วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 535 คุกเข่ายอมแพ้?



ตอนที่  535  คุกเข่ายอมแพ้?
ความตายของสหายร่วมคณะกระตุ้นให้เกิดการประหัตประหาร  นักล่าก็จะได้เปรียบมากมาย

เย่ว์หยางไม่ทันแม้แต่จะได้นั่งสนทนากับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  ก่อนสิ่งที่ดูเหมือนเป็นจิตสำนึกของผู้สร้างรหัสโบราณจะวาบขึ้นมาในความรับรู้ของเขาอีก  มันแจ้งเตือนเขาในฐานะหัวหน้าคณะ แจ้งข่าวที่คาดไม่ถึง  เย่ว์หยางเข้าใจอยู่ในใจว่าเป็นการล่อลวงของผู้แทรกแซงอย่างเห็นได้ชัด  มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดบางส่วนย้ายข้าง  แต่ไม่เคยคาดว่าจะไวขนาดนั้น!
เป็นไปได้หรือที่คนเหล่านี้จะไม่ได้ใช้สมองคิดหาเหตุผล?
เขาถูกความกลัวตายคุกคามจนไม่เหลือสมองที่จะคิดแล้วหรือ?
สิ่งที่แปลกก็คือทำไมศัตรูถึงได้จู่โจมได้รวดเร็วนัก? พวกเขาไม่ได้พยายามชักชวนเขาก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า?
 “มีอะไรเหรอ?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของเย่ว์หยางได้ทันที
 “ข้าต้องออกไปสังเกตการณ์ข้างนอก”  เย่ว์หยางไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนตายเท่าไหร่
 “ระวังตัวด้วยนะ”  เสวี่ยอู๋เสียรู้ใจเย่ว์หยางดีที่สุด
เมื่อเย่ว์หยางออกจากโลกคัมภีร์  เขาพบผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพอยู่ข้างนอกด้วยเช่นกัน เมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกลางลานแก้วด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
เย่ว์หยางรู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อเห็นว่าพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับจักรพรรดิใต้พิภพ เย่ว์หยางก็ดีใจที่เขาไม่ถูกหลอก
นี่พิสูจน์ได้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพให้คุณค่าสำคัญกับเพื่อนพ้องร่วมคณะและจริงใจต่อคำพูดของเขานอกจากความฉลาด  เขาเป็นสหายร่วมคณะที่น่าเชื่อถือ  ต่อหน้าภัยคุกคามถึงตาย ต่อหน้าข้อเสนอที่เย้ายวนใจอย่างนี้  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่จักรพรรดิใต้พิภพสามารถทนต่อบททดสอบและยืนหยัดมั่นคง
 “เย่ว์หยางน้อย  ข้าขออภัยจริงๆ ข้าไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาไว้ได้”  ผู้เฒ่าหนานกงดูไม่สบายใจ  เขาส่ายหน้าท้อแท้
 “เราเหลือกันอยู่เพียงไม่กี่คน”  จักรพรรดิใต้พิภพตั้งข้อสังเกตว่าการประหารหมู่เกิดขึ้นที่ลานแก้วผลึกและโอกาสรอดตายของผู้ที่ถูกล่อลวงไปนั้นต่ำ
 “คนที่สามารถจากไปได้   ถึงไม่อยากไป ก็ต้องจากไปจนได้ในที่สุด  พวกท่านทั้งสองพักก่อนเถอะ  ข้าจะไปตรวจดูสถานการณ์ก่อน  ไม่ต้องห่วง, ข้าจะไม่เป็นไร”  เย่ว์หยางพยักหน้าให้ผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพ ด้วยการบรรลุสภาวะจิตระดับใหม่ ตลอดจนการมาถึงของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี  เย่ว์หยางออกไปที่ลานแก้วผลึกอย่างใจเย็น
กลางลานแก้ว
มาถึงตอนนี้ กลายเป็นลานประหารไปแล้ว
ครอบครัวและสหายของเฝินเทียนและเวิ่งจินถูกฆ่าตายหมด  นักรบโบราณที่ยังเหลืออยู่ก็ถูกฆ่าตายในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่นี้
