วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 517 พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์



ตอนที่  517  พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์
ราชาเฮยอวี้ยินดีอย่างยิ่งที่เขาสามารถยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามต้องการฆ่าเย่ว์หยางให้ได้
เขา, จักรพรรดิฟ้าและพวกที่เหลือถอยออกไปเพื่อที่ว่าการต่อสู้จะได้เริ่มขึ้น

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เท่ากับเป็นการบ่งบอกโดยอ้อมว่าตัดสินใจมอบให้ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนนักสู้ปราณก่อกำเนิดสามสิบคนให้เป็นคะแนน  แม้พวกเขาจะรู้ว่าราชาเฮยอวี้คงไม่ปกป้องพวกเขา  แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์ก็รู้สึกหงุดหงิดเมื่อพวกเขาได้เห็นเช่นนั้น
ความรู้สึกถูกทอดทิ้งทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก  พวกเขากลับให้กลุ่มของพวกเขาเองต้องตายเนื่องมาจากเขาไม่สามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามได้
ราชาเฮยอวี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าคนเดียว  แต่เขากลับไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ...
เขายังไม่อาจเทียบได้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่รับคำท้าทายเอาไว้
 “มาช่วยกันต่อต้านศัตรูด้วยกันเถอะ!  ราชันย์ปีศาจใต้ขบริมฝีปากและตัดสินใจร่วมมือกับเย่ว์หยาง  นางไม่สามารถทนเห็นเขาสู้เพียงลำพัง แม้ว่านั่นจะหมายถึงนางต้องถูกศัตรูที่แข็งแกร่งสังหารก็ตาม
 “เอาเถอะน่า,  ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”  เย่ว์หยางโบกมือบอกปัดความปรารถนาดีของราชันย์ปีศาจใต้
เย่ว์หยางรู้ดีว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่าเมื่อสู้เดี่ยว
ราชันย์ปีศาจใต้ไม่ชอบเขาเลย  ถ้านางตกเป็นเป้าหมายสำคัญของฝ่ายตรงข้าม  ชีวิตนางจะตกอยู่ในอันตราย  แม้นางจะมีเจตนาที่ดี แต่เขาจะต้องระวังความปลอดภัยของนางทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้   นี่จะกลายเป็นเรื่องอันตรายในการรบ  มีศัตรูแข็งแกร่งหกคนอยู่ต่อหน้าพวกเขา  แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็อาจฉวยโอกาสลงมือทำร้าย  เย่ว์หยางรู้สึกว่า ถ้าเขาไม่แสดงความสามารถของเขาออกไป อย่างศัตรูก็จะคิดว่าพวกเขาเป็นแค่พวกขี้แพ้
ผู้เฒ่าหนานกงต้องการจะพูดในตอนแรก  แต่เย่ว์หยางส่งเสียงบอกเขาอย่างสุภาพ
จากนั้นผู้เฒ่าหนานกงจึงพยักหน้าเรียกราชันย์ปีศาจใต้ เพื่อให้นางปล่อยเย่ว์หยาง
ราชันย์ปีศาจใต้ตาแดงเล็กน้อยขณะที่นางสูดหายใจลึก นางข่มใจระงับอาการตื่นเต้น  ขณะนางลดเสียง “ข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้าในตอนนี้  แต่เจ้าห้ามผิดคำพูด  เจ้าต้องรอดกลับมา..”
