วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 289 ซือหม่าเซี่ยว

ตอนที่  289  ซือหม่าเซี่ยว
“ทหาร? ล้อเล่นหรือเปล่า? กลุ่มดาวหมาป่าจะมีกองทหารได้ยังไง?” บุรุษหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลลูบคางเยาะเย้ยขณะมองดูบริวารของเขาที่บันไดชั้นล่าง  ปากของเขายิ้มเยาะถากถาง  “อย่าหาข้ออ้างโง่ๆ เหล่านี้ดีกว่า! ข้าสงสัยพลังของเจ้ามากกว่า  หลังจากผ่านไปนานแล้วเจ้าก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ข้าขอให้เจ้าไปเอามา  ตอนนี้องค์การวิญญาณมืดลงมาผสมโรงด้วยแล้ว  เจ้าไม่เห็นหรือว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น?  เพราะตลอดยุคนี้ คุณชายผู้นี้จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้”

บุรุษที่สวมหน้ากากที่บันไดชั้นล่างคำนับ  เขายังคงเงียบด้วยความกลัว  หลังของเขาเปียกเหงื่อชุ่ม
 “ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกเดือนหนึ่ง  ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ  อย่างนั้นเจ้ากลับไปรอที่บ้าน คุณชายผู้นี้ไม่ต้องการสวะเช่นนั้น”
บนหัวเขามีผ้าคาดศีรษะ ใบหน้าของเขาดูเผินๆ ไม่น่ามีอันตราย  แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย
หัวใจบุรุษที่สวมหน้ากากสั่น  เขารู้ว่าคุณชายอาจพูดเหมือนล้อเล่น  แต่ใจของเขาอำมหิตและเย็นชามาก
เขาไม่กล้าปกป้องตัวเองหรืออ้อนวอนขอผ่อนผัน  ดังนั้นเขาจึงแข็งใจตอบ “ขอรับ”
 “ไปซะ ไปเถอะ”  คุณชายส่ายหัวและยิ้ม “เจ้าก็สู้ได้ดีเช่นกัน”
เมื่อออกมาจากห้องใหญ่  ลมเย็นกระโชกพัดมาทำให้รู้สึกถึงเหงื่อเย็น  เขารู้สึกได้ว่าตลอดทั้งร่างมีเหงื่อเปียกโชก
 “เขาไม่ได้โกหก”
จากด้านหลังของเขา ชายหนุ่มหน้าซีดคนหนึ่งเดินออกมา  เขาดูอ่อนแอสวมชุดขาวดูปกติ ผมยาวดำสนิท แต่ตาของเขามีแววเศร้าหมองเลือนราง
ชิวจื่อจวิน แม้แต่ในสมาคมรวมตระกูล ทุกคนรู้จักเขาได้ยาก
 “ข้ารู้” บุรุษผมสั้นหัวเราะ และหยิบของขบเคี้ยวบนโต๊ะใส่ปาก พึมพำ “ข้าเพิ่งใช้เขาไปทดสอบฝีมือพวกวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธ  ลุงรองกังวลมากเกินไป และตัดสินใจเก็บเขาไว้  แม้ว่าเขาตาย นั่นก็ช่วยประหยัดพลังงานของลุงรอง  ผู้อาวุโสรุ่นก่อนกังวลมากทำให้ตายก่อนเวลาอันสมควร”
สมาคมรวมตระกูลเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยตระกูลต่างๆ  ขณะที่ตระกูลซือหม่าคือหนึ่งในเจ็ดตระกูลชั้นสูง
ซือหม่าเซี่ยวคือบุตรของซือหม่าเทาแห่งสายตระกูลที่สาม  ซือหม่าเทาตายตั้งแต่อายุยังน้อย  ดังนั้นซือหม่าเซี่ยวและมารดาของเขาจึงสนับสนุนคนอื่น  ภายในสามสายตระกูล นับว่ามีพลังอ่อนด้อยที่สุด  ด้วยการที่มีบุพการีเหลืออยู่คนเดียว เขาจึงถูกรังแกเป็นปกติ  แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขามักจะหัวเราะได้เสมอ
