วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 507 มาเล่นด้วยกันเถอะ



ตอนที่  507  มาเล่นด้วยกันเถอะ
แต่ละกลุ่มที่เดินทางไปครั้งนี้ ล้วนมีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน เมื่อออกจากหอทงเทียนชั้นที่หก  พวกเขาก็มาถึงหอทงเทียนชั้นที่สิบ

นี่คือการล่าสมบัติที่อันตรายที่สุดที่เย่ว์หยางเคยเข้าร่วม นับตั้งแต่เขาเข้ามาในหอทงเทียน  ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ร่วมกลุ่มก็คือขุนพลพยัคฆ์บูรพาจ้านหู่ ขุนพลเขี้ยวอุดรเป่ยเหลียวหยาและราชาเฮยอวี้  เย่ว์หยางรู้ว่าทั้งสามคนนี้จะฉวยโอกาสฆ่าเขา  แน่นอนว่าเขาก็จะฆ่าราชาเฮยอวี้ด้วยเช่นกันเมื่อสบโอกาส
ราชันย์ปีศาจใต้โอบผีผาหยกยืนอยู่ตรงกลาง
เย่ว์หยางมีเพียงผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้นเป็นพันธมิตร
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าหนานกงเตือนให้เย่ว์หยางมา  เย่ว์หยางคงไม่เห็นด้วยที่จะร่วมเดินทางในเส้นทางอันตรายอย่างนี้ และยิ่งอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเป็นภารกิจที่ราชาเฮยอวี้มีส่วนร่วม
เย่ว์หยางไม่ได้เครียดเลยขณะที่เขาเข้าสู่หอทงเทียนชั้นเจ็ดในครั้งก่อน
แรงโน้มถ่วงเพิ่มหนักขึ้นเมื่อพวกเขาเดินผ่านชั้นที่แปดและเก้า  ในชั้นที่สิบแรงดึงดูดจะมากกว่าทวีปมังกรทะยานอยู่ราวๆ 25 เท่า
เมื่อเข้าแดนขอบสวรรค์ชั้นนอก แรงดึงดูดจะมากกว่าทวีปมังกรทะยานถึงสามสิบเท่า แม้แต่จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยายังต้องปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดเพื่อให้เคลื่อนที่ต่อไปได้  มีเพียงพวกเดียวที่สามารถเดินได้ต่อไปโดยไม่ได้รับผลอะไรก็คือผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้  ราชันย์ปีศาจใต้ก็ต้องปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าจึงจะสามารถปรับตัวได้  จากจุดนี้ อาจเห็นได้ว่านางมีพลังมากกว่าจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามาก แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้มีพลังเหนือกว่านาง
 “เจ้ายังสบายดีหรือเปล่า?”  ราชันย์ปีศาจใต้ถามเย่ว์หยางด้วยความสงสัย
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น  แม้แต่ผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้ก็สงสัยเช่นกัน
เขามีพลังป้องกันตนเองจากแรงดึงดูดสามสิบเท่า แต่ทำไมเขาถึงยังไม่ปลดปล่อยระดับพลังปราณก่อกำเนิด?
เย่ว์หยางไม่ตอบ  เขาล้าหลังอยู่มาก สองสามก้าวที่เขาเดินขึ้นหน้าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก  เขายังคงพยายามต่อไป  แม้ว่าเขาแทบจะหมดแรงหลั่งเหงื่อพร่างพรูและกล้ามเนื้อสั่นจากอาการล้า แต่เขาก็ยังไม่ปลดปล่อยระดับพลังปราณก่อกำเนิด
ราชาเฮยอวี้ลอบขมวดคิ้ว  เย่ว์หยางไม่ได้พยายามแกล้งอวดโอ่ความสามารถแน่นอน
เป็นไปได้ไหมว่าเขาแสดงให้เห็นว่าตนเองอ่อนแอ? ไม่ ต่อให้เขาต้องการทำ เขาก็จะไม่เลือกวิธีการโง่เขลาเช่นนั้น
เขาใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อฝึกร่างกายเขาหรือ ทำอย่างนั้นเขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแรงดึงดูดสามสิบเท่าโดยที่ระดับพลังยังต่ำกว่าปราณก่อกำเนิดน่ะหรือ?  เมื่อราชาเฮยอวี้คิดถึงความเป็นไปได้นี้  เขาถึงกับลอบตกใจ เย่ว์หยางผิดจากธรรมดาจริงๆ  เขาคิดแตกต่างจากคนทั่วไป  ภายใต้แรงโน้มถ่วงสามสิบเท่า มีศัตรูรายล้อม  เขายังมีอารมณ์ฝึกฝนอยู่อีก ดูเหมือนเขาจะใช้โอกาสเช่นนี้แสวงหาความก้าวหน้า
