วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 218 กระบี่ผนึกปีศาจแห่งหมู่ดาวถ้วย

ตอนที่  218  กระบี่ผนึกปีศาจแห่งหมู่ดาวถ้วย

“เชิญเข้ามา, นายท่านรอเวลานี้มานานมากแล้ว!” ยามเฝ้าประตูผลักประตูบรอนซ์หนักและหนาออก  เสียงดังสะเทือนสะท้อนก้องไกล

กัวตงที่หน้าซีด แบกกัวอวี่ที่หมดสติเข้ามา
กัวตงในตอนนี้ไม่มีเค้าของเพชฌฆาตกาเพลิงในตำนานเหลืออยู่เลย  หน้าของเขาซีดเซียว เครายุ่งเหยิง  ดวงตามีประกายหมอง  หลังจากผ่านไปคืนเดียว เขาเหมือนแก่ขึ้นสิบปี
เขาค่อยๆ เข้าไปในห้องโถงใหญ่
มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ในท่ามกลางห้องโถงใหญ่  เงาหลังสูงตระหง่านทำให้กัวตงใจสั่นสะท้าน  ร่างที่อยู่ต่อหน้าเขา มีขนนกดำนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศโดยรอบ
คนผู้นั้นหันหน้ากลับมาและเมื่อเห็นสภาพของกัวตง  เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ  “เกิดอะไรขึ้น, พี่กัว?”
เขามีคิ้วที่ดกหนาและหน้าเหลี่ยม  แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบเซี่ยอวี่  แต่หัวใจของกัวตงอดเต้นแรงไม่ได้  ขนนกที่ดกหนาคลุมเต็มอกของเขาทำให้เขาดูเหมือนกับมนุษย์วิหค  ขนนกทั้งหมดจับแน่นเป็นกลุ่มอยู่ที่หน้าอกเขา และที่ลอยอยู่ในอากาศก็มี
เซี่ยอวี่เป็นสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีลำดับที่ 9915 เขายังสูงกว่ากัวตงสิบสามอันดับ
กัวตงเข้าใจพลังของเซี่ยอวี่เป็นอย่างดี และพลังของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาด  เซี่ยอวี่มักปิดประตูฝึกฝนและโลกภายนอกมีคนรู้จักพลังเขาเล็กหน้อย
 “ครั้งนี้เราพบกับคนที่สร้างความลำบากให้เราคนหนึ่ง”  เสียงของกัวตงดังเหมือนกับเสียงแห้ง  และเขาฝืนยิ้มกล่าว
 “ฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร?”  เซี่ยอวี่หน้าแข็ง สามารถทำให้กัวตงตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น  คงต้องเป็นนักสู้ที่มีระดับฝีมือเหนือกว่ากัวตงแน่นอน
นักสู้ผู้แกร่งกล้าคนไหนมาเยือนหมู่ดาวกากันแน่?