จนกระทั่งซือหม่าเซี่ยวอายุได้สิบสี่ปี ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่  ซือหม่าเซี่ยวที่ไม่โดดเด่น  โผล่ขึ้นมาในฐานะคนที่สามของการแข่งขันในตระกูล
จากนั้นซือหม่าเซี่ยวถูกดึงไปและแยกไปดาวเหยากวง  ไม่มีใครคิดว่าในสามปีจู่ๆ ดาวเหยากวงก็มีอำนาจเพิ่มพูน ภาษีและการเงินของพวกเขาได้รับผลกำไรสามเท่า ไม่เพียงแต่แค่นั้น  ยิ่งกว่านั้นเขายังค้นพบสายแร่เจ็ดสาย  ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลของสมาคมรวมตระกูลจึงประทับใจเขาทุกคน
การโดดเด่นขึ้นมาอย่างฉับพลับของเขาทำให้สายตระกูลที่หนึ่งและที่สองอิจฉาและหลังจากไตร่ตรองหาทางมากมาย สมาคมรวมตระกูลส่งคนไปสืบสวนเขาที่หมู่ดาวกิ้งก่า  กลุ่มดาวกิ้งก่าเป็นหนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ อำนาจของพวกเขาที่นั่นยุ่งเหยิงซับซ้อนก่อให้เกิดสถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อน  ซึ่งสมาคมรวมตระกูลไม่มีอำนาจเลย
ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าซือหม่าเซี่ยวจะพลิกสถานการณ์ทั่วทั้งดาวได้ หลังจากดึงดันต่อสู้ในช่วงเวลาสั้นๆ สามปีแล้ว  สมาคมรวมตระกูลไม่เพียงแต่ยึดครองและอยู่ในกลุ่มดาวกิ้งก่าได้เท่านั้น  แต่ยังยึดครองดินแดนสามในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าได้อย่างเหนียวแน่น
ผลงานที่โดดเด่นของซือหม่าเซี่ยวทำให้เบื้องบนของสมาคมรวมตระกูลจับตาดูเขา  แต่ก็เหมือนครั้งก่อน กลับสร้างความแตกตื่นและเกียจคร้านให้กับสายตระกูลอื่น
เขาเตรียมจะโจมตีทั้งกลุ่มดาวกิ้งก่า แต่กลับถูกเรียกกลับบ้านอย่างเร่งด่วนเพื่อมอบเกียรติยศ ชื่อเสียงและความรับผิดชอบอย่างหนักให้เขา  แต่กลับเป็นสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองคิดจะฉวยโอกาสชิงความดีความชอบของเขาไป
เมื่อกลับมาสมาคม ซือหม่าเซี่ยวมีแผนการของเขาเอง นอกจากออกไปเยี่ยมผู้อาวุโสตระกูลที่ไม่มีอำนาจแล้ว  เขาจะอยู่แต่ในบ้าน และยากจะออกไปข้างนอก  แต่ไม่มีใครรู้ว่าในท่ามกลางความเงียบ เขากำลังวางแผน
ชิวจื่อจวินเป็นศิษย์พี่ของเขา
 “แต่ด้านถังเทียนก็มีอัจฉริยะที่มีกลยุทธแข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่คนหนึ่ง ทำให้ข้ารู้สึกอิจฉา!  ข้อมูลภายในสมาพันธ์ชาวยุทธก็มีมากกว่าของเรา”  ซือหม่าเซี่ยวกินขนมเต็มคำทำให้พูดไม่ชัด
ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะและพูดเฉื่อยชา  “มันไม่ใช่คนของสมาพันธ์ชาวยุทธ  คนของถังเทียนผู้นี้  นิสัยของเขาเยือกเย็นกว่า น่าจะเป็นคนส่วนตัวของเขาเอง  ถ้าสิ่งที่ลือไว้เป็นจริง  อย่างนั้นเรื่องเกี่ยวกับกองทัพดาวกางเขนใต้ปล่อยของบางอย่าง ก็อาจจะจริง”