เทพสงครามผู้พิทักษ์แดนสวรรค์ตะวันออก สูงห้าสิบเมตร เทพสิบสองปีกและมนุษย์ครึ่งเสือครึ่งสิงห์ที่สูงแปดสิบเมตรแห่งแดนสวรรค์ใต้ถูกโจมตีจนล้มลงกับพื้น  จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณนำแม่ทัพทั้งสี่และจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณอีกหกตนร่วมมือเล่นงานเทพสงครามสงครามจนบาดเจ็บหนักก่อนลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป  หวงฉวน, หวิ่นซิงและเฝินเทียนพยายามอย่างหนักที่จะหยุดการโจมตีหวังจะช่วยสหายของพวกเขา  แต่ไม่มีประโยชน์ ขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามโจมตีรุกขนาบ
ชางเหยียนบุรุษผู้ลึกลับปล่อยสนามพลังพิเศษครอบคลุมไปทั้งลานแก้ว
ภายในสนามพลังของเขา มนุษย์ที่เป็นเหมือนแมลงที่อ่อนแอที่สุดทรุดลงกับพื้นและบาดเจ็บหนักจนใกล้ตาย
จักรพรรดิทองถูกฟันขาดเป็นแปดท่อน
เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าคนแรกที่ตายในการรบ... เฝินเทียนอาบเลือดต่อสู้อย่างกล้าหาญ  แม้จะทุ่มเทชีวิตเพื่อสกัดกั้นโจมตี ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตสหายได้  และตนเองก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
 “ฆ่าข้าด้วยสิ, แก..ไอ้เทพเฮงซวย!  เฝินเทียนต่างจากหวงฉวนและหวิ่นซิง  กลับกลายเป็นว่าเขาเชื่อชางเหยียนอย่างไม่มีข้อสงสัย  อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับความโหดร้ายหลอกลวงเป็นการตอบแทน  เขาต้องการจะแบ่งปันความสุขความสำเร็จกับภรรยาที่รักของเขา  แต่เขาได้แต่เพียงนำความเกลียดชังที่น่ากลัวและความตายมาให้นาง!
 “แย่แล้ว!   แม้ว่าไม่มีคนที่เขารักถูกฆ่าก็ตาม  แต่หวงฉวนและหวิ่นซิงเลือกจะเชื่อศัตรูในที่สุด ได้แต่เพียงโกรธแค้น
เป็นเพราะความแตกต่างในเรื่องของทักษะและความสำเร็จของแผนการศัตรู
หวงฉวนรู้
ครั้งนี้คือสงครามที่ไม่มีทางชนะ
พวกเขาทุกคนทำได้อย่างดีที่สุดก็คือฆ่าศัตรู  พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล้างแค้นที่ต้องอับอายขายหน้า
 “เฮยอวี้ ช่วยข้าด้วย!  จักรพรรดิฟ้าปาอี้ยังคงมีชีวิตอยู่   พลังของเขาไม่มีทางรักษาชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้  แต่เขาไม่ใช่เป้าหมายหลักของการสังหารหมู่  เขาถูกขุนพลเกราะเงินฟาดใส่ศีรษะ  ใบหน้าแตกยับ ฟันหักร่วง โลหิตย้อมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
 “ข้าเสียใจด้วย, แต่...ข้าช่วยเจ้าไม่ได้” เมื่อเผชิญหน้ากับคำขอร้องของสหายที่แสนดีของเขา  ราชาเฮยอวี้เบือนหน้าหนีและได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
 “ข้ายินดีไปอยู่ข้างเจ้า  ได้โปรดเถอะ ให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะ...”  จักรพรรดิฟ้าไม่สามารถกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้  ภายใต้สนามพลังที่แปลกประหลาดที่ชางเหยียนปล่อยออกมาไม่มีใครสามารถออกไปได้ง่ายๆ
 “อย่างนั้นหรือ?”  บุรุษลึกลับชางเหยียนไม่ปล่อยผ่านคำขอร้องและโบกมือของเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนพระผู้มาโปรด  เขากล่าวว่า “จงคุกเข่าขอร้องข้าสิ”
ในฐานะชนชั้นปกครองของทวีปกวงหมิงและในฐานะหนึ่งในห้าจักรพรรดิหอทงเทียน  จักรพรรดิฟ้าไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าใครตั้งแต่ถือกำเนิดมาแล้ว
เป็นไปได้จริงๆ หรือที่จะยอมแลกชีวิตด้วยความอายและการยอมแพ้
จักรพรรดิฟ้าไม่มีความคิดอย่างอื่น  เขาไม่มีทางเลือก  ภายใต้สายตาตกตะลึงของจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยา  เขาคุกเข่าลง  เสียงเข่ากระทบพื้นลานแก้วผลึกเย็นได้ยินชัดเจน