 “พี่เซี่ยไม่ได้ดูข่าวนักสู้อมตะฉบับสัปดาห์นี้หรือ?”  กัวตงมีใบหน้าขมขื่น
เซี่ยอวี่ส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ติดตามข่าวมานานมากแล้ว  อย่าบอกข้านะว่ามีคนใหม่ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้”
 “ถังเทียน”  กัวตงหัวเราะเยาะตนเอง  “เป็นคนที่ใหม่มากไม่มีใหม่กว่านี้แล้ว  เขาไม่มีชื่ออยู่ในทำเนียบนักสู้ด้วยซ้ำ  ข้าไม่รู้ว่าเขาโผล่ออกมาจากไหน”
 “เขามาจากไหนกัน?”  เซี่ยอวี่ไม่กล้าดูแคลนคนที่เขาไม่รู้จัก
 “ข้าไม่รู้  วิทยายุทธของเขาดูเหมือนจะเป็นกรงเล็บเพลิงภูตพรายจากสมาพันธ์ชาวยุทธ  แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งกว่ามาก  เขาคงมาจากตระกูลร่ำรวย  นอกจากนี้เขายังมีอาวุธสมบัติดวงดาว แล้วยังมีเกราะสมบัติอีกด้วย”  กัวตงถอนหายใจ
 “พี่กัวชะล่าใจเกินไปแล้ว”  เซี่ยอวี่พูดเบาๆ
สมาพันธ์ชาวยุทธ, อาวุธสมบัติ, เกราะ สามจุดนี้กล่าวได้ว่าคนใหม่ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมานี้ไม่ธรรมดาเลย สามจุดเชื่อมโยงอยู่ในบุคคลเดียวกัน เขาย่อมเป็นตัวปัญหาใหญ่แน่นอนโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
 “มนุษย์จะทำทุกอย่างเพื่อความร่ำรวย ก็เหมือนกับนกหาอาหารนั่นแหละ”  กัวตงหัวเราะอย่างขมขื่น  “ข้าไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัว  แม้แต่เฒ่าบอดซอกำศรวลก็ยังปรากฏตัวออกมาด้วย”
 “เฒ่าบอดซอกำศรวล!  ม่านตาของเซี่ยอวี่หรี่แคบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น  เซี่ยอวี่รู้ว่าเรื่องราวไม่ง่ายแล้ว
 “ข้ามาหาครั้งนี้ มีเรื่องขอร้องพี่เซี่ยเพื่อขอเลือดขนนกดำของท่านสักหยด”  กัวตงพูดจริงจัง
เซี่ยอวี่อึ้ง  “ข้ายินดีจะให้เลือดขนนกดำนี้แก่ท่าน และข้ารู้ว่าพี่กัวตั้งใจจะให้เด็กหนุ่มคนนี้ใช้  แต่ท่านต้องคิดให้ดีก่อน  ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะหมือนกับข้า และยากจะออกไปต่อได้ในอนาคต
เซี่ยอวี่ชี้ที่ขนนกดำหนาที่หน้าอกเขาและมองดูกัวตงเงียบๆ
กัวตงขบริมฝีปาก แววเจ็บปวดปรากฏอยู่ในดวงตาเขา “ข้าทนเห็นเขาตายไม่ได้”
 “ดี!  เซี่ยอวี่เห็นด้วยอย่างจริงใจ  เขาตรงไปที่กัวอวี่ เลือดหยดหนึ่งออกมาจากปลายนิ้วเขาทันที ภายในหยดเลือดมีขนนกบางๆ ลอยอยู่ในนั้น
เลือดหยดลงไปในปากของกัวอวี่และทันใดนั้นมีชั้นหมอกสีดำบางๆ ปรากฏออกมาครอบคลุมตัวของกัวอวี่
 “เขาคงจะต้องใช้เวลายี่สิบวัน ก่อนจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บหนัก”  เซี่ยอวี่กล่าว
 “ขอบคุณพี่เซี่ย!  กัวตงประสานมือขอบคุณ
 “ไม่ใช่เรื่องใหญ่,  อย่าใส่ใจไปเลย”  เซี่ยอวี่โบกมือแล้วขยับตัว
 “ข้าไม่มีของอะไรตอบแทนในตอนนี้  พี่เซี่ยโปรดรับทราบความลับกระบี่ผนึกปีศาจก็แล้วกัน”  กัวตงกล่าว
 “กระบี่ผนึกปีศาจ!  ดวงตาที่สงบและสงวนท่าทีของเซี่ยอวี่เบิกกว้าง “ท่านหมายถึงกระบี่ผนึกปีศาจแห่งหมู่ดาวถ้วยน่ะหรือ?”
 “แน่นอน  พี่เซี่ยช่างมีความรู้จริงๆ”  กัวตงพยักหน้า “หมู่ดาวถ้วยเป็นหมู่ดาวที่มืดทึมที่สุด  ไม่มีคนรู้จักมันมาก ทั้งไม่รู้ว่มันคือสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุด  กระบี่ผนึกปีศาจเป็นสมบัติระดับทองและเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของหมู่ดาวถ้วย
เซี่ยอวี่กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว  “พี่กัวเข้าไปคลุกคลีเรื่องนี้ก็เพราะกระบี่นี้?”