ราชาเฮยอวี้จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้มีชีวิตต่อไปแน่นอน เจ้าเด็กนี่จะต้องเหนือเขาได้สักวันแน่นอน
ราชาเฮยอวี้ยิ่งกลัวก็ยิ่งคิดมาก ความคิดที่ต้องการฆ่าเย่ว์หยางแว่บผ่านเข้ามาในใจของเขา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางที่มีเหงื่อท่วมร่างกายก็มีช่วงเวลาที่ก้าวเท้าได้คล่องแคล่วในที่สุด   เขาที่ตอนแรกยังเดินล้าหลังก็ค่อยๆ ไล่ทันพวกที่เหลือในที่สุด
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามองหน้ากันเอง  นอกจากพวกเขารู้สึกประหลาดใจแล้ว เย่ว์หยางยังมีรังสีฆ่าฟันท่วมทับกดดันพวกเขาอีกด้วย... เขาคุ้นเคยกับแรงโน้มถ่วงสามสิบเท่าได้รวดเร็วมาก นี่เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า...
ผู้เฒ่าหนานกงไม่พูด แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ  เมื่อเห็นเย่ว์หยางก้าวหน้าและมีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร  ความมุ่งมั่นที่เขาตั้งใจจะปกป้องเย่ว์หยางยิ่งมั่นคงขึ้น
มีแต่เพียงราชันย์ปีศาจใต้ที่ทำเหมือนกับว่านางไม่เห็นอะไร
ในแดนสวรรค์ชั้นนอก
เพียงเวลาไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะมาถึง  โลกทั้งหมดก็กลายเป็นสถานที่ดูน่ากลัว
มีฝนอุกกาบาตที่ขาดเป็นชิ้นๆ พุ่งผ่านท้องฟ้าเป็นครั้งคราว  เปลวไฟลุกตามเป็นทางยาวก่อนจะกระแทกกับพื้นและเกิดการระเบิด
คลื่นระเบิดจากแผ่นดินไหวตามมาเป็นระลอก มีภูเขาไฟปะทุปล่อยลาวามหาศาลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นก็กระเด็นกระจายไปทั่วพื้น  แม้ว่าคนทั้งหมดนี้จะประกอบไปด้วยยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่พวกเขาก็ต้องหลบอย่างไม่มีทางเลือกเช่นกัน  พวกเขาไม่ยอมสิ้นเปลืองความพยายามในการต่อสู้กับภัยพิบัตินี้ ยิ่งกว่านั้น นี่ยังนับว่าไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับรอยแยกว่างเปล่าของสวรรค์ชั้นนอกที่น่ากลัวที่สุด
 “เรากำลังจะเข้าสู่พื้นที่สวรรค์รอบนอกอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ ทุกท่านโปรดตื่นตัวไว้ด้วย  แม้ว่าเราอาจจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันในอดีต  ข้าหวังว่าทุกท่านจะยอมวางทิฏฐิและเข้าไปเอาสมบัติกัน  เราค่อยพูดคุยกันอีกทีหลังจากได้รับสมบัติลับแล้วในซากโบราณนั่น”  ราชันย์ปีศาจใต้แหงนหน้า
 “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรากำลังล่าสมบัติ  ข้ายินดีจะผ่อนหนักผ่อนเบากับพวกท่าน”  จ้านหู่พูดออกตัวในนามของราชาเฮยอวี้
 “เชิญนำทาง!” เย่ว์หยางไม่เคยไปที่ชั้นสิบมาก่อน  ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ได้ยินมาจากจักรพรรดินีราตรีและนางเซียนหงส์ฟ้าว่าการจะไปให้ถึงหอทงเทียนชั้นสิบนั้นยากเพียงไหน เขาสามารถเข้าใจถึงเหตุผลในตอนนี้
สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายมากอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าแดนชายขอบสวรรค์อย่างเป็นทางการ
เขาได้แต่เพียงจินตนาการว่าเมื่ออยู่ในรอยแตกช่องว่างแดนชายขอบสวรรค์รอบนอกจะมีสภาพรุนแรงเพียงไหน
ราชันย์ปีศาจใต้พาทุกคนเข้าไปในหุบเขาที่มีภูเขาไฟที่พร้อมปะทุล้อมรอบ  ในช่วงกลางหุบเขามีภูเขาไฟที่นิ่งสงบลูกหนึ่ง และครึ่งทางเหนือภูเขาไฟจะมีทางผ่านโบราณ  สิ่งที่ไม่มีใครเคยคาดก็คือจุดเทเลพอร์ตเพื่อไปยังโลกต่างๆ ก็เป็นทางเข้าสู่ซากหักพังโบราณนั้นด้วย  ถ้าไม่ใช่เพราะราชันย์ปีศาจใต้เป็นคนนำทาง..คงไม่มีใครเข้าไปในสถานที่ซึ่งอยู่ตรงจุดภูเขาไฟปะทุ
ราชาเฮยอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินเรื่องพื้นที่ซากหักพังนี้มาก่อน
เขารู้สึกลำบากมาก
เขาคิดว่าราชันย์ปีศาจใต้ค้นพบที่ซ่อนสมบัติลับที่เขารู้จักแล้ว  ไม่เคยนึกเลยว่าจะไม่ใช่
ราชันย์ปีศาจใต้ร่วมมือกับเย่ว์หยางวางแผนเล่นงานเขาหรือเปล่า?  จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนอาจอยู่ในนั้นรอซุ่มทำร้ายเขาหรือไม่?
ราชาเฮยอวี้ลังเลสักครู่ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเย่ว์หยางลอบสังเกตเขาและว่าเย่ว์หยางก็ดูเหมือนจะระวังตัวเช่นกัน  ราชาเฮยอวี้จึงสบายใจ  ถ้ามีการซุ่มโจมตีจริงๆ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่ตั้งท่าระมัดระวังตัวแน่นอน แต่คงจะหาเรื่องกระตุ้นหรือยั่วยุแน่อน
หลังจากเทเลพอร์ตเข้าไปยังดินแดนที่แตกแยกออกไป ทุกคนยกเว้นราชันย์ปีศาจใต้ตะลึงกันหมด
ข้างนอกนั้นร้อนมาก  มากเสียจนพวกเขานึกว่าอยู่ในเตาอบ
แต่ในโลกที่แตกออกไปนั้น หนาวเย็นยะเยือกมาก
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาที่ปลดปล่อยพลังจนถึงระดับหกถึงกับสั่นจนควบคุมไม่ได้  พวกเขาเริ่มแข็งตั้งแต่เท้าเหยียบย่างลงบนพื้น และเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งภายในไม่กี่นาที
 “ฮ้า.......” จ้านหู่ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดและเรียกเพลิงพยัคฆ์แดง ซึ่งแทบจะไม่สามารถป้องกันตนเองได้
 “.......”  เป่ยเหลียวหยาใช้กรงเล็บของตนกรีดร่างตนเอง เลือดที่หยดลงพื้นกลายเป็นไฟ
ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้มีสมบัติป้องกันตัวนางเองอยู่แล้ว นางแทบไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ราชาเฮยอวี้และผู้เฒ่าหนานกงทั้งสองคนปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งเพื่อป้องกันความเย็น แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองมีสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว  ดังนั้นสาเหตุที่พวกเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งก็เพื่อป้องกันรอบๆ ตัว  แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอสูรโบราณอยู่ในพื้นที่แช่แข็งแห่งนี้  อสูรโบราณในหอทงเทียนชั้นสิบสามารถอธิบายได้แต่เพียงว่ามันแข็งแกร่งผิดธรรมดา  แม้เจ้าพวกที่เป็นอสูรทองระดับสิบก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าพวกที่มีระดับเดียวกันแต่อยู่ในหอทงเทียนชั้นล่างเป็นร้อยเท่าหรือพันเท่าก็มี
ยิ่งกว่านั้น มีอสูรโบราณระดับทองในชายขอบสวรรค์ไม่มาก  ส่วนใหญ่จะเป็นอสูรชั้นแพลตตินัม
สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดคนเดียวเข้ามาในชายขอบสวรรค์ เขามีแต่จะตายอย่างเดียวถ้าได้พบกับกลุ่มอสูรโบราณกลุ่มใหญ่
 “ฟู่..” เย่ว์หยางพ่นลมหายใจที่หนาวเย็น
เขาควงมือ  สายเส้นอากาศเย็นนับไม่ถ้วนเข้ามาในร่างของเขา
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือไม่เพียงแต่อากาศเย็นยะเยียบไม่เปลี่ยนเขาให้เป็นตุ๊กตาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นดอกไม้น้ำแข็งลอยวนอยู่รอบตัวเขา สร้างพื้นที่น้ำแข็งที่วนล้อมตัวเขาถึงสิบเมตร  จ้านหู่ยื่นมือออกไปพยายามจะสัมผัสดอกไม้ แต่นิ้วมือของเขากลายเป็นแท่งน้ำแข็งขนาดมหึมาทันที  ทุกคนที่เห็นเช่นนี้ตกตะลึงไปตามกัน
