วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 286 ฝ่ายใครฝ่ายมัน

ตอนที่  286  ฝ่ายใครฝ่ายมัน

นักสู้วัยกลางคนมองดูคนที่กำลังเข้ามาหา หน้าครึ่งหนึ่งของเขามีหมวกใหญ่ปิดบังไว้ และไม่มีใครบอกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา

ผู้มาถึงเป็นบุรุษอายุราว 45 ปี ท่าทางหน้าตาดูธรรมดา และใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มแสดงท่าทีนอบน้อม “ท่านหวย ข้ายินดีมากจริงๆ ที่ได้พบท่าน”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาใต้หมวก  “ข้าสงสัยจริงๆ ท่านหาข้าพบได้อย่างไร?”
 “ตะขอฟ้าหวยไป่หัว  หนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มดาวหมาป่า  มีชื่อเสียงมีเกียรติภูมิ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดก็ตามก็ซ่อนประกายไว้ไม่ได้แน่นอน”  บุรุษผู้นี้กล่าวยกย่อง
หวยไป่หัวรู้ว่าคนผู้นี้ไม่เคยพูดความจริง แต่ก็ไม่ถือสา เขายังคงร่าเริง  “ข้าว่าหลังจากใช้ความพยายามมากมายเพื่อค้นหาข้า คงไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนคำชมหรอกนะ”
 “ท่านฉลาดจริงๆ”  บุรุษผู้นั้นยังคงพูดอย่างเคารพ  “เกี่ยวกับการมาพบในครั้งนี้ ก็เพื่อทำข้อตกลงกับท่านหวย”
 “ข้อตกลง?”  เสียงหัวเราะดังมาจากใต้หมวก  “ลองว่าให้ฟังซิ”
 “อูเถี่ยหวี่ตอนนี้ กำลังย่ามใจอย่างหนัก  ท่านหวยจะทนได้อย่างไร?”  บุรุษนั้นมีสีหน้าเคารพ แต่คำพูดของเขาตรงยิ่งนัก  “อูเถี่ยหวี่ใจคับแคบ  ขณะที่ท่านหวยเป็นคนชั้นสูงมีศักดิ์ศรีไม่ต้องพึ่งคนอื่น ต้องมีการแสดงฝีมือบ้างแล้ว”
หวยไป่หัวไม่ตื่นเต้น  “อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลย  พูดมาตรงๆ ดีกว่า”
บุรุษผู้นั้นยิ้ม  “เรายินดียื่นมือช่วยท่านหวย  สถานการณ์ได้ประโยชน์แก่พวกเราทั้งสองฝ่าย”
 “ฝ่ายของพวกเจ้า?  พวกเจ้าเป็นใครกัน?”  หวยไป่หัวมีท่าทางเหมือนคาดหวังและถามอย่างเยือกเย็น
 “ข้ามาจากองค์การวิญญาณมืด”  บุรุษผู้นั้นตอบ
 “งั้นทำไมพวกเจ้าถึงต้องมาด้วยเล่า?  ข้าไม่เชื่อว่าอูเถี่ยหวี่จะให้ความสนใจเจ้ามากนัก” หวยไป่หัวหัวเราะเบาๆ
บุรุษผู้นั้นลอบประหลาดใจ  บุรุษที่สามารถใช้คำพูดครอบงำได้ไม่ใช่มีนิสัยง่ายๆ แน่  แค่คำพูดไม่กี่คำ ไม่มีการเตือนใดๆ หวยไป่หัวก็ข่มเขาได้เสียแล้ว  หน้าของเขามีแววเคารพ  “เรามาเพราะถังเทียน”
หวยไป๋หัวพอจะคาดเดาได้  แต่พอได้ยินอีกฝ่ายสารภาพโดยตรง  นัยน์ตาภายใต้หมวกใหญ่หรี่ลงโดยมิได้ตั้งใจแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะเกี่ยวข้องกับองค์การวิญญาณมืด”
บุรุษผู้นั้นยังมีสีหน้าใจเย็น  “เราแค่ต้องการให้ท่านหวยสู้กับถังเทียนแทนเรา  เงื่อนไขแลกเปลี่ยน เรายินดีมอบสมบัติดวงดาวให้ท่านหวย สมบัตินี้มิได้ด้อยกว่าคลื่นหมีปฐพีแน่  นอกจากนี้เรายังจะส่งยอดฝีมือมาให้เป็นกำลังหนุนอีกด้วย”
หวยไป่หัวครุ่นคิดลึกและจู่ๆ ก็ถามขึ้นทันที “ใครอยู่เบื้องหลังอูเถี่ยหวี่?”