เวิ่งจินจากเผ่ามนุษย์กระดูกหัวเราะชั่วร้าย  “ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่ข้าขอบอกเจ้าที่เป็นคู่รักกันได้เลยว่า ไม่มีมนุษย์ที่รอดชีวิตจากการโจมตีของข้าไปได้   นอกจากหวงฉวนที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งมีพลังมากกว่าข้านิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น  ไม่ใช่แม้กระทั่งเฝินเทียนแห่งเผ่ามนุษยเพลิง  หรือหวิ่นซิงจากเผ่ามนุษย์โลหะ ก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้  ข้าเป็นอมตะไม่มีทางตาย  ร่างของข้าทำมาจากกระดูกเทพที่ไม่มีทางถูกทำร้ายได้ และวิญญาณปีศาจของข้าทำให้ข้ามีภูมิคุ้มกันจากพลังโจมตีทุกอย่าง  อุบายของพวกมนุษย์ทำอะไรข้าไม่ได้ เหอะ เหอะ เหอะ”
ขณะที่เขากำลังพูด  ร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนรูป
ไม่มีคลื่นระเบิดใดๆ ถูกปล่อยออกมาจากการเพิ่มระดับพลังเหมือนกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์  ดูเหมือนว่าพลังงานทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในร่างของเขา
กระดูกในร่างของเวิ่งจินค่อยๆ ปรากฏออกมา และกลายเป็นเกราะกระดูกที่ไม่เหมือนใคร
เกราะกระดูกและพลังงานของเขาผสานกันได้อย่างลงตัว  นี่เป็นทั้งเกราะและร่างของเวิ่งจิน  ส่วนภายในเกราะของเขาว่างเปล่า ไม่มีกระทั่งผลึกปีศาจหรือเม็ดพลังซึ่งเป็นแหล่งพลังงานภายใน
แม้ว่าเวิ่งจินที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าจะมีความหยิ่งยโสมากก็ตาม  แต่เขาไม่ประมาทคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอของเขา
นอกเหนือจากโครงกระดูกของเขาที่เปลี่ยนเป็นเกราะ  เขายังเรียกหัวกะโหลกห้าหัวลอยวนอยู่รอบตัวเขาคอยปกป้อง  หัวกะโหลกนี้เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ประกอบไปด้วยกะโหลกดำ, กะโหลกพิษ, กะโหลกเพลิง, กะโหลกน้ำและกะโหลกโลหะ  ทั้งหมดลอยอิสระอยู่รอบตัวเวิ่งจินสามารถโจมตีและป้องกันตามความประสงค์ของเขาได้
เย่ว์หยางปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าไว้ต่อหน้าเวิ่งจิน
พลังของเขาตอนนี้เทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
สำหรับคู่ต่อสู้ที่เป็นมนุษย์ผู้เยาว์แต่ห้าวหาญ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตื่นตัว แม้แต่หวงฉวนที่สงบนิ่งที่สุดก็ยังขมวดคิ้ว
สายตาของราชาเฮยอวี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางสามารถปลดปล่อยพลังของเขาได้อีก
จักรพรรดิฟ้าหัวใจเต้นแรง
มิน่าเล่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานถึงได้ตายในเงื้อมมือเขา  เย่ว์หยางบรรลุพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบมานานแล้ว  แม้ว่าก้วนหลานจะอยู่ในจุดสูงสุดพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบ  แต่เขาไม่สามารถต้านทานการร่วมโจมตีของเย่ว์หยางกับอันซีได้  โชคดีที่เขากำลังจะตายในไม่ช้านี้  ถ้าเขามีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้  อย่าว่าแต่เขาเลย  ต่อให้เป็นราชาเฮยอวี้ก็อาจถูกเย่ว์หยางฆ่าได้ จักรพรรดิฟ้าได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว เนื่องจากเขาได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบหลังจากฝึกฝนมาพันปี  แล้วเย่ว์หยางฝึกฝนมาอย่างไร?
อาจเป็นได้ว่าช่องว่าระหว่างเขากับเย่ว์หยางใหญ่หลวงจริงๆหรือ?
ทุกคนตื่นเต้น  ไม่ใช่แต่เพียงพลังของเย่ว์หยางที่ปลดปล่อยออกมาเท่านั้น  แต่ยังคงเป็นระดับของเขาด้วย
เย่ว์หยางเพียงปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้า ก็เทียบเท่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบของคนอื่น  แล้วจะเป็นยังไงถ้าเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดได้ถึงระดับสิบ?  อย่างนั้นใครจะเอาชนะเขาได้?
