วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 156 คณะปกครองสวี่ซื่อ

ตอนที่  156  คณะปกครองสวี่ซื่อ
“เทวรูปห้าตา?”  ถังเทียนสงสัยเมื่อได้ยินเสียงอุทานของกู้เสวี่ย

 “อืมมมม!  กู้เสวี่ยพยักหน้ายืนยัน  “ประมาณพันปีหลังจากรัชสมัยของหมู่ดาวแมงป่อง  มีดาวดวงหนึ่งจู่ๆก็มีชื่อเสียงขึ้นมา เรียกกันว่าดาวเนตรโลหิต  ดาวเนตรโลหิตมีสิ่งพิเศษที่เรียกกันว่าตุ๊กตาเนตรโลหิต  ข้าเพิ่งจะนึกออกเดี๋ยวนี้เอง  พลังของตุ๊กตาเนตรโลหิตนั้นโดดเด่น  พวกเขาสร้างกองทัพตุ๊กตาเนตรโลหิตเพื่อต่อสู้ในสงครามของพวกเขา”
 “ทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าคิดว่ามันมีพลังปานกลางนะ  แต่ก็ต้องพูดเลยว่าวิธีการของพวกมันแปลกไปบ้าง”  ถังเทียนถือโอกาสยืดอกลำพอง
ปิงอดไม่ได้ ถึงกับแค่นเสียง  “จิตวิญญาณพลังยุทธของพวกมันลดอ่อนลงจนเหลือเพียงเท่านั้น  เจ้าใช้เวลาตั้งมากมายยังกล้าลำพองอีกเหรอ?”
ถังเทียนร้อง “แต่ก็เห็นชัดแล้วนี่ว่า ข้าเป็นคนจบการต่อสู้ได้ก่อนลุงเสียอีก”
ปิงเยาะเย้ย  “นั่นเป็นเพราะเจ้ามีถุงมือกระเรียนฟ้า  ท่าทางน้ำเสียงเจ้าไม่ได้ยอมรับนับถือตาแก่คนนี้เลยแม้แต่น้อย โอว... เจ้าไม่เคารพครูฝึกของเจ้าด้วย เฮอะๆ.. ถ้านี่เป็นยุคในอดีต และเรามีทหารใหม่อีกคนที่ไม่ใช่เจ้าออกมาสู้กับตุ๊กตาห้าตัวนี้   พวกเขาก็สามารถจบงานได้เพียงลำพัง  และต้องถือว่าเป็นความอับอายขายหน้า ถ้าพวกเขาถึงกับต้องให้นายทหารออกมาช่วยพวกเขา!  โอวและเจ้ายังใช้เม็ดพลังวิญญาณไปถึงสิบลูกเพื่อเรียกกรงเล็บภูตพรายออกมา ฮึ.. ใช้ไปตั้งมากมายอย่างนั้นถือว่าน่าขายขี้หน้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ เสียอีก”
 “มาเลย, มาสู้กันเลย! ใช้หมัดตัดสินกันเลยดีกว่าว่าใครถูกใครผิด”  ถังเทียนโมโหชี้นิ้วใส่ปิง
ปิงเหลือกตาและมองดูเขาอย่างผิดหวัง  “ตอนนี้เจ้ามันก็แค่เด็กน้อย  ในยุคของเราไม่เคยมีเด็กอย่างเจ้าเลย ที่บังอาจท้าทายนายทหารของตนเอง ทั้งที่ตนเองยังฝึกระดับทหารเกณฑ์ไม่จบ อาใช่แล้วขนาดยังสอบไม่ผ่านการอบรมทหารใหม่  เด็กรุ่นหลังอย่างเจ้าก็ท้าทายมั่วโดยไม่รู้จักประมาณตัวเองเสียแล้ว”
 “ลุง  ลุง   ลุง...”  หน้าของถังเทียนแดงก่ำ
กู้เสวี่ยมองดูถังเทียนกับปิงทะเลาะกันก็อดหัวเราะขำไม่ได้  เพื่อกันไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน นางตัดสินใจพูด  ทันทีที่นางเปิดปากพูดก็สามารถดึงความสนใจพวกเขาได้
 “พลังของตุ๊กตาเนตรโลหิตไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่นั้น  ตามหนังสือที่ข้าได้อ่านมา ดาวเนตรโลหิตถึงความรุ่งเรื่องสุดยอดได้เร็วมาก  พวกเขามีผลงานรบที่ดี  แต่พอหลังจากพวกเขาล่วงเกินหมู่ดาวหมาล่าเนื้อ  ทางดาวเนตรโลหิตจึงทำลายประตูดวงดาวของพวกเขาทั้งหมดเพื่อป้องกันตนเอง  จนกระทั่งต่อมาไม่มีผู้ใดเห็นพวกเขาอีกต่อไป  ดาวเนตรโลหิตมีช่วงเวลารุ่งโรจน์อยู่สิบปี  ข้าจำได้ว่าตุ๊กตาเนตรโลหิตเป็นของพิเศษมาก   เมื่อพวกมันรวมเข้าด้วยกันก็สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา นั่นก็คือเทวรูปห้าตา”
