วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 516 เป้าหมายที่ต้องชนะคือ นักสู้ระดับฟ้า



ตอนที่  516  เป้าหมายที่ต้องชนะคือ นักสู้ระดับฟ้า
คนของทวีปมังกรทะยานหรือ?
หัวใจของเย่ว์หยางสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว

ทำไมศัตรูจึงเรียกเป็นชาวมังกรทะยานแทนที่จะเป็นชาวอเวจี หรือบางทีก็เป็นปีศาจเผ่าบูรพา?  เป็นไปได้ไหมว่าตั้งแต่ยุคโบราณกาล ทวีปมังกรทะยานมีนักสู้ที่ทรงพลังมากที่สุด?
ก่อนที่เย่ว์หยางจะทันมีเวลาคิด  เงาร่างหกสายก็พุ่งผ่านราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงที่กำลังยืนป้องกันทางผ่านแก้วผลึกอยู่  พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่าแสงเป็นร้อยเท่า  พวกเขาไปปรากฏอยู่ที่กลางลานแก้วผลึกทันที  ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงสังเกตว่าอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีลงมือ ทั้งคู่จึงไม่ห้ามพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขารีบกลับไปอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง
เงาร่างทั้งหกปรากฏอยู่ในเวทีสี่เหลี่ยม
พวกเขายืนเป็นรูปวงกลมเผชิญหน้ากับศัตรู เหมือนกับว่าพวกเขากลัวการโจมตีของศัตรู
เย่ว์หยาง, ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงยังไม่เคลื่อนไหว  พวกเขาตัดสินใจสังเกตการณ์เงียบๆ ก่อน
ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้ารวมทั้งบริวารทั้งสองของพวกเขาพยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาไปสมทบกับจักรพรรดิใต้พิภพซึ่งเพิ่งจะโผล่ออกมาจากทางเดินแก้วผลึก  ในขณะเดียวกันนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์จำนวนหลายสิบคนยืนหลบอยู่ในระหว่างนักรบโบราณปฏิเสธจะเปิดเผยสถานะของพวกเขา  ลึกๆ แล้วพวกเขากลัวถูกศัตรูเปิดเผยสถานะพวกเขา  นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ต้องการบุกเป็นพวกแรก
นักรบโบราณกลับมาล้อมศัตรูทั้งหกไว้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าพวกเขาจะชนะในแง่ปริมาณ  แต่ในแง่คุณภาพเมื่อเทียบกันแล้วพวกเขายังอ่อนอยู่
โดยพื้นฐานนั้นเทียบกันมิได้
คู่ต่อสู้ทั้งหกเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังกันทั้งหมด เป็นระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด  คนที่มีพลังมากก็คือ บุรุษผมเงินคนหนึ่งที่ยังหลับตาอยู่  ทักษะของเขายังเหนือกว่าราชาเฮยอวี้มาก บุรุษที่ร่างงดงามผู้นี้มีผมยาวจนแทบถึงพื้นดูเหมือนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง  อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ของเขา  เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าพลังที่แท้จริงของเขาก็คือปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสาม  แม้ว่าเขาจะสวมชุดบัณฑิตธรรมดา  แต่ก็มีแรงกดดันจากตัวเขาที่มองไม่เห็น  มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้
เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า  พลังของคนผู้นี้เวลาถูกปล่อยออกมาจะเป็นพลังแบบใด หากเขาใช้อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์หรือชั้นเทพ
หากไม่นับบุรุษผมเงินยาวรูปงาม ก็ยังมีอีกสองคนซึ่งมีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาเฮยอวี้
คนหนึ่งมีเปลวเพลิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขามีลักษณะคล้ายอสูรธาตุไฟ  อย่างไรก็ตามเขาเป็นสิ่งมีชีวิตและเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง
อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างบุรุษที่มีเพลิงลุกไหม้ เขามีลักษณะคล้ายเป็นปกติ  อย่างไรก็ตามภายใต้จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบประหลาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยโลหะ
เย่ว์หยางรู้สึกว่าคนผู้นี้คล้ายกับคนเหล็กรุ่น T-1000 จากหนังเรื่องเทอมิเนเตอร์(ภาค 2)  พวกเขามีความสามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้อย่างอิสระ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือว่าคนผู้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ที่ทำจากซิลิคอน
เขาไม่ใช่หุ่นยนต์
รูปแบบชีวิตซิลิคอนนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ  ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับมนุษย์ที่ร่างกำลังลุกไหม้และราชาเฮยอวี้  พลังของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน
ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของราชาเฮยอวี้ทำให้เขาดูทรงพลังมากกว่าบุรุษร่างเพลิงและบุรุษโลหะซิลิคอน  อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบในแง่พลังที่แข็งแกร่งที่สุด บุรุษผมเงินที่หลับตายังคงมีความแตกต่างแน่นอน
แม้ว่าร่างโลหะซิลิคอนไม่สามารถเทียบได้กับเหล็กไหลดาวตกของเขา  แต่เย่ว์หยางมีแรงบันดาลใจอยากจะได้ชิ้นส่วนร่างกายเขาไปตรวจสอบค้นคว้า  บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากโลหะพิเศษจากตัวโลหะเหลวเพื่อผลิตอาวุธที่ดียิ่งขึ้นหรือสร้างตุ๊กตาหุ่นรบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากคนทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้ว  ศัตรูอีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
แต่ละคนล้วนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าทั้งนั้น  พวกเขาอ่อนแอกว่าราชาเฮยอวี้  แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพแล้ว  พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก
คนที่สูงที่สุดในสามคนนั้น เป็นนักสู้ครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์.... ไซบอร์ก
เขาสูงถึงสิบเมตร
เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า เลือดเนื้อจะทำงานเข้ากันได้ดีกับเครื่องกลโลหะให้ดีได้ยังไง
แม้ความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม
บางทีจักรวาลของเจ้าผู้นี้จะอยู่ในมิติเดียวกับคนที่ใช้เกราะชีวภาพ “กายเวอร์” อย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางหันไปมองนักสู้ที่มีความสามารถเป็นระดับที่ห้า   เขาเป็นตัวประหลาดครึ่งโครงกระดูก ครึ่งอสุรกาย  ตั้งแต่สะเอวลงมาเขาไม่มีร่างกายท่อนล่าง  ไม่มีแขนที่แท้จริงแต่อย่างใด มีแต่เพียงแขนพลังงานและมือกระดูกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า  มือที่เป็นกระดูกซ่อนพลังงานไว้ครึ่งหนึ่งซึ่งเรืองแสงสีฟ้าเลือนลาง  การปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดรูปแบบต่างๆ สร้างความตกตะลึงให้กับจักรพรรดิใต้พิภพ
ทั้งนี้เพราะเขาตระหนักได้ว่าศัตรูผู้นี้ได้พัฒนาระดับพลังขึ้นมาสูงกว่าระดับราชาลิช  คู่ต่อสู้ได้ผสานโครงกระดูก พลังงานและวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
นักสู้คนที่หกเป็นมนุษย์อสูรที่มีความคล้ายกับเผ่าปีศาจบูรพา
เขาคือมนุษย์สมิงสูงสามเมตร
เขากับสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาไม่มีความแตกต่างกันมากนัก  เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์มองเข้าไป  เย่ว์หยางพบว่าแม้แต่สายเลือดของเขาก็ยังมีความคล้ายคลึงกับเผ่าปีศาจบูรพา
มีความแตกต่างกันอยู่ก็คือ  เจ้ามนุษย์สมิงร่างใหญ่และบึกบึนนี้มีสามตา
ที่กลางหน้าผากของเขามีม่านตาสีทองซึ่งมีขนาดเท่ากับกำปั้น  มันไม่มีเปลือกตาสำหรับครอบคลุม แต่สามารถกลอกไปมามองดูคนได้  มนุษย์สมิงดูเหมือนจะไม่สนใจใคร นอกจากราชันย์ปีศาจใต้  มนุษย์สมิงจ้องมองนางและสูดกลิ่นอีกครั้ง  ดูเหมือนว่าเขาจะงงกับความจริงที่ว่าราชันย์ปีศาจใต้แห่งเผ่าปีศาจบูรพาจะมีลักษณะชีวภาพที่คล้ายกับเขา
 “นี่มันอะไรกัน?” มนุษย์สมิงผู้สำรวจเหตุการณ์มองเห็นเด็กสาวยักษ์นอนอยู่บนพื้น  เขาถึงกับมึนงง  “อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าสู้กับเทพธิดาศึกผู้ปกป้องทวีปมังกรทะยานและทำให้นางหมดสติ?”
