ตอนที่
196 พยัคฆ์ฟ้า
ถังเทียนเป็นเหมือนกระต่ายน้อยที่จู่ๆ
ก็มีแคร็อทตกลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกใส่เขาจนมึนงงไปหมด
ชีวิตของเขาดูสดใสงดงามทันตา
แต่ไม่ได้เปลี่ยนวงจรการฝึกฝนและการพักของเขา
เขาหยุดและพักอยู่ในรัฐบาลอู่โหวเป็นเวลาสามวัน และในสามวันนี้ เขายังคงคร่ำเคร่งกับการฝึกฝน เขายังพยายามไม่หยุดหย่อนกับการบดฝนทั่ง เขาเป็นคนหัวแข็ง เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว
ไม่ว่ายังไงเขาจะฝนทั่งให้ได้ทั้งหมดหมื่นแท่ง
การคร่ำเคร่งฝึกฝนทำให้เขากระหายและเหน็ดเหนื่อยยิ่งขึ้น ลืมวัน ลืมคืน ลืมกระทั่งความหิว ถังเทียนผู้สู่สภาวะฝึกฝน
ก็ฝึกฝนอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ปิงบอกกับกรงเล็บภูตพรายทันที
“ให้เจ้าเด็กนี่พักสักวันหนึ่งเถอะ”
กรงเล็บภูตพรายมองปิงอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้ขยับอะไร
ปิงมีเรื่องปวดหัว ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงได้ดื้อกันนัก? เขาอธิบายได้แต่เพียงว่า
“ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธสามารถเปิดได้แล้ว
ข้ากับเขาจะต้องไปที่ฐานเมืองสามวิญญาณ จะได้ไม่ปล่อยให้ยัยบ้าเซรีนอดตายเสียก่อน
ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงต้องไปเก็บศพนาง”
กรงเล็บภูตพรายจ้องมองปิงอยู่ครี่งค่อนวัน กระทั่งปิงผมตั้งชันด้วยความหนาวเหน็บ ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา “วันเดียว”
“ไม่มีปัญหานะ! เวลาที่มีค่าวันเดียวย่อมเพียงพอแน่นอน!” ปิงตบอกตนเองรับรอง
กรงเล็บภูตพรายชักจะรับมือได้ยากขึ้นทุกที
เขาแทบจะกลายเป็นคนอยู่แล้ว
อารมณ์ของเขาสั้นมาก ความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อย อาจทำให้เขาอยากสู้และฆ่าได้
ทำให้ทุกคนกลัวเขา! ฮึ่ม
ในฐานะเป็นเจ้ากรมศึกษาของกองทัพ
เขาจะไม่ทะเลาะกับแมงวันเหล่านี้แน่
ปิงยังคงปลอบใจตนเองอยู่ในใจ
ถังเทียนถูกปิงฉุดลากออกไปทันที หน้าของเขายังคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกและยังไม่คืนสภาพความรู้สึกดังเดิม ปิงคร้านจะโต้เถียงกับเขา
รีบพาเขาตรงไปยังห้องจิตวิญญาณพลังยุทธทันที
พอเข้าเมืองสามวิญญาณที่คุ้นเคย
ถังเทียนค่อยเรียกความรู้สึกกลับคืนมา
“เฮ้, ห้องจิตวิญญาณพลังยุทธกลับมาใช้ได้แล้ว! เยี่ยมเลย! เราจะไปหาเซรีนกันใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!” เสียงของปิงแฝงความสงสัย “สงสัยจริงว่ายายนั่นอดตายหรือยังก็ไม่รู้”
เมื่อทั้งสองเข้าไปในฐาน
