วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 203 พายุตั้งเค้า

ตอนที่  203  พายุตั้งเค้า
สำหรับถังเทียนและหลิงซิ่ว ฉากเหตุการณ์บนถนนไม่มีค่าควรแก่การสนใจ  แต่เหล่ามือกระบี่ที่มาสอดแนมแฝงตัวอยู่ในเงามืดถูกหลิงซิ่วขู่ขวัญไปแล้ว  วิธีการของหลิงซิ่วดูเหมือนจะไม่ฉลาดเท่าไหร่  แต่เขากลับสมบูรณ์ไปด้วยพลัง  พลังบริสุทธิ์อย่างนั้นทำให้คนกลัวมากกว่า

มือกระบี่แต่ละคนที่แฝงตัวมาดูการต่อสู้  มีเพียงวลีเดียวที่ปรากฏอยู่ในใจพวกเขา – นักสู้ระดับสวรรค์วิถี!
บุรุษทั้งห้าที่ถูกหลิงซิ่วกำจัดเป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียง  ห้าเสือตระกูลกัว  ชื่อของพวกเขาตราตรึงอยู่ในหัวใจมือกระบี่พเนจร  การผนึกพลังของพวกเขาเทียบเท่ากับนักสู้ระดับสวรรค์วิถีเลยทีเดียว
สามารถกำจัดพวกเขาได้ แสดงว่าหลิงซิ่วมีพลังที่แข็งแกร่งมาก และทำให้ผู้คนสงสัยว่าหลิงซิ่วเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี
นักสู้สวรรค์วิถีมีพลังที่แข็งแกร่งมากแตกต่างจากพลังในของชาวหมู่ดาวกา แม้จะในเส้นทางยามราตรี
แต่ขณะเดียวกันก็ดึงดูดความสนใจนักสู้ผู้แข็งแกร่งสองสามคน
สิ่งที่ถังเทียนไม่สามารถคาดถึงได้ก็คือ ในอีกฟากหนึ่ง ปิงกำลังดึงดูดพายุมาเช่นกัน
※※※

หน้าของหลิ่วย่าจือเขียวคล้ำ และสหายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายังคงเงียบอยู่
หลิ่วย่าจือถูกสอบปากคำตลอดสองชั่วโมง  เป็นเรื่องที่มีผลกระทบใหญ่จริงๆ  องค์การนี้จัดตั้งมานานเกินกว่าพันปีแล้ว  องค์กรนี้ก่อตั้งโดยวิศวะจักรกลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน  พวกเขาคิดค้นหาวิธีสร้างหนทางฟื้นคืนยุคอาวุธจักรกล
ในที่สุด พวกเขาก็ประสบผลสำเร็จผสานอสูรดวงดาวกับพลังสายเลือดเข้าด้วยกันสร้างเป็นอาวุธจักรกลที่แตกต่าง  อาวุธจักรกลชนิดใหม่นี้ถูกยกย่องว่าเป็นอาวุธพลังสายเลือด  แม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่แตกต่าง แต่ก็แข็งแกร่งทรงพลังมาก
หลังจากกบดานเงียบมาเป็นเวลาหลายปี  องค์กรนี้รอเวลาสร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วยความสำเร็จที่สั่นสะเทือนได้ทั้งโลก
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้  ระดับเบื้องบนของทั้งองค์การได้รับผลกระทบกระเทือน  คิงคองอาวุธจักรกลที่โดดเด่นที่สุดขององค์การและหลิ่วย่าจือยอดฝีมือผู้ชำนาญการขององค์การพ่ายแพ้ให้กับนักสู้สายจักรกลคนอื่น
ความจริงดูเหมือนอาวุธจักรกลของฝ่ายตรงข้ามจะโดดเด่นเท่ากันหรือดียิ่งกว่า
พวกเขาตกใจมากและต้องการรู้
 “เราจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน!  เราต้องตรวจสอบให้ละเอียด! เป็นไปไม่ได้ที่อาวุธจักรกลนี้จะโผล่ออกมาอย่างไม่รู้ที่มา  เบื้องหลังของมันต้องมีวิศวะจักรกลอยู่แน่!  จำเป็นต้องค้นหาวิศวะเครื่องกลนี้และสิ่งที่เกี่ยวกับมัน! ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทขนาดไหนก็ตาม” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าว
ผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั่งทุกคนสีหน้าคร่ำเคร่ง
ถ้าวิศวะจักรกลผู้นี้มีแค่คนเดียว นั่นคงจะรับมือได้ง่าย  แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีอิทธิพลหนุนหลัง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็หมายความว่าพวกเขามีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
นักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังทั้งหมดจากองค์การถูกส่งออกไปหมด เพื่อติดตามร่องรอย พวกเขาจะต้องไล่ล่าติดตามให้ได้
มีรายงานเข้ามาว่าร่องรอยของฝ่ายตรงข้ามปรากฏอยู่ข้างหน้า
※※※

ปิงเหลือบมองในที่ไกลออกไป  แววเย็นชาปรากฏในสายตาของเขา
 “ข้าเล่นพอแล้ว  ได้เวลากลับเสียที” น้ำเสียงของปิงดูเกียจคร้านมาก  ในสายตาของเขา  กลุ่มคนที่ไล่ตามเขาร้อยเปอร์เซนต์เป็นพวกมือใหม่ทั้งนั้น
เขาพาพวกนี้ให้วิ่งวนอ้อมเป็นวงกว้าง จุดประสงค์เพื่อไม่ให้พวกเขารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
 “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ยังจะมีคนที่สามารถสร้างอาวุธจักรกลประหลาดๆ อย่างนั้นได้”  แววรังเกียจปรากฏเต็มหน้าปิง  “แต่มันน่าเกลียดจริงๆ”
เกิดมาในกองทัพดาวกางเขนใต้  ปิงเกลียดอาวุธพลังสายเลือด แม้ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ในสายตาของเขามันน่ารังเกียจ
 “แต่เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว  ยุคทองของนักสู้สายจักรกลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”  ปิงพึมพำกับตนเอง  “ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องจับถังเทียนน้อยฝึกหนักเสียแล้ว  จะปล่อยให้กรงเล็บภูตพรายเอาตัวไปทั้งหมดไม่ได้  ด้วยทัศนคติของเจ้านั่น  ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
ปิงคิดตัดสินใจเรื่อยเปื่อย
ในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่ต้องการให้ถังเทียนให้ความสำคัญกับอาวุธจักรกลมากนัก  เพราะเขารู้สึกว่ามันล่มสลายไปแล้ว นั่นคือยุครุ่นที่ผิดพลาด จนเดินอยู่ในทางที่ผิด
แต่หลังจากช่วงเวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กับพยัคฆ์ฟ้าและได้พบกับคิงคองนี้  ทำให้เขาตระหนักว่า ยุคใหม่ของจักรกลกำลังจะมาถึง  อาวุธจักรกลใหม่เหล่านี้เทียบกับในยุคของเขาแล้ว แข็งแกร่งมากกว่า
เขาไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะไปจบลง ณ ที่ไหน
แต่ตราบใดที่ยังมีหวังแม้เพียงเล็กน้อย  เขาจะปล่อยวางได้อย่างไร?
ปิงกระตือรือร้น
ทันใดนั้นเขาเรียกความรู้สึกกลับมา  ใบหน้าไพ่ที่เต็มไปด้วยการวางมาดเริ่มหัวเราะให้กับตนเอง
เมื่อเห็นเจ้าพวกน่าสมเพชในตอนนี้แล้ว  ปล่อยให้เซรีนสร้างอาวุธจักรกลต่อไป  ใครจะรู้ว่าต้องกินเวลานานเพียงไหน
เมื่อได้ยินเสียงตามไล่หลัง  ปิงหยุดฝันกลางวัน  มองเห็นจุดเล็กดำในระยะไกล เขาอดยิ้มไม่ได้
เขาจงใจพานำคนเหล่านี้เดินทางไปผิดตำแหน่ง  เรื่องระยะทางไปถึงเมืองสามวิญญาณ  เขาไม่แน่ใจว่าอยู่ห่างเท่าใด คนพวกนี้คงไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน  ในภูมิภาควิญญาณ  เขาสามารถเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้ตามปกติ  ในภูมิภาควิญญาณ  จะเชื่อมโยงระหว่างขุนพลวิญญาณและเจ้าของให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น  ปิงตระหนักว่า ในภูมิภาควิญญาณ  ไม่ว่าจะไกลเพียงไหน เขาสามารถรู้สึกถึงถังเทียนและตำแหน่งทางเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้ชัดเจน  สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือ เขาสามารถกลับไปที่ทางเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้
ที่สำคัญคือ  เขาเป็นแค่ขุนพลวิญญาณตนหนึ่ง....
ปิงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาสุขหรือเศร้า ได้แต่เพียงถอนหายใจ
ร่างของเขาค่อยๆ จางลงและหายไปในที่สุด
ปิงกลับมาและไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ถังเทียน ขณะที่เขาคร่ำเคร่งฝนทั่ง
ปิงค่อยๆ เดินไปที่ข้างๆ กรงเล็บภูตพรายช้าๆ  “ดูเหมือนเขาก้าวหน้าไปมาก  ช่วงเวลาอย่างนี้รู้สึกว่าเขาเชี่ยวชาญไม่เบา”
 “ถ้าเจ้าพูดถึงเวลาที่แท้จริง ยังคงมีเวลาอีกครึ่งเดือน”  สายตาของกรงเล็บภูตพรายไม่เคยละไปจากร่างของถังเทียนแม้แต่นิด  แต่ปิงสามารถบอกได้จากน้ำเสียงของเขาได้ว่า มีความสุขและอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้แฝงอยู่ในนั้น
 “ความเร็วของเขาดีขึ้นมากเลยนะ”  ปิงเหลือบมองถังเทียนและอดทึ่งไม่ได้
 “เขาฝึกฝนอย่างหนัก”  กรงเล็บภูตพรายพูดเย็นชา
 “ช่างทำให้ผู้คนคาดหวังจริงๆ ว่าคนผู้นี้จะทรงพลังได้ขนาดไหน” ปิงคาดหวังไว้มาก  ถ้าถังเทียนเรียนรู้วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายวิชาระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จบวกกับเกราะนกยูง  พลังของเขาน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
กรงเล็บภูตพรายไม่พูดอะไรและได้แต่จ้องมองร่างที่กำลังอ้าปากหอบหายใจในท่ามกลางประกายไฟ
กรงเล็บภูตพรายไม่เคยมีลูกศิษย์สักคนในชีวิต เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นคนที่เขาตัดสินใจทุ่มเทชีวิตจิตใจทั้งหมดให้เขา
ถังเทียนคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกฝนอย่างเดียว  แม้ว่าสีของนิ้วทั้งสิบของเขาจะไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่  แต่ภายในร่างของเขา  เส้นชีพจรเชื่อมโยงกับนิ้วทั้งสิบทำให้มั่นคงแข็งแกร่งขึ้นถึงห้าเท่า
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงแต่แค่นิ้วทั้งสิบเท่านั้น เหมือนกับว่าทั้งหมัดหรือฝ่ามือของเขาในตอนนี้มีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย
นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเขาจึงทุ่มเทฝึกฝนมากขนาดนั้น
ถ้าเขาฝนบดทั่งได้ถึงหนึ่งหมื่น  อย่างนั้นเส้นชีพจรในไหล่ของเขา  จะแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงไหน
ถังเทียนกำลังมองไปข้างหน้า
※※※

 “พี่น้องห้าเสือตระกูลกัวถูกฆ่าทั้งหมด”  คนร่างสูงรายงาน เขาอยู่ในชุดมือกระบี่สีดำ   ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ
 “ห้าเสือน่ะหรือ?  พวกมันคู่ควรหรือ?”  คนพูดไม่ได้เงยหน้าขึ้น  แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ  ไม่มีอะไรให้ควรแก่การคิด
เขาลับกระบี่ยาวของเขาอย่างระมัดระวัง  เขามักจะยกกระบี่ขึ้นเล็งเพื่อตรวจดูแนวเส้นของกระบี่
มือกระบี่ชุดดำคุ้นเคยกับบุคลิกของสหายของเขาดี จึงหัวเราะเบาๆและกล่าวต่อ “พวกมันตายด้วยฝีมือของคนๆ เดียว”
 “คนเดียว?”  บุรุษที่กำลังลับกระบี่หยุดเคลื่อนไหวทันที
 “อืม.. พวกเขาใช้ท่ากากบาทเพลิง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถชนะได้  ใครจะรู้กันว่ามือของคู่ต่อสู้จะไวกว่าพวกเขามากและกำจัดพวกเขาได้”  มือกระบี่ชุดดำยืดหลังกล่าว
 “ใช้ความรวดเร็วของมือเดียว เขาก็ฆ่าคนทั้งห้าได้หรือ?  คนเดียวนี่นะ?”  บุรุษที่กำลังลับกระบี่ขยับตัว
 “อืม, คนผู้นั้นใช้หอกเล่มเดียว”  บุรุษชุดดำหาว “เขาอาจจะเป็นนักสู้สวรรค์วิถีหรืออาจไม่ใช่ก็ได้  แต่คงไม่ห่างแน่”
สีสันต่างๆ สะท้อนอยู่ในแววตาของบุรุษที่กำลังฝนกระบี่ สีหน้าของเขายังคงสงบ  “เจ้ามาหาข้า คงไม่ใช่แค่บอกเรื่องเท่านี้สินะ”
 “ฮ่าฮ่า ยังคงเป็นเจ้าที่เข้าใจข้า!  มือกระบี่ชุดดำหัวเราะลั่น  “อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดอาจารย์ม่อ  เราทั้งสองเป็นเต่ายากจนไม่มีอะไรจะให้เขา  ข้าเห็นว่าถ้าได้ยานสักลำไม่เลวนัก ถ้าเราเอาอาชาสวรรค์ไปมอบให้อาจารย์ม่อได้  นั่นจึงจะมีความหมายขึ้นมาบ้าง”
บุรุษที่ลับกระบี่ขมวดคิ้ว  “เจ้ามีแผนการอะไรกับอาจารย์ม่อ?”
