วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-5 วันสิ้นโลก




ตอนที่  7-5  วันสิ้นโลก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เยล, เรย์โนลด์และจอร์จตะลึงกันทุกคน เมื่อครู่นี้ พวกเขายังเข้าร่วมในงานเลี้ยงแต่งงาน แต่หลังจากนั้นวานรขนทองตาม่วงขนาดยักษ์โดดลงมาจากท้องฟ้า  เห็นได้ชัดว่ามีอสูรเวทมากมายตามหลังมันมาอีกด้วย  นั่นคือเหยี่ยวมังกรฝูงใหญ่มหึมาบินอย่างน่ากลัวอยู่ในท้องฟ้า
ไม่ใช่เพียงแต่พี่น้องทั้งสามเท่านั้นที่ตกตะลึง  แม้แต่ชาวเมืองหลวงเฟนไลก็พากันตกตะลึงทุกคน
 “ออกไปกันตอนนี้เลย!  เยลตะโกนบอกทันที
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์รีบเผ่นออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์  โชคดีที่วานรขนทองตาม่วงไม่ให้ความสนใจคนทั้งสาม  เพราะมีคนเยอะแยะเกินไปที่วิ่งหนีอยู่ในเมืองเฟนไล  คนที่คู่ควรให้วานรขนทองตาม่วงให้ความสนใจอย่างน้อยต้องเป็นนักสู้ระดับเก้าหรือระดับเซียน
 “คุณชาย” กลุ่มนักสู้ทั้งหมดของหอการค้าดอว์สันเคยได้ไปฝึกฝนอยู่ในเทือกเขาอสูรเวทยังรักษาความสงบอยู่ได้เมื่อเห็นฝูงอสูรเวทมากมายบุกโจมตีพวกเขา
 “เร็วเข้า, ไปหาท่านพ่อข้า!
เยลตะโกนทันที
เมื่อได้รับการคุ้มครองจากนักสู้ของหอการค้าดอว์สัน เยล เรย์โนลด์และจอร์จรีบบึ่งกลับไปที่สำนักใหญ่หอการค้าดอว์สัน ระหว่างทางกลับ เยลสังเกตว่ามีอสูรเวทบินได้จำนวนมหาศาลอยู่ในเมืองหลวงเฟนไลอยู่แล้ว  ไม่ได้มีแต่เพียงเหยี่ยวมังกรเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงม้าบินเพกาซัสอีกด้วย
นอกจากนี้ยังคงมีอสูรเวทระดับเจ็ดอย่างเช่นเพกาซัสสายฟ้าและเหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงิน และอสูรเวทระดับแปดอย่างเช่นเหยี่ยวตะวันทองที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับมังยักษ์
ทั้งในท้องฟ้าและตามท้องถนนในเมืองเฟนไลเต็มไปด้วยอสูรเวทจำนวนมาก วาระสุดท้ายมาถึงเมืองเฟนไลเสียแล้ว และไม่มีทางป้องกันได้  แม้แต่มังกรบินยักษ์ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นอสูรเวทระดับแปด  มังกรบินยักษ์มีจำนวนเกินร้อยก็ยังร่วมโจมตีด้วย  ใครเล่าจะหยุดพวกมันได้?
แม้แต่ 8 กองทหารชั้นยอดของโบสถ์เจิดจรัสเห็นจำนวนคนของพวกเขาลดลงไปถึงครึ่งจากการรวมพลังระเบิดคราวเดียวที่มังกรจำนวนเป็นร้อยเหล่านั้นรวมพลังกันโจมตีเพียงครั้งเดียว
 “วันสิ้นโลก  วันสิ้นโลก!
ทั่วทั้งเมืองเฟนไลได้จมอยู่ในเปลวเพลิงและน้ำทะลักบ่า  แต่ประชาชนชาวเมืองเฟนไลไม่รู้ว่าอสูรเวทเหล่านี้เป็นเพียงจำนวนส่วนเสี้ยวที่เข้ามา... เพราะอสูรเวทภาคพื้นดินมีจำนวนมากกว่าอสูรบิน  แต่ว่ากันในเรื่องของความเร็ว แน่นอนว่าอสูรบินย่อมเร็วกว่ามาก  พวกมันจึงมาถึงก่อน
ดังนั้น อสูรวิเศษบินได้จึงได้บุกโจมตีในฐานะเป็นแนวหน้าก่อน
….