พวกเขาก็ต้องตะลึง
ฐานทั้งหมดเปลี่ยนไป
มันเต็มไปด้วยดอกไม้สด
ก๊อกน้ำบรอนซ์ทุกตัวจะฉีดน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อให้ดอกไม้สด
ทางเดินบรอนซ์เปลี่ยนเป็นทางเดินดอกไม้
“นางเสียสติไปแล้วหรือ?” ปิงโกรธจนแทบมีเปลวไฟพุ่งออกจากตา
ค่ายคือสิ่งที่กองทัพเหลือไว้ให้ สถานที่คุ้นเคยนำเอาความทรงจำมาให้เขา แต่สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างหายไปแล้ว
พวกเขาเห็นเซรีนอย่างรวดเร็ว
เซรีนสวมชุดกันเปื้อนและเพ่งความสนใจกับการจัดดอกไม้สด
ดอกไม้ที่มีเปลวสีฟ้าบานอยู่ในความมืดเต็มไปทั้งห้อง เหมือนกับเพลิงสีฟ้า
เป็นภาพที่งดงาม
“ผู้หญิงบ้า! ใครอนุญาตให้เจ้าทำการดัดแปลงค่าย?” เมื่อเห็นเซรีน ปิงด่าทอด้วยความโมโห
เซรีนตกใจเงยหน้าขึ้น เห็นทั้งสองคน
ความสุขความดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าของนางทันที แต่ก็ถูกความโกรธเข้ามาแทนที่ทันที นางรี่เข้าหาพวกเขาดุจลูกธนู
ยกหม้อน้ำขึ้นชี้ทั้งสองคนแล้วด่า “พวกเจ้าทั้งสองเลวมาก ไปอยู่ที่ไหนมา? ทิ้งให้สุภาพสตรีต้องทนอยู่ในที่ไม่มีใครรู้จักนี้ตามลำพัง
แล้วก็หายหัวไปหมด!”
ปิงมีสีหน้าชะงักค้าง
ถังเทียนดึงความคิดกลับเข้ามาในสมอง
“ถ้าข้าไม่หาความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองที่นี่
ข้าคงตายอยู่ที่นี่เพราะความเบื่อไปแล้ว!” เซรีนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
“ที่นี่ไม่มีอะไรอีกด้วย
ทั้งข้าก็ไม่กล้ากลับไปที่เมืองสามวิญญาณ
กลัวว่าคนอาจจะหาฐานทัพที่นี่เจอ..ฮึก..ฮึก ฮึก...”
พอน้ำตาร่วง
เซรีนก็เริ่มร้องไห้
ถังเทียนกับปิงถึงกับทำอะไรไม่ถูก และถังเทียนมองปิงทันทีทำปากมุบมิบ
“ลุงผิดเต็มๆ”
ปิงเองก็รู้สึกว่าเขาทำเกินเลยไปบ้าง
จึงพูดเสียงอ่อย “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”
“แล้วเจ้าหมายความว่าไง?” เซรีนร้องไห้จนตาเริ่มคล้ำเป็นหมีแพนดา
“ข้าค้นคว้าอาวุธจักรกลสำเร็จแล้ว
รอแต่เพียงให้พวกเจ้าโผล่หัวออกมา
ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
และหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของพวกเจ้าทั้งสองเลย อาหารแห้งของข้าก็หมดแล้วด้วย ฮึก..ฮึก..ฮึก”
ทั้งสองคนยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“ขอโทษ!” ถังเทียนขอโทษอย่างจริงใจ
“พวกเราบังเอิญตกไปในประตูดวงดาวที่ไม่เสถียรทำให้ไปโผล่อีกดาวดวงหนึ่ง
และทางเข้าที่นี่ถูกปิดไปด้วยเช่นกัน”
“ฮึ่ม!” เซรีนหยุดร้องไห้ ใช้ตาที่บวมแดงจ้องมอง
“มีอะไรกินบ้าง!
ข้าหิวแล้ว!”