แววตาอำมหิตวาบผ่านในดวงตาของราชาเฮยอวี้  “คุณชายสามมีทักษะแฝงเร้นที่ยอดเยี่ยมจริงๆ  ข้าได้ยินมาว่าท่านมีทักษะควบคุมเพลิงอมฤตได้  แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถควบคุมความเย็นได้อย่างง่ายดาย”
เย่ว์หยางไม่ตอบเขา  เนื่องจากเขาเพ่งสมาธิอยู่กับการควบคุมพื้นที่น้ำแข็งรอบตัวเขา  เขาทำให้มันดูดซับพลังหยินและขณะเดียวกันก็ป้องกันตนเองไปด้วย
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยากมาก
ทั้งที่มีราชาเฮยอวี้อยู่ด้านข้างเขา  มันจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวขึ้นเมื่อทำมัน
ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้กำลังนำทาง จู่ๆ ผู้เฒ่าหนานกงก็หมุนตัวไปรอบๆ  หลังจากฟังอยู่ชั่วขณะ เขาพูดเสียงเบาๆ “มีการต่อสู้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นห่างจากพวกเราไปสิบกิโลเมตร  ข้าไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นอะไร แต่ข้าคาดว่าไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างอสูรโบราณ  แต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก  เราจะให้ความช่วยเหลือหรือว่าเราจะไปทำภารกิจกันต่อ?  ด้วยพลังของเรา แม้ว่าเราจะทำไม่สำเร็จ  แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะหลบเลี่ยงไป แต่เมื่อถือหลักคุณธรรมที่ว่านักรบควรช่วยเหลือกันและกัน ข้าว่าเราควรจะไปช่วยพวกเขา”
ตอนแรกเย่ว์หยางคิดว่าราชาเฮยอวี้จะไม่เห็นด้วยเสียอีก  คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะผงกศีรษะ
เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังจะใช้อสูรโบราณเพื่อทดสอบเรา?
เย่ว์หยางหัวเราะเย็นชาอยู่ภายในและพยักหน้าเช่นกัน  ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าใครจะตกไปในกับดักใครก่อน
ราชาเฮยอวี้คงจะไม่เป็นไร  แต่จ้านหู่กับเป่ยเหลียวหยาเล่าจะเป็นยังไง?  เย่ว์หยางรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสกำจัดหนึ่งในพวกเขาก็ได้  นั่นจะคล้ายกับการเด็ดแขนข้างหนึ่งของราชาเฮยอวี้   อย่างนั้นจึงจะนับว่าคุ้มที่เสี่ยงมาที่นี่
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยารู้ว่าพวกเขามีโอกาสสูงที่จะถูกฆ่า  ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกคัมภีร์อัญเชิญของพวกเขาออกมาทันทีและอสูรพิทักษ์ของพวกเขา ก่อนจะเพิ่มพลังปราณก่อกำเนิดขึ้นเป็นระดับแปด
พวกเขาต้องทุ่มเททั้งหมด
ทั้งราชาเฮยอวี้และผู้เฒ่าหนานกงปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับห้า ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดที่ระดับเจ็ด ไม่มีใครประมาทในเรื่องนี้
นี่คือส่วนที่อยู่ในเขตในของสวรรค์ขอบนอก แม้แต่สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบก็อาจตายได้
มีแต่เพียงเย่ว์หยางที่ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาที่ระดับสาม
แน่นอนว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับสามของเขาก็คล้ายกับพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปด  แค่มีระดับที่ต่ำกว่าเท่านั้น
 “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”  ราชันย์ปีศาจใต้ถามอย่างไม่เกรงใจ  “แค่ดูตัวเจ้า  พลังของเจ้านับว่าไม่เลว แต่ทำไมเจ้าถึงปลดปล่อยพลังแค่เพียงระดับสาม?”
