัน วงแขนที่ขาวของอี้หนานโอบรอบคอเย่ว์หยางและกอดเขาไว้แน่น หัวใจนางเต้นแรงอย่างมีความสุข ทั้งรัก
กระวนกระวายและเขินอาย
นางรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาเหมือนมีพลังคล้ายไฟฟ้า
นางรู้สึกว่ากระแสไฟฟ้ากระจายไปทั่วร่างนางและโคจรไปทั่วภายใต้จุมพิตที่ดูดดื่ม...
หลังจากไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด
อี้หนานเริ่มรู้สึกเจ็บเล็กน้อยและริมฝีปากนางบวมเล็กน้อย ค่อยคลายการกอดจากเย่ว์หยาง
นางรู้สึกว่าใบหน้านางร้อนผ่าวและทั่วทั้งร่างพลังถูกเผาผลาญจนแทบไม่เหลือแม้แต่นิด
อย่างไรก็ตาม นางชอบความรู้สึกที่ได้อิงอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างผ่อนคลาย
นางชอบความรู้สึกที่ปลอดภัย รู้สึกเป็นสุขที่เขาให้ความรู้สึกเช่นนี้กับนาง ในอ้อมอกของเขา นางไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องอะไร
เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ความลับพันปี?
ทุกอย่างรู้สึกว่าห่างไกลจากนางทุกที
“เหนื่อยหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางประคองอี้หนานเบาๆ
ร่างของสาวน้อยเบาเหมือนขนนกเหมือนกับว่าไม่มีน้ำหนัก
“.....” อี้หนานสั่นศีรษะเบาๆ
สำหรับการกระทำของเย่ว์หยางที่อุ้มนางขึ้นเตียง
นางไม่มีความคิดจะต่อต้านแม้แต่น้อย
นางเพียงรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ
แค่เพียงอีกก้าวเดียว เขาอาจจะได้ครอบครองนางทั้งหมด
นางคงจะต้านไม่ได้ถ้าเวลานั้นมาถึง ... นางไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน
นางเพียงแต่รู้แค่เรื่องการโอบกอดที่แสนละมุนละไมในโลกที่มีอยู่กันเพียงสองคน
นางมีความสุขกับการกระทำที่อบอุ่นอ่อนหวานเช่นนี้
ตราบใดที่นางมีเขา
นางจะไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป
จะไม่ใช่เป็นแค่ศิษย์ผู้คับแค้นเสียใจแห่งหุบเขาภมรบุปผาอีกต่อไป นางคือคู่หมั้นของเขา อี้หนาน...
จุมพิตมากเพียงไหนก็ไม่พอ
ครั้งแล้วครั้งเล่า
วันที่สอง เมื่ออี้หนานยืนเปล่งปลั่งอยู่ต่อหน้าทุกคน
ทุกคนพบว่าอี้หนานผู้ดื่มด่ำกับความรักเปล่งปลั่งสดในงดงามอย่างน่าทึ่ง
เหมือนกลายเป็นคนละคน
เพราะเย่ว์หยางเอาใจใส่อี้หนานตลอดทั้งคืน
นางจึงไม่รบเร้าเย่ว์หยางตอนกลางวันอีกต่อไป และคิดจะฝึกฝนทักษะสู้กับเย่ว์ปิง
หลังจากนั้นแล้ว นางก็มาช่วยแม่สี่ทำอาหาร
ตลอดทั้งวัน อี้หนานกระตือรือร้นได้ไม่เบื่อ
เจ้าเมืองโล่วฮัวสังเกตเป็นเวลานาน
นางพบว่าอี้หนานไม่ได้เสียตัวแต่ก็อดถามเย่ว์หยางอย่างสงสัยไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าไม่ได้กินลูกแกะน้อยที่มาประเคนถึงปากหรอกหรือ?”