 “สมาคมรวมตระกูล”  บุรุษผู้นั้นตอบตามตรง
หวยไป่หัวตกตะลึงหนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้  เขานึกได้ว่าถังเทียนมีเบื้องหลังมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ และในที่สุดเขาก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกับกลุ่มพลังใหญ่สามฝ่าย
ความรู้สึกสงบก่อนพายุจะมาทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ  กลุ่มดาวหมาป่าซึ่งสงบมายาวนานกลายเป็นสถานที่ขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มพลังที่มีอิทธิพลใหญ่ทั้งสาม แทบจะจินตนาการได้ว่าความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมไม่ธรรมดาแน่นอน
แม้ว่าหน้าของบุรุษนั้นจะเต็มไปด้วยความยกย่องนับถือ  แต่หวยไป่หัวรู้ว่าเขาไม่มีพลังพอปฏิเสธ
ติงตังมองดูข้อมูลในมือนางและพยายามกลั่นกรอง  นางยอมรับว่ามีความรู้สึกไวต่อข้อมูลรายละเอียดเป็นพิเศษ  วัยอย่างนาง ไม่มีพลังหนุนหลัง สามารถกลายเป็นม้าเงินขององค์การวิญญาณมืด  นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มีเนื้อหาในข้อมูลไม่มาก  แต่นางยังคงพบร่องรอยบางอย่าง
กลุ่มดาวหมาป่าเป็นแค่กลุ่มดาวเล็กๆ และอยู่ในลำดับท้ายๆ ของสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้  นอกจากนี้กลุ่มดาวหมาป่า ยังไม่ใช่กลุ่มดาวที่พัฒนาขึ้นใหม่  มันคือกลุ่มดาวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทรัพยากรและแร่ธาตุถูกสำรวจมานานแล้ว  ความกันดารของกลุ่มดาวหมาป่าเป็นที่รู้จักกันดี  นอกจากนี้พลังสายเลือดของชาวกลุ่มดาวหมาป่า ทางองค์การวิญญาณมืดได้ค้นคว้าจากหลายกลุ่มบุคคลแล้ว และพบว่ายังไม่มีค่ามากนัก
สถานที่อย่างนั้นสำหรับองค์การวิญญาณมืด ไม่มีค่าเท่าใดนัก  ไม่เพียงแต่องค์การวิญญาณมืดเท่านั้น  แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธและสมาคมรวมตระกูลไม่ได้ให้ความสนใจกลุ่มดาวหมาป่าแม้แต่น้อย
เป็นเวลานานแล้ว ที่กลุ่มดาวหมาป่าเป็นแผ่นดินของชาวดาวหมาป่าอยู่เสมอ
เถียนจื่อซี ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9370
อันไป่ ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9503
เหมาจวิน ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9632
ติงตังคุ้นเคยกับรายชื่อทั้งสามนี้ดี  นางเคยติดต่อกับเถียนจื่อซีแล้ว ทั้งสามคนคือนักล่าเงินรางวัลที่มีชื่อเสียง ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มอำนาจใด  ความแตกต่างระหว่างนักล่าเงินรางวัลกับนักฆ่าก็คือ ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับเงินเพียงพอ  พวกเขาจะรับงาน  ทั้งสามคนนี้กล้าหาญมาก และเป็นนักล่าที่มีประสบการณ์มากมาย
คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสามคนนี้จะมาปรากฏตัวในกลุ่มดาวหมาป่า  นอกจากอูเถี่ยหวี่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายอยู่ที่ถังเทียนและพวก
ติงตังเข้าใจเรื่องตลาด สามารถเชิญทั้งสามคนนี้ได้  ราคาที่ต้องจ่ายก็ต้องหนักด้วย  นักสู้ระดับสวรรค์วิถีปกติจ้างกันวันละสามแสนเหรียญดาว  แค่นั้นยังดึงดูดใจได้ไม่กี่คน ฉะนั้นเมื่ออู่กวงได้ยินว่าถังเทียนจ้างงานวันล้าน  เขารับปากทันทีโดยไม่คิดอะไรอื่น  ขณะที่สำหรับยอดฝีมือที่มีชื่อในทำเนียบจะเป็นอีกราคาหนึ่ง  ราคาของเหมาจวินอย่างน้อยวันละสองล้านเหรียญดาว  อันไป๋วันละสามล้าน  ขณะที่เทียนจื่อซีอย่างน้อยก็ต้องวันละห้าล้าน
ราคาของทั้งสามคนอย่างน้อยต้องจ่ายวันละสิบล้านเหรียญดาว
ทั้งสามคนอยู่ที่กลุ่มดาวหมาป่ามานานมากกว่าสิบวัน  ก็หมายความว่าจ่ายค่าจ้างใช้ไปร้อยล้านเหรียญดาวแล้ว
ติงตังมีสีหน้าหวาดหวั่นทันที เพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่รวยอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ยังไม่ใช่คนธรรมดาอีกด้วย  นางไม่แน่ใจอีกฝ่าย  แต่สำหรับเถียนจื่อซี  นางมีความเข้าใจของนาง  ถ้าไม่ใช่คนที่มีอิทธิพล นางคงไม่มีทางรับจ้างแน่
การตัดสินใจของคนเจ้าแผนการเป็นธรรมดาที่จะเห็นได้
ตอนนี้ติงตังสงบใจได้แล้ว นางลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบๆ ในที่สุดก็มาหยุดนิ่งที่ลุงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงมุม  นางตาเป็นประกายทันที เดินไปที่โต๊ะของลุงผู้นั้นแล้วนั่งลง
ลุงผู้นั้นมีผมหงอก อายุราวๆ สี่สิบ  เสื้อผ้าของเขาเก่าขาดรุ่งริ่ง และกำลังดื่มเบียร์ราคาถูก เอนหลังอย่างสบาย
 “เฮ้, ลุงอู๋, ข้าอยากจะถามอะไรบางอย่าง” ติงตังดูมีท่าทางเกียจคร้าน
 “เฮ้, นังหนูก็อยู่นี่ด้วย ข้ารู้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้” ลุงอู๋ตอบร่าเริง หน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่นและดูยู่ยี่
ติงตังจ้องดูเขา  “ลุงอู๋, เราคบกันมาหลายปีแล้ว ลุงจะไม่ให้ข้อมูลข้าเลยสักนิดหรือ?”
ลุงอู๋ทำท่าทางช่วยไม่ได้ “เจ้าไม่อยู่ในช่วงเวลานั้น จะมีก็แค่แมลงเล็กน้อย  พวกนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้อย่างไร?”