 “ถูกแล้ว” กัวตงพยักหน้า  “ใกล้กับหมู่บ้าน  จะมีหมู่บ้านกระบี่เล็กๆ แห่งหนึ่งนามว่าหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย  กระบี่นี้ถูกปกป้องไว้โดยตระกูลเซี่ย  ข้าได้รู้เรื่องนี้มาโดยบังเอิญ  กระบี่ผนึกปีศาจตั้งอยู่ที่ด้านหลังหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยที่ยอดเขากระบี่ศิลา  ข้าไปที่นั่นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ  ข้าไม่ต้องการจะเคลื่อนไหวอะไร  แต่ข้าไม่รู้ว่าเฒ่าบอดซอกำศรวลไปได้ข่าวมาจากที่ใด  เขาก็มาด้วยเช่นกัน เป็นช่วงเวลาที่โง่เขลาที่ข้าแสดงตัวออกไป  นึกไม่ถึงเลยว่าข้าได้พบกับถังเทียนและกลุ่มของเขา และทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้”
เซี่ยอวี่สงบอารมณ์ได้แล้ว  “ไม่มีใครที่ไม่ลุ่มหลงอยากได้สมบัติศักดิ์สิทธิ์  แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้ารับมือได้  ไม่ว่าหมู่ดาวถ้วยจะเล็กขนาดไหนก็ตาม  แต่ก็ยังเป็นหมู่ดาวหมู่หนึ่ง  มันอาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ที่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของหมู่ดาวไว้ครอบครอง”
เซี่ยอวี่พูดถูก สวรรค์วิถีมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน  แต่มีเพียง 88 ของดวงดาวเหล่านั้นที่ถูกเรียกว่าหมู่ดาว  หมู่ดาวแต่ละแห่งจะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์  พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์อาจจะมิได้แข็งแกร่งกว่าสมบัติของหมู่ดาวอื่น  ตัวอย่างเช่นมงกุฏแห่งหมู่ดาวเพอร์ซูสที่เชียนฮุ่ยมีก็ยังเป็นแค่สมบัติชั้นเงิน
แต่ในชุดสมบัติหมู่ดาวเพอร์ซูส มันอาจจะแข็งแกร่งที่สุด สมบัติชิ้นนี้ลดระดับจากสมบัติชั้นทองเป็นสมบัติชั้นเงิน  ความจริงสมบัติทั้งหมดของหมู่ดาวเพอร์ซูสล้วนมีระดับที่ตกลงไปทั้งนั้น
พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นการบ่งชี้ว่าหมู่ดาวนั้นเข้มแข็งเพียงไหน
แต่ในฐานะที่เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่ดาว  สมบัติศักดิ์สิทธิ์มักจะมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร  ดังนั้น เมื่อสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ  จะมีการนองเลือดตามมา
เพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์หาได้ยากมาก
ในบรรดาสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 88 มีกี่ชิ้นที่ถูกฝังอยู่กันแน่  ไม่มีใครรู้ว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่เท่าใด
สำหรับเซี่ยอวี่ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องของโชคลาง  มันเป็นความสุขความพอใจที่พวกเขาไม่กล้าคิดหวัง
