วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 533 ทักษะพรางตัวเล็กน้อย



ตอนที่  533  ทักษะพรางตัวเล็กน้อย
แม้ว่าหวงฉวนและคนอื่นๆ ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ ที่เย่ว์หยางได้สมาชิกเข้ามาร่วมกลุ่มเพิ่ม  แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้จากการปรากฏตัวของพวกเขา และทราบได้ว่าทวีปมังกรทะยานมีการเสริมกำลัง
เปรียบเทียนกับหวงฉวนและคนอื่นๆ แล้ว ดูเหมือนถูกปล่อยให้สู้ตามลำพัง

หลังจากสูญเสียสหายร่วมกลุ่ม  ก็ไม่มีการเสริมกำลังของสมาชิกใหม่จากแดนสวรรค์เหนือ, ใต้และตะวันออก
ไม่เพียงแต่ไม่มียอดฝีมือเข้ามาเพิ่ม แต่ว่าไม่มีพวกเขาคนใดที่ต้องการเข้าร่วมในสังเวียนมรณะโบราณแห่งนี้เพื่อเซ่นให้กับความโหดร้ายของรหัสโบราณ  เหตุผลที่หวงฉวนและคนอื่นๆ เข้ามาร่วม ก็เนื่องมาจากต้องการได้สมบัติชั้นเทพและเพิ่มพลังให้ตนเอง
เมื่อว่ากันในเรื่องของความสามารถ  พวกเขาอาจนับได้ว่าเป็นนักสู้ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายเหนือ, ใต้และตะวันออกหรือไม่?
ย่อมไม่อย่างแน่นอน
 “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสิบนาที... จงรวบรวมสมาชิกของพวกเจ้ามาทั้งหมด ข้าหวังว่าจะได้เห็นการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมแท้จริง  ข้าไม่ต้องการเห็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นมากมายต้องตายไปในการต่อสู้ที่ไร้ความหมายนี้  วัตถุประสงค์ของสังเวียนโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เพื่อกำจัดนักสู้ระดับต่ำ แต่เพื่อสร้างนักสู้ระดับสูงผ่านการต่อสู้ครั้งนี้  พวกเจ้าทุกคนเข้าใจวัตถุประสงค์ของสังเวียนมรณะผิดไป... พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่น  ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเสริมสร้างพลังของพวกเจ้าได้ทุกคนระหว่างต่อสู้ แทนที่จะสู้กันเองอย่างผิดๆ”   บุรุษชุดม่วงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะเปรยถึงสภาพของทุกคนในสนามรบ  เมื่อเขายกมือขึ้น  เขาสงบความดุร้ายของจ่าฝูง, แม่ทัพและจ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณได้ทั้งหมด แสงนุ่มนวลแผ่ออกจากมือของเขาเหมือนกับแสงจันทร์
หลังจากบุรุษลึกลับผู้นี้เหยียดมือออก  หวงฉวนและคนอื่นๆ พากันเชื่อมั่นทั้งหมด
พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องดี
จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณเป็นอสูรปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้า ก็สามารถละเว้นทุกอย่างและโจมตีได้ทุกอย่าง
แต่เมื่อบุรุษผู้นี้แค่เหยียดมือออก  มันก็สงบลงโดยไม่มีการแข็งขืนแต่อย่างใด นี่พิสูจน์อะไรได้?
ถ้าบุรุษผู้ลึกลับนี้โจมตีใส่ทุกคน  ไม่มีใคร แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดสามารถต้านรับได้แม้แต่ครั้งเดียว
รอบตัวบุรุษลึกลับ มีนักสู้แดนสวรรค์ระดับสามอีกสี่คน  ในทิศตะวันออกมีเทพสิบสองปีก  เขาตัวเตี้ยกว่าเทพศึกโบราณและมีความสูงราวๆ สามเมตรเท่านั้น เขาถือกระบี่ทองศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งมีลักษณะงดงามบริสุทธิ์  ด้านตะวันตกเป็นขุนพลที่อยู่ในชุดเกราะเงินสูงกว่ามนุษย์เล็กน้อย   เขาคล้ายมนุษย์มากและท่าทางของเขาเหมือนกับเทพสงครามที่ควบคุมทหารนับหมื่นที่ไม่มีใครเทียบได้  ในด้านใต้เป็นมนุษย์สมิงร่างมหึมาเปลือยกายท่อนบนและร่างเขาล่ำสัน  เขามีส่วนสูงห้าเมตรเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ  ร่างของเขาเต็มด้วยแผลเป็นที่เกิดจากการต่อสู้  ในทิศเหนือเป็นเผ่าลิช (มนุษย์กระดูก)  ทั่วทั้งร่างสว่างเปล่งประกายน่าสยดสยอง  เขาถือไม้เท้ากระดูกขาวและดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดง
แค่เพียงความสามารถผู้แทรกแซงทั้งสี่คนนี้ พวกเขาก็สามารถกวาดล้างทุกคนในสังเวียนมรณะนี้ได้
 “โปรดอภัยที่หวงฉวนบังอาจถาม  ท่านคือผู้อาวุโสฉือฟงจากตำหนักกลางหรือเปล่า?”  หวงฉวนคำนับบุรุษลึกลับในชุดม่วง
 “ฉือฟงเป็นเพียงคนเดียวที่มีชื่อเสียงในบรรดาทุกคนในตำหนักกลางหรือ?”  บุรุษลึกลับปฏิเสธสถานะตนเอง
 “อย่างนั้นท่านก็คือผู้อาวุโสชางเหยียน...?”
เฝินเทียนทักทายอย่างสุภาพ “ข้าเฝินเทียน ศิษย์รุ่นที่สามของเจ้าเมืองสุริยันต์ มาจากเผ่ามนุษย์เพลิง แดนสวรรค์เหนือ ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”
บุรุษลึกลับพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย
ด้วยการยอมรับของพวกเขา  คนอื่นนอกจากเย่ว์หยางและราชาเฮยอวี้  พวกหวงฉวน, หวิ่นซิงเป็นต้นต่างพากันตกใจทั้งหมด  สิ่งที่ตำหนักกลางทำต่อแดนสวรรค์  พวกเขาผู้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์ทราบชัด  ตำหนักกลางไม่ได้เป็นของสำนักใดๆ  แต่สมาชิกทั้งหมดได้รับเลือกจากนักสู้ระดับหัวกะทิจากแต่ละสำนักในแดนสวรรค์   การได้เป็นสมาชิกของตำหนักกลางถือเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ของนักสู้ทุกคน
ตำหนักกลางเป็นองค์กรที่ไม่เหมือนใครๆ  ศิษย์จากทุกค่ายสำนักสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องออกจากสำนักเดิมของพวกเขา
มีคนที่ทรงพลานุภาพมากมายหลายคน  นั่นเป็นเรื่องที่ลึกลับมาก
นี่คือคำอธิบายที่ชัดเจนของตำหนักกลาง
ไม่ต้องพูดถึงคนนอก   แม้แต่สมาชิกของตำหนักกลางก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้คนเข้าร่วมในองค์การอยู่จำนวนเท่าใด
เมื่อหวงฉวนและคนอื่นทุกคนได้ยินชื่อชางเหยียน  พวกเขาตกใจกันทั้งหมด  เวิ่งจินและจักรพรรดิทองอึดอัดไม่สบายใจ ทั้งนี้เพราะแม้ว่าบุรุษลึกลับชางเหยียนจะเป็นนักสู้ของตำหนักกลางก็ตาม  แต่เขาก็ต้องมีความภาคภูมิใจของแดนสวรรค์เหนือเนื่องจากเขาเกิดที่นั่น
พูดตามตรงก็คือ สำหรับเฝินเทียนและเวิ่งจินแล้ว  ชางเหยียนคือผู้อาวุโสของพวกเขา!
หวงฉวนและหวิ่นซิงลอบมองกัน  ไม่ใช่เรื่องดีที่ผู้อาวุโสจากแดนสวรรค์เหนือของเฝิ่นเทียนจะมาที่นี่ในฐานะผู้ชี้ขาด
ตอนนี้  พวกเขาไม่มีหวังว่าจะได้รับสมบัติชั้นเทพ
พวกเขาหวังได้แต่เพียงว่าสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดอยู่ต่อหน้าเขา  เย่ว์หยางไม่มีความเคลื่อนไหว
สิ่งที่เขากังวลก็คือสมาชิกที่มาใหม่ของเขา...  เมื่อสมาชิกใหม่ของเขาเข้ามาในลานแก้วผลึก พวกเขาต้องทำตามคำแนะนำที่เย่ว์หยางส่งไปให้ไห่อิงอู่ในการส่งข่าวของเขาโดยให้พวกเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ของพวกเขาอย่างเงียบๆ และรอเย่ว์หยางอยู่ที่นั่น
ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจแล้ว
พวกที่มาถึงทั้งหมดอยู่ข้างเขา ไม่ใช่กำลังเสริมของราชาเฮยอวี้หรือจักรพรรดิฟ้า
ส่วนว่าจะเป็นจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนหรือไม่  เย่ว์หยางยังไม่แน่ใจเต็มร้อย  ทั้งนี้เพราะผลจากการปรากฏตัวของผู้แทรกแซงจากแดนสวรรค์  และวิธีที่พวกเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว  เย่ว์หยางแทบไม่รู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของสมาชิกใหม่เลยแม้แต่น้อย  แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เย่ว์หยางมั่นใจก็คือ  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย  นี่เป็นเพราะเย่ว์หยางรับรู้ถึงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่นางนำติดตัวมาด้วย
แม้ว่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เป็นคนใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้  แต่ดาบเทพนี้ยังคงจำเย่ว์หยางได้ว่าเป็นเจ้าของๆ มัน
แค่เพียงเพราะปณิธานสุดท้ายของวิญญาณจักรพรรดิอวี้ที่ยังคงอยู่   จึงทำให้ดาบตกทอดไปที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
 “ไม่สำคัญว่าผู้ตัดสินจะมาจากไหน  เขาจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  พวกเจ้าทุกคนจงพาสมาชิกในกลุ่มมาที่นี่ทั้งหมด  ผู้ที่ไม่มีความสามารถพอจะร่วมต่อสู้ได้  สามารถได้รับการปกป้องจากเราในตอนนี้  นี่จะช่วยป้องกันรหัสโบราณไม่ให้กำจัดคนที่มีคะแนนไม่ถึงอีกด้วย  หลังจากสมบัติเทพเลือกเจ้าของๆ มันแล้วทุกคนจะถูกนำออกไปจากสังเวียนมรณะโดยคณะผู้ตัดสิน  มีเพียงเฉพาะผู้ที่มีความสามารถพอเข้าแข่งขัน  ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด  ผู้ตัดสินจะให้การดูแลโดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น”บุรุษลึกลับนามว่าชางเหยียนนำเสนอเหมือนกับมืออาชีพ  และรับประกันอย่างไม่เห็นแก่ตัวที่จะกำจัดปัญหาของทุกคนจากการถูกกำจัดเนื่องจากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์
 “.....” หวงฉวนและหวิ่นซิงไม่เชื่อ
พวกเขารู้สึกว่าหลายอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป, ราบเรียบเกินไป
ความจริง,  พวกเขาดูเหมือนจะแตกต่างจากผู้แทรกแซงที่เย่ว์หยางพูดถึงก่อนนั้น  พวกเขาควรเชื่อใคร?  พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้!
 “ขอบคุณผู้อาวุโสชางเหยียน!  เฝินเทียน, เวิ่งจินและจักรพรรดิทองยอมเชื่อโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยและคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ
ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม  แต่เนื่องจากผู้ตัดสินมาจากถิ่นฐานเดียวกัน ก็ยังดีกว่าเขามาจากที่อื่น  อย่างน้อยแดนสวรรค์เหนือก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ความจริงหวงฉวนต้องการพูดบางอย่างกับเย่ว์หยาง  แต่เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
เขาสื่อสารเงียบๆ
หนีไป
แน่นอนว่า เย่ว์หยางรู้ว่าเรื่องกำกับดูแลความยุติธรรมที่พูดมาทั้งหมดนี้เหลวไหลทั้งเพ!  ไม่สำคัญว่าบุรุษลึกลับนี้คือชางเหยียนจากตำหนักกลางหรือไม่  ถ้าเขาเป็นจริงๆ เขามาที่นี่ก็ไม่ได้มาเพื่อช่วยพวกเขา  แต่มาเพื่อฆ่าพวกเขา  พวกเขายอดเยี่ยมมากนักหรือ?  พวกเขามาสังเวียนมรณะจากแดนสวรรค์เพียงแค่ช่วยคนอย่างนั้นหรือ?  เป็นไปไม่ได้!  ต่อให้เขาไม่ได้เข้าไปถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลีในมิติหลุมดำก็ตาม  เย่ว์หยางก็ไม่มีทางเชื่อว่าชางเหยียนและพวกเป็นผู้ตัดสิน  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่ว์หยางรู้สถานะที่แท้จริงของผู้ตัดสินเหล่านี้อยู่แล้ว
สำหรับหวงฉวนและกลุ่มของเขา  เย่ว์หยางสามารถเตือนพวกเขาได้โดยเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม  คำเตือนของเขาอาจไม่มีผล  หวงฉวนและกลุ่มของเขาอาจไม่เชื่อเขาก็ได้
ทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเย่ว์หยางกำลังเรียกความยุ่งยากเข้าหาตัวเอง
เขาจะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน
เหมือนอย่างที่หลายคนบอกว่า เอาตัวเองให้รอดก่อน!
ก่อนที่เย่ว์หยางจะมั่นใจว่าปลอดภัยเต็มร้อย  เขาไม่มีทางอ้าปากแฉกลโกงของชางเหยียน
ชางเหยียนไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่อย่างมีเจตนาดีแน่นอน  ก่อนที่พวกเขาจะสามารถสื่อสารกับราชาเฮยอวี้ที่หักหลังและกำหนดเขาให้เป็นเป้าหมาย  เขาต้องฉากหนีก่อนเพื่อความปลอดภัยเพื่อจะได้พบจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุน  สำหรับวิธีต่อสู้จะตามมาภายหลัง  เย่ว์หยางจำเป็นต้องคิดทบทวนกลยุทธ์ของเขา  เนื่องจากผู้แทรกแซงจากแดนสวรรค์เหล่านี้มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิด
เมื่อเห็นเย่ว์หยางเทเลพอร์ตหนีอย่างสุดกำลัง  ตาของราชาเฮยอวี้เป็นประกาย
เขาปรากฏตัวออกมาเพื่อตัดสินใจอย่างหนึ่ง
เขาไล่ตาเย่ว์หยางไปโดยเร็ว
 “ปาอี้, อาหู่, เฟิงสื่อ พวกเจ้าออกมาให้หมด!  ราชาเฮยอวี้ไม่ได้โจมตีเย่ว์หยาง  เพียงแต่ติดตามเขาห่างๆ ขณะที่เขาเรียกจักรพรรดิฟ้าและบริวารทั้งสองของเขา
เย่ว์หยางไม่สนใจว่าราชาเฮยอวี้จะส่งสหายและบริวารของเขาไปตาย  แต่ถ้าจ้านหู่, เป่ยเหลียวหยาและจักรพรรดิฟ้าเชื่อราชาเฮยอวี้  พวกเขาก็สมควรตาย  เย่ว์หยางใช้มือทั้งสองวาดวงเวทภาษารูนที่ไม่เหมือนใครด้วยอักษรรูนสวรรค์และส่งมันขึ้นไปบนยอดโดม
หลังจากได้รับสัญญาณตามที่ตกลงกันไว้ ประกายเจิดจ้าปรากฏอยู่ในท้องฟ้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสะพายดาบเทพจักรพรรดิอวี้และเสวี่ยอู๋เสียถือคัมภีร์โบราณชั้นทองปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
เมื่อเห็นสตรีทั้งสองนางมาถึง  เย่ว์หยางทั้งประหลาดใจระคนดีใจ  “ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่? ข้าห้ามไม่ให้พวกเจ้าทั้งสองมาไม่ใช่เหรอ?”
แม้ว่าเขาจะตำหนิพวกนาง  แต่แขนของเขาก็ฉุดพวกนางเข้ามากอดไว้แน่น
ไม่ได้พบกันนานแล้ว
ความจริงเย่ว์หยางคิดถึงพวกนางมากจริงๆ...
เดิมทีเขาต้องการถามว่าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนอยู่ที่ไหนก่อน  แต่เขาสังเกตว่าเสวี่ยอู๋เสียกำลังโบกมือเขียนสัญญาณลับไม่ให้เขาถามต่อ
เขาต้องข่มความปิติที่ท่วมท้นอยู่ในใจ
จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนมาถึงแล้ว
เพียงแต่พวกนางต้องมีแผนแน่นอน  และยังไม่ต้องการจะเผยตัวให้ศัตรูรู้
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเย่ว์หยาง  นางไม่คำนึงถึงสิ่งใดโถมตัวเข้าอ้อมกอดเขาทันที  นางไม่ยินดีจะปล่อยให้เย่ว์หยางไป  เหมือนกับว่าถ้านางปล่อยเย่ว์หยางไป  เขาจะอันตรธานหายไป  ตาของนางแดงเล็กน้อย ปากนางสั่น คำพูดต่างๆ ชะงักอยู่ที่ริมฝีปาก  เย่ว์หยางลูบหน้านางต้องการดูว่าแม่เสือสาวนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนหลังจากไม่ได้พบเห็นนาน  นางซบศีรษะที่ไหล่ของเขาและงับเข้าอย่างดุดัน  “หน้าโง่, ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? เราทุกคนเป็นห่วงจะบ้าอยู่แล้ว”
เสวี่ยอู๋เสียใจเย็นกว่า  เมื่อเห็นว่าราชาเฮยอวี้กำลังเข้ามาถึงพวกเขาด้วยเจตนาไม่ดี นางรีบเตือน  “เราค่อยคุยกันหลังจากกลับเข้าโลกคัมภีร์เถอะ”
ภายใต้การนำของเสี่ยวเหวินหลี องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเข้าไปในโลกคัมภีร์
ขุนพลเกราะเงินที่แสดงตัวเป็นผู้ตัดสินแดนสวรรค์ตะวันตก บินเข้ามาตรงนี้ด้วยความเร็วสูง
 “รอเดี๋ยว....”
โดยไม่ต้องรอให้เสียงเขาเข้าถึงหู  เย่ว์หยางและสองสาวกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ทันที
ไม่ว่าภาษาดอกไม้ใดๆ ที่ศัตรูมี  อย่านึกว่าเย่ว์หยางจะยอมเชื่อแม้แต่คำเดียว  เชื่อคำพูดของศัตรูก็เท่ากับขุดหลุมฝังศพตนเอง
ราชาเฮยอวี้แทบจะไม่สนใจพลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย  แต่เนื่องจากดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  เขาอดกระวนกระวายใจเมื่อเห็นมันมิได้  เขารู้ดีกว่าทุกคนว่าดาบเทพนี้น่ากลัวเพียงไหน  ตอนนี้เย่ว์หยางมีดาบเทพจักรพรรดิอวี้  และกับการมาถึงของผู้ตัดสินจากแดนสวรรค์  ราชาเฮยอวี้ยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม
เมื่อกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์ เย่ว์หยางถามเสวี่ยอู๋เสียอย่างไม่รีรอ “จักรพรรดินีราตรีกับจื้อจุนอยู่ที่ไหน?”
 “เราตามหลังเจ้าอยู่ตลอดเวลา!  ทันใดนั้น เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้นมาจากด้านหลังของเย่ว์หยาง  “เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของชางเหยียนผู้นั้น  เราจึงต้องใช้ทักษะพรางตัวเล็กน้อยของพวกเราเอง”

16 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

lawling กล่าวว่า...

พลางตัวเล็กน้อย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

เล็กน้อยขนาดจับไม่ได้อะนะ

Mean กล่าวว่า...

มาอีปขอบคุณมากครัช������

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แม่เสือสาว กลายเป็น แม่แมวน้อยไปซะแล้ว ฮิฮิฮิ

ป.ล. เอาล่ะสิๆ ราตรีกับจื้อจุน มาแล้ว ได้เวลามันส์!!

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ไม่ใช่พรางตัวเล็กน้อยเเล้วม้างงงง

Sky กล่าวว่า...

ลุ้นระทึก!!! / นั่นไม่เรงียกพรางตัวแล้วมั้ง เรียกหายตัวเลยเถอะ โดนศัตรูจับจ้องตามหลังขนาดนั้นพวกมันยังไม่รู้เลยอ่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

โอ้วมาซะเยอะเชียว

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

จัดเชี่ยนๆก่อนค่อยออกไปสู้ คิกๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Yhx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น