ตอนที่ 211
ดาบไร้ลักษณ์และเฒ่าบอดซอกำสรวล
กรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนสร้างประกายเป็นสายยาว เขาเพิ่มความเร็วของเขาในระดับสูงสุด
ในพริบตาต่อมาก็มีเงาสีเงินสว่างสายหนึ่งล้อมรอบตัวกัวตง
ถังเทียนไม่ได้ตื่นเต้นและไม่ใช่สาเหตุแรกที่ทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่าน แต่เป็นเพราะความต้องการต่อสู้ของเขาต่างหากที่ลุกโชน
ถึงตอนนี้สองกระบี่ที่โจมตีใส่ทำให้ถังเทียนเข้าใจ พลังของศัตรูค่อนข้างแข็งแกร่ง
เพียงแค่อาศัยกรงเล็บเพลิงภูตพรายที่เขายังไม่เคยฝึกในระดับขั้นปรมาจารย์เลย
คงไม่สามารถทำอันตรายกัวตงได้แม้แต่น้อย
แต่ถังเทียนไม่ได้พึ่งพาวิชากรงเล็บแต่เพียงอย่างเดียว นอกจากสัญชาตญาณที่น่าตื่นตะลึงแล้ว ความเร็วของเขาก็สุดยอดมาก หลังจากย่อยสลายเลือดเทพและเลือดแคระแล้ว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปในระดับสุดยอด และหลังจากบรรลุระดับนักสู้ขั้นที่หกแล้ว
คุณลักษณะทุกอย่างในร่างกายเขาก็เพิ่มสูงขึ้นทุกอย่าง
ความเร็วของเขายิ่งเพิ่มขึ้นมากในระดับน่าตกใจ
ถังเทียนแสดงความเร็วได้ระดับสุดยอด นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เขามีความสามารถเคลื่อนไหวได้ก่อน
และข้อเท็จจริงที่สำคัญมากก็คือจังหวะการต่อสู้ของเขาก็เร็วยิ่งขึ้น ยิ่งจังหวะของเขาเร็วขึ้น
โอกาสที่คู่ต่อสู้จะมีเวลาคิดก็น้อยลง
สัญชาตญาณของเขาที่เหนือกว่าก็มีโอกาสได้ใช้มากขึ้น
ถังเทียนวนรอบกัวตง
และใช้กรงเล็บเพลิงภูตพรายสุ่มๆ จากทุกทิศตะปบใส่กัวตง
เกราะนกยูงทำให้ร่างกายของถังเทียนเบาคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้น เนื่องจากใช้ชดเชยข้อด้อยในวิชาตัวเบา ขนที่อยู่บนเกราะนกยูงกระพือต่อเนื่อง และถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าเขาเป็นเหมือนปลา
ไม่ว่าตำแหน่งตรงไหนก็ตาม เขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้
และสามารถไปถึงได้อย่างแคล่วคล่องอิสระ
กัวตงรู้สึกว่าศัตรูสามารถมาได้จากทุกตำแหน่ง
กัวตงลอบประหลาดใจ ช่างเป็นความไวที่น่ากลัวเหลือเกิน
นี่ต่างจากที่เขาเคยเห็นนักสู้ผู้มีวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่ง แต่เขาตกใจกับความเร็วของถังเทียน
แต่กัวตงรีบสงบจิตใจตัวเองอย่างรวดเร็ว กระบี่กาเพลิงยะเยียบยังคงควงอย่างต่อเนื่อง
รังสีวงกลมสีแดงเข้มกระจายออกจากใต้เท้าของเขา
ความเร็วแผ่ขยายออก
หือ?
มีไฟลุกออกมากจากใต้เท้าของเขา
แล้วพ่นไฟสายหนึ่งออกมา
สายเปลวเพลิงที่พ่นออกมาหมุนวนรอบตัวกัวตงและกลับมารวมเป็นประกายไฟสว่างอยู่ที่เท้าเขาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน
แฉกไฟสิบสายกระจายออกและสานตัวเป็นตาข่ายเพลิงกว้างล้อมรอบตัวกัวตงไว้
ติง ติง ติง!
