วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 293 รู้ว่าข้าให้ก็พอ

ตอนที่ 293  รู้ว่าข้าให้ก็พอ

เหมือนกับสายลมกระโชก
สตรีนางนั้นเห็นแต่เพียงร่างหนึ่ง  ในสายตาคนอื่น มือของถังเทียนหายไปในอากาศ

ช่วงเวลาต่อมา มือของเขาตัดเข้าที่หลังของบุรุษร่างกำยำ พลังเกลียวเงินไหลไปตามฝ่ามือของเขาและระเบิดออก
ชี่..
เสียงเหมือนรอยขีดหนังทำให้บุรุษล่ำสันสั่น  จากนั้นเขาเหมือนถูกผลัก ร่างของเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะตั้งหลักได้  หน้าของเขาแดง ตาของเขาแสดงท่าทางตื่นกลัว  เขาสร้างชั้นปราณแท้เพื่อป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ต่อต้านคลื่นเกลียวเงินที่เข้ามาในร่างของเขา แต่ไม่มีประโยชน์
นั่นมันปราณแท้อะไรกัน?
เขาไม่สนใจอะไรอื่นและใช้ปราณแท้ในร่างของเขาอย่างเป็นกังวล ป้องกันปราณที่แหลมคมเอาไว้
 “เจ้ามีฝีมือที่โหดเหี้ยมนัก”
เสียงที่ใสชัดเจนดังขึ้น ร่างของสตรีนางนั้นพุ่งวาบเข้ามากันและขวางร่างของถังเทียน
บุรุษหนุ่มหน้ากากอุรังอุตังไม่ได้ตื่นเต้นแม้แต่น้อย  เสียงต่ำเข้มดังออกมาจากหลังหน้ากาก “ถ้าเจ้าต้องการสู้  ก็สู้กัน ทำไมต้องพูดไร้สาระด้วย”
ถังเทียนลอบประหลาดใจจริงๆ