วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 217 ข้าจะไม่เศร้า

ตอนที่  217  ข้าจะไม่เศร้า

“ซิ่วซิ่วน้อย,  เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”  ถังเทียนนัยน์ตาโตขณะที่เขาถามทันที
 “ข้าไม่เป็นไร”  หลิงซิ่วมองสีหน้ากังวลของถังเทียน ก็รู้สึกอบอุ่นใจ เสียงของเขาแหบแห้งฟังดูเหมือนคนเหนื่อยหนัก

 “ขอแสดงความยินดีด้วย”  เสียงอ่อนโยนของขลุ่ยวิเศษดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ  “ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จเอาชนะความทรงจำเลวร้ายได้ ก็ถือได้ว่าเป็นสภาวะนิพพานในใจ สภาวะจิตของเจ้าจะบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนวิทยายุทธของเจ้าหรือจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้า ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับเจ้าทั้งนั้น”
 “ฟังดูเหมือนทรงพลังดี”  ถังเทียนมีนัยน์ตาเป็นประกาย และกระตือรือร้นจะลองดูบ้าง  “ข้าก็อยากเอาชนะความทรงจำเลวร้ายด้วยเหมือนกัน!  หวา หวา หวา กำจัดความทรงจำเลวร้ายได้  ข้าจะได้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ขลุ่ยวิเศษมองดูท่าทางเตรียมพร้อมของถังเทียนและคิดถึงภาพความทรงจำเลวร้ายที่ประหลาดของเขา  สำหรับคนที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางอย่างขลุ่ยวิเศษก็ยังไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมได้
หลิงซิ่วดิ้นรนลุกขึ้นนั่ง สายตาของเขามองดูฟลามิงโกที่ยืนเงียบอยู่ด้านหนึ่ง
ตามตัวของฟลามิงโกเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหาย  แม้ว่าพลังขาของมันจะแข็งแรงอย่างน่าทึ่ง  แต่มันไม่มีพลังต่อสู้แต่อย่างใด  ตลอดเส้นทางที่มันพาหลิงซิ่วหลบหนี ทำให้มันได้รับร่องรอยความเสียหายนับไม่ถ้วน
 “ขอบคุณ”  หลิงซิ่วพูดกับฟลามิงโก เห็นได้ชัดว่าอสูรจักรกลนี้ไม่มีชีวิต  แต่ในหัวใจเขามันกลายเป็นคู่หูของเขาไปแล้ว
 “เฮ้, หนุ่มถัง, มีวิธีซ่อมอาหั่วบ้างไหม?”
 “อาหั่ว?” ถังเทียนตะลึงไปชั่วขณะ  แต่รีบตอบทันที  “โอว เจ้าหมายถึงนกฟลามิงโกนั่นเอง เจ้าคงต้องไปหาเซรีน เอ่.. เอามันมาให้ข้าก่อน สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้า เรื่องแค่นี้เล็กน้อย”
 “ขอบคุณ”
ถังเทียนคิดว่าเขาฟังผิด  หลิงซิ่วพูดขอบคุณเขาจริงๆ นี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่านี่?  หรือว่าเจ้าเด็กนี่บาดเจ็บได้รับการกระเทือนทางสมอง
 “บอกข้าด้วยล่ะ  ถ้าเจ้าบังอาจทำให้ขนหน้าแข้งอาหั่วร่วงแม้แต่เส้นเดียว เจ้าตาย!
หลิงซิ่วสำทับต่ออย่างดุดัน  จากนั้นถังเทียนค่อยถอนหายใจโล่งอก   ดูเหมือนสมองของซิ่วซิ่วน้อยกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย
 “สบายใจได้, เซรีนเก่งจริงๆ”  ถังเทียนมั่นใจในวิชาวิศวะจักรกลของเซรีนเต็มเปี่ยม
หลิงซิ่วแค่นเสียง  สายตาของเขามองดูอาเฮ่อและอดตะลึงไม่ได้
 “หมอนี่เป็นใคร?”
 “โอว, เขาชื่อเฮ่อ” ถังเทียนแนะนำ  “ไม่ต้องห่วง  เขาไม่ใช่พี่ชายเจ้า  ข้าสัมภาษณ์เขาเรียบร้อยแล้ว  เขาเพิ่งเข้าร่วมกับเรา  เก่งทีเดียวนะ ไม่ด้อยกว่าเจ้าเลย”
 “ไม่ด้อยกว่าข้าเหรอ?  เจ้าหมายความว่ายังไง?  มาเลย! มาสู้กัน, เจ้าบ้า!
 “เจ้ายังยืนได้ไม่ล้มใช่ไหม...”
อาเฮ่อศึกษานิสัยคนในกลุ่มนี้เงียบๆ  ในใจเขามีบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้  แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเส้นทางชีวิตในสามปีนี้ คงจะไม่ธรรมดาเป็นแน่
เซี่ยชิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา  มองดูหลิงซิ่วแล้ว  เขาถึงกับมีสีหน้าดีใจ “จอมยุทธหลิงฟื้นแล้ว! นั่นเยี่ยมจริงๆ!
ขณะที่สู้กับจ้าวอสูรหินกรวด  หลังจากชายชราตาบอดจากไปแล้ว  จ้าวอสูรหินกรวดยังคงวิ่งหนีไป  แน่นอนเซี่ยชิงยังไล่ตามเหมือนกัน  แต่จ้าวอสูรหินกรวดก็ยังคงหนีไปได้ในที่สุด
เขามองดูหลิงซิ่วด้วยความเคารพสุดซึ้ง  หลิงซิ่วบุกเดี่ยวทำลายฝูงอสูรหินกรวด ภาพลักษณ์ของเขาจึงเป็นวีรบุรุษ  แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในมือของบุรุษชราตาบอด  แต่สำหรับเขาแล้วก็ยังชนะอยู่ดี
 “ท่านตรวจสอบได้ไหมกัวตงและพวกที่เหลือหลบหนีไปหรือยัง?”  ถังเทียนถามทันที  ตาของเขาเป็นประกายแฝงแววอำมหิต
เขาจะยอมให้เรื่องนี้จบแบบนี้ได้ยังไง?
 “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”  เซี่ยชิงเห็นด้วยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา  กัวตงและกัวอวี่บาดเจ็บหลบหนีไป สำหรับหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย  แม้ว่าจะเสี่ยงแต่ทันทีที่สองคนหายบาดเจ็บพวกเขาจะต้องตามตอบโต้  และหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยทั้งหมดจะถูกกำจัด
แม้ว่าเซี่ยชิงจะสำเร็จเคล็ดวิชากระบี่หัวใจองครักษ์ร่ำร้อง  แต่เขาก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาจะสามารถรับมือกัวตงได้หรือไม่  ยิ่งกว่านั้นยังมีกัวอวี่ผู้ทรงพลังเช่นกัน
※※※