“ต้องอ้วนพีกว่านี้หน่อย ถึงจะกินได้!” เย่ว์หยางยื่นมือซุกซนลูบบั้นท้ายเจ้าเมืองโล่วฮัวเบาๆ
“ปากไม่ตรงกะใจ”
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่สนใจความร้ายกาจของคนรักนาง
เนื่องจากนางคุ้นเคยกับการคลอเคลียกับกายเขาอยู่แล้ว และเป็นแค่การแตะเนื้อต้องตัวเท่านั้น
แต่นางก็ยังตอบโต้และสัมผัสเข้าไปในกางเกงเขาและงับหูเขา “เจ้าช่างน่าสมเพช
ตัวเองหิวแทบตายแต่แสร้งทำตัวเป็นเด็กดี
คืนนี้เจ๊จะปรนนิบัติเจ้าเอง...” ขณะที่ทั้งสองคนหยอกเย้าคลอเคลียกัน
เย่ว์หวี่ที่มีเรื่องเร่งด่วน เดินเข้ามาหาอย่างเร่งร้อน แต่เมื่อเห็นท่าทางของน้องชายนางกับโล่วฮัว
นางอึ้งเหมือนกับไม่รู้สึกตัวไปชั่วขณะ
จากนั้นนางหมุนตัวเดินจากมาทันที
“เสร็จกัน, โดนนางเห็นซะแล้ว”
เย่ว์หยางค่อนข้างอาย
ดูเหมือนภาพพจน์ของเขาในใจของเย่ว์หวี่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียแล้ว
“ไม่ใช่แค่เจ้าสักหน่อย...” เจ้าเมืองโล่วฮัวหน้าแดง เมื่อโฉมงามสู้กับราชาอสูร
นางต้องใช้เสน่ห์ต่อสู้กับเขาโดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ในฐานะคนใช้ชีวิตคู่
เรื่องเช่นนี้นับว่าธรรมดามาก อย่างไรก็ตาม
การหยอกล้อต่อกระซิกในลานบ้านก็ทำให้นางอายมากเช่นกัน
นางใช้หมัดต่อยไหล่เย่ว์หยางอย่างดุดันเป็นการประท้วงที่เย่ว์หยางทำกรุ้มกริ่มกับนางก่อน
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางใช้มือซุกซนแตะต้องนางอย่างไม่รู้จักกาลเทศะ
นางก็คงไม่ล้วงมือลงไปในกางเกงเขาแน่
โชคดีนะที่แม่สี่ไม่ได้มาเห็น มิฉะนั้นนางได้อับอายขายหน้ายิ่งกว่านี้
เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจไปตามดูเย่ว์หวี่
เนื่องจากนางอาจมีเรื่องเร่งด่วนบางอย่าง
เขาสังเกตว่าหูของเย่ว์หวี่ยังคงแดงอยู่
เมื่อเห็นเย่ว์หยางเข้ามา
นางโบกมือและเปิดเผยสิ่งที่นางตั้งใจปกปิด “เสี่ยวซาน,
ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น อย่าคิดมากไปเลย
ข้าแค่มีเรื่องจะถามเกี่ยวกับวงแหวนอักษรรูน เจ้าไปทำธุระของเจ้าก่อนก็ได้ ข้าไม่เป็นไร
เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าก่อนเถอะ”
เย่ว์หยางพูดไม่ออก “.....”