 “มีเหตุผล” ซือหม่าเซียวเลียขนมจากนิ้วของเขาไม่สนใจภาพพจน์ตนเอง  “ถ้าเรามีกองทัพของเราเอง  อย่างนั้นหลายอย่างอาจจะง่ายขึ้น”
 “เจ้าก็สร้างเองได้ในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?”  ชิวจื่อจวินมีสีหน้าเฉื่อยชาขณะพูด
 “เฮ้ เฮ้!” ซือหม่าเซียวไม่มีความอายแม้แต่น้อยเมื่อถูกจับไต๋ได้  เขายังคงยิ้มต่อไป “ดีจริงศิษย์พี่ ท่านร่างกายอ่อนแอมาก กังวลมากจะทำให้ตายได้นะ  ถ้าเกิดท่านตายขึ้นมาจริงๆ ใครจะมาช่วยข้าดูแลเรื่องเหล่านี้”
ชิวจื่อจวินทำเหมือนไม่ได้ยินเขา  “สองสายตระกูลพ่ายแพ้หนักที่กลุ่มดาวกิ้งก่า ซือหม่าหงตายและซือหม่าอี่กวงบาดเจ็บหนัก”
ซือหม่าเซี่ยวดูเศร้าขณะหัวเราะ  “อัจฉริยะโดดเด่นตายเร็วขนาดนั้น นั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซือหม่าของเรา!  ส่งของขวัญสองชิ้นไปให้สองสายตระกูลภายหลัง  หวังว่าลุงทั้งสองจะไม่เศร้าเกินไป”
 “พวกเขาเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ”  ชิวจื่อจวินคร้านเกินกว่าจะสนใจท่าทางของซือหม่าเซี่ยว
ซือหม่าเซี่ยวจงใจทิ้งพื้นที่หนึ่งในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าไว้ ทำให้เขารู้ว่าสองสายตระกูลต้องการจะมาแย่งความดีความชอบ  ในช่วงสามปี  เขาไม่ได้ฆ่ายอดฝีมือที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่า  เพียงบีบต้อนพวกเขาเข้ามุม แต่ไม่โจมตี  เขาให้โอกาสพวกเขาได้หายใจแม้จะต้องการรู้ว่ามีประตูดวงดาวมากเท่าใดในพื้นที่ซึ่งเชื่อมต่อกับกลุ่มดาวเฮอคิวลิส
เป็นไปได้ยังไงที่กลุ่มดาวเฮอคิวลิสจะพ้นไปจากเงื้อมมือของสมาคมรวมตระกูล?
ยอดนักสู้ที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่ารวมตัวกัน บวกกับการสนับสนุนลับๆ จากกลุ่มดาวเฮอคิวลิสเป็นกองทัพที่ทรงพลังแน่นอน  เมื่อโจมตีสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองจึงได้รับบาดเจ็บหนักเป็นธรรมดา
 “มันจะสำคัญยังไงต่อข้าเล่า?”  ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ  หน้าของเขาหยิ่งยโส  “พวกเขาเรียกข้ากลับ  ดังนั้นข้าก็มาอยู่ที่นี่  ปล่อยให้พวกเขาโจมตี  ข้าก็ยอมตกลงด้วย  ข้าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แล้ว อย่ามาทำให้ข้าเสียชื่อเลย”
 “ครั้งนี้สองสายตระกูลได้รับความเสียหายมาก”  ชิวจื่อจวินวิเคราะห์อำนาจอย่างใจเย็น “ท่านวางแผนจะใช้ผู้อาวุโสของตระกูลยังไง?”
 “ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ”  ซือหม่าเซี่ยวสั่นศีรษะเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ชื่อเสียงบารมีข้ายังไม่มากพอ”
ชิวจื่อจวินรู้ซึ้งการเตรียมการของซือหม่าเซี่ยว หลังจากคิดชั่วขณะเขาก็เข้าใจ  “เป้าหมายของท่านคือองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธใช่ไหม?”