มือกระบี่ชุดดำรู้สึกละอายใจ “ข้าได้ยินมาว่าในมือของอาจารย์ม่อมีกระบี่ชื่อว่ากระบี่หมู่ดาวปลาใต้  ข้าเคยเห็นมานานแล้ว  เนื่องจากอาจารย์ม่อไม่เคยใช้มันเลย ยานอาชาสวรรค์ชั้นเงินดูสวยสง่างามมาก  ข้าคิดว่าอาจารย์ม่อคงยินดีจะแลกเปลี่ยนกับมัน”
 “ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี”  บุรุษผู้ลับกระบี่เตือนเขา
 “นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาตามหาเจ้า!  เขาหัวเราะ และรีบพูดต่อ “นอกจากนี้ ถ้าเราเอาชนะเขาไม่ได้ เราก็สามารถหนีได้”
บุรุษที่ลับกระบี่คิดอยู่ชั่วขณะ และกล่าว “อย่าเพิ่งเร่งรีบ พี่น้องห้าเสือตระกูลกัวมาจากหมู่บ้านกระบี่ตระกูลกัว  ตระกูลกัวดุร้ายไร้เหตุผล  พวกเขาจะปล่อยผ่านเรื่องเช่นนี้ได้ยังไงกัน  ข้าจำได้ว่าอาจารย์ของพี่น้องห้าเสือตระกูลกัว น่าจะเป็นกัวตงนะ”
 “กัวตง!” สีหน้าที่ไม่สนใจอะไรของมือกระบี่ชุดดำหายไปทันที กลายเป็นความรู้สึกหนักใจ “อย่างนั้น นั่นก็คือเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง”
 “ถูกแล้ว”  บุรุษที่ลับกระบี่พยักหน้า  “เขาเป็นนักสู้สวรรค์วิถีคนหนึ่ง  และติดอยู่ในอันหนึ่งหมื่นคนแรกอยู่เสมอ  เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลกัวมาห้าปีแล้ว อันดับของเขาก็ยังไม่ตก คนผู้นี้ฝีมือแข็งแกร่งมาก”
มือกระบี่ชุดดำพยักหน้าเห็นด้วย ในบรรดานักสู้สวรรค์วิถีทั้งหมดสามารถติดอยู่ในหมื่นอันดับแรกได้  พวกเขาต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง  พวกที่เพิ่งเข้าสู่ระดับสวรรค์วิถีจะไม่มีอันดับ ถ้าเพียงแต่ท่านต่อสู้ต่อไป  ก็จะพบหนทางใหม่เรื่อยไป  อันดับของท่านก็เพิ่มขึ้นช้าๆ
การจัดอันดับสวรรค์วิถีถูกจัดรวบรวมโดยกลุ่มสองดาวใหญ่คือ กลุ่มดาวเซฟิอุสและกลุ่มดาวค้างคาวและพวกเขาใช้วิธีจัดการที่ซับซ้อน
หมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาวมีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ  แต่วางตัวห่างจากเรื่องราวในโลกกว้างทั้งปวง  พวกเขาร่วมมือกับชาวสวรรค์ไม่กี่ตนเพื่อสร้างหอสมุทรวิทยายุทธอมตะ  มีการดำเนินการสืบต่อหลายรุ่น หอสมุดวิทยายุทธอมตะนี้ ได้เปิดโอกาสให้หมู่ดาวและดวงดาวของสวรรค์วิถีได้ใช้ประโยชน์
ไม่มีผู้ใดรู้จุดเริ่มต้นของการจัดอันดับสวรรค์วิถี  แม้แต่เจ้าหน้าที่ปัจจุบันที่ผ่านการพัฒนามาเกินกว่าเจ็ดร้อยปีแล้วก็ตาม
คนของหมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาวทุกรุ่นมักจะรักษามุมมองที่เป็นกลางเสมอ  และไม่เคยฝึกปรือพลังเพื่อการต่อสู้เลย  ดังนั้นการจัดลำดับจึงยังได้รับความเชื่อถือของคนหมู่มาก
 “อย่างนั้นพี่น้องห้าเสือตระกูลกัวก็เป็นศิษย์ของเขาสินะ”  บุรุษชุดดำถอนหายใจ  “อย่างนั้นพวกเขาได้ลำบากหนักแน่”

4 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น