 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มนุษย์ไซบอร์กอดหัวเราะไม่ได้หลังจากได้ทราบข่าว   เขาหัวเราะจนตัวงอ ควันขาวถูกปล่อยออกมาจากร่างจักรกลของเขา
 “งี่เง่า, เจ้ากระดูกงี่เง่า...”  อสุรกายกระดูกครึ่งร่างแค่นเสียงน่ากลัว เสียงเหมือนภูตผีคร่ำครวญ เขาเยาะเย้ยเย่ว์หยางและพวกที่เหลืออย่างไม่เกรงใจ
เย่ว์หยางพูดไม่ออก  ความจริงทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำที่งี่เง่าของราชาเฮยอวี้  มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ ทุกคนต้องถูกคนนอกเยาะเย้ยหยันและขอบคุณเขา
ช่างน่าสมเพชจริงๆ!
แน่นอนว่าราชาเฮยอวี้แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร เขาจะไม่มีทางยอมรับความผิดพลาดนี้ต่อหน้าธารกำนัล  ยิ่งกว่านั้น ยังมีศัตรูที่ทรงพลังอยู่ที่นี่ถึงหกคน   เขายังคงไม่แน่ใจว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร  ดังนั้นเขาจึงลอบป้องกันตนเองไว้  เขาตัดสินใจดูความเป็นไปของเหตุการณ์ก่อน
บุรุษรูปงามผมเงินที่ยังคงหลับตาและปิดปากเงียบมาตลอดจู่ๆ ก็เปิดปากพูด “ข้าหวงฉวนเป็นศิษย์คนโตของเจ้าสำนักกุยฉางแห่งแดนสวรรค์  ข้าได้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์มาเป็นเวลาแปดร้อยปี  ข้าได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันออกให้เข้าร่วมสงครามโบราณ  ขอเรียนถาม ใครเป็นผู้ได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันตก?”
ผู้เฒ่าหนานกง, ราชาเฮยอวี้, จักรพรรดิฟ้า, จักรพรรดิใต้พิภพและคนที่เหลือมองหน้ากันและกันอย่างสับสน
ผู้ได้รับเลือกน่ะหรือ
แดนสวรรค์?
นับตั้งแต่จักรพรรดิอวี้สู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ย้อนไปหลายพันปี  ก็ยังไม่มีข่าวว่ามีผู้ใดสามารถไปจนถึงแดนสวรรค์ได้  แล้วนี่มีการเลือกตัวแทนให้เริ่มสงครามโบราณได้อย่างไร?