 “บัวเพลิงฟ้าพิโรธ...” เมื่อเย่ว์หยางปลดปล่อยพลังของตน เขาไม่ปล่อยคลื่นพลังน่ากลัวเช่นกับที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นทำ  ทั้งนี้เพราะว่านี่คือตัวแทนของคนอ่อนแอ  และเนื่องจากเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าอยู่แล้ว จึงทำให้เขาควบคุมคลื่นระเบิดของพลังได้ดีขึ้น
พลังงานมากมายมหาศาลกลายเป็นดอกบัวเพลิงภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง
กลีบบัวเต็มอยู่ทั่วท้องฟ้า
ร่างของเย่ว์หยางเหมือนกับมีเส้นแบ่งเขตแดน  ร่างซีกซ้ายเป็นแดนไฟนรกซึ่งมีความร้อนแรงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และร่างซีกขวาเป็นแดนนรกน้ำแข็งเย็นจัดจนแม้แต่หยดน้ำก็แข็งตัว  เมื่อเย่ว์หยางยกมือ สายฟ้าม่วงส่งเสียงแตกเปรี๊ยะอยู่บนนิ้วของเขา  มันเคลื่อนลงมาเหมือนกับงูพันรอบตัวเย่ว์หยาง จากนั้นมันแปรสภาพอีกครั้งกลายเป็นบอลสายฟ้าคลุมศีรษะของเย่ว์หยาง  เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นถึงกับหลั่งเหงื่อไม่หยุด  ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ แค่การควบคุมพลังของเขาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
เฝินเทียนจากเผ่ามนุษย์ไฟมั่นใจในเรื่องการควบคุมไฟของตน  เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าอีกฝ่าย
แต่เขารู้ว่ามันยากมากเป็นสิบเท่าที่จะควบคุมไฟและน้ำแข็งพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้น  ในฐานะที่เป็นมนุษย์หนุ่มน้อย  คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่เพียงแต่ควบคุมน้ำแข็งกับไฟเท่านั้น  แต่ยังควบคุมสายฟ้าได้อีกด้วย  ระดับของความยากสร้างความตกตะลึงให้กับเฝินเทียนที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า  เขาสงสัยในใจว่าเย่ว์หยางเป็นมนุษย์จริงหรือเปล่า
 “ฮ่าห์!” เย่ว์หยางรวบรวมบอลสายฟ้าจนมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ กลายเป็นอาวุธสายฟ้าม่วง
เขาแปรสภาพสายฟ้าได้จริงๆ  หรือนี่?
ทุกคนพูดไม่ออก
แม้แต่ไตตันโบราณที่มีพรสวรรค์ทางด้านควบคุมพลังไฟฟ้าและสายฟ้าตั้งแต่เกิดก็ยังมาถึงระดับนี้ไม่ได้ง่ายๆ
 “ดีมาก น่าพอใจยิ่งนักที่ได้ฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์เช่นนั้น”  โดยไม่รอให้เย่ว์หยางขว้างอาวุธสายฟ้าม่วงใส่เขา  เวิ่งจินพุ่งเข้าหาเย่ว์หยาง ขณะที่มือกระดูกของเขายืดขยาย นิ้วมือกระดูกนิ้วหนึ่งยาวหนึ่งเมตรแทงใส่ร่างของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางเงื้ออาวุธสายฟ้าแปลงรูป  และด้วยการเสริมพลังจากบัวเพลิงฟ้าพิโรธและบุปผาเยือกแข็ง เขาฟันอาวุธสายฟ้าใส่ศัตรูด้วยท่าดาบแรก ผ่าปฐพี
ดาบผ่าปฐพี!