ถังเทียนรีบเอาอาหารแห้งออกมาอย่างงุ่มง่าม
เมื่อเห็นเซรีนกินอาหารเหมือนหมาป่าอดโซ ความรู้สึกผิดในใจเขาเพิ่มขึ้นทวีคูณ สาวน้อยนางนี้หิวโหยถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด
เรื่องอย่างนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เซรีนจัดการอาหารเสร็จจนพอใจ
ก็ลุกขึ้นยืนและแค่นเสียงกล่าวอย่างหยิ่งๆ “ตามข้ามา”
ทั้งสองคนติดตามอยู่ด้านหลังอย่างว่าง่าย
ภาพที่น่าตะหนกปรากฏอยู่ต่อหน้าทั้งสอง สถานที่ซึ่งก่อนนี้ที่มีแต่อาวุธจักรกลจัดวางเป็นระเบียบ
กลับกลายเป็นว่างเปล่าไม่มีอาวุธจักรกลให้เห็น พื้นเต็มไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ เหมือนขยะ
ปิงถามทั้งที่ตัวสั่น “อาวุธจักรกลอยู่ที่ไหน?”
เซรีนตอบโดยไม่เหลียวหลัง “ข้าแยกชิ้นพวกมันหมดแล้ว”
ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือปิงก็ตาม
หน้าของทั้งสองแทบทิ่มลงกับพื้น
อาวุธจักรกลกองทัพดาวกางเขนใต้ชุดหนึ่งสามารถขายทำเงินได้เกินกว่าสองร้อยล้านเหรียญดาว และจำนวนของอาวุธจักรกลที่นี่
มีจำนวนอย่างน้อยพันหนึ่ง โอวพระเจ้า, นั่นตั้งกี่ล้านเหรียญดาวกัน?
ถังเทียนอ่อนวิชาเลขมาก เขาไม่สามารถคำนวณได้ทั้งหมด แต่เขารู้ว่าจำนวนต้องมหาศาลแน่นอน
“ฮึ, ทำขี้เหนียวไปได้”
เซรีนไม่เห็นด้วยกับท่าทีตอบสนองของพวกเขา ขณะที่นางกล่าวด้วยความรังเกียจ แต่จากนั้นไม่นานนางตะโกนออกมาดังๆ “สบายใจได้,
พวกเจ้าไม่ได้สูญเสียเปล่าหรอก! เพราะชิ้นส่วนโลหะที่หักพังเหล่านี้
ทำให้เจ้าได้วิศวกรจักรกลชั้นนำขึ้นมาอีกคนหนึ่งเชียวนะ! พวกเจ้าทั้งสองคนจะทำกำไรได้อีกมาก”
ชิ้นส่วนโลหะหักพัง....
ถังเทียนรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ
“ดูซะ, ผลงานสร้างสรรค์ใหม่ล่าสุดของข้า!”
เซรีนประกาศให้ทั้งสองคนทราบอย่างภูมิใจ
พวกเขายังตกตะลึง
และเงยหน้าขึ้น
สายตาของพวกเขาจับอยู่ที่อาวุธเครื่องกลที่ยืนสงบอยู่ตรงนั้น
เป็นอาวุธจักรกลสีฟ้าเครื่องหนึ่ง
“ข้าเปลี่ยนสูตรโลหะบรอนซ์
และสร้างด้วยโลหะใหม่ทั้งหมด และข้าเรียกมันว่าแก้วฟ้า
มันมีประสิทธิภาพโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบบรอนซ์ของกองทัพ
ส่วนเรื่องตัวเลือกโครงสร้างอาวุธจักรกล
ข้าเลือกใช้เสือเขี้ยวดาบเป็นต้นแบบและได้เพิ่มประสิทธิภาพให้มันลงไปเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้าเพิ่มสมองให้มันได้อีกมาก จำลูกปัดวิญญาณที่เจ้าเพิ่งให้มาได้ไหม?