 “ผู้ได้รับเลือกอะไรกัน? ต้องมีคนเข้าแดนสวรรค์เพื่อเริ่มสงครามนี้ด้วยหรือ?  เราไม่รู้อะไรเลย”  ราชันย์ปีศาจใต้คิดว่าหีบสี่ใบที่นางได้เลือกก่อนนั้นคงเป็นต้นเหตุ  นางรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนนั้น  นางรู้สึกว่าถ้านางไม่พาเย่ว์หยางและราชาเฮยอวี้ออกมาล่าสมบัติ  เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เกี่ยวกับคำพูดของศัตรู  ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนาง  ต้องมีเรื่องอื่นซ่อนอยู่ภายในเป็นแน่
 “เป็นไปได้หรือว่าพวกเจ้ายังไม่เคยได้ไปแดนสวรรค์?  เจ้าไม่รู้เรื่องบุคคลที่ได้รับเลือกหรือ?” มนุษย์สมิงสามตาตะลึง
 “เจ้าพวกบ้านนอกเอ๊ย, พวกเจ้ามัวแต่ไปอยู่หลังเขาที่ไหนกัน? พวกเจ้าพยายยามจะเล่นตลกและทำให้ข้าขำจนตายใช่ไหม?”  มนุษย์ไซบอร์กหัวร่อเกลือกกลิ้งกับพื้น  น็อตสกรูในตัวเขาถึงกับคลายเกลียวหลุดออกมาเพราะหัวเราะหนักเกินไป
 “ปรากฏว่าในศึกระหว่างแดนสวรรค์เหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตกคงต้องสาบสูญไปอย่างแน่นอน  ก่อนต่อสู้ เจ้าต้องปล่อยให้เราฆ่าคนก่อนสามสิบคน เราแข็งแกร่งกว่าเราจึงมีสิทธิ์ได้คะแนนเพิ่ม  ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ขณะที่ไม่ว่าเจ้าจะสามารถผ่านสังเวียนมรณะได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า  เราพวกตระกูลเพลิงไม่สนใจเป็นพันธมิตรกับพวกอ่อนแอ”  มนุษย์เพลิงสั่งให้ราชาเฮยอวี้ส่งคนสามสิบคนให้ตั้งแต่เริ่มแรก
นักสู้ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักรบโบราณต่างพากันหวาดกลัว
ในตอนนี้ แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองได้
ทำไมเขาจึงต้องห่วงใยพวกนั้นด้วย?
การคุกคามของศัตรูเห็นได้ชัดว่าต้องการสร้างความเสียหายให้พวกเขา  แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้
แม้ว่าไม่มีใครยินดีจะตายที่นี่  แต่หลายคนเข้าใจดีแล้ว บางทีพวกเขาอาจมีปัญหาเพียงแค่พยายามหนี  ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน  ก็ต้องมีความสามารถ เมื่อมีพลังไม่พอ พวกเขาก็ต้องถูกกำจัดออกไป
เมื่อเผชิญกับการคุกคามของมนุษย์เพลิง  ด้านราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าก็มีปัญหาเพิ่ม  ไม่มีคนเพียงพอ
คนที่ศัตรูหมายถึงอาจไม่ใช่นักรบโบราณ แต่อาจเป็นพันธมิตรผู้ร่วมรบ  อย่างไรก็ตาม แม้เพิ่มคนที่เข้ามาด้วย ก็มีเพียงยี่สิบห้าคน  พวกเขาจะหาคนสามสิบคนได้ยังไง?  แม้ว่าหลังจากศัตรูฆ่าคนไปสามสิบคนแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ตัดสินใจโจมตีพวกเขาเอง?”
 “สังเวียนมรณะคืออะไร?  พวกเจ้าอธิบายให้ชัดเจนได้ไหม?”  เย่ว์หยางยังคงสับสน
 “คนอย่างเจ้าไม่รู้อะไรจริงๆ หรือ?”  มนุษย์สมิงสามตาทำหน้าอายแทน
 “เรา.. ช่วงเวลาสองสามพันปี ก็ไม่มีผู้ใดเข้าแดนสวรรค์ได้อีกเลย”  ผู้เฒ่าหนานกงพูดความจริง
 “เป็นไปไม่ได้!  นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทุกคนสงสัยทันที
 “มนุษย์ชาวทวีปมังกรทะยานมักจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะมีฝีมือสวะขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้!  ยิ่งกว่านั้น ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้  แล้วสงครามโบราณนี้เริ่มขึ้นได้ยังไง? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!  คนที่เพลิงปกคลุมยังมั่นความคิดตัวเองเต็มที่
 “ต้องมีคนจากแดนสวรรค์ถึงจะเริ่มสงครามโบราณนี้ได้  ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมสนามรบโบราณถึงได้ปรากฏที่นี่?”  มนุษย์สมิงสามตาไม่เชื่อคำพูดของผู้เฒ่าหนานกง
 “คนที่เริ่มสงครามโบราณ  จะต้องเป็นคนที่ได้รับเลือก”  มนุษย์ไซบอร์กกล่าวเสริม
 “ถ้าเป็นคนที่ถูกเลือก  อย่างนั้นเขาจะสามารถได้ยินเสียงจากรหัสโบราณ  เขาจะสามารถนำเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเข้าต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ..” คำพูดของมนุษย์สมิงสามตาทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ  เขาเป็นผู้ถูกเลือกหรือ? นั่นเป็นการพูดพล่อยๆ หรือเปล่า  เขาไม่เคยเห็นแดนสวรรค์มาก่อน แล้วเขาจะเป็นคนเริ่มสงครามโบราณที่กล่าวถึงนี้ได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องไร้สาระชัดๆ!