เหมือนกับมีมือยักษ์กดทับลงทั่วลานแก้วผลึก พลังของบัวเพลิงฟ้าพิโรธอยู่ในระดับสูงสุด  แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดอย่างพยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาที่อยู่ห่างออกไปพันเมตรก็ยังหายใจไม่ออก
ในท้องฟ้า มีดน้ำแข็งเพลิงขนาดยาวเกินกว่าสองสามร้อยเมตรเกิดจากการรวมพลังหยางของบัวเพลิงฟ้าพิโรธและพลังหยินจากพลังบุปผาเยือกแข็ง ภายใต้คลื่นพลังระลอกแล้วระลอกเล่าของเย่ว์หยางฟันใส่ร่างของเวิ่งจินอย่างแรง  แม้ว่าเวิ่งจินจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า แต่ภายใต้พลังโจมตีที่หนักหน่วงนี้ เขาต้องเรียกกระดูกมือของเขากลับมา เปลี่ยนจากรุกโจมตีมาเป็นฝ่ายตั้งรับ พลังบนกระดูกมือเปลี่ยนเป็นเกราะกระดูก  ขณะที่เกราะกระดูกปกคลุมไปด้วยพลังของเขา  เขาต้านรับท่าดาบผ่าปฐพีของเย่ว์หยางโดยตรง
ดาบที่ทรงพลังฟันใส่จนเกิดรอยแยกที่พื้นแก้วผลึกยาวร้อยเมตร และตัดแบ่งออกเป็นสองด้าน
แต่กระดูกมือที่เวิ่งจินใช้ป้องกันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย”
 “เป็นไปได้หรือว่านี่อาจเป็นกระดูกเทพจริงๆ?”  ผู้เฒ่าหนานกงถอนหายใจทันที  ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของเย่ว์หยางทรงพลังไม่พอ แต่เพราะร่างของเวิ่งจินผิดธรรมดาเกินไป  แม้ว่าโครงกระดูกของเวิ่งจินจะไม่ใช่กระดูกเทพก็ตาม แต่ก็คงไม่ห่างเท่าใดนัก  มันไม่มีทางถูกทำลายได้
 “อีกครั้ง!  เย่ว์หยางไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ขณะที่เขาใช้ท่าที่สองโจมตีต่อจากท่าแรก
เย่ว์หยางลงมือช้าลง  คนรอบๆ คิดว่าเวิ่งจินมีโอกาสโจมตีเย่ว์หยางมากมาย  แต่เวิ่งจินระมัดระวังแจไม่เริ่มโจมตีแต่อย่างใด  เขามุ่งเน้นการตั้งรับ  เขาไม่ได้เรียบกระดูกมือกลับมา แต่เรียกกะโหลกทั้งซึ่งเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์มาป้องกันศีรษะของเขา
แต่ยังคงช้าเกินไป....  อาวุธแปลงสายฟ้าสีม่วงในมือของเขาฟันวาบใส่ศีรษะของเวิ่งจิน
กะโหลกศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่ควบคุมตามความประสงค์ของเวิ่งจินไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเย่ว์หยางได้ทัน
ในฐานะที่เป็นสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า เวิ่งจินถึงกับจมลงไปในพื้นหนึ่งเมตรจากแรงฟันของเย่ว์หยาง
เกราะกระดูกของเวิ่งจินทำท่าว่าจะหลุดออกภายใต้พลังโจมตีของสายฟ้าม่วงที่น่ากลัว  ยิ่งกว่านั้น กะโหลกที่แข็งแกร่งทนทานของเวิ่งจินที่สร้างมาจากกระดูกเทพก็มีรอยขีดสีขาวอยู่บนนั้น  ดวงตาของพวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าแทบถลนออกจากเบ้า เนื่องจากพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น  กะโหลกของเวิ่งจินขึ้นชื่อในเรื่องแข็งแรงทนทานทั่วทั้งแดนสวรรค์  แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บภายใต้แรงฟันของเด็กมนุษย์ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า
แม้ว่าเวิ่งจินจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย  แต่ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่าเวิ่งจินไม่ได้ไร้เทียมทาน
และยังคงพิสูจน์ว่าพลังโจมตีของเย่ว์หยางใช้ได้ผล
การต่อสู้ระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งเป็นเหมือนกับเด็กสู้กับผู้ใหญ่ ใครจะคิดกันว่าผู้ใหญ่กลับเป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บจริงๆ
 “จงพินาศไปซะ”  เวิ่งจินโกรธจัด  เขารู้สึกอับอายที่โดนเล่นงานอยู่ต่อหน้าคนคุ้นเคยหลายคน
เขาประทับฝ่ามือใส่หน้าอกของเย่ว์หยางด้วยความเร็วคาดไม่ถึง
เขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดฟ้าทันที ขณะที่เขาตั้งใจจะสังหารเจ้าเด็กมนุษย์โอหังด้วยฝ่ามือเดียว  ในทันทีที่เวิ่งจินทิ้งการตั้งรับเปลี่ยนเป็นเน้นรุกโจมตี  เย่ว์หยางไม่ได้ถอย กลับรุกซ้ำอีกครั้ง  เขาประสานมือด้วยกันและใช้ท่าดาบที่สาม – จ้าววารีและภูผา!