 “หมู่ดาวถ้วยในตอนนี้อิ่มตัวแล้ว ดูปราศจากชีวิตชีวา  มันยากจะพูดได้ว่ามีพลังเหลืออยู่ในกระบี่ผนึกปีศาจนี้อยู่เท่าไหร่”  กัวตงกล่าวต่อ  “เนื่องจากพี่เซี่ยรู้บางอย่างเกี่ยวกับกระบี่ผนึกปีศาจ  อย่างนั้นท่านควรจะรู้ว่ามีสมบัตินับไม่ถ้วนถูกผนึกไว้โดยกระบี่ผนึกปีศาจซึ่งสมบัติเหล่านี้ได้หายไปพร้อมกับกระบี่ผนึกปีศาจ  พี่เซี่ยอาจจะรู้สึกว่ากระบี่ผนึกปีศาจยากจะได้รับจริงๆ  แต่ท่านอาจจะได้ทองก็ได้  ถ้าท่านได้สมบัติเหล่านี้มาสักชิ้นสองชิ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยอวี่ตื่นเต้น  เขามองดูกัวตง  “เพราะพี่กัวมาหาในเวลานี้ ดูเหมือนจะมีเหตุผลทางการเมืองแฝงมาด้วยสินะ”
 “ข้ามาตามความต้องการของข้าเอง”  กัวตงพูดอย่างสงบ  “ถังเทียนเป็นคนน่ากลัว และด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเซี่ย เขาย่อมหวังยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา  ส่วนเฒ่าบอดซอกำศรวลก็เตรียมการในครั้งนี้อย่างดี  คนใช้ใบ้ของเขาก็ยังเป็นกำลังสำรองได้  ข้ากับเสี่ยวอวี่บาดเจ็บแล้ว  ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของพี่เซี่ย  เราก็เหมือนนกไร้ปีกธรรมดา  นั่นคือเรื่องจริง  ความพ่ายแพ้ศัตรูครั้งนี้  ข้าไม่อาจยอมรับได้เลย  และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ข้ากล้ำกลืนฝืนทนความโกรธครั้งนี้อยู่ได้  ดังนั้นข้าจึงมาหาพี่เซี่ย  เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับที่เซี่ย  ข้าคิดว่าหากพี่เซี่ยไม่ถือสาที่จะรับสมบัติดวงดาวชิ้นหรือสองชิ้น..”
เซี่ยอวี่ไตร่ตรองชั่วขณะ  “การต่อสู้ของเจ้ากับพวกเขา  ข้าขอมีอิสระว่าจะเลือกช่วยหรือยืนดูอยู่ข้างๆ”
 “ไม่มีปัญหา”  กัวตงมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น  เมื่อคิดถึงถังเทียนทีไร รังสีฆ่าฟันจะต้องปรากฏอยู่ในดวงตาเขาทันที  เขากล่าว “แค้นครั้งนี้  ข้าจะชำระมันด้วยตัวเอง”
เซี่ยอวี่ทำใจและยิ้มให้โดยตรง “อย่างนั้น ข้าจะรับคำแนะนำของพี่กัวเอาไว้”
กัวตงหัวเราะ  “เรามาร่วมมือกันเล่นงานเฒ่าบอดซอกำสรวลกันเถอะ!
ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มให้กัน
※※※

เช้าวันต่อมา ถังเทียนออกมาตามหาอาเฮ่อและถามเขาเกี่ยวกับเรื่องลูกปัดแสงกระเรียนฟ้า
อาเฮ่อพึมพำ “ลูกปัดแสงจากหมู่ดาวกระเรียนฟ้า เป็นของมีประโยชน์ สามารถใช้เปิดพลังบางอย่าง เช่นพลังจากตันเถียน เจ้าสามารถเรียกมันได้ว่าตันเถียนกระเรียน  เจ้าน่าจะรู้สึกถึงความคงอยู่ของมันได้  แต่วิธีใช้มันแตกต่างจากตันเถียนธรรมดา
 “แตกต่างยังไง?”