 “อย่างนั้นหรอกหรือ?”  ถังเทียนหมุนดูตุ๊กตาน้อยดูรอบๆ  เขาถามด้วยความสงสัยขณะที่ตาเบิกจ้องด้วยความประหลาดใจ  “นี่ช่างสนใจจริงๆ  มันมีห้าตาจริงๆ ด้วย”
ก่อนหน้านั้น เขายังผมลุกตั้งชัน  แต่ตอนนี้ถังเทียนดูได้อย่างไม่กลัว
 “อืม... เป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบกับเทวรูปห้าตา  แม้ว่าไม่มีใครชอบตุ๊กตาเนตรโลหิต  แต่เทวรูปห้าตาก็มีชื่อเสียงมาก  พวกมันล้ำค่ามากเมื่อมีการประมูล  เพราะพวกมันมีพลังเวทมนต์  ตาทั้งห้าของเทวรูปสามารถปล่อยรังสีได้แตกต่างกัน  รังสีเหล่านี้สามารถกระตุ้นพลังให้กับสายเลือดเร้นในตัวของเจ้าได้”
กู้เสวี่ยกำชับถังเทียนให้ระมัดระวัง  “อาเทียน, จะให้ดีที่สุดก็คือเจ้าอย่าบอกใครว่าเจ้ามีเทวรูปห้าตา
 “กระตุ้นพลังสายเลือดน่ะหรือ?”  ตาถังเทียนเป็นประกายและยื่นมันให้กู้เสวี่ย  “อย่างนั้นข้าให้เจ้าก็แล้วกัน มันสามารถช่วยเจ้ากระตุ้นพลังสายเลือดลับได้แน่นอน”
กู้เสวี่ยปลื้มใจ  แต่นางสั่นศีรษะอย่างแน่วแน่ “มันแพงเกินไป  นอกจากนี้ข้าไม่มีฝีมือพอจะปกป้องมันได้   อาเทียน, เจ้ายังไม่ได้กระตุ้นพลังสายเลือด  เจ้าต้องใช้มัน”
ตาของกู้เสวี่ยบริสุทธิ์เหมือนน้ำใส  ถังเทียนยิ้ม  “ข้ามั่นใจว่าข้าไม่มีพลังสายเลือดอะไรทั้งนั้น  ขนาดเพิ่งกลืนสายเลือดแคระและสายเลือดเทพลงไป ก็ยังไม่มีอาการสนองตอบแต่อย่างใด  ของจะเสียเปล่าได้ ถ้าให้ข้าเก็บไว้  ถ้าเจ้ามีของสิ่งนี้เก็บไว้  อาเสวี่ย! เจ้าอาจไม่ต้องใช้วิธีอันตรายเพื่อกระตุ้นสายเลือดของเจ้าก็ได้”
หลังจากนั้นถังเทียนก็ยัดเทวรูปห้าตาไว้ในมือของกู้เสวี่ย “รับไว้เถอะ”
ก่อนจะรอให้กู้เสวี่ยตอบรับ  เขามองดูท้องฟ้า  “เวลาล่วงเลยมามากแล้ว  เราต้องกลับกันแล้ว  ไปเถอะ”
ถังเทียนคว้าตัวกู้เสวี่ยและทะยานขึ้นไปในอากาศ
กู้เสวี่ยขบริมฝีปากแน่น และเงียบอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาถึงตระกูลกู้  ก็เห็นเมอเรย์กำลังมีสีหน้ากังวล  นางสลายรอยยิ้มและถามอย่างใจเย็นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เมอเรย์ฝืนยิ้ม  “ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าคณะปกครองสวี่ซื่อจะมาที่ตระกูลกู้เพื่อท้าสู้ในอีกห้าวัน  พวกเขากำลังขอให้เราร่วมมือ”
กู้เสวี่ยดูกระวนกระวายและโกรธ  “ต่อให้สวี่ฉางเทียนเป็นคณะปกครองในดาวไพรมายา  แต่เขาจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของตระกูลกู้ได้อย่างไร?”