ทั้งสองฝ่ายต่างฟาดฟันใส่พร้อมกัน
ร่างของเวิ่งจินสั่นเล็กน้อย  ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บมาก
แม้เลือดพ่นออกจากปากของเย่ว์หยาง  แต่เขายังไม่หยุดโจมตี เขากระโจนขึ้นไปในอากาศและลอยตัวเหนือหัวของเวิ่งจิน จากนั้นยืมพลังจากการโจมตีของเวิ่งจิน เย่ว์หยางคว้าเลือดที่พ่นออกมาเมื่อตอนที่เวิ่งจินโจมตีใส่จนกระทบกระเทือนอวัยวะภายในของเขา และเปลี่ยนเลือดของเขาเป็นมีดและฟันใส่ตรงรอยขีดข่วนสีขาวอีกครั้ง
นี่คือท่าดาบที่สี่ – พลิกจักรวาล
ท่าที่สี่ทรงพลังรุนแรงมากกว่าท่าที่สามถึงสิบเท่า  ผนวกปราณไร้ลักษณ์และพลังที่โจมตีด้วยความโกรธของเวิ่งจิน เขาฟันใส่รอยขีดขาวบนศีรษะของเวิ่งจินได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง
 “เลว...มาก..” เวิ่งจินไม่เคยนึกฝันเลยว่าเย่ว์หยางจะสู้ด้วยได้ยากมาก ไม่เพียงแต่ไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้เท่านั้น เขายังต้องสู้จนมาถึงจุดนี้ ทำให้เขาโกรธครั้งแล้วครั้งเล่า  เวิ่งจินฟาดมือกระดูกของเขาอย่างบ้าคลั่งพยายามจะทำให้เย่ว์หยางกระเด็นออกไป  เขาไม่ต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากสหายร่วมกลุ่มของเขา  ขณะที่เขาดึงกะโหลกของเขาลงมาถือไว้ในมือกระดูก และใช้มืออีกข้างหนึ่งรักษารอยแตกบางๆ ที่ตอนบนของกะโหลกของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้กระดูกเทพเกิดรอยแตก
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง   แต่ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างที่สุดในชีวิตของเวิ่งจิน
 “เจ้ามนุษย์ชาวมังกรทะยานบัดซบ  วันนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!  เวิ่งจินตระหนักว่ารอยแตกบนศีรษะของเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้ การโจมตีของเย่ว์หยางส่งผลให้เกิดความเสียหายถาวร  เหตุนี้จึงทำให้เวิ่งจินโกรธยิ่งขึ้นไปอีก
เขาหันหัวกลับไปและพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางอย่างบ้าคลั่ง  ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน  ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางไม่ถอยเท่านั้น เขายังรับการโจมตีของเวิ่งจิน
ด้วยพลังปัจจุบันของเขา คงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่เขาจะสู้กับเวิ่งจินด้วยพลังเช่นนั้น  เขาเป็นเหมือนตั๊กแตนที่พยายามหยุดรถศึก
ไม่มีใครรู้เหตุผลที่พลังโจมตีของเย่ว์หยางสามารถสร้างความเสียหายให้กับศีรษะของเวิ่งจินซ้ำยังเป็นความเสียหายแบบถาวร
มีหลายอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากเกินไป  ไม่มีเรื่องไหนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาเลย  เมื่อมองดูการต่อสู้ระหว่างเวิ่งจินกับเย่ว์หยางแล้ว  ราชันย์ปีศาจใต้ที่ก่อนนั้นยังรู้สึกกังวลใจก็เริ่มสบายใจ  ตอนนี้นางเปี่ยมไปด้วยความหวัง  หวังว่าเย่ว์หยางจะสร้างปาฏิหาริย์ได้