อสูรพิทักษ์ของอี้หนานเป็นแฟรี่ตัวน้อยและภูตกระจก เย่ว์หยางตัดสินใจพักไว้ชั่วคราวก่อน
เขาจะรอนางเซียนหงส์ฟ้ากลับมาก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกที
อย่างไรก็ตาม
เขาตัดสินใจยกระดับและเสริมพลังให้เพกาซัสเงินของอี้หนานและผีเสื้อมอมประสาททั้งสองของนางเสียก่อน จุดอ่อนของอี้หนานคือสู้ระยะประชิด และด้วยเพกาซัสเงิน
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางจะได้รับการรับรองแน่นอน สำหรับผีเสื้อมอมประสาท
เป็นอาวุธโจมตีของอี้หนาน
แต่ก่อนที่พลังของภูตกระจกจะแสดงพลังได้สูงสุด พวกมันจะเป็นพลังโจมตีที่มีจำกัดของอี้หนาน
ในอดีต เพกาซัสเงินก็เป็นอสูรระดับเงินอยู่แล้ว
หลังจากได้รับประทานพรจากกีบเท้าม้าทองคำในวิหารคนธนูและได้รับรางวัลเป็นสติปัญญา
มันก็กลายเป็นอสูรชั้นทอง
ตอนนี้ มันเป็นอสูรทองระดับสาม
เพราะมันไม่ใช่อสูรสายต่อสู้และไม่ได้รับความสนใจใดๆ
การยกระดับของมันจึงเป็นไปช้า
ผีเสื้อมอมประสาทยังน่าสงสารยิ่งกว่า
แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการมาจากผีเสื้อเมามาย แต่พวกมันก็เป็นเพียงอสูรเงินระดับสี่เท่านั้น พวกมันยังด้อยยิ่งกว่าเพกาซัสเงินเสียอีก
การฝึกฝนสัตว์อสูรเป็นกระบวนการที่ไม่สิ้นสุด ปกติ คนอื่นๆ
อาจบอกว่าก็มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับเย่ว์หยางไม่มีคำว่ายาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรสายนักสู้ที่จำเป็นต้องได้กินผลึกเวท... ก่อนอื่น
เขาเตรียมเม็ดพลังสองลูกที่เขาได้มาจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์ทะเลที่เขาสังหารที่สุสานทะเลจากนั้นใช้เพลิงอมฤตกลั่น เขาให้เพกาซัสเงินกินเม็ดหนึ่ง ขณะที่อีกเม็ดหนึ่งให้ผีเสื้อมอมประสาททั้งสองตัวกินเพื่อตั้งใจจะยกระดับของมัน
ถ้าเพียงแต่เพกาซัสเงินและผีเสื้อมอมประสาทดูดซับเม็ดพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดตามลำพัง ต่อให้ใช้เวลาสิบปีพวกมันก็ยังย่อยไม่เสร็จ
ยิ่งกว่านั้น พวกมันอาจระเบิดได้
เนื่องจากพวกมันไม่มีความอดทนเหมือนกับฮุยไท่หลาง
ปกติ เย่ว์หยางจะไม่นั่งมองดูโศกนาฏกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้น
เย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤตของเขาเผาผลาญเพกาซัสเงิน เพกาซัสเงินไม่สามารฝืนทนต่อความเจ็บปวด
ได้ล้มลงบนพื้น มันยังคงทุกข์ทรมานต่อไป มันจะเกิดใหม่ต่อเมื่อถูกเผาผลาญนานสิบนาทีและวิวัฒนาการจากจุดนั้น เย่ว์ซวงผู้นั่งดูอยู่ใกล้ๆ
เกือบจะร้องไห้ออกมา ในที่สุด
เพกาซัสเงินก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ชั้นของมันเพิ่มขึ้น จากที่เป็นเพกาซัสเงินอสูรทองระดับสาม
มันวิวัฒนาการไปเป็นเพกาซัสเขาเงินอสูรแพลตตินัมระดับสอง
ปีกที่เผาไหม้ของมันก็เกิดใหม่เช่นกัน
เขาเงินงอกออกมาจากหน้าผากของมันและกีบเท้าของมันกลายเป็นสีทองสดใส ทุกๆ
ย่างก้าวจะมีรัศมีวงเล็กๆ แผ่ออก
แม้ว่ามันไม่ได้กางปีก มันก็สามารถลอยอยู่ในอากาศได้
ตาสีเงินมีแววปัญญาเฉลียวฉลาด... อสูรระดับทองจะแตกต่างจากอสูรแพลตตินัมในเรื่องคุณภาพหนึ่งระดับ
อนึ่ง 95% ของอสูรธรรมดาไม่มีทางก้าวหน้าไปเป็นอสูรทองได้ 95%ของอสูรระดับทองไม่มีทางก้าวหน้าไปเป็นอสูรแพลตตินัมได้..