 “คณะปกครองคืออะไรเหรอ?”  ถังเทียนมองด้วยความสงสัย
กู้เสวี่ยกัดฟันนาง ตาเต็มไปด้วยความโกรธและอธิบาย  “ดาวไพรมายาเป็นขององค์การวิญญาณมืด  องค์การวิญญาณได้แต่งตั้งหัวหน้าผู้ปกครองดาวอย่างดาวไพรมายา  ภายใต้ผู้นำของดาว  มีคณะปกครองสามถึงห้าคน  ดาวไพรมายาเป็นดาวเล็ก ดังนั้นจึงมีคณะปกครองอยู่เพียงสามคน  ผู้นำดวงดาวและคณะปกครองเป็นยอดฝีมือขององค์การวิญญาณมืด  พวกเขาทรงพลังแข็งแกร่งมาก”
ถังเทียนตาเบิกกว้าง  “พวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”
 “แข็งแกร่งมาก  พวกเขาได้รับแต่งตั้งจากระดับเบื้องบน  สวี่ฉางเทียนเป็นนักสู้อันดับสิบสามในทำเนียบดาวไพรมายา  เขามีพลังแข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหัวมาก  นอกจากนั้น คณะปกครองยังมีอำนาจแต่งคณะปกครองของตนเองอีกด้วย  แม้ว่าจะมีคนทำงานให้สวี่ฉางเทียนไม่มาก  ราวๆ สิบคน แต่ไม่มีใครที่ไม่ใช่ยอดฝีมือ สามคนติดอยู่ในห้าสิบอันดับยอดฝีมือของดาว  และพวกที่เหลือ อยู่ในอันดับไม่เกินร้อย”
 “นั่นก็น่ากลัวเลยนะ” ถังเทียนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ  มีสามคนจากห้าสิบทำเนียบยอดฝีมือของดาว  นั่นก็หมายความว่ามีอยู่สามคนที่เหมือนกับพี่น้องตระกูลหัว
 “ฮืม!  ตามทฤษฎีแล้ว กลุ่มคณะปกครองจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องภายในตระกูล  นั่นคือระเบียบของดาวไพรมายา  แค่เพียงว่าในแต่ละปีเราต้องส่งรายงานเท่านั้น”  กู้เสวี่ยมองดูไม่สบายใจ  แต่นางสงบจิตใจได้และมองดูเมอเรย์ “ลุงเมอเรย์!  ลุงลองไปสืบดู  หาให้พบว่าเพราะเหตุใดคณะปกครองถึงได้มายุ่งเกี่ยวกับตระกูลกู้”
เมอเรย์พยักหน้าหนักแน่น  “ได้เลย!