ด้วยบอลพลังทำลายล้างที่อยู่ในระหว่างมือกระดูกของเวิ่งจิน  เขาพุ่งเข้าหาศีรษะของเย่ว์หยาง
เขาเตรียมระเบิดศีรษะของเย่ว์หยางเพื่อแก้แค้นให้ตัวแค้น เนื่องจากเย่ว์หยางสร้างความบาดเจ็บให้กับกะโหลกของเขาอย่างถาวร
ประกายแสงสายรุ้งวาบผ่าน
ปีศาจอสรพิษน้อยปรากฏตัวที่ด้านหลังของเย่ว์หยาง เธอลืมตากว้างขณะจ้องมือกระดูกของเวิ่งจินที่กำลังแกว่ง  ทุกคนเห็นว่ามือของเวิ่งจินที่แต่เดิมเคลื่อนไหวรวดเร็วกลับหยุดนิ่ง
แม้ว่าเขาจะฟื้นความสามารถและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่เพียงหนึ่งวินาทีที่เขาตะลึงก็เพียงพอให้เย่ว์หยางโจมตีเขาได้เกินสิบครั้งแล้ว
อักษรรูนเรืองแสงกำลังส่องสว่างจากมือของเย่ว์หยาง ขณะที่วงจักรล้างโลกปรากฏ
วงจักรล้างโลกฟันลงที่แผลบนศีรษะของเวิ่งจินอย่างแรง ง้าวยาวที่สร้างจากเพลิงอมฤตแทงใส่นัยน์ตาของเวิ่งจิงส่งผลให้กะโหลกของเขาหลุดออกจากคอ  ในท้องฟ้านางพญากระหายเลือดตวัดแส้ทัณฑ์ทรมานของนางใส่ ส่งผลให้ศีรษะของเวิ่งจินกระแทกลงพื้น ที่บนพื้นโคเงาอาหมันหวดใส่กะโหลกเหมือนนางกำลังหวดลูกเบสบอลส่งผลให้หัวกะโหลกกระเด็นไปพันเมตร
อีกด้านหนึ่ง นางพญาดอกหนามมงกุฏทองตวัดมีดคมกริบซึ่งเป็นร่างแปลงของอสูรทองน้อยทงเทียนฟันใส่เวิ่งจินที่สูญเสียหัวกะโหลกสุดแรงของนาง
ปฏิกิริยาแรกของเวิ่งจินผู้ต้องการจะหลบหนีให้พ้นจากทักษะแฝงเร้นพันธนาการ ไม่ใช่ต้องการโจมตีเย่ว์หยางอีก  แต่ต้องการหนี
เขาต้องยอมสละร่างส่วนหนึ่ง ดูเหมือนว่ากระดูกสันหลังของเขา เย่ว์หยางใช้มือขวาคว้าไว้ได้แล้วและกำลังใช้เพลิงอมฤตเผาผลาญ
เกราะกระดูกทั้งหมดของเวิ่งจินแยกกระจายพุ่งสู่ฟ้า และจากนั้นกลับมารวมกับศีรษะของเขา เมื่อเขากลับประกอบร่างอยู่ในสภาพเดิมของเวิ่งจินอีกครั้ง... แต่ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยู่ในสภาพอนาถขนาดไหน  ตาขวาของเขาถูกเผาไหม้และมีขนาดใหญ่กว่าตาซ้ายถึงสองเท่า เพลิงอมฤตเผาผลาญจนเกิดหลุมขนาดใหญ่โดยตรง ทั้งที่เขายังประกาศตัวเองอยู่ว่าไม่มีพลังใดสามารถทำร้ายเขา กระดูกเทพเจ้าได้  โชคดีที่เย่ว์หยางมีเวลาไม่พอจะเผาเขา  ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะเหลือแต่ชื่อ
มีหลุมเล็กบนกะโหลกของเขาด้วยเช่นกัน
นี่เป็นเกิดจากวงจักรล้างโลก
 “สารเลว, โกหกชัดๆ เขาเป็นคนที่ได้รับเลือก เป็นเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่โดนไล่ต้อนจนอยู่ในสภาพนั้นแน่”  เวิ่งจินด่าอีกห้าคน “พวกเจ้าไม่ช่วยข้าในเมื่อข้าถูกลอบทำร้ายอย่างหนัก  พวกเจ้ายังเป็นสหายศึกของข้าหรือเปล่า?”