จิตวิญญาณพลังยุทธภายในนั้นมีความแข็งแกร่งมากและเหมาะสมใช้เป็นแก่นพลังงาน และเกี่ยวกับวิทยายุทธของมัน ข้าสร้างช่องใส่การ์ดไว้สามช่อง
เจ้าสามารถใส่การ์ดวิทยายุทธระดับหกได้สามช่อง
หรืออีกช่องหนึ่งอาจเป็นการ์ดวิทยายุทธระดับเจ็ดก็เป็นได้”
ใบหน้างดงามของเซรีนเปล่งปลั่งเป็นประกาย
และประกายที่ฉายออกมาในขณะนั้น ควรจะเรียกว่ารัศมีแห่งความมั่นใจในตนเอง
“ทฤษฎีของข้าสมบูรณ์ได้ในที่สุด! นี่คืออาวุธจักรกลในปัจจุบันนี้ และชุดที่จะสร้างตั้งแต่นี้ไป
ก็จะเป็นชุดใหม่กันทั้งหมด”
“มันมีนามว่า พยัคฆ์ฟ้า!”
สายตาของทั้งสองคนมองจับจ้องอยู่ที่พยัคฆ์ฟ้า
ไม่สามารถละสายตาจากมันได้เลย
ช่างเป็นอาวุธจักรกลที่งดงาม เทียบกับเสือเขี้ยวดาบที่เรียบง่ายและหยาบ มันคือผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
รูปร่างของมันจะบางกว่าเสือเขี้ยวดาบ
แต่ทั้งโครงสร้างดูดียิ่งกว่า วัสดุสีท้องฟ้าไม่เหมือนใคร
ไม่ดูหยาบกร้านเหมือนกับเสือเขี้ยวดาบ
ปีกสีฟ้าอยู่ที่ด้านหลังของมันถูกเก็บไว้ในตัว
“ปีกคู่จะช่วยให้เจ้าบินในระยะไม่สูง เทียบกับวิทยายุทธระดับหก
ข้าพบว่ามีวิทยายุทธหลายชนิดที่ทำให้ผู้ฝึกบินได้ ดังนั้นข้าจึงเพิ่มปีกคู่หนึ่ง เอาล่ะ, ลองดูก็ได้”
ปิงไม่ลังเลใจเตรียมสวมชุดพยัคฆ์ฟ้า
ไม่ต้องสงสัยเลยถึงมาตรฐานในการใช้งานอาวุธจักรกลของปิง เพราะนี่เป็นความเชี่ยวชาญของเขา ในอดีตเมื่อกองทัพดาวกางเขนใต้ต้องต่อสู้ อาวุธจักรกลยังเป็นวิธีต่อสู้ดั้งเดิมของพวกเขา
เมื่อลองสวมดูแล้ว ปิงสามารถรู้สึกได้ถึงความรู้สึกใหม่ๆ มันเบามาก
เมื่อสวมชุดพยัคฆ์ฟ้า เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลยจริงๆ แม้ว่าการควบคุมอาวุธจักรกลของกองทัพจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่ปัญหาก็คือยังสามารถรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่หนักอึ้งของอาวุธจักรกล
หลังจากลองเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
ควั่บ เขาหายวับไปจากตำแหน่งเดิม
พริบตาต่อมาก็ปรากฏอยู่ในระยะห่างออกไปสามสิบเมตร
เมื่อใจเขาปรารถนา ร่างเขาก็หยุดทันที
ปิงร่าเริงทันที
อาวุธจักรกลรุ่นเก่ามีปัญหากับการหยุดกะทันหัน เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นระหว่างเคลื่อนที่ในการรบ
การหยุดกระทันหันจะถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนที่ระดับสูง
ปิงยังคงทดสอบ ต่อย,
เตะ ทักษะการต่อสู้ทุกชนิดถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
แค่เพียงภาพพยัคฆ์ฟ้าสามารถมองเห็นได้ในพื้นที่
ความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องยากจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถังเทียนสามารถมองเห็นได้ด้วยความทึ่ง ความเร็วปัจจุบันของปิง ยังเร็วกว่าเขาในตอนนี้เสียอีก ท่านคงจำกันได้