 “พวกท่านได้ยินเสียงรหัสโบราณกันหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นถามคำถามและหวังว่าราชาเฮยอวี้จะชูมือแบกรับความผิดไปเอง
 “....”  คนรอบๆ ตัวเย่ว์หยางพากันเงียบทั้งหมด
 “เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีผู้ได้รับเลือก คนที่ได้รับเลือกจะได้เป็นผู้นำของพวกเจ้า หากปราศจากผู้นำพวกเจ้าจะไม่มีทางเข้าใจกฎและข้อกำหนดต่างๆ สำหรับสงครามโบราณ  พวกเจ้าจะกลายเป็นเนื้อที่ขึ้นเขียง  ผู้ได้รับเลือกต้องอยู่ที่นี่  เขาต้องซ่อนตัวอยู่แน่นอน”  มนุษย์เพลิงโบกมือ เพลิงพิโรธกระพือโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า  “ข้าไม่สนใจว่าจะมีผู้ได้รับเลือกหรือไม่  พวกเจ้ามันก็แค่กลุ่มที่อ่อนแอ  ดังนั้นพวกเจ้าควรเจียมตัวว่าอ่อนแอ!
 “สู้เพื่อความตายของผู้คน ไม่มีทางยอมแพ้”  ทัศนคติของผู้เฒ่าหนานกงหนักแน่นมั่นคง  ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงไหน  เขาจะไม่ยอมแพ้
 “ขอให้หวงฉวนได้อธิบายหน่อยเถอะ..”  บุรุษผมเงินพูดอย่างเนิบนาบ  “พวกเจ้าอาจถูกดึงเข้าสู่สงครามโบราณโดยมิได้รับรู้อะไรเลย  แต่ข้าสามารถยืนยันพวกท่านได้ว่านี่คือสมรภูมิมรณะ  นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจากแดนสวรรค์เหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตกสู้แลกชีวิตกัน  ผู้ชนะจะได้รับสมบัติชั้นเทพ ผู้แพ้จะตกอยู่ในความตายนิรันดร์ถูกผนึกอยู่ในลานแก้วผลึกนับล้านล้านปี  เว้นแต่ผู้แพ้จะมีความสามารถรวบรวมคะแนนในการรบที่มาถึง  ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่พ้นไปจากชะตากรรมถูกทำลายได้  บางทีพวกท่านอยากจะรู้เหตุผลที่เราไม่ฆ่าพวกท่าน ทั้งที่เราก็เป็นศัตรูของพวกท่าน  นั่นเป็นเพราะต่อให้เราฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด  เราก็อาจรวบรวมคะแนนได้ไม่ถึงร้อย  ศัตรูแรกที่เราต้องเผชิญหน้าก็คือเพชฌฆาตโบราณ ที่ถูกปล่อยออกมาโดยรหัสโบราณ  เพื่อป้องกันเผ่าพันธุ์ต่างๆ แอบก่อตั้งพันธมิตร สมรภูมิโบราณจะปล่อยเพชรฆาตโบราณออกมาชั่วโมงละสิบตัว  เพชฌฆาตโบราณเหล่านี้จะโจมตีไม่เลือก  ภารกิจของพวกมันคือฆ่าผู้เข้าร่วมทุกคน   ทุกครั้งที่พวกมันฆ่าผู้เข้าร่วมแข่ง  พวกมันจะได้รับสหายเพชฌฆาตเพิ่มมาตนหนึ่ง  พวกเจ้าที่มาจากทวีปมังกรทะยานสูญเสียโอกาสได้รับสมบัติชั้นเทพไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว  ตามกติกา  พวกเจ้าต้องส่งคนสามสิบคนมาเพิ่มคะแนนให้เรา  จากนั้นเราค่อยตัดสินใจว่าผู้ร่วมแข่งขันที่แข็งแกร่งที่เหลือจะได้เข้าร่วมสังหารเพชรฆาตโบราณและได้รับคะแนนพอที่จะออกไปได้หรือไม่”
 “ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้  ทำไมเราทุกคนถึงไม่ร่วมมือกัน  รวมพลังให้ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วฆ่าเพชรฆาตโบราณ?”  จักรพรรดิฟ้ารู้สึกว่าพวกเขาควรร่วมมือกันอย่างเต็มที่