 “รุ่นพี่ช่างฉลาด,  ชื่อเสียงของกลุ่มดาวกิ้งก่าจะได้มากเพียงไหนกัน?”  ซือหม่าเซี่ยวเผยยิ้มที่ไม่ธรรมดา  น้ำเสียงของเขาผ่อนคลาย  “สมาคมรวมตระกูลของเรามีผู้เยาว์ไม่มากนัก  แต่มักจะให้ความสำคัญกับคนรวย เทียบกับองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว เรายังคงด้อยกว่าและนั่นคือปัญหาของระดับสูง  แต่พวกเขากลับกลัวทั้งสององค์กรมาก  และในความเป็นจริง พวกเขาไม่มีความมั่นใจพอ  เวลานี้ใครก็ตามที่สามารถเป็นฝ่ายตรงข้ามองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธได้  ตราบใดที่ยังเอาชนะไม่ได้  ทางเบื้องบนจะไม่สนใจเขาเลย”
 “ท่านไม่กลัวแพ้หรือ?”  ชิวจื่อจวินตกใจกับแผนของรุ่นน้องเขานัก  เพราะความคิดของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ตระกูลซือหม่า
 “ข้าจะแพ้ได้ยังไง?” บุรุษผมสั้นหัวเราะ  “มันจะเกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไร?  ชี่จื่อคือคนของลุงรอง เป้าหมายของวิญญาณมืดก็คือถังเทียน  สมาพันธ์ชาวยุทธต้องการปกป้องถังเทียน  สายตานับพันคู่จับตามองอยู่ คนแพ้จะเสียหน้า และสมาพันธ์ชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดจะกลืนกินของชิ้นเดียวกันได้อย่างไร?  สบายใจได้ เราเป็นแค่พวกเสียงเล็กเสียงน้อย ไม่มีใครจับตามองดูเราแน่นอน”
 “เจ้าวางกับดักให้เราสู้กับใครกันแน่?”  ชิวจื่อจวินพยายามข่มความตกใจและถาม
 “เฮ้, รุ่นพี่ อย่าใช้คำว่ากับดัก มันน่าเกลียดเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวมีท่าทีเจ้าเล่ห์ “ดังนั้นผู้อาวุโสมากมาย ใครก็ตามที่ยินดีจะสนับสนุนผู้เยาว์อย่างข้าก็จะถูกมองว่ามีคุณธรรม  ผู้อาวุโสคนใดก็ตามมีความเมตตาเพียงพอ  เวลาจะเป็นตัวบอก”
ชิวจื่อจวินมองดูศิษย์น้องของเขาที่กำลังยิ้ม  ใจของเขาค่อยๆ คิดล่วงหน้าทันที
แผนของศิษย์น้องอาจจะสำเร็จได้จริงๆ
เมื่อพิจารณาดูแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งซือหม่าเซี่ยวมุ่งไปที่จุดวิกฤติ ทำให้วิญญาณมืดกับสมาพันธ์ชาวยุทธหันมาสู้กันอย่างรวดเร็ว  ถึงเวลานั้นสภาพคงยุ่งเหยิงวุ่นวาย  ความตั้งใจของศิษย์น้องของเขาชัดเจนอยู่แล้ว  คว้าโอกาสจากวิกฤติ
 “ถังเทียนก็มีกองกำลังและนั่นคือตัวแปรที่ไม่แน่นอน”  ชิวจื่อจวินระบุ
ซือหม่าเซี่ยวเย้ยหยัน “จะตั้งกองกำลังจะทำง่ายๆ ได้อย่างไร? ก็แค่อาศัยชนเผ่าเล็กๆ พวกเขาจะสร้างสิ่งที่เรียกว่ากองทัพได้หรือ?  นอกจากนี้  ต่อให้พวกเขามีกองทัพ  อย่างนั้นฝ่ายที่ควรกังวลก็คือพวกวิญญาณมืด”
เขาลอบสร้างกองกำลังของเขา และนั่นไม่ง่ายจะหาได้พบ  ดังนั้นเขาไม่สนใจกองทัพของถังเทียนเท่าใดนัก
ในอีกด้านหนึ่ง อันไป่ตาย เหมาจวินแขนหัก ผลเช่นนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้ชม
ทหาร!