ทหารที่ประจำอยู่ป้อมปราการของเมืองเฟนไลพากันตะลึงไปหมด  นี่คือเทศกาลครบรอบศักราชยูลาน 10000 ปี  ก่อนหน้านี้ในตอนกลางวันพวกเขาดื่มเหล้าฉลองกันทุกคน  แต่ตอนนี้ พวกเขากลับได้เห็นอสูรเวทจำนวนนับไม่ถ้วน และมันอยู่ต่อหน้าพวกเขา
 “อสูรเวท  มากมาย มากมายยิ่งนัก”  ทหารพวกนั้นพูดไม่ออกกันทุกคน
แผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน  ข้างนอกเมืองเฟนไล กองทัพหมาป่าวายุจำนวนหลายร้อยหลายพันกำลังพุ่งเข้าหาเมืองด้วยความเร็วสูง  แค่เพียงอึดใจเดียว หมาป่าวายุหลายร้อยหลายพันก็บุกเข้าหากลุ่มพวกเขา แทบทำให้พวกเขาถึงกับเลือดแข็งค้างได้
 “นักเวทอยู่ที่ไหน?  นักเวท!
 “ปืนใหญ่เวท!  บรรจุปืนใหญ่เวท!
ทหารนายกองทุกคนเริ่มตะโกนเสียงดัง พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทหารของพวกเขาเตรียมพร้อม  ความจริง  พวกเขารู้ว่าเป็นการพยายามที่ไร้ผล  เพราะจำนวนอสูรเวทเหินฟ้ามีเป็นจำนวนมากได้ลงมาโจมตีใส่ใจกลางเมืองเฟนไลแล้ว
 “ท่านนายกอง, เกิดอะไรขึ้น?”  ทันใดนั้น ทหารคนหนึ่งพูดไม่ออกได้แต่จ้องมองท้องฟ้า
นายกองมองไปที่ตำแหน่งนั้นเช่นกัน และเห็นว่าในอากาศมีอสูรเวทบินจำนวนมหาศาลกำลังเร่งความเร็วบินตรงมาที่พวกเขา  อสูรเวทนี้ไม่มีปีกแต่อย่างใด แต่มันบินตัดอากาศขณะที่ตรงมาทางด้านพวกเขาด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด
 “บินในอากาศได้ นี่มัน... นี่มันอสูรเวทระดับเซียน  อสูรเวทระดับเซียน!
ตอนนี้นายกองเข้าใจแล้วว่าไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
 “โกรวววววว!
ในขณะเดียวกัน ไกลออกไปจากเมืองเฟนไล  เสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงสามารถได้ยิน  ร่างขนาดมหึมาผ่านฝูงหมาป่าวายุไปด้วยความเร็วสูง  ความเร็วของมันไวกว่าหมาป่าวายุอย่างน้อยสิบเท่า บางทีอาจไม่ได้ช้ากว่าอสูรเวทบินระดับเซียนที่บินอยู่ในอากาศ
นี่คืออสูรเวทขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงอย่างน้อยสามสิบเมตร ลักษณะทางกายภาพดูเหมือนสิงโต ยกเว้นตาที่แดงดุจเลือด
จอมเวทคนหนึ่งบนกำแพงเมืองเฟนไลผวาร้อง  “อสูรเวทระดับเซียน ราชสีห์ตาโลหิต!  สวรรค์ช่วยด้วย, อสูรเวทระดับเซียนอีกตัวหนึ่ง! เป็นราชสีห์ตาโลหิต! ในบรรดาสัตว์ประหลาดประเภทเบเฮม็อธ  มีแต่เบเฮม็อธทองถึงจะต่อกรกับมันได้!