ผลกระทบของการต่อสู้กว้างไกลเกินกว่าที่ทุกคนจะสามารถนึกภาพออก
กัวตงไม่เคยหายไปจากทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีมาเกินกว่าสิบปี  ทุกคนที่มีความรู้เรื่องทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีจะคุ้นเคยกับชื่อของเพชฌฆาตกาเพลิง  ดังนั้นเมื่อชื่อของกัวตงถูกลบไปจากทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีและถูกแทนด้วยรายชื่อที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน  ทุกคนตกตะลึง
ถังเทียนคือใคร?
มีหลายคนพยายามขุดคุ้ยข้อมูลสวรรค์วิถีย้อนหลังหลายวัน หลายสัปดาห์เพื่อหาดูชื่อของถังเทียน  แต่ชื่อของเขาไม่เคยปรากฏอยู่ในนั้น
นอกจากนี้เหล่านักสู้อมตะยังได้เผยถึงวิธีที่ถังเทียนเอาชนะกัวตง  กิลโยตินกาเพลิงที่สร้างชื่อเสียงให้กับกัวตงพ่ายแพ้  ดังนั้นไม่มีใครสงสัยข้องใจชื่อที่เข้ามาแทนที่เขา
แต่ถังเทียนเป็นใคร?
ไม่มีใครรู้
ถังเทียนอวดข่าวจากหนังสือนักสู้อมตะให้หลิงซิ่วดู
 “ซิ่วซิ่วน้อย, เจ้าต้องเร่งมือแล้ว!  แต่แม้แต่ระดับฝีมือของเจ้าก็ยังไม่ง่ายที่จะเป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อที่รออยู่”
หลิงซิ่วทำสายตาหงุดหงิด
 “อย่าห่วง ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกน่า”  ถังเทียนยกแขนทั้งสองข้างเบ่งกล้ามอวด  “เจ้าถูกกำหนดให้อยู่ในร่มเงาของหนุ่มชาวฟ้าแล้ว”
หลิงซิ่วยังคงหนังตากระตุกอย่างหงุดหงิดต่อ  เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป จึงตะโกนออกมา “ไสหัวไป”
ถังเทียนหัวเราะกิ๊กกั๊ก เขาถามด้วยความสงสัย  “ซิ่วซิ่วน้อย ทำไมตอนนี้เจ้าถึงกลายเป็นหนอนหนังสือไปซะเล่า?  พูดตามตรงนะ  ด้วยระดับปัญญาของเจ้า  นี่อาจจะยากสำหรับเจ้าไปบ้างนะ”
ตั้งแต่หลิงซิ่วฟื้นขึ้นมา  เขามักจะกอดหนังสือหลังจากฝึกฝนเสมอ
นับเป็นความทรมานอย่างหนึ่งที่ต้องมาฟังเจ้าเด็กนี่พล่าม
หลิงซิ่วคราง  “เจ้ามันจะรู้อะไร?  ข้ากำลังค้นหาความสงบภายใน”
 “อย่าบอกนะว่าเจ้าผิดหวัง?”  ถังเทียนไม่เข้าใจ
ขณะที่หลิงซิ่วต้องการจะพูด  สายตาของเขาชะงักค้าง  ถังเทียนเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหน้าไปมอง ท่าทางเขาดูตะลึงเช่นกัน
อาเฮ่อสวมชุดดำและปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา
 “อาเฮ่อ..เจ้า เจ้า เจ้า...”  ถังเทียนชี้ชุดดำของอาเฮ่อและพูดติดอ่าง
อาเฮ่ออธิบายอย่างสุภาพ  “ข้าทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งชุดเหมือนกัน  ข้าก็เลยคิดว่าข้าใส่ชุดสีดำจะดีกว่า”
 “ใส่ชุดสีเดียวกัน...”
หลิงซิ่วและถังเทียนตกใจทั้งคู่
 “ข้าต้องขออภัย  ตอนนี้ข้ากำลังฝึกอยู่ไม่อาจจะคลุกคลีกับพวกเจ้าทั้งสองได้  โปรดเข้าใจข้าด้วย”  เขาคำนับให้คนทั้งสองพร้อมกับถือกระบี่สูง  อาเฮ่อตัวสูงและตรงอยู่แล้ว การเดินก็คล่องแคล่ว เขามักดูตัวตรงแบบผู้ดีอยู่เสมอ