 “โธ่เจ๊!, ท่านคิดว่าข้าอายุกี่ขวบ?  มันไม่ได้แย่ต่อตัวข้าเลยที่สามารถปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสาม”  เย่ว์หยางตอบขณะที่ ขณะที่เขาค่อยๆ ควบเกราะแก้วผลึกออกมาจากร่างและชักดาบวิเศษฮุยจินที่เปล่งเพลิงสีม่วง  ในพื้นที่เย็นยะเยียบนี้ พลังของดาบวิเศษฮุยจินลดลงมากขนาดของไฟก็หดตัวเล็กลง  เมื่อรู้สึกว่าไม่แข็งแกร่งพอหลังจากกวัดแกว่งหลายครั้ง เย่ว์หยางรีบชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมา
ในทางตรงกันข้าม ดาบจันทร์เสี้ยวมีอักษรรูน “แข็งแกร่งถาวร” และอักษรรูนสวรรค์ว่า “เยือกแข็ง” และ “คมกล้า” ก็ยิ่งทรงพลังเพิ่มขึ้นในดินแดนที่แตกออกมานี้เป็นหลายเท่า
นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่มันสามารถอยู่เหนือดาบวิเศษฮุยจินได้ตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมา
ราชาเฮยอวี้แค่นเสียงเบาๆ
ไม่ใช่ว่าเขาอิจฉาดาบจันทร์เสี้ยว  แต่เขารู้สึกไม่พอใจเรื่องพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางแค่เพียงระดับหนึ่งก็เทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกอื่นๆ ราชาเฮยอวี้ไม่เคยพบคนที่ผิดธรรมดาอย่างนั้นมาก่อน  ถ้าเย่ว์หยางยกระดับพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับหก อย่างนั้นเขาจะไม่อยู่เหนือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรอกหรือ?
ถ้าผู้เฒ่าหนานกงไม่อยู่ใกล้ๆ ด้วย  เขาจะต้องฆ่าเย่ว์หยางทันที!
แน่นอนว่า ต่อให้ผู้เฒ่าหนานกงก็ต้องการปกป้องเขา ราชาเฮยอวี้ก็ยังจะทำให้ได้  ถ้าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนไม่ได้ซุ่มโจมตี เย่ว์หยางจะต้องตายแน่นอน
ห่างออกไปสิบกิโลเมตร มีหุบเขาที่เกิดจากธารน้ำแข็งนิรันดร์กาล
เย่ว์หยางและพวกที่เหลือร่อนลงอยู่บนยอดหุบเขา  พวกเขาอ้าปากค้างเมื่อมองลงไปข้างล่าง
ในหุบเขา มีหมีปีศาจโบราณร้อยตัวกำลังปิดล้อมหุบเขาทั้งสองด้านและมีลิงยักษ์โบราณสองสามตัวคว้าภูเขาน้ำแข็งและทุ่มใส่นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ถูกปิดล้อม  นอกจากนี้ยังมีมังกรน้ำแข็งบินดิ่งลงมาพร้อมกับพ่นลมหายใจน้ำแข็งใส่
สิ่งที่น่ากลัวก็คือนักรบปราณก่อกำเนิดไม่ได้เกาะกลุ่มกันตลอดในเวลาอย่างนี้
นอกจากนี้พวกเขายังต่อสู้ในหมู่พวกเขากันเองขณะที่ความตายกรายมาอยู่ต่อหน้า
 “มีข้อจำกัดในหุบเขาแห่งนี้  เมื่อเข้าไปแล้ว ทั้งคนและอสูรจะไม่สามารถบินขึ้นไปในอากาศได้  แต่มังกรน้ำแข็งได้รับการยกเว้น” ราชันย์ปีศาจใต้ถึงกับหน้าซีด
 “อันตราย!” ผู้เฒ่าหนานกงพุ่งลงไปทันทีหลังจากเห็นชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังสู้กัน
 “มาเถอะ ไปเล่นด้วยกัน” เมื่อเห็นว่าราชาเฮยอวี้ยกมือขวาเตรียมโจมตี  เขายิ้มเย้ย  จากนั้นเย่ว์หยางพุ่งลงไปในหุบเขา  เขาโบกมือให้ราชาเฮยอวี้ขณะที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ
 “.....” ราชาเฮยอวี้ลังเลอีกครั้ง, มีข้อจำกัดไม่ให้ใครบินขึ้นท้องฟ้าหรือ?  นั่นคือจุดอ่อนของเขา ที่ส้นเท้า  จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีการลอบโจมตีจริงๆ?

13 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณ๕รับ

lawling กล่าวว่า...

สนุกทุกตอนเลย

DexterAndDdy กล่าวว่า...

กำลังจะเดืออดแล้ว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดจะลอบกัดอิเยว่ ลำบากหน่อยนะ 555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

งานนี้ต้องมีคนตาย!! :v คิดจะมาเล่นเล่ห์กับเย่ว์หยางมันเร็วไป 507 ปีเว้ย!

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

สงสัยได้เด็ดแขนเฮยอวี้อีกครั้ง 555

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น