 “มันก็เหมือนกับตันเถียน  และประโยชน์ของมันไม่ต่างจากตันเถียนมาก  แต่มันไม่สามารถขยายขนาดได้ นอกจากนั้นหลังจากใช้ปราณเที่ยงแท้ในตันเถียนกระเรียนจนหมดไป มันจะฟื้นคืนพลังได้ช้ามาก ไม่สามารถเต็มได้โดยถ่ายพลังจากเส้นเดินปราณ มันเพียงแต่เติมเต็มด้วยตัวเอง และกระบวนการนี้ต้องใช้เวลานาน”  อาเฮ่ออธิบาย
 “นานเท่าไหร่?”  ถังเทียนถามทันที
 “นานสิบห้าวัน” อาเฮ่อพยายามนึกอยางดีที่สุด  “ถ้าข้าจำไม่ผิด เมื่อเป็นอย่างนี้ก็หมายความว่า เจ้าสามารถใช้ได้แค่สิบห้าวันต่อครั้ง  แม้ว่ามันจะดูเหมือนตันเถียน  แต่ความจริงมันคือสมบัติดวงดาว”
 “ครั้งสิบห้าวัน?”  ถังเทียนผิดหวังเล็กน้อย  แต่เมื่อคิดดูแล้วเขาพอใจ
เนื่องจากเขามีตันเถียนมากกว่าหนึ่ง และตันเถียนกระเรียนก็ใหญ่กว่าแอ่งตันเถียนระดับหกของเขามาก ประมาณสามเท่า
นี่หมายความว่า ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนขยายมากถึงสี่เท่าจากปราณเที่ยงแท้เดิม
นี่เทียบได้กับนักสู้ระดับเจ็ดธรรมดาแล้ว
แม้ว่าจะฟื้นตัวช้ามาก แต่เมื่อคิดถึงคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้แล้ว  ถังเทียนลอบตื่นเต้น
 “เป็นอย่างนี้นี่เอง!  ถังเทียนมีท่าทางเข้าใจ และเขาถามทันที “อย่างนั้นไม่มีข้อห้ามอื่นหรือส่วนสำคัญอะไรๆ อื่นอีกไหม?”
อาเฮ่อคิดอย่างระมัดระวังและส่ายศีรษะ “ไม่มี”
 “จริงเหรอ?” ถังเทียนอดกลั้นไว้
 “ไม่มี!” อาเฮ่อผงกศีรษะ
 “ก็ดี” ถังเทียนเงยหน้าด้วยความพึงพอใจ   เขาหดมือ  “เอาละ, เจ้าสามารถเริ่มงานของเจ้าได้แล้ว!
อาเฮ่อไม่เคยคิดเลยว่าหน้าของถังเทียนจะสามารถเปลี่ยนไปได้เร็วนัก  ขณะที่ยืนงง เขาถามต่อ “เริ่มงาน??”
 “ใช่, เจ้าจะทำงานแลกวิชาไม่ใช่หรือ?  จากวันนี้ไป เจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องสุขอนามัย, สวัสดิภาพ อาหาร และยานที่เราจำเป็นต้องใช้ในการเดินทาง  นอกจากนี้เจ้าจะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย”  ถังเทียนพูดจริงจัง  “จำไว้ว่า ยิ่งเจ้ามีพลังอำนาจมากเท่าไหร่  ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!  อย่าขี้เกียจเสียล่ะ!
อาเฮ่อตะลึงงัน  หลังจากนั้นชั่วขณะ เขากล่าวในที่สุด “ข้าไม่รู้วิธีขับยาน”
 “อย่างนั้นก็ต้องเรียนรู้”  ถังเทียนพูดต่อไม่หยุด  “เรามีสารถี  เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากเขา! พ่อหนุ่ม ข้าจะไม่มีการต่อรองราคาวิชาร่างกระเรียนที่จะสอนให้เจ้า  ดังนั้นอย่าเกียจคร้านเมื่อเวลาเจ้าทำงาน”
อาเฮ่อผู้อ่อนโยนอยู่ในอาการมึนงง  ในสำนักของเขา เขามักเป็นฝ่ายถูกปรนนิบัติ และผู้อื่นจะเป็นผู้แต่งตัวให้เขา  แต่วันนี้...
ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ว่าชีวิตต่อไปอีกสามปีคงหม่นหมองเป็นแน่
ถังเทียนชูกำปั้นและให้กำลังใจเขา “พยายามเข้านะ หนุ่มน้อยอาเฮ่อ!
หลังจากนั้น เขาเดินจากไป
ก่อนที่เขาจะเดินออกไปที่ลานบ้าน  เซี่ยชิงรีบเข้ามามองดูหวาดกลัว  เมื่อเห็นถังเทียนแล้ว  เขาตะโกน  “จอมยุทธ!  ข่าวร้าย,  ข่าวร้าย!

2 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น