 “คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์! ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เจ้าโดนเล่นงาน  ถ้าเจ้าอ่อนแอ” มนุษย์โลหะเหลวยังคงพูดในเรื่องเดิม
 “ให้ตายเถอะวะ!  เวิ่งจินโกรธ
เขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยาง  ถ้าเขาต่อสู้สุดกำลังและสู้จนถึงที่สุด เขาคาดว่าเขาจะยังชนะอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาทำเช่นนี้  เขาอาจบาดเจ็บหนักจนถูกคนอื่นฆ่าได้ง่ายๆ
ต่อสู้หนักแทบตาย เพื่อประโยชน์คนอื่นเป็นเรื่องที่เขาต้องการให้เกิดน้อยที่สุด
เวิ่งจินมาที่นี่เพื่อชิงสมบัติศักดิ์สิทธิ์  ไม่ใช่มาจบชีวิต
ยิ่งกว่านั้น อสูรของเย่ว์หยางและวิชาต่อสู้ของเขาก็น่าประทับใจเช่นกัน  ทั้งวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตของเขาก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เขาอย่างหนัก
เขากลัวคนบ้าอย่างเย่ว์หยางจริงๆ
เจ้าเด็กนี่ มันบ้าแน่ๆ!
 “ข้าจะไม่สู้กับเขาก่อนศึกสุดท้ายแน่ วงจักรล้างโลกน่ากลัวอย่างแท้จริง และเขายังมีเพลิงอมฤตอีกด้วย  ข้ายอมให้เฝินเทียนเผาข้าทั้งวันดีกว่ายอมให้เพลิงอมฤตแตะต้องข้าแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ใช่เรื่องสนุกจริงๆ”  มนุษย์สมิงสามตายักไหล่และให้เกียรติต่อเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง
 “เพลิงอมฤตทำให้ข้าอิจฉาจริงๆ”  เฝินเทียนจากเผ่ามนุษย์เพลิงไม่ได้กระพริบตาเลยนับตั้งแต่เพลิงอมฤตปรากฏขึ้น  เขากระทืบเท้าอย่างเกลียดชังจนทำให้ลานแก้วผลึกสั่นสะเทือน  “แม้ว่าข้าจะอิจฉา แต่ข้าก็ไม่คิดอะไร  ข้าไม่อาจครอบครองมันได้ เพราะมันไม่ใช่ของข้า”
เขารู้ตัวดีพอ จึงพูดออกไปเช่นนั้น
เพลิงอมฤตไม่มีใครใช้กำลังลักเอาไปได้แน่นอน  มันเป็นของคุณชายสามตระกูลเย่ว์  ดังนั้นเฝิงเทียนจึงทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะอิจฉาเพียงไหนก็ตาม
 “พูดอะไรบ้างสิ หวงฉวน” มนุษย์ไซบอร์กตัดสินใจให้หวงฉวนที่กำลังหลับตาพูดสรุป
 “ปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน ถ้าเขาเป็นผู้ที่ได้รับเลือก เขาก็มีสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้รอบสุดท้าย  สงครามโบราณอนุญาตให้เราแข่งขันกันเพื่อให้ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าเดินหน้าต่อไป  ฝ่ายที่อ่อนแอก็ถูกกำจัด  อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงการต่อสู้รอบสุดท้าย  ข้าจะไม่ฆ่าคู่แข่งคนใดที่จะเป็นประโยชน์ในการรบ  ก่อนจะกลายเป็นคู่แข่ง เราต้องเป็นพันธมิตรกันก่อน เพราะสิ่งที่เราจะเผชิญก็คือเพชฌฆาตโบราณ  ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายอาจเป็นข้า อาจเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ หรือใครๆ ที่อยู่ตรงนี้ก็ได้  ดังนั้นก่อนที่ข้าจะตัดสินใจยกเลิกคำร้องขอก่อนหน้านี้ของข้า ถ้าเรายังจะสู้กันต่อไป  พวกเราก็จะไม่ได้รับประโยชน์ไม่มีใครสามารถหลบหนีการไล่ล่าของเพชรฆาตโบราณได้พ้น”  หวงฉวนมองดูเย่ว์หยางในที่สุด “น่าเสียดายที่เจ้ายังไม่เติบโตแข็งแกร่งเต็มที่  ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของข้า  พยายามมีชีวิตรอดให้ได้ล่ะ  หวังว่าข้าจะได้สู้กับวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตของเจ้าในศึกสุดท้าย!
เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก  เขาเองก็หนีได้อย่างลำบาก
เขาเองใช้พลังไปเกือบทั้งหมด ยังใช้แม้แต่วงจักรล้างโลก, เพลิงอมฤตและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ซ่อนเอาไว้เสมอเพื่อทำให้เวิ่งจินถอยชั่วคราว
ในสงครามโบราณนี้  ถ้าเขาไม่ยกระดับให้เร็วเพียงพอ ต่อให้เขาไม่ถูกหวงฉวนและพวกที่เหลือฆ่า  เขาก็คงถูกเพชฌฆาตโบราณหรือไม่ก็ราชาเฮยอวี้ผู้ต้องการฆ่าเขาอยู่ตลอดฆ่าตาย  ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
แน่นอนว่า เย่ว์หยางยังมีข้อสงสัยลับๆ
ถ้าไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลายคน  เย่ว์หยางจะทุ่มเทพลังทุกอย่างหากเย่ว์หยางเผชิญหน้ากับเวิ่งจิน  แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะอยู่ด้วยก็ตาม
ก่อนที่การสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบนสังเวียนโบราณจะเริ่มขึ้น เย่ว์หยางไม่สามารถเปิดเผยพลังทั้งหมดของเขาได้ เนื่องจากเมื่อเย่ว์หยางยังเก็บพลังไว้ จะทำให้ราชาเฮยอวี้ไม่กล้าตัดสินใจเร่งลงมือ  เพราะแม้แต่ราชาเฮยอวี้ ก็ไม่สามารถค้นพบว่าเย่ว์หยางมีพลังอยู่ระดับใด  พวกเขาสงสัยว่าเย่ว์หยางคงเป็นระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดไปแล้ว  แต่แกล้งทำเป็นอ่อนแอ  เมื่อมองเห็นเขาไล่ทุบเวิ่งจินอย่างง่ายดาย  พวกเขารู้ว่าเขายังไม่ได้แสดงพลังอย่างอื่นเต็มที่
 “พวกเจ้าทั้งสามร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน” หวงฉวนพูดกับจักรพรรดิใต้พิภพ ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้
หลังจากที่เย่ว์หยางแสดงฝีมือที่น่าประทับใจ  หวงฉวนและนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าที่เหลือก็ไม่กล้าดูถูกคนรอบตัวเย่ว์หยางอีกเลย  สำหรับพวกเขาแม้ว่ากลุ่มของพวกเขาจะดูอ่อนแอ  แต่ก็ครอบครองพลังลับที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจเห็นกันได้ง่ายๆ
แม้ว่าจะไม่มีใครที่มีพลังระดับเย่ว์หยาง, จักรพรรดิใต้พิภพ, ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้ก็ยังได้รับการยอมรับจากกลุ่มอื่น
ราชาเฮยอวี้รู้สึกผิดหวังที่สุดในบรรดาคนพวกนั้น
แต่เขาต้องสู้ฝืนใจอย่างหนัก  ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงสีหน้าอาการผิดหวังออกมา
เย่ว์หยางต้องตาย  แต่ราชาเฮยอวี้ยังไม่พบโอกาสที่ดีที่สุด  เย่ว์หยางยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามเขา แต่ก็คิดเหมือนกัน เนื่องจากเขาตัดสินใจกำจัดราชาเฮยอวี้ในสังเวียนมรณะ  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าใครเร็วกว่า คนนั้นก็ได้โอกาสฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง

15 ความคิดเห็น:

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Renmaster กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ .. กระดูกรอดไป .. เล่นกะใครไม่เล่น .. ^^

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

รอดไปได้อีกครั้ง...เฮยอวี้นี่มัน...ช่างน่าตายจริงๆ แต่ก็คงไม่ตายง่ายๆแหง

B กล่าวว่า...

ขอคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

โถวๆ นึกว่าจะได้อาหารหมากลับบ้าน แมร่งหนีไปได้ฉิบ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น