กลุ่มดาวหมาป่ามีทหารจริงๆ
อันไป่และเหมาจวินเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งคู่  เพราะคนหนึ่งตายและอีกคนบาดเจ็บ จึงไม่ใช่งานง่าย  แต่ข่าวที่ถังเทียนมีกองกำลังมาจากเหมาจวินแพร่กระจายออกไป  ไม่มีใครสงสัยเหมาจวิน
ชายชราร่างผอมส่งเสียงดัง  “เจ้าไปเจออะไรมา?”
ชายชราผู้นี้มีนามว่าทู่ และเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งขององค์การวิญญาณมืด  ในองค์การวิญญาณมืดตำแหน่งผู้อาวุโสตระกูลได้รับการนับถือสูง  เมื่อข่าวของกองทัพดาวกางเขนใต้มาถึงเขา  เขาจึงตื่นเต้น
เขารู้มากกว่าคนธรรมดา
 “พวกเขาไม่ควรกลัวกองกำลัง”  ต่อหน้าเขาเป็นสตรีนักสู้ที่สวมเกราะ  “ถ้าเป็นกองทัพจริงๆ เหมาจวินคงหลบหนีไม่ได้  ข้าคิดว่าคงก่อตั้งได้ไม่นาน  ดังนั้นพลังของเขาจะสูงหรือไม่ยังน่าสงสัยอยู่”
ในสถานะของพวกเขา กองทัพสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว  ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งเพียงไหน สำหรับยอดฝีมือแล้ว ถือว่าไม่มีอะไร
แข่งกันในเรื่องความแข็งแกร่ง ไม่มีอะไรแน่นอนในเรื่องความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
 “ถ้าข้ามอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ เจ้าจะรับมือได้ไหม?”  ผู้เฒ่าทู่เอ่ยขึ้น
 “ข้าต้องการกำลังองครักษ์หกคน”  นักสู้สตรีกล่าว
ผู้เฒ่าทู่ประหลาดใจ “เจ้ารู้สึกว่าต้องการองครักษ์หกคนหรือ?”
องครักษ์หกคนเป็นนักสู้ที่โดดเด่นที่สุดของเขา  นางเป็นผู้นำพวกเขา   และพวกเขามีพลังสายเลือดพิเศษทุกคนและแข็งแกร่งมาก  ผู้เฒ่าทู่ไม่คิดเลยว่า นางจะต้องการใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทันที
 “ใช้สิงโตไปไล่จับกระต่าย เราจะใช้กำลังของเราทั้งหมด”  นักสู้สตรีตอบ
หลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ  ผู้เฒ่าทู่จึงเงยหน้าตอบ  “ก็ได้, เจ้านำพวกเขาไปด้วย และเอาตัวถังเทียนมาให้ข้า”
 “รับทราบ!  สตรีนักสู้ตอบและหมุนตัวจากไป

5 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

aloha777 กล่าวว่า...

จะกองกำลังไหน กลุ่มก้อนใดๆ คิดจะจับ คิดจะทำร้ายพี่ถัง ก็ควรจะศึกษา อัตราการเติบโตของถังเทียนก่อน
ก็น่าจะมีข้อมูลกันอยุ่นี่ อายุเท่าไร ฝึกพื้นฐานอยุ่5ปี สรุปใช้เวลากี่ปีถึงได้มาอยุ่บนทำเนียบนักสู้นั่นได้ ยังจะเอาพวกระดับไล่ๆกันมาให้เป็นบันไดเหยียบอีก ไม่ไปหาพวกอันดับมากกว่า 5000 มาเฉือดซะเรยหละ อันดับพี่ถัง9600 เอานักสู้ระดับ 9000 มาบทจะชงให้มีหินเหยียบจริงๆ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น