อย่างน้อยที่สุด  พวกเขาก็สามารถร่วมมือกันได้ในตอนนี้
คงจะไม่สายเกินไปที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายหลังจากทุกคนรวบรวมคะแนนได้ถึงร้อยแล้ว
แน่นอนว่าศัตรูต้องการทำลายพลังของเย่ว์หยางและคนอื่นๆ จากทวีปมังกรทะยาน การรวบรวมคะแนนให้ได้ไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์ต่อการกดดันศัตรูขณะที่ใช้ในการหลบหนีได้ในภายหลัง  อาจจะลดโอกาสของจำนวนเพชรฆาตโบราณไม่ให้เพิ่มขึ้นในภายหลัง
ปัญหาก็คือ  ถ้าฝ่ายเย่ว์หยางฆ่าพันธมิตรสามสิบคน ก็เหมือนกับว่าต้องหักคะแนนออกไปสามสิบคะแนน และใครจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากสมรภูมิมรณะนี้ได้เล่า?
 “พวกเจ้าต้องเปลี่ยนคนที่ไร้ประโยชน์ให้เป็นคะแนนเพื่อพวกเรา นี่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานมาก  ถ้าเจ้าไม่ทำเช่นนั้น  เราจะทำด้วยตัวเราเองและฆ่าพวกเจ้าทีละคน!  พวกเจ้าไม่มีโอกาสต่อรองกับพวกเรา  เรา ตัวแทนแต่ละฝ่ายมีการเตรียมพร้อมกับการรบครั้งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว ทุกๆ ฝ่ายจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าสามคนเป็นอย่างน้อย  แต่พวกเจ้ามีเพียงคนเดียว พวกเจ้าไม่มีทางต่อกรกับเราได้”  มนุษย์เพลิงกระตือรือร้นที่จะฆ่า
 “พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์!  มนุษย์โลหะเหลวที่ไม่พูดอะไรจนบัดนี้พยักหน้าเห็นด้วย
 “นอกเหนือจากคนผู้นี้ พวกที่เหลือไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ข้าว่าเราฆ่าพวกมันให้หมดดีกว่า  ป้องกันจำนวนเพชฌฆาตโบราณเพิ่มขึ้น”  อสุรกายครึ่งกระดูกชี้ไปที่ราชาเฮยอวี้ด้วยท่าทีพิกล
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงราชาเฮยอวี้เท่านั้นที่พวกมันยอมรับ  คนที่เหลือจะกลายเป็นเหยื่อที่เสียสละของศัตรูเพื่อเพิ่มคะแนนของพวกเขา
ราชาเฮยอวี้ลอบชื่นชมยินดี
เขาปลอดภัย  บางทีการปกป้องจักรพรรดิฟ้าและบริวารทั้งสองของเขา พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็คงไม่เป็นปัญหา
สำหรับผู้เฒ่าหนานกง, จักรพรรดิใต้พิภพและเย่ว์หยาง ก็ช่างพวกเขาปะไร  ตอนนี้เขาสามารถกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด จะมีแค่เพียงหญิงสาวผู้ฉลาดอย่างราชันย์ปีศาจใต้  ถ้านางตายก็คงน่าเสียดาย  ถ้านางยินดีเข้าร่วมกับเขา  เขาอาจจะช่วยนางก็ได้  อย่างไรก็ตาม คงเป็นไปไม่ได้  เป็นเพราะเผ่าปีศาจบูรพามีลักษณะแน่วแน่มั่นคงมาก  แม้ในสภาพสิ้นหวัง  พวกเขาก็ยังยอมรับ พวกเขายินดีกอดคอท้าทายร่วมกัน  นั่นเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของชนเผ่าทั้งหมด
ไม่เป็นไร  ถ้าบางอย่างไม่ได้เป็นของเขา ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับฝืนใจ
ยังไงก็ตาม ก็แค่สตรีคนเดียว...