ทุกคนตกตะลึง
ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีพลังสู้กับมันได้
 “ฮ่าฮ่า!  สหาย ทำไมพวกเจ้าอสูรเวทระดับเซียนถึงได้วิ่งอยู่บนพื้นเล่า?”  อสูรเวทขนาดยักษ์ที่บินอยู่ในอากาศพูดเป็นคำพูดเสียงดังเหมือนกับฟ้าผ่า
ทหารเบื้องล่างไม่กี่คนเงยหน้ามอง
 “มันพูดภาษามนุษย์ได้!  อย่างนั้นก็เป็นความจริงที่ว่าอสูรเวทระดับเซียนสามารถพูดภาษามนุษย์ได้!  นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ประสบพบกับอสูรเวทระดับเซียนด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็พวกเขาสองคน  ตอนนี้ พวกเขาสามารถบอกได้แล้วว่าอสูรเวทในอากาศดูเหมือนกับอะไร
ร่างของอสูรเวทระดับเซียนข้างบนเป็นเหมือนหินอัคนีสีดำ และดูเหมือนว่าจะเป็นมังกรตัวหนึ่ง แต่ไม่มีปีก
 “อสูรเวทระดับเซียน, จ้าวมังกรอำมหิต! เป็นมังกรในมวลหมู่มังกร!  จอมเวทอีกคนหนึ่งร้องออกมาอย่างหวาดผวา
มังกรโดยหลักแบ่งออกเป็นสองประเภท  ประเภทแรกเป็นมังกรมีปีก เช่นมังกรมรกตและมังกรไฟระดับแปด หรือมังกรเงิน มังกรดำและมังกรน้ำแข็งระดับเก้า หรือมังกรทอง มังกรรุ้งและมังกรทับทิมแดงระดับเซียน
อีกประเภทหนึ่งเป็นมังกรไร้ปีก  เช่นมังกรลมกรดระดับเจ็ด มังกรเกราะหนามและมังกรแผงหนามระดับเก้า หรือกิ้งก่าสายฟ้า, มังกรอำมหิตและมังกรสามเขาระดับเซียน
ความแตกต่างหลักระหว่างมังกรมีปีกและมังกรไร้ปีกอยู่ที่พลังร่างกายของพวกมัน
มังกรไร้ปีกจะมีพลังในร่างมหาศาล มังกรเกราะหนาม, มังกรแผงหนาม, กิ้งก่าสายฟ้าและมังกรอำมหิตมีโครงสร้างร่างกายที่แข็งแกร่งทนทาน ซึ่งยังแข็งแกร่งมากกว่ามังกรมีปีกที่อยู่ในระดับเดียวกัน
 “ฮึ่ม, คุยกันพอแล้ว มาแข่งกันว่าใครจะฆ่าได้มากที่สุดดีกว่า”  เสียงน่ากลัวของราชสีห์ตาโลหิตคำรามลั่นสั่นสะท้านพสุธา
 “ดี!” มังกรอำมหิตคำรามตอบรับ
ทันใดนั้นร่างของมังกรอำมหิตเพิ่มขนาดใหญ่เป็นร้อยเมตรลงมาจากท้องฟ้ามุ่งตรงไปที่กำแพงเมือง  กำแพงเมืองเฟนไลแข็งแรงมั่นคง และร่ายเวททรงพลังคุ้มครองไว้มากมายนับไม่ถ้วน  แต่เพราะมีอสูรเวทบินมากเกินไป  จึงไม่มีทางกระตุ้นม่านพลังเวทโดยไม่ถูกแทรกแซง
 “เจ้าคิดว่าเจ้าจะวิ่งได้เร็วกว่าข้าอย่างนั้นหรือ?”  ราชสีห์ตาโลหิตคำรามด้วยความโกรธเช่นกันและเพิ่มความเร็วของมันได้อีก
อสูรที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองนี้วิ่งตะลุยเข้าจู่โจมในเมือง ตัวหนึ่งจากอากาศ อีกตัวหนึ่งจากภาคพื้น  กำแพงที่ปกป้องเมืองเฟนไลหนาเกินกว่าสิบเมตร  กำแพงหนาขนาดนั้นสามารถป้องกันทหารข้าศึกได้แน่นอน  แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทที่น่ากลัว....
ที่สำคัญ, มังกรอำมหิตและราชสีห์ตาเพลิง มีแต่นักสู้ระดับเซียนขั้นสุดยอดจึงจะรับมือได้!
 “บึ้ม!