 “เขาช่างตุ้งติ้งดีแท้”  หลิงซิ่วพึมพำไม่พอใจ  เขาไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของอาเฮ่อ
ไม่เคยมีเศษฝุ่นปรากฏอยู่บนตัวอาเฮ่อเลย  เขาเดินไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไป  เมื่อเขานั่ง เขามักอยู่ในท่านั่งตัวตรงเชิดหน้า  และเขามักยิ้มอย่างสุภาพเสมอ  ก่อนที่เขาจะออกไป เขามักจะแสดงกิริยานอบน้อมเสมอ  สิ่งที่สร้างความรำคาญให้หลิงซิ่วมากที่สุดก็คือ เมื่อเวลาเจ้าผู้นี้กิน ดูเป็นผู้ดีเรียบร้อยเกินไป
นับเป็นครั้งแรกที่หลิงซิ่วได้เห็นผู้ชายที่ใช้มีดเล็กหั่นเนื้อเลาะกระดูก ขณะที่พวกเขากินเนื้อย่าง หลังจากหั่นเนื้อเป็นชิ้นบางแล้ว เขายังต้องเรียงเนื้อเป็นสามแถวก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบมาจิ้มซ้อสแล้วกิน
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เขาอยู่กับอาเฮ่อ  หลิงซิ่วกับถังเทียนดูคล้ายกับเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง
แต่ไม่ว่าหลิงซิ่วจะเสียดสียังไง  เขาต้องยอมรับว่าอาเฮ่อมีความพากเพียรมาก
เมื่อเขาเห็นอาเฮ่อกำลังฝึก  หลิงซิ่วค่อนข้างกดดัน  เขาจะแพ้เจ้าผู้ชายตุ้งติ้งนี่ได้ยังไง? โดยไม่ต้องพูดคำที่สองอีก  เขาทิ้งหนังแล้วแยกตัวออกไป
เขาออกไปฝึกวิชาต่อ!
ถังเทียนแค่มาหาเรื่องคุยฆ่าเวลาจึงถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวทันที
ถังเทียนต้องไปบางสถานที่
เขาเข้าไปในประตูแสง มันว่างเปล่า
ปิงกับขลุ่ยวิเศษเอานกฟลามิงโกและทองอีกาไปหาเซรีน  ข่าวลือว่าเซรีนมีเกราะจักรกลชุดใหม่และการให้ปิงทดลองใช้
รอบๆ บริเวณว่างเปล่าและเงียบ  ทันใดนั้น ถังเทียนรู้สึกลำบากที่จะใช้มัน
หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่เขาก็เริ่มฝึก
นัยน์ตาจับจ้องประกายไฟแปลบปลาบและการเสียดสีระหว่างทั่งอีกครั้ง
เขาเข้าใจวิชาถุงมือกรงเล็บเพลิงแล้ว ปราณเที่ยงแท้ที่เผาไหม้แข็งแกร่งกว่าแรงเสียดทานของอากาศ เป็นคือการฝึกฝนรูปแบบหนึ่งไม่มีผลอะไรมากต่อเขา
แต่ถังเทียนยืนยันฝนทั่งต่อไปเหมือนในอดีต  เขาไม่ถามอาเฮ่อถึงวิธีใช้ลูกปัดแสงกระเรียนฟ้าไม่ถามถึงวิธีเลื่อนระดับวิชาถุงมือกรงเล็บเพลิง
เขายังคงฝึกฝนบทฝึกที่คั่งค้างให้สำเร็จ นั่นคือบดฝนทั่งต่อไป
ถังเทียนง่วนอยู่การฝึกเต็มที่
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดถังเทียนก็พัก ดูสภาพเหมือนกับว่าเขาเพิ่งขึ้นมาจากสระน้ำ  หอบหายใจหนัก  เขามองดูทั่งรอบๆ ที่ลดลงไป  เกินคาดไปมาก ถังเทียนสำลัก
กรงเล็บภูตพราย...
หัวใจถังเทียนหม่นหมองลง  เขาสูดหายใจลึก มองดูทั่งรอบๆ และทำเหมือนกับว่าอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย  เขากำหมัดแน่นและฝืนยิ้มตะโกนลั่น