เขาเปิดใช้งานพลังสายเลือดคู่มาแล้วและความเร็วของเขาก็อยู่ในระดับเหลือเชื่อ หลังจากบรรลุระดับหก
ปราณแท้จริงของเขาก็กระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างของเขาออกมาทั้งหมด
และทั้งหมดนี้เป็นความก้าวหน้าโดยรวมของเขา
ลักษณะปัจจุบันของถังเทียนแข็งแกร่งน่ากลัว
พลังและความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับนักสู้ในระดับเดียวกัน
ก็ยังแข็งแกร่งกว่ามาก
เทียบกับนักฆ่าในม่านมืดไซอา ถังเทียนก็ไม่เป็นรองเช่นกัน
แต่ปิงที่กำลังควบคุมพยัคฆ์ฟ้า
ความเร็วของเขาดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับถังเทียน และเมื่อเขากางปีก
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนเร็วกว่า
ถ้าถังเทียนต้องการจะไล่ตามปิงให้ทัน เขาคงต้องฝึกวิชาตัวเบาเพิ่ม
สำหรับนักสู้ระดับหก
นั่นเป็นความเร็วที่น่ากลัว
ถ้าใครต้องเผชิญหน้าในการต่อสู้กับปิง
วิทยายุทธระดับหกโดยทั่วไปไม่มีทางแตะต้องชายผ้าเขาได้แน่ พอมาถึงจุดนี้พยัคฆ์ฟ้าได้ผลักดันศักยภาพของปิงจนถึงจุดสุดยอดของยอดฝีมือระดับหก
ความเร็วที่เหนือกว่าของเขาช่วยในการต่อสู้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความเร็วที่สูงมากผิดปกติจะทำให้ผู้ควบคุมได้เปรียบในการต่อสู้
และถังเทียนเองก็รู้ระดับฝีมือในการควบคุมอาวุธจักรกลของปิงดี
แม้แต่ด้วยเสือเขี้ยวดาบที่อยู่ในมือของเขา เขาก็ยังสามารถสร้างพลังที่น่ากลัวได้ และด้วยลักษณะที่ร้ายกาจของพยัคฆ์ฟ้า
ใครจะรู้กันว่าเกิดอะไรขึ้น
ถังเทียนมีความสุขจริงๆ
พลังของปิงเพิ่มขึ้น สำหรับเขาแล้วช่วยได้มาก
แต่แม้ว่าถังเทียนจะอิจฉาก็ตาม เขาก็ยังรู้ดีเต็มที่ว่า
ขอเพียงอยู่ในเงื้อมมือปิง
พยัคฆ์ฟ้าจะปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงของมันออกมาได้ แม้ว่าความสามารถของถังเทียนในเรื่องอาวุธเครื่องกลจะนับว่าดี แต่เมื่อเทียบกับปิงผู้มีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในการควบคุมอาวุธจักรกลเข้าต่อสู้
ถังเทียนยังห่างไกลจากเขามากมายนัก
มรรคาบู๊ของเขาขึ้นอยู่กับวิทยายุทธ
ถังเทียนที่กำลังเติบใหญ่อย่างช้าๆ มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
อาวุธเครื่องกลเป็นระบบรูปแบบหนึ่ง
จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนมากมาย
แต่เขารู้ว่าเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น
แม้ว่าเขารู้สึกว่าน่าเสียดาย
แต่ถังเทียนรู้ดี นี่คือโอกาสมีค่าที่เขาจำต้องยอมเสียไป
ปิงเป็นยอดฝีมืออาวุธกลอย่างแท้จริง
ทันใดนั้น,
เซรีนตะโกนลั่น “หยุด หยุด หยุดเลย! ผิดแล้ว! เจ้าใช้ผิดวิธีแล้ว!”
ถังเทียนตะลึง การควบคุมอาวุธเครื่องกลของปิงผิดจริงๆ หรือ?
เขาคิดว่าฟังผิดไป
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น