ในขณะเดียวกัน มังกรอำมหิตและราชสีห์ตาโลหิตกระแทกเข้าใส่กำแพง  ภายใต้การโจมตีของอสูรเวทระดับเซียนขนาดมหึมาทั้งสองตัวนี้ กำแพงหน้าสิบเมตรสามารถขัดขวางได้เพียงเล็กน้อยชั่วขณะเท่านั้น  ในช่วงหัวใจเต้นต่อมากำแพงในส่วนที่ขัดขวางพวกมันก็พังทลาย
 “บึ้ม!
กำแพงทั้งสองส่วนระเบิดพังทลาย เศษอิฐหินปลิวไปทั่วบริเวณ แค่เฉพาะอิฐอย่างเดียวก็ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก
 “โกรวววววว!
ราชสีห์ตาโลหิตและมังกรอำมหิตบุกตะลุยเข้าใจกลางเมืองอย่างตื่นเต้น ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งของพวกมัน ผู้คนเกือบทั้งหมดที่ไม่สามารถหลบพ้นเส้นทางบุกของพวกมัน  น้ำหนักที่มหาศาลและพลังของพวกมันในแต่ละก้าวสามารถทำร้ายนักรบระดับเก้าจนบาดเจ็บหนักได้เกือบทั้งหมด  นักรบระดับแปดจะต้องตายจากการถูกเหยียบอย่างมิต้องสงสัย
 “โบร๋วววววว!
หมาป่าวายุนับร้อยนับพันบุกเข้ามาเหมือนกับคลื่นของทะเล พวกมันบุกผ่านทางช่องที่อสูรเวทระดับเซียนสองตัวก่อนนั้นได้เปิดไว้  หมาป่าวายุอื่นเพียงแค่กระโจนไปในอากาศโดยไม่ต้องผ่านทางกำแพง  หมาป่าวายุมีพลังกระโจนได้อย่างเหลือเชื่ออยู่แล้ว  ที่สำคัญสามารถกระโจนได้ถึง 20-30 เมตรในการกระโจนครั้งเดียว  กำแพงเหล่านี้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขวางพวกมันได้
หมาป่าวายุหลายร้อยหลายพันบุกเข้าเมืองเฟนไล...
 “ครืนน, ครืนนน, ครืนนนน”
แผ่นดินยังคงสั่นสะเทือนต่อเนื่องพร้อมกับเสียงฝีเท้าสะเทือนเลือนลั่นเหมือนฟ้าถล่ม  ด้านหลังของหมาป่าวายุมีสัตว์ประหลาดเวทหลากหลายชนิดนับไม่ถ้วน มีช้างดึกดำบรรพ์ (มาสโทดอน) และสัตว์ประหลาดอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่าหมาป่าวายุ  ทหารเหล่านั้นที่โชคดีรอดตาย จ้องมองดูอสูรเวทจำนวนมหาศาลที่บ่าทะลักเข้ามารู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง
 “เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นแล้ว”  เมื่อจ้องมองดูในที่ไกล ทหารคนหนึ่งที่หลบมุมกำแพงกล่าวอย่างสิ้นหวัง
 “กร้วม”
ทันใดนั้นหมาป่าวายุตัวหนึ่งปรากฏอยู่ข้างตัวเขาและกัดศีรษะเขาขาดในครั้งเดียว
……

ห้องขังในชั้นที่เก้าของโบสถ์เจิดจรัส
 “เกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์ยืนขึ้น  เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพื้นสั่นสะเทือนและได้ยินเสียงคำรามลั่น, โฮกกก, พร้อมกับเสียงกรีดร้องเจ็บปวดจากภายนอก  การได้อยู่ภายในเทือกเขาสัตว์วิเศษเป็นเวลานาน ทำให้ลินลี่ย์เพียงแค่ได้ยินเสียงก็สามารถบอกได้ว่าเป็นอสูรเวทชนิดใดมาถึง
 “ทำไมที่นี่ถึงได้มีอสูรเวทมากมายนัก?  ดูเหมือนพวกมันจะมีอยู่ทุกหนแห่ง”  ลินลี่ย์ประหลาดใจสิ้นเชิง
 “บึ้ม!