 “ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย, ข้าจะฝนทั่งหมื่นแท่งให้หมด”
 “นั่นจะทำให้ทรงพลังไม่ใช่เหรอ?”
 “ฮ่าฮ่าฮ่า, หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้....แข็งแกร่งมาก!
 “ขอให้ท่านพักอย่างสงบเถอะ! กรงเล็บภูตพรายในมือข้า วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายจะต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน”
 “หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้จะต้องกลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแน่นอน”
ถังเทียนจ้องมองทั่งที่เหลือชั่วขณะ  เขาปาดเหงื่อจากนั้นตั้งหน้าตั้งฝึกฝนตนเองต่อ
ข้าจะไม่เศร้า,  ข้าจะไม่เศร้าจริงๆ ใบหน้าของข้ามีแต่ความสดใส  หัวใจข้ามีแต่เพียงความหวัง  ข้ายังจะร้องเพลงได้ ต่อให้พายุโหมฝนฟ้ากระหน่ำอย่างหนักก็ตาม ข้าจะพูดด้วยหมัดและประกายของมันจะเบ่งบาน
ข้าจะไม่โศกเศร้า ไม่เศร้าจริงๆ ท่านแค่ยืนอยู่ตรงนั้นและดูข้าด้วยสายตาที่อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ  เพลิงแห่งกรงเล็บเพลิงภูตพรายจากการเผาไหม้ในมือของท่านสู่มือของข้า  นี่คือความภูมิใจของท่านและพลังของท่าน
ข้าจะไม่เศร้า, ข้าจะไม่โศกเศร้าจริงๆ ข้าจะไม่เอาความเศร้ามาใส่ไว้ในใบหน้าของข้า
เมื่อทั่งแท่งสุดท้ายถูกบดหมดแล้ว  ถังเทียนนอนแผ่หรากับพื้นกางแขนออกขณะที่ตาของเขาจ้องมองเพดาน
 “กรงเล็บภูตพราย  ข้าทำสำเร็จแล้ว”
ถังเทียนพึมพำกับตนเอง เมื่อเขาพูดจบประโยค  ถังเทียนที่แทบจะทนไม่ไหวรู้สึกหนังตาหนักและหลับไปทันที
เมื่อร่างของปิงปรากฎออกมาจากห้องจิตวิญญาณพลังยุทธ แล้วเห็นสภาพถังเทียนที่กำลังหลับลึก  เขามองดูพื้นเต็มไปด้วยเศษเหล็ก  พื้นที่แต่เดิมเต็มไปด้วยทั่งเหล็ก แต่ตอนนี้ว่างเปล่า
ปิงพูดไม่ออก
 “กรงเล็บภูตพราย  โชคของเราดีมากจริงๆ” ปิงพึมพำกับตัวเองทันที
เขาเริ่มทำความสะอาดค่ายทหาร  เห็นได้ชัดว่าทั่งหนึ่งหมื่นแท่งมากมายเพียงไหน
เมื่อสายตาของเขาเหลือบมองไปที่ประตูแสง  เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่า  เขายืนงงอยู่ตรงนั้น  ประตูแสงที่เคยเต็มไปด้วยการ์ดทั้งหมดหายไป และสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงการ์ดใบเดียวที่ยังเรืองแสงต่อเนื่อง
กรงเล็บภูตพราย....
***********************************
 

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ยังไม่ไปผุดไปเกิดที่ไหนสินะ แค่หมดพลัง...... หรือเปล่าหว่า

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ไปเกิดแล้วครับ แต่ใช้พลังสุดท้ายเปลี่ยนเป็นการ์ดทองระดับ6

Sky กล่าวว่า...

เศร้าอ่ะ!!! / ดีใจด้วยได้เข้าทำเนียบแล้วนะ !

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น