ติงตังและลุงอู๋กำลังคุยเรื่องที่นางติดตามก่อนนั้น  แต่ทั้งสองไม่ถือสาเรื่องนี้  ติงตังได้รับข้อมูลของนางนานแล้ว และถูกคนพวกนั้นกำจัดไปแล้ว  ตอนนี้ติงตังไม่ยากจนและโง่ต่อไป  ถังเทียนอาจดูเหมือนไม่ห่วงอะไร  แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล  ดังนั้นติงตังรวบรวมข้อมูลไว้ในมือให้มากดีกว่า
คนที่มีประสบการณ์อย่างนาง  ตราบใดที่จ่ายได้ นางสามารถเตรียมกับดัก ฆ่าคนได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย
 “ฮื่ม.. ข้าจะไม่เถียงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว!  แต่เรื่องที่ข้าอยากถามวันนี้ ท่านอย่าให้ข้อมูลเท็จกับข้าดีกว่า”  ติงตังกล่าว
ลุงอู๋พยักหน้าร่าเริง  “จริงแท้แน่นอน”
ติงตังชี้ไปที่การพนันขันต่อบนกระดาน  “ข้าต้องการถามเรื่องนี้”
ลุงอู๋มีสีหน้าประหลาดใจ และจ้องมองติงตัง  “เจ้าสนใจเรื่องนี้ด้วยจริงๆ หรือ?”
ติงตังยิ้มเห็นฟันขาว “โธ่ลุงอู๋คนดี  ข้าเตรียมเงินหนึ่งล้านเหรียญดาวไว้ให้ลุงแล้ว  ขึ้นอยู่กับว่าลุงจะจัดการได้จริงหรือไม่”
 “มีอยู่คนหนึ่งชื่อตี๋หาน” ลุงอู๋โพล่งออกมา  “แมลงตัวน้อยในองค์การเราตอนนั้นหายสาบสูญไปที่เมืองซิงฟง  คิดไม่ถึงเลยว่าเขาไปเข้ากับพวกสมาคมรวมตระกูล และปล่อยข่าวลือว่าสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวกางเขนใต้ตกอยู่ในมือของถังเทียน”
สีหน้าของติงตังยังสงบ แต่หัวใจนางเต้นถี่แรง  ถังเทียนไม่เคยปิดบังความตั้งใจไปกลุ่มดาวกางเขนใต้  แม้ว่านางไม่เคยเห็นสมบัติระดับเซียนมาก่อน  แต่นางคาดว่าข้อมูลนี้ควรจะแม่นยำระดับสูง  เพราะนางก็คาดเดาได้เช่นเดียวกัน
 “เจ้าน่าจะเคยได้ยินตำนานของกลุ่มดาวกางเขนใต้มาบ้าง นี่เป็นวัฏฏจักรมานานแล้ว สมบัติของกลุ่มดาวกางเขนใต้ เก็บงำความลับขนาดใหญ่ไว้มาก” ลุงอู๋หัวเราะ
ติงตังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ  “ลุงหมายถึงสมบัติของกองทัพดาวกางเขนใต้น่ะหรือ?”
 “ฮ่าฮ่า ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน  กองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ ห้าวหาญชาญศึกมากในตอนนั้น พวกเขาคงไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้เลยกระมัง” ลุงอู๋หัวเราะ
 “ดูเหมือนสมเหตุสมผล” ติงตังพยักหน้าเห็นด้วย  แต่แอบหยันในใจ กองทัพดาวกางเขนใต้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือเจ้านาย  ประวัติศาสตร์ของกองทัพดาวกางเขนใต้ของลุงปิง ทุกคนก็ได้รู้จักเช่นกัน
 “ถังเทียนมีพื้นเพมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ ดังนั้นสมาคมรวมตระกูลจึงกังวลและไม่ต้องการจะพัวพันขัดแย้งกับสมาพันธ์ชาวยุทธ” ลุงอู๋แค่นเสียง  “สมาคมรวมตระกูลที่น่าสงสาร  เป็นกลุ่มที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  พวกเขาไม่รู้ตัวว่าถูกแทรกแซงจากองค์กรเราและสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างลึกซึ้ง  พวกเขาคิดว่ากำลังทำงานได้ดี ปกปิดความลับได้อยู่  แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าทุกคนรู้เรื่องมานานแล้ว สมาพันธ์ชาวยุทธที่หนุนหลังเขาอยู่จะไม่ช่วยได้อย่างไร?  คนของถังเทียนก็ไม่ใช่พวกปวกเปียก”
จากนั้นเสียงแก๊งก็ดังขึ้นและมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏบนกระดาน
หวยไป่หัว
ร้านเหล้ามีเสียงโวยวาย ทุกคนกำลังถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด
ลุงอู๋พูดเฉื่อยชา  “ดูเหมือนว่าคนขององค์การวิญญาณมืดของเราไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป”
สมาพันธ์ชาวยุทธ
จิ่งหาวนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผู้อาวุโสท่านนี้มีผมขาวโพลนก็คืออาจารย์ของเขา
 “วางใจได้ เราไม่ทำตัวเป็นคนตาบอดแน่”  ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเมตตา  “เนื่องจากถังเทียนเข้าร่วมกับเรา  เราจะไม่ยอมให้เขาถูกรังแกแน่  อย่างไรก็ตามกลุ่มนักสู้เราไม่มีฐานอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งคนไปช่วยได้มาก  อย่างไรก็ตาม ข้าจะขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าเกอให้ส่งไปสี่คน”
จิ่งหาวดีใจ “เยี่ยมเลย  ข้าจะไปด้วย!