พลังที่น่ากลัวปะทะกระแทกใส่โบสถ์เจิดจรัส กำแพงทั้งหมดของโบสถ์เจิดจรัสเริ่มเปล่งแสงเรื่อเรืองทันที   โบสถ์เจิดจรัสจะทนรับการกระแทกโจมตีขนาดนั้นได้อย่างแน่นอน
 “โบสถ์เจิดจรัสนี้มีพลังป้องกันได้จริงๆ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากภายนอก  เสียงที่แข็งแกร่งทรงพลังนั้นแม้จะอยู่ในห้องขัง ลินลี่ย์ก็ยังสามารถได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายได้
 “ใครบางคนกำลังโจมตีโบสถ์เจิดจรัส?”
ลินลี่ย์พบว่ายากจะเชื่อได้จริงๆ สหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในหกมหาอำนาจ และศาสนจักรเจิดจรัสก็คงอยู่มานานเป็นพันปี  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ไม่มีผู้ใดกล้าโจมตีโบสถ์เจิดจรัส  แต่เมื่อถูกโจมตีขนาดนั้น  เสียงดังขนาดนั้น คงต้องเป็นใครบางคนกำลังโจมตีโบสถ์เจิดจรัส
 “องค์ราชา”
ทันนั้นเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันดังออกมา ต้องมีเสียงดังมากกว่าหนึ่งคนเป็นแน่
 “หยุดนะ!” เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น
 “นั่นเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”  ลินลี่ย์บอกได้ชัดเจนว่าเป็นเขาแน่  แต่หลังจากเสียงของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น  ก็มีเสียง...
 “บึ้ม!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งยิงลงมาที่โบสถ์เจิดจรัส ทำให้ทั่วทั้งโบสถ์สั่นสะเทือนรุนแรง แสงที่ส่องลงมาจากเวทรูปแบบซับซ้อนมหัศจรรย์ที่ครอบคลุมโบสถ์เริ่มกระพริบและสั่น ขณะที่กำแพงโบสถ์เริ่มมีรอยร้าว
 “ช่างน่ากลัวเหลือเกิน” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ใจ “โจมตีเพียงครั้งเดียวก็แทบทำให้โบสถ์เจิดจรัสพังถล่มได้แล้ว”
 “บึ้ม!
ยังมีการโจมตีที่น่ากลัวอีกครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้แม้แต่เวทขนาดยักษ์ที่คลุมโบสถ์เจิดจรัส รังสีแห่งมหาเทพเจิดจรัสก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พร้อมกับเสียงระเบิด โบสถ์เจิดจรัสแตกหักตรงกลางทันที และชั้นทั้งแปดของโบสถ์เจิดจรัสพังทลายลงมา
 “ชุดเวทป้องกันถูกทำลายไปแล้ว” ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าห้องขังของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ราวกับว่ามันเลื่อนลง
ลินลี่ย์ประหลาดใจระคนมีความสุข  ก่อนหน้านี้ ผนังห้องขังแข็งแรงมั่นคง  เพราะพลังที่ใช้กับมันจะถูกดูดซับด้วยพลังเวทป้องกันทั้งหมด  แต่ตอนนี้พลังเวทป้องกันได้ถูกทำลายไปแล้ว มือของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกร เขากระแทกผนังเป็นรูใหญ่ด้วยการต่อยเพียงห้าหกหมัด
ทันใดนั้นลินลี่ย์ระเบิดออกมาจากช่องที่เขาสร้างขึ้น
 “เทพกระบี่เลือดม่วง!  เมื่อลินลี่ย์ถูกคร่ากุม เทพกระบี่เลือดม่วงถูกศาสนจักรเจิดจรัสยึดไป  แต่เนื่องจากว่าเทพกระบี่เลือดม่วงเป็นได้ทำสัญญากับลินลี่ย์นานแล้ว เพียงแต่ลินลี่ย์สั่งทางใจ มันก็เริ่มบินตรงมาตำแหน่งเขาทันที และมาอยู่ในมือของลินลี่ย์หลังจากนั้นไม่นาน
ตอนนี้โบสถ์เจิดจรัสเริ่มอยู่ในสภาพวุ่นวาย ไม่มีผู้ใดกังวลสนใจลินลี่ย์
เพียงเท้าแตะเบาๆ ลินลี่ย์ก็กระโจนลงไปที่ลานด้านล่าง  ตอนนี้ลานโบสถ์เจิดจรัสเต็มไปด้วยซากศพ  คนที่ตายมีมากมายเหลือเกิน มีคนจำนวนมากร่วมกันต่อสู้กับอสูรเวทด้วยเช่นกัน
 “มีคนมากมาย”
ลินลี่ย์ตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยอสูรบินนับไม่ถ้วน, เหยี่ยวมังกร, เหยี่ยวสายลม, ม้าบินเพกาซัส, เพกาซัสสายฟ้า, มังกรมรกต, มังกรไฟ มังกรดำ ล้วนแต่เป็นสัตว์เวทประเภทมังกร ภาพสัตว์อสูรเหล่านี้บินเต็มท้องฟ้า  ขนาดของพวกมันใครเห็นแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น
และจำนวนของอสูรเวทบนพื้นก็มีมากอย่างน่าประหลาดใจ
 “นั่นมัน..?”