หลังจากนั้น เขาเดินออกไปโดยไม่ลังเลเลย
ถังเทียนปลอบกู้เสวี่ย  “อย่ากังวลไปเลยอาเสวี่ย  ถ้าพวกเขาทำอะไรไม่ดี ข้าจะทุบตีพวกมันเอง”
กู้เสวี่ยฝืนยิ้ม  “ฮืม.. อาเทียน, ข้าขอตัวก่อน”
ถังเทียนเข้าใจความกังวลที่ฉาบอยู่ในดวงตาของกู้เสวี่ยและกล่าวว่า “อืม.. เชิญ”
เมื่อเห็นกู้เสวี่ยกังวลมาก  ถังเทียนเอียงคอและไตร่ตรอง  เขากำลังเดินเข้าไปในลานบ้านก็เห็นหลิงซิ่วกำลังฝึกวิชาหอก  “เฮ้!  ซิ่วซิ่วน้อย  เจ้ารู้จักคณะปกครองสวี่ซื่อไหม?”
หลิงซิ่วหยุดและขมวดคิ้วทันที  “เจ้าสร้างความไม่พอใจให้คนจากคณะปกครองหรือ?  พวกมันเป็นกลุ่มคนบ้าที่ยากจะรับมือได้”
ถังเทียนดูถูกทันที  “ข้าว่าเจ้ากลัวคนพวกนั้นมากกว่า”
 “เหลวไหล!  หลิงซิ่วระเบิดอารมณ์เหมือนแมวโกรธ  เขาคำราม  “พวกมันอยู่ไหน!  ข้าจะทะลวงพวกมันด้วยหอกของข้า”
 “เจ้าจะทำอย่างนั้นด้วยหอกเล่มเดียวน่ะหรือ?”  ถังเทียนตะลึงหลังจากได้ยินคำพูดนี้  จากนั้นเมื่อเขาคิดถึงวิชาหอกทะเลจุดที่หลิงซิ่วใช้  เขาก็รู้สึกว่ามีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น
ถังเทียนที่ปกติจะโมโหเมื่อเขาโดนปิงปรามาส ค่อยวางท่าทางว่ามีฝีมือตอนอยู่ต่อหน้าหลิงซิ่ว
 “ลุงเมอเรย์บอกว่าสวี่ฉางเทียนจากคณะปกครองจะลงมาต่อสู้ในอีกห้าวัน”  ถังเทียนประกาศ
ความหงุดหงิดของหลิงซิ่วสงบลง  ในดวงตาเขามีแววรังเกียจ  “สวี่ฉางเทียนน่ะหรือ? บรรดาคนในคณะปกครอง  เจ้านั่นโลภมากที่สุด!  มันใช้วิธีป่าเถื่อนจัดการหลายๆ เรื่อง  บริวารของมันก็เหมือนกัน  พวกมันไม่ใช่คนดี!  มันมาคราวนี้ย่อมมีเจตนาไม่ดี”
 “มาด้วยเจตนาไม่ดี...” ถังเทียนถอนหายใจและพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี  “พวกมันควรฉลาดกว่านี้  ถ้าไม่อย่างนั้น  อย่าได้โทษว่าหมัดของข้าก็แล้วกัน”
 “เจ้ากำลังเข้าร่วมทดสอบผ่านประตูดวงดาวไม่ใช่หรือ?  ถ้าเจ้ามีเรื่องกับสวี่ฉางเทียน เจ้าอย่าหวังเลยว่าจะผ่านได้”  หลิงซิ่วมองดูถังเทียน
ถังเทียนมองเขาอย่างหยามเหยียด “ข้านึกว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งและได้พบความหมายของคำว่าซื่อสัตย์และยุติธรรม  แต่ดูเหมือนว่าเจ้ายังย่ำอยู่กับที่”
หลิงซิ่วเตือนเขาด้วยความปรารถนาดี  แต่เขากลับถูกถังเทียนยอกย้อน จึงหัวเสียทันที “เดรัจฉาน!  เจ้ากล้าดียังไงมาพูดเรื่องความเที่ยงธรรมกับข้า? มาเลย!  เจ้าบ้า!  มาซ้อมมือกัน ข้าจะแทงก้นเจ้าให้พรุนเป็นรังผึ้งเลย..”