นำความรุ่งเรืองมาให้กลุ่มเป็นคุณลักษณะที่เด่นของสมาพันธ์ชาวยุทธ  แต่ว่ามันต้องจ่ายราคามากหากจะทำเช่นนั้น  ดังนั้นช่องทางมีจำกัด  อาจารย์จะต้องทุ่มเทต่อสู้เพื่อโอกาสครั้งนี้
 “เจ้าจะไปไม่ได้”  ผู้อาวุโสยืนยัน  “สมบัติดาวพิณเกือบจะทำงานแล้ว  เจ้าจะจากไปได้ยังไง?”
จิ่งหาวห่วงใย  “แต่ว่า...”
ผู้อาวุโสยกมือห้าม และยืนยัน “ไม่ต้องต่อรอง”
เมื่อเห็นว่าศิษย์รักไม่สบายใจ ผู้เฒ่าถึงกับหัวเราะ  “อย่าห่วงเลย อาโมรี่และพวกพ้องในช่วงนี้ฝีมือก้าวหน้าดีขึ้นมาก  ได้เวลาที่พวกเขาจะออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์จริงๆ แล้ว”
จิ่งหาวเพิ่งได้พบกับทั้งสี่คนมาแล้ว  ความก้าวหน้าของพวกเขาเกินหน้ากว่าเพื่อนคนอื่น
ได้คนทั้งสี่คอยช่วยเหลือ เขายิ่งวางใจได้มากขึ้น
เมื่อผู้อาวุโสเห็นว่าจิ่งหาวมีสีหน้าผ่อนคลาย “เจ้าห่วงตัวเองดีกว่า  ถังเทียนมีพรสวรรค์  ความก้าวหน้าของเขาไวกว่าพวกเจ้า เขาสามารถสร้างสุดยอดวิชาโดดเด่นขึ้นมาได้  อันดับของเขากระโดดก้าวหน้าไปมาก  อย่าได้ถูกเขาทิ้งห่างเสียเล่า”
จิ่งหาวกระตือรือร้นและมั่นใจ “อาจารย์วางใจได้  ข้าได้ความคิดดีๆ เกี่ยวกับวิชากระบี่แล้ว ข้าจะบัญญัติวิชาเฉพาะขึ้นมาได้แน่”
ผู้เฒ่าพยักหน้ายินดี  “เจ้ามักฝึกฝนมิได้ขาด  ข้าสามารถวางใจได้  แต่เรื่องสมบัติกลุ่มดาวพิณครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของกลุ่มเราในอีกยี่สิบปี  เจ้าต้องระมัดระวัง”
น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาไม่สามารถเข้าไปดูสมบัติกลุ่มดาวพิณได้ในครั้งนี้ ซึ่งทำให้เขาเป็นกังวล
จิ่งหาวคำนับ  “ข้าจะทำอย่างดีที่สุด!
 

4 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบตุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

คุณหนูหานปิงจะได้สู้เคียงข้างพระเอกอีกไหม555

แสดงความคิดเห็น