ราชาเฮยอวี้เชิดคางด้วยความหยิ่งยโส  เขาไม่มองผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้อีกต่อไป
จักรพรรดิฟ้ารีบไปยืนข้างเขาด้วยความชื่นชม  เขาทำท่าทางราวกับว่าเขาเสียใจเหลือเกินที่พี่น้องของเขาต้องได้รับบาดเจ็บ
นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์สิ้นหวังกันทุกคน  พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองสีหน้าของราชาเฮยอวี้  ราชาเฮยอวี้ผู้นี้ไม่น่านับถือเสียเลย ท่านหนานกงเป็นเพียงคนเดียวที่พวกเขานับถือเชื่อใจ  แต่น่าเศร้าที่เขาไม่ได้เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด  เขาไม่สามารถได้รับการยอมรับจากพวกเขา และไม่สามารถปกป้องทุกคนได้
อสุรกายผู้มีกระดูกครึ่งตัวควงนิ้วและชี้ไปที่ราชันย์ปีศาจใต้
ราชันย์ปีศาจใต้ร่างเริ่มสั่นสะท้าน
เย่ว์หยางก้าวขึ้นไปยืนขวางข้างหน้านางอย่างกล้าหาญ
 “ข้าต้องการฆ่าสตรีก่อน  แต่เด็กมนุษย์นี่ดูเหมือนจะมีความเห็นเป็นอื่น  งั้นฆ่าเขาก่อนก็แล้วกัน”  อสูรกายร่างกระดูกครึ่งเดียวหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เย่ว์หยางยอมทนฟังพวกนี้เป็นเวลานาน หลังจากได้ยินเจ้ากระดูกขาวผู้นี้พูดว่าต้องการฆ่าเขา  เขาถึงกับระเบิดอารมณ์โกรธออกมา  “อะไรกันนี่, แสดงท่าทางอันธพาลแค่เพราะสารรูปอย่างเจ้า จะว่าคนก็ไม่ใช่  ผีก็ไม่เชิงน่ะเหรอ? ซุนหงอคงสามารถฆ่าปีศาจกระดูกขาวด้วยการฟาดสามที เขาก็สามารถจัดการเจ้าได้  ข้าก็ทำได้เหมือนกัน พอดีเลย หมาเฝ้าบ้านข้าจะได้ไม่ขาดแคลนกระดูกไว้แทะเล่นอีกต่อไป  คุณชายอย่างข้า จะขอรื้อกระดูกเหม็นๆ ของเจ้าไปเป็นอาหารสุนัขของข้า”
 “.....” ราชาเฮยอวี้และคนที่เหลือได้ยินเขาพูด  ทุกคนถึงกับปากอ้าค้างไปตามๆ กัน
เจ้าเด็กนี่ หยิ่งเกินไปหรือเปล่า?
คู่ต่อสู้ของเขา อย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง และด้วยร่างเล็กบอบบางอย่างเขา  เขายังต้องการจะสู้กับพวกนั้นอีกหรือ?
ราชันย์ปีศาจใต้รีบกระทุ้งเย่ว์หยาง ส่งสัญญาณไม่ให้เขาวู่วาม
เย่ว์หยางกันนางออกไป  “พวกเจ้าไปอยู่ห่างๆก่อน  นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า  แล้วไงเล่า? ข้า..คุณชายผู้นี้ขอทุบนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าเอง!