ลินลี่ย์จ้องไปที่ตำแหน่งโบสถ์เจิดจรัส  ในอากาศเหนือโบสถ์  มีอสูรเวทขนาดมหึมาจำนวนเกินสิบ
 “หมีโลกอำมหิต... ราชสีห์ตาโลหิต... เสือดำไฟฟ้า... พยัคฆ์ขาวปีกสายฟ้า... กิ้งก่าสายฟ้า... มังกรอำมหิต...” ลินลี่ย์เห็นอสูรเวทระดับเซียนในตำนานตัวแล้วตัวเล่า ทุกตัวบินโฉบอยู่เหนือโบสถ์เจิดจรัส  เขาตะลึงสิ้นเชิงกับจำนวนอสูรเวทระดับเซียนที่มาปรากฏตัว
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่นำอสูรเวทระดับเซียนเหล่านี้มาดูเหมือนจะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีกลิ่นอายชั่วร้ายมาก สวมชุดยาวสีทองหม่น มีรอยแผลเป็นประหลาดบนหน้าผากของเขา  บุรุษหนุ่มกลิ่นอายชั่วร้ายนี้เย็นชา มองดูไฮเดนส์และกองกำลังของไฮเดนส์อย่างเยือกเย็น โยคีใบไม้ร่วงและนักสู้ชาวมนุษย์ระดับเซียนคนอื่นยืนอยู่ในกลางอากาศจ้องมองดูบุรุษหนุ่ม  เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ในสภาพย่ำแย่
 “เจ้า...”  ไฮเดนส์และมนุษย์คนอื่นโกรธ
 “ข้าเสียใจจริงๆ ที่ต้องรบกวนพวกเจ้าในงานเทศกาลยูลานของพวกเจ้า  แต่ข้าต้องการแจ้งให้พวกเจ้าทราบว่า ศาสนจักรเจิดจรัสของพวกเจ้าจำเป็นต้องไปหาสถานที่ตั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ที่อื่น” บุรุษหนุ่มผู้ชั่วร้ายพูดอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์สามารถได้ยินคำพูดเหล่านี้ชัดเจน  และอดตกใจไม่ได้ บุรุษหนุ่มผู้นี้น่ากลัวขนาดไหน
 “เจ้านาย, เจ้านาย!  ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้ยินบีบีดังก้องอยู่ในใจเขา  ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงตำแหน่งของบีบี และเขาหันไปมองมันอย่างช่วยไม่ได้   เขาเห็นเงาดำเลือนรางสายหนึ่งพุ่งผ่านฝูงคนและอสูรเวทมากมาย หลังจากนั้นไม่นานเงาร่างนั้นก็มาถึงและกระโจมโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนของลินลี่ย์
 “บีบี” ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
 “เจ้านาย” บีบีอยู่ในอ้อมแขนลินลี่ย์ มันตื่นเต้นดีใจจนนัยน์ตาน้อยๆ ของมันมีน้ำตาคลอ
 

3 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

ทวีศักดิ์ เลิศวรญาณ กล่าวว่า...

เรื่องนี้ รออ่านครับ ขอบคุณมาก

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น