การโจมตีหนักหน่วงใส่ตาข่ายเพลิงยังคงต่อเนื่อง
ประกายไฟนับไม่ถ้วนกระเด็นออก ดูเป็นภาพที่งดงาม
ร่างของถังเทียนวิ่งวนกัวตงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังกรงเล็บอย่างไร
ตาข่ายเพลิงก็ยังทนอยู่ได้ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
กัวตงมองดูถังเทียนอย่างเยือกเย็น
แม้ว่าบุรุษหนุ่มข้างหน้าเขาจะมีความเร็วที่น่าทึ่ง
แต่เขายังด้อยในเรื่องการปล่อยพลังโจมตีได้เต็มที่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปลดปล่อยพลังอย่างรวดเร็ว
กัวตงเหลือบตาไปทางกัวอวี่
เมื่อเขาเห็นพยัคฆ์ฟ้า
เขาอดถอนหายใจโล่งอกมิได้
มาตรฐานนักสู้สายจักรกลยังไม่สูงล้ำ
แต่เฒ่าอ่อนแอที่ดูเหมือนจะเป็นขุนพลวิญญาณสามารถดึงดูดความสนใจของกัวตง
เคล็ดวิทยายุทธของขุนพลวิญญาณแม่นยำเช่นเดียวที่เด็กหนุ่มนี่โจมตีใส่เขา
แต่...
กัวตงประหลาดใจ..
นั่นคือวิทยายุทธระดับปรมาจารย์!
วิทยายุทธอย่างเดียวกัน
แต่ใช้ออกโดยสองมือที่แตกต่างกัน พลังย่อมต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นี่แสดงให้เห็นว่าความเข้าใจของทั้งสองคนนี้แตกต่างกันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง
วิชากรงเล็บที่รุนแรงและน่ากลัว
นัยน์ตาของกัวตงเป็นประกาย วิชากรงเล็บที่น่ากลัวขนาดนั้น
ยากจะพบเห็นได้จริงๆ
ขุนพลวิญญาณนี้ต้องเป็นใครบางคนที่สำคัญสำหรับเขา
แม้ว่าเขาจะชื่นชมพวกเขา แต่กัวตงก็ยังสบายใจ ถึงขุนพลวิญญาณจะแข็งแกร่ง
แต่เมื่อขุนพลวิญญาณจะพยายามเอาชนะเสี่ยวอวี่ให้ได้
นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
พวกเจ้าทุกคนดูแคลนเสี่ยวอวี่เกินไปแล้ว
กัวตงสบายใจ สายตาที่เขามองไปทางเสี่ยวอวี่
เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตาโตดำขลับของเสี่ยวอวี่เบิกกว้าง พอถึงเวลานี้
เขาเริ่มควงกระบี่อ่อนอยู่ในมือขวา
กระบี่นี้ดูละเอียดอ่อนเหมือนปีกจั๊กจั่นแทบจะโปร่งแสง
เขาหมุนข้อมือแทงกระบี่ไปข้างหน้าไม่มีสัญญาณจากควันปราณเพลิง
ติง!
ระหว่างกรงเล็บภูตพรายและคมกระบี่
เกิดเป็นลูกบอลใสกระจ่างระเบิดพลังออก
มาตรฐานวิชากรงเล็บของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพราย
ความจริงเขาไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการโจมตีนี้
ตาของกรงเล็บภูตพรายเป็นประกายร้อนแรง เมื่อเขาใช้นิ้วเหี่ยวย่นทั้งสิบสร้างประกายไฟและเงากรงเล็บเต็มท้องฟ้า
เกิดเสียงสั่นสะท้อนดังก้อง
กัวอวี่ยังคงสงบอยู่ กระบี่ในมือของเขาสั่นเล็กน้อย
กาเพลิงสีแดงอ่อนบินออกมาจากกระบี่เขาและเข้าโจมตีใส่กรงเล็บภูตพราย
ปัง!