ทั่วทั้งลานเงียบกันหมด
ทุกคนพูดไม่ออก
จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่โง่เง่า เขาก็คงจะบ้าไปแล้วแน่นอน  หรือไม่อย่างนั้นสมองของเขาก็คงผิดปกติ ถ้าไม่อย่างนั้น  เขาคงประเมินตัวเองสูงจนเกินไปจึงได้ท้าทายด้วยท่าทีเหลวไหลอย่างนั้น
อสูรกายร่างครึ่งกระดูกที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าถึงกับหัวเราะลั่น แต่เสียงหัวเราของเขาคล้ายกับภูตผีคร่ำครวญ  “ข้าคือเวิ่งจินจากเผ่ากระดูก ข้าสามารถใช้นิ้วเดียวฆ่าเจ้าภายในวินาทีเดียว  ข้าหวังว่าเจ้าจะระบุชื่อข้าได้ถูกนะ ข้าอยากรู้มากจริงๆ ว่าเจ้าเด็กน้อยผู้หยิ่งยโสไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี้ ชื่ออะไร  หึหึ  ฆ่าคนอ่อนแอในวินาทีเดียวไม่ค่อยน่าตื่นเต้น  แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น  เพราะเจ้าเป็นเด็กมนุษย์ที่ถือตัวจัดเกินไป เจ้ายั่วโมโหให้ข้าฆ่าเจ้า...”
 “คุณชายผู้นี้คืออัจฉริยะอายุน้อยที่สุดและมีพรสวรรค์มากที่สุดของทวีปมังกรทะยานของเรา  อายุเพียงยี่สิบปี เขาก็เป็นนักสู้อัจฉริยะด้วยตนเอง เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด และภายในไม่กี่ปี เขาก็บรรลุมาถึงระดับอย่างวันนี้  อาจกล่าวได้ว่าเขาคืออัจฉริยะพิเศษที่ปรากฏในรอบล้านปีก็ได้”  ราชาเฮยอวี้ช่วยแนะนำเย่ว์หยางอย่างจริงใจ  ราวกับว่าเขากลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยินดีฆ่าเขา  เขาเลือกข้อมูลที่สำคัญและดีที่สุดออกมา  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้ต่อสู้มาหลายศึกแล้ว และไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน  ไม่เพียงแต่เขามีอสูรที่แข็งแกร่งเท่านั้น เขายังได้รับสมบัติผนึกเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ซึ่งเป็นของจักรพรรดิอวี้นักสู้อันดับหนึ่งชาวทวีปมังกรทะยานคนก่อน  ทันทีที่คุณชายสามทำสัญญากับผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ  เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้คนใหม่ นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง จะอยู่ในสายตาคุณชายสามได้ยังไง”
ตอนนี้ ศัตรูทุกคนจ้องมาทางเย่ว์หยางด้วยแววตาเหมือนกัน... เขาต้องตาย
บุรุษหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น.. มีเหตุผลใดที่จะปล่อยให้เขามีชีวตต่อไปเล่า?

14 ความคิดเห็น:

  1. เย่ว โดนใส่ไฟใหญ่เลย ไอ้....


    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. สุมไฟใหญ่เชียว โดนแน่ๆ

    ตอบลบ
  3. โอ้....ความลึกลับอีกหนึ่งเรื่อง ความลับของมนุษย์ชาวทวีปมังกรทยาน

    ป.ล. ปากจริงๆ!! เฮยอวี้นี่ตลอดจริงๆ ตีไข่ใส่สีต้องยกให้จริงๆ

    ตอบลบ
  4. พี่เย่วเราไม่กลัวอยู่แว้ววว

    ตอบลบ
  5. เฮยตี้หาตีนให้อีก

    ตอบลบ
  6. ไอ้เฮยอวี้นี่ ตายๆๆๆไปซะทีได้มะ ไม่นึกเลยว่าจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้!!!

    ตอบลบ