ถังเทียนเหลือกตา โบกมือและหันมาตะโกนตรงๆ
 “เจ้าเติบใหญ่แล้ว  และพวกเจ้าทุกคนรู้แต่เรื่องท้าตีท้าต่อยทั้งวันทั้งคืน   พ่อหนุ่มน้อย ลองทำบางอย่างด้วยตัวเองบ้างได้ไหม?  ข้าไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้า  เจ้าเรียนรู้จากหนุ่มน้อยชาวฟ้าไว้จะดีกว่า  เจ้ารู้ไหม ทำไมเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้?  พ่อหนุ่มน้อย เจ้าไม่ต้องมาอ้างดีกว่า  อัจฉริยะร้อยละ 99 ล้วนสร้างขึ้นมาจากการอาบเหงื่อต่างน้ำฝึกฝนหนักกันทั้งนั้น....”
หลิงซิ่วหน้าแดงและตัวสั่นด้วยความโกรธ 
ครั้งล่าสุดที่ถังเทียนเอาชนะเขาได้ ก็ในตอนที่เขาไม่มีหอกอยู่ในมือ  แต่เจ้าบ้านี่ยังบอกเขาไม่ให้หาข้ออ้างซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจเขา
ยิ่งกว่านั้น  ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหนักหรือความยากลำบาก ใครจะบ้าฝึกอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวันเล่าและใครจะออกไปแสดงฝีมือข้างนอกเล่า....
บัดซบเอ๊ย!
※※※※

ถังเทียนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้หยอกล้อหลิงซิ่ว!  ความโกรธของเขาหายไปหมด  ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการกระทำของเขาได้รับอิทธิพลมาจากปิง
เมื่อเขาเข้าไปในค่ายฝึกทหารใหม่  ถังเทียนทิ้งเรื่องของคณะปกครองออกไปจากใจ  และทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่วิทยายุทธแทน  เขาไม่ได้เข้าไปในหุบเขาหิวโหยทันที  แต่กลับตั้งท่าเริ่มฝึกฝนแทน
กระบวนท่าของเทวรูปห้าตานั้นพิเศษ
เขาเลียนแบบท่ามือของตุ๊กตาดอกไม้  ทันทีที่ประกบนิ้วเข้าด้วยกัน ปราณเที่ยงแท้ในตัวของเขาก็เคลื่อนไหวทันที  แม้ว่าจะเบามาก แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ภาพลวงตา
ว้าว... มีพรสวรรค์กับเขาเหมือนกัน!
จู่ๆ ถังเทียนก็กระตือรือร้นขึ้น
เขาจำท่ามือทั้งห้าได้ชัดเจนและเริ่มทำท่าเลียนแบบ  ท่ามือแต่ละท่ามีผลสนองตอบร่างกายแต่ละส่วนที่ต่างกัน  แม้ว่าจะมีผลตอบสนองเล็กน้อย  แต่สัญชาตญาณถังเทียนแรงกล้า  เขาสามารถรู้สึกได้
เมื่อเขาพยายามระลึกถึงอีกครา  เขาทำท่ามือเหมือนตุ๊กตาดอกไม้ กลับกลายเป็นว่าเขาเงียบสงบและไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มีความรู้สึกอุ่นขึ้นมาจากใต้เท้าของเขา  ราวกับว่าถังเทียนจมอยู่ในแสงอาทิตย์อบอุ่น  ร่างกายของเขาอุ่น มีความรู้สึกสบายจนอธิบายไม่ถูก  เขายิ้มเล็กน้อย
ปิงยังคงเฝ้าสังเกตถังเทียน
เมื่อถังเทียนเริ่มเลียนแบบ  เขาเริ่มขมวดคิ้ว เมื่อเป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก  เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับถังเทียนที่จะลองฝึกฝนเช่นนั้น  เพราะมันอันตรายมาก  แต่เขาไม่ห้ามถังเทียนทันที  เขาจะรอจนถังเทียนไม่สามารถโต้ตอบได้  จากนั้นเขาค่อยเน้นย้ำถึงอันตรายจากการกระทำนี้
แต่...
แต่เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของถังเทียน  ปิงถึงกับสั่น  นัยน์ตาเขาเป็นประกาย
ในเสี้ยววินาทีเขาหาร่องรอยของถังเทียนไม่เจอ

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น