สำหรับอสูรระดับเพชร
ไม่มีทางที่อสูรจะวิวัฒนาการไปถึงระดับนั้นได้
อสูรระดับเพชรจะเกิดได้แต่เพียงภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษเท่านั้น
ผลก็คือ ระดับแพลตตินัมเป็นจุดวิวัฒนาการที่อสูรส่วนใหญ่โหยหา
หลังจากวิวัฒนาการเป็นเพกาซัสเขาเงิน ขาทั้งสี่ของมันเพรียวมากขึ้น ร่างของมันสง่างามมากขึ้น
สัดส่วนของมันทำให้คนที่เห็นต้องปากอ้าค้างด้วยความทึ่ง ผิวของมันขาวเหมือนหิมะ
อาจกล่าวได้ว่าไม่มีม้าตัวใดในโลกเทียบกับมันได้
เมื่อเย่ว์หยางยกมันให้อี้หนาน
มันยังเป็นเพียงเพกาซัสเงินระดับหนึ่งตัวน้อยเท่านั้น แต่มันทำให้อี้หนานไม่มีความสุขเต็มที่เท่านั้น
ตอนนี้ เมื่อนางเห็นว่ามันวิวัฒนาการเป็นระดับแพลตตินัมได้สำเร็จ
นางถึงกับตื่นเต้นร่าเริง
น้ำตาแห่งความสุขเอ่อท้นล้นจากดวงตานาง
อสูรแพลตตินัมระดับสองยังไม่ใช่ศักยภาพสุดท้ายที่เพกาซัสเขาเงินจะพัฒนาได้แน่ ในท้องของมัน ยังมีเม็ดพลังที่ยังไม่ย่อยสลายเต็มที่
แต่ก็เพียงพอต่อการช่วยให้มันยกระดับได้อีกต่อไป
“ฮี้ๆๆๆๆๆ” เพกาซัสเขาเงินแหงนหน้าและตะกุยกีบเท้ากระโจนขึ้นไปในท้องฟ้า
ปีกของมันกางเชื้อเชิญอี้หนาน เหมือนจะกล่าวเชิญให้นางขึ้นหลังของมัน
ราวกับว่ามันต้องการจะพาอี้หนานบินเล่นอยู่ในท้องฟ้า คนที่ใจร้อนกว่าอี้หนานคือเย่ว์ซวง
เธอปีนขึ้นหลังของมันอย่างรวดเร็วและคว้าแผงขนมันไว้ “บินเลย ข้าต้องการบินสูงๆ”
เย่ว์หยางไม่มีเวลาไปเล่นกับเย่ว์ซวง เขาหันไปมองผีเสื้อมอมประสาททั้งสองตัว
เย่ว์หยางมองเห็นผ่านจักษุญาณทิพย์ถึงทิศทางวิวัฒนาการของพวกมัน
พวกมันแตกต่างจากเพกาซัสเขาเงินที่สามารถขี่ได้ พวกมันจะกลายเป็นผีเสื้อปีศาจหลอนประสาท
เป็นอสูรดูดเลือดที่เลือดเย็น อสูรชั้นทอง ร่างคล้ายมนุษย์เป็นร่างปีศาจ พวกมันสามารถใช้พิษทำให้สับสนได้
และทำให้ศัตรูเป็นอัมพาตจากนั้นจึงดูดเลือด...
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผีเสื้อมอมประสาทก็นับว่าน่าประทับใจ แต่พวกมันจะสามารถสร้างความประทับใจได้มากกว่านี้อีกหรือไม่?
ตัวอย่างเช่น เขาจะสามารถเพิ่มพลังฝันร้ายและพลังตาปีศาจเพิ่มให้มันได้ไหม?
เย่ว์หยางไตร่ตรอง...
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เตรียมพร้อม ก่อนลุยสงครามสินะ
เผลอๆ อี้หนานจะเก่งกว่าบรรดาเมียทั้งหลายรึเปล่า
เอ่อ เติมทรูให้อี้หนานสินะ
ขอบคุณครับ
สงสารเย่หวี่จริงๆๆอิอิจัดให้ซักดอกก็ไม่ได้อิอิ
ขอบคุณคับ
>w< อี้หนานนนนนน รีเทิร์น!! แหม่ๆๆ ไม่เบาจริงๆ ความน่ารักและความไร้เดียงสานี่มันอะไรกัน!?
ทำเอาซะหัวใจเราละลายกันเลยทีเดียว
อี้หนานFC
ขอบคุณครับ
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น