ความอัปยศมีอยู่เต็มหัวใจเขา  แต่ใบหน้าเขาไม่แยแส  น้ำตาของเขาผสมกับสายเลือดหยดลงพื้นขณะที่เขาโค้งศีรษะคำนับ
เพื่อเอาชีวิตรอด  เขายอมทิ้งศักดิ์ศรีเกียรติยศในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิด
เย่ว์หยางมาถึงทันเห็นภาพนี้พอดี
เขาตะลึง
แม้ว่านี่จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาและจักรพรรดิฟ้าก็ไม่ใช่คนดี  แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ในฐานะหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน  นับเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรพรรดิฟ้าที่ยอมขอชีวิตอย่างนี้  นักสู้ปราณก่อกำเนิดรุ่นเก่าจากทวีปมังกรทะยานรู้เข้า  พวกเขาอาจสาปแช่งคนรุ่นหลังที่ทำให้พวกท่านเสียหน้า  นักรบยินยอมถูกฆ่า แต่ไม่ยอมแบกรับความอับอาย  เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิฟ้าถึงทำอย่างนั้น  แต่เขารู้ว่า ต่อให้จักรพรรดิฟ้าทำเช่นนั้น ชางเหยียนจะไม่มีทางปล่อยเขาไปโดยง่าย
คนอ่อนแอ ไม่มีสิทธิ์
ไม่ว่าจักรพรรดิฟ้าจะทำอะไรก็ตาม  เขาจะไม่มีทางได้รับความเมตตาและการให้อภัย
ชางเหยียนต้องการทำให้จักรพรรดิฟ้าอับอายก่อนที่จะฆ่าเขา  เพื่อความพึงพอใจจากการข่มเหงคนอ่อนแอ
 “จักรพรรดิฟ้าเอย,  จักรพรรดิฟ้าปาอี้, สิ่งที่เจ้าทำอยู่มันไร้ประโยชน์...”  เย่ว์หยางถอนหายใจอย่างเศร้าใจ  เทียบกับจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน, ฝีมือของจักรพรรดิฟ้าไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อย  อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบในเรื่องความภาคภูมิใจและเกียรติยศนักสู้ปราณก่อกำเนิด  จักรพรรดิฟ้ายังคงห่างไกล  จักรพรรดิสมุทรเลือกที่จะสู้ตาย  ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เขาก็ไม่ยินดีจะยอมแพ้  แม้ว่าเขาจะตาย  เขายอมตายอย่างวีรบุรุษ เชิดหน้ายอมชดใช้หนี้แค้นที่ติดค้างอันซีมานานปี
จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานตายอย่างกล้าหาญ
แม้ว่าเย่ว์หยางจะดำเนินการตามความปรารถนาสุดท้ายของอันซี ฆ่าจักรพรรดิสมุทร  แต่ส่วนตัวเขารู้สึกเคารพชายผู้นี้ ซึ่งมีความกล้าเผชิญหน้ากับความผิดในอดีตแทนที่จะตัดสินคนจากความสำเร็จหรือล้มเหลว
จักรพรรดิฟ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของห้าจักรพรรดิหอทงเทียน  แต่เขากลับคุกเข่าร้องขอชีวิตจากศัตรูของเขา
การกระทำเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกผิดหวังนัก...
เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางตระหนักว่าสิ่งที่กำหนดให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดทรงพลังได้นั้น ไม่ใช่ทักษะของพวกเขา  แต่เป็นพลังใจ  ลูกแกะต่อให้ครอบครองพลังดุจสิงโตก็ยังไม่มีอะไรนอกจากเป็นลูกแกะ  จักรพรรดิฟ้าอาจนับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในแง่พลังอำนาจ  แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม  แต่เขาก็ยังมีความสามารถปกป้องตนเอง  อย่างไรก็ตามแทนที่จะสู้เพื่อชีวิตตนเอง  เขากลับคุกเข่าอ้อนวอน  พลังใจของจักรพรรดิฟ้าตกลงไปอยู่ในระดับที่อ่อนแอ
 “ปล่อยข้าตามลำพังเถอะ  ในเมื่อเจ้าช่วยข้าไม่ได้  อย่างนั้นก็ปล่อยข้าตามลำพัง!  จักรพรรดิฟ้าตัวสั่น และเจ็บปวดมากกว่าปกติ