ทุกครั้งที่กาเพลิงและพลังกรงเล็บเพลิงภูตพรายปะทะกัน
ทั้งสองฝ่ายจะสั่นสะท้าน
ในชั่วพริบตาทั้งสองฝ่ายปะทะกันเกินสิบครั้ง ขณะที่พลังระเบิดปะทุออกมาจากคนทั้งสอง
กัวอวี่ที่ดูเหมือนคนอมโรคและตัวซีดอยู่เสมอในตอนนี้เหมือนย้อมด้วยสีแดง นัยน์ดำขลับของเขาสดใสเจิดจ้า
ไม่ถึงกับมีรังสีฆ่าฟันเต็มที่
ความดื้อรั้นของคู่ต่อสู้ของเขาเกินกว่าที่เขาคิด
กระบี่โปร่งแสงของเขามีเพลิงแดงสีหม่นเป็นประกาย
เขาขวางกระบี่มีเปลวเพลิงอยู่ในระดับระหว่างคิ้วตวาดลั่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไร้ลักษณ์!”
กัวตงนัยน์ตาเป็นประกายทันที เขารู้เสมอว่าเสี่ยวอวี่มักฝึกฝนเคล็ดสังหารนี้ แต่ไม่เคยเห็นเสี่ยวอวี่ใช้เลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เขาถามเสี่ยวอวี่ถึงเรื่องนี้ เจ้าเด็กนี่มักจะมองกลับมาเหมือนไร้เดียงสาเสมอ
นี่น่าตื่นเต้นมาก!
ไร้ลักษณ์...
เป็นชื่อที่ดีจริงๆ...
ปัง!
กระบี่เพลิงสีเข้มมีไฟปะทุขึ้นล้อมรอบตัวของกัวอวี่ทันที
นี่....
ตาของกัวตงเบิกกว้าง
เปลวเพลิงกระจายออก
ขณะที่รังสีสายหนึ่งของกาเพลิงแดงเข้มปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของกัวอวี่ ร่างของกาเพลิงเป็นสีแดงเข้ม เมื่อมันกางปีก ม่านตาของมันดูเหมือนจะหายวับไปในห้วงเหวลึก
ร่างของกัวอวี่ปลดปล่อยคลื่น อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยวทำให้ร่างของเขาเลือนลางไม่ชัดเจน
กัวอวี่ดูเคร่งขรึมขณะที่เขาพึมพำ “ท่าฟันไร้ลักษณ์!”
กระบี่แนวตรงต่อหน้าเขาฟันลงทันที
กระบี่โปร่งใสพุ่งออกมาจากปลายกระบี่และฟันลงใส่กรงเล็บภูตพรายโดยตรง
ไม่ว่าตรงที่ใดก็ตามที่กระบี่พุ่งผ่านไปธุลีก็จะฟุ้งกระจาย ขณะที่บนพื้นปรากฏเป็นร่องเส้นตรงลึก
ตาของกรงเล็บภูตพรายเป็นประกายแสงทันที กรงเล็บทั้งสองสร้างประกายไฟ
ประกายไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเงินอย่างรวดเร็ว
แสงเจิดจ้าสองสายพุ่งออกมาจากร่างเขาและขวางข้างหน้าไว้อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่รังสีแสงเงินทั้งสองสายรวมกัน
กระบี่โปร่งแสงก็พุ่งเข้าใส่กรงเล็บภูตพรายแทบจะไม่ปะทะกรงเล็บของกรงเล็บภูตพราย
แสงแพรวพราวได้หุ้มตัวทั้งกรงเล็บภูตพรายและร่างของกัวอวี่ไว้
ทั้งพื้นที่เปลี่ยนเป็นสีขาว
※※※
ความคิดของสตรีชุดดำว่างเปล่า หลิงซิ่วบุกจู่โจมอย่างห้าวหาญเหมือนกับสายฟ้าแล่บเข้ามาตรงหน้าของนาง
รวดเร็วจนนางไม่มีเวลาคิดต้านทาน
รังสีเงินแพรวพราวที่ปลายหอก
สว่างได้ทั้งในเวลากลางคืน
ความคิดของนางว่างเปล่า
วืดดด
เสียงเครื่องสายที่หม่นหมองแต่ทรงพลังดังขึ้นทันที
ชายชราตาบอดหายสงสัยสิ้นเชิง ขณะที่เขาบรรเลงเอ้อหู
เสียงเศร้าโศกซึ้งลอยออกมาจากฝีมือของเขา
เหมือนกับว่าเวลาเริ่มหยุดนิ่ง หอกที่ดุดันของหลิงซิ่วชะลอช้าลง
เหมือนกับว่าหอกกำลังแทงใส่ของเหลวเหนียวหนืด
บุรุษชราตาบอดดึงเอ้อหูขึ้นมาบรรเลง ทั่วทั้งสนามต่อสู้ถึงกับเงียบกริบ ไม่ว่าจะเป็นอสูรหินกรวดหรือชาวบ้าน ทุกคนหยุดกันหมด
บรรเลงเพลงโศกเศร้าครอบคลุมไปทั้งสนามรบ
เสียงเครื่องสายไหลลื่นเหมือนสายน้ำ
หน้าของบุรุษตาบอดแสดงออกว่าเศร้าอย่างสุดซึ้ง เบ้าตาที่กลวงเปล่ามีน้ำตาสองสายไหลออกมา
หัวใจของสตรีชุดดำถูกความตกใจครอบงำ
ร่างของนางไม่สามารถขยับได้
แม้แต่จะควบคุมนิ้วให้ได้สักนิ้วยังเป็นไปไม่ได้
นางรู้สึกเหมือนกับว่าร่างของนางถูกคนอื่นควบคุม น้ำตานางไหลออกมาไม่หยุด
เป็นเหมือนกับฝันร้าย ความรู้สึกนี้ ทำให้หัวใจนางเต็มไปด้วยความกลัว!
ไม่,
ข้าไม่ต้องการความรู้สึกเช่นนี้!
อสูรหินกรวดทั้งหมดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเมินเฉย ขณะที่ชาวบ้านทุกคนมีน้ำตาไหล ทุกคนเต็มไปด้วยความเสียใจ
เซี่ยชิงตกตะลึงมองดูร่างที่นั่งอยู่ในรถเข็น ในที่สุดเขาก็จำได้แล้วว่าชายชราผู้นี้เป็นใคร
คนบอดซอกำสรวล!
ชายชราตาบอดถือซอ
รู้จักกันในนามว่า เฒ่าบอดซอกำสรวล
อันดับทำเนียบนักสู้คือ 9,900 นักสู้ผู้ใช้สำเนียงเพลงนี้ยังแข็งแกร่งกว่ากัวตงมากนัก
เฒ่าบอดซอกำสรวล...
ดังนั้นนี่คือความรู้สึกเสียใจ....
เซี่ยชิงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต่อต้านเสียงเพลง สมองของเขายังคงตื่นตัว แต่หน้าของเขาเริ่มเปียกชื้น
เพราะเหตุผลบางอย่าง น้ำตาของเขากำลังหยดไหล
ความเศร้าเสียใจทั้งหมดที่ลืมไปแล้วในความทรงจำของเขาค่อยๆ ถูกเปิดออกเหมือนกับหนังสือเก่าเต็มไปด้วยฝุ่นถูกพลิกเปิดดูอีกครั้ง
น่ากลัวมาก....
หอกของหลิงซิ่วช้าลงอย่างคาดไม่ถึงเพราะเหตุนั้น
ทันทีที่บทเพลงบรรเลง
ก็เป็นเหมือนกับว่าหัวใจของหลิงซิ่วถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้แน่น
ความโศกเศร้าไม่มีประมาณผุดออกมาจากหัวใจของเขา
หน้าของอาจารย์..
ท่าทีที่ผิดหวังนั้น.... ความมืดมิดไม่มีที่สุด...
เตือนให้เขานึกถึงความเจ็บปวดทรมานตลอดไป... เหมือนกับว่าเขาเนรเทศตัวเอง...
น้ำตาเหมือนกับถังน้ำหลั่งไหลพรั่งพรู
อาจารย์...
เสี่ยวซิ่วคิดถึงท่าน!
ทัศนวิสัยของหลิงซิ่วมืดมัว เขารู้ว่าเป็นกับดักวิธีของคู่ต่อสู้
และเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแข็งขืน
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ตาม
เขาก็ไม่สามารถกำจัดความเสียใจของเขาเอง
มันกำลังกัดกินทุกซอกมุมในหัวใจของเขา
ภาพของอาจารย์ของเขาชัดเจนมาก ชัดเจนมากจนเขารู้สึกได้ว่าเขาสามารถสัมผัสเขาได้
หลิงซิ่วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่การสามารถเห็นอาจารย์ได้เช่นนั้น
เขาก็ปรารถนาเช่นกัน
ทันใดนั้น
หลิงซิ่วมองดูด้วยความกลัว ขณะที่จู่ๆ
ปลายหอกก็แทงใส่อกของอาจารย์เขา
“ไม่!” ตาของหลิงซิ่วแทบฉีกขาด
อาจารย์ของเขายืนอยู่ในกองเลือดอย่างไม่เชื่อถือ
ร่างสูงใหญ่อยู่ในความมืด
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจขณะเขากล่าว “งั้นนี่ก็คือหอกทะเลจุดใช่ไหม? น่าเสียดาย
ข้าคิดว่ามันแข็งแกร่ง แต่ก็ยังทำให้ข้าพอใจไม่ได้ แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ทำให้มันมัวหมอง เพราะมันไม่เหมาะให้ข้าใช้”
“ไม่! เจ้า ต่ำช้านัก! เจ้าคนเลว!” หลิงซิ่วน้ำตานองหน้าตะโกนด้วยความโกรธ
แต่ร่างนั้นหมุนตัวและเดินจากไปโดยไม่ได้ยินเสียงของเขา
หลังจากนั้น
อาจารย์ก็ดิ้นรนจากกองเลือด เขากุมบาดแผลที่หน้าอก ขณะที่เลือดไหลออกมาจากปลายนิ้วอย่างต่อเนื่อง
เขาหยิบยาแล้วกลืนลงไป
ช่างน่าอัศจรรย์
เลือดหยุดไหล
แต่อาจารย์ยังคงดูเหมือนมีอายุแก่กว่าวัย
เสียงไอที่คุ้นเคยแต่เดิมของอาจารย์ที่ดังทั้งวันและทั้งคืน
ทำให้หลิงซิ่วตระหนักได้ถึงสาเหตุที่อาจารย์มักจะอ่อนแอและป่วยอยู่เสมอ
“ไม่...นี่มันไม่จริง... เรื่องนี้ไม่จริง..”
หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง น้ำตาไหลออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้
ในป่าหิมะ อาจารย์หยุดฝีเท้าทันทีและเห็นทารกคนหนึ่ง ทารกนั้นบาดเจ็บทั่วตัว ใบหน้าน้อยๆ เริ่มแข็งกระด้าง อาจารย์กอดทารกน้อยไว้
ลูบคลำเขาชั่วขณะและหัวเราะทันที “เจ้าหนูน้อย เจ้าต้องมีชีวิตให้ดีนะ
นี่คือยาเม็ดสุดท้ายของข้าแล้ว
อย่าให้ข้าต้องเสียเวลาช่วงสุดท้ายไปโดยไม่ได้อะไรเลย”
เขาเคี้ยวและบิเม็ดยาไว้ในมือเขา
และผสมกับเหล้าส่วนหนึ่งป้อนใส่ปากทารกน้อย
เหมือนกับว่าหลิงซิ่วสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่า
ยาเม็ดนั้น ความจริงเป็นยาชนิดเดียวกับที่อาจารย์กินตอนที่อยู่ในกองเลือด
ชีวิตของเขา ความจริงอาจารย์ใช้ชีวิตแลกมา!
3 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น