การได้อยู่ในระดับสูงมาตลอด ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เขาไม่มีทางเอาชนะได้
เขายังจะมีทางเลือกอะไรได้?
จักรพรรดิฟ้าไม่ต้องการตายที่นี่  เขาต้องการมีชีวิตเหมือนกับราชาเฮยอวี้
 “ดีมาก, ข้าชอบคนฉลาด  ตอนนี้ข้าใจดีขอยื่นข้อเสนอให้ทุกคนได้มีทางเลือกเหมือนกับเขา คุกเข่าและขอร้อง”  บุรุษชุดม่วงชางเหยียนผายมือด้วยท่าทางเมตตาแสดงให้เห็นความตั้งใจว่าจะยอมรับพวกเขา
 “ถุย!  เจ้าเทพสับปลับ, ข้าอยากจะดื่มเลือดเนื้อของเจ้านัก”  เฝินเทียนผู้ที่ได้แสดงความเคารพชางเหยียนเป็นอย่างดีตาแดงราวกับจะมีไฟพวยพุ่งจากนัยน์ตา
 “นี่คือการต่อสู้นองเลือดที่เราจะต้องสู้จนตาย”  หวงฉวนยังคงมั่นคงเหมือนหลักหิน
 “อืม..เฟิงซื่อ  มานี่!  ราชาเฮยอวี้เรียกบริวารผู้ภักดีของเขาทั้งสองคน
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามองหน้ากันเอง
ทันใดนั้น ทั้งสองคนคุกเข่าลง
พวกเขาคุกเข่ากับพื้น...
เทียบกับตัวแทนจากแดนสวรรค์ตะวันออก, ใต้, และเหนือ  เย่ว์หยางพูดไม่ออกอยู่บ้าง  แดนสวรรค์ตะวันตกไม่มีคนกล้าบ้างหรือไง? ไม่เพียงแต่จักรพรรดิฟ้าเท่านั้น  แม้แต่จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาก็ยังคุกเข่าขอชีวิตด้วยหรือ?  อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยจริงๆ ที่พวกเขาคุกเข่า  เนื่องจากเจ้านายพวกเขาก็คือราชาเฮยอวี้  ตอนนี้ราชาเฮยอวี้อยู่ในฝ่ายเดียวกับศัตรู ก็สมเหตุผลแล้วที่พวกเขาจะย้ายข้าง  นี่ไม่เกินไปจากที่เย่ว์หยางคาดหวังไว้เลย
 “ท่านราชาเฮยอวี้, หู่โถวและเฟิงซื่อติดตามท่านมาหลายปีแล้ว  เราภักดีต่อท่านเสมอและไม่เคยขัดความประสงค์ของท่านเลย” จ้านหู่คำนับ
 “ดี, ตอนนี้ลุกขึ้นแล้วมาตรงนี้!  ราชาเฮยอวี้ยังคงไม่ยินยอมแยกทางกับบริวารทั้งสองของเขา  หาคนรับใช้หาง่าย แต่หาคนที่ซื่อสัตย์ภักดีกลับหาได้ยาก
 “เรายังพูดไม่จบ... องค์ราชา ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นข้าบริวารของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีล้วนได้รับการประทานจากท่าน  ถ้าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่เกิดขึ้น  เราจะติดตามท่านตลอดไปและจะไม่ให้ท่านผิดหวังหลังจากที่ท่านได้ให้ความเมตตาเรา  แต่ในการรบวันนี้ เราอยู่กันคนละฝ่าย  โปรดอภัยที่เราไม่อาจภักดีต่อท่าน  เราไม่สามารถติดตามท่านได้อีกต่อไป ทักษะและสิ่งที่เรามี  เราจะขอคืนให้ท่านเดี๋ยวนี้  เฟิงซื่อขออำลาท่านเพียงเท่านี้”  เป่ยเหลียวหยาคำนับ และในพริบตาเขาชักมีดออกมาปักเข้าไปในหัวใจเขา
ขณะที่บิดมีดด้วยปราณกระบี่  เขาคว้านหัวใจของเขาออกมา
เขาขยี้หัวใจจนแหลกต่อหน้าราชาเฮยอวี้ที่มองด้วยความสับสน
จ้านหู่หลับตา
เขาเร่งพลังจนถึงขีดจำกัดที่จะระเบิดแล้วพุ่งเข้าหาจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณที่อยู่ใกล้ที่สุดและระเบิดพลีชีพตนเองจนตาย
แม้ว่าจ้านหู่จะรู้ว่าการระเบิดฆ่าตัวตายจะไร้ประโยชน์  แต่เขาเลือกตายในการรบแทนที่จะอ่อนข้อขอยอมแพ้
พวกเขายินดีคุกเพื่อตอบแทนเจ้านาย  แต่ไม่มีทางร้องขอชีวิต!

11 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

aloha777 กล่าวว่า...

เทห์ส่งท้ายจริงๆ 2ตัวประกอบนั่น

Nopanser Kung กล่าวว่า...

โอ้โห พวกตัวประกอบยังมีเกียรติยิ่งกว่าจักรพรรดิฟ้าอีกแฮะ

ป.ล. ว่าแต่....พวกนี้เป็นใครนะ ลืมไปล่ะ พอดีไม่ได้จำไว้

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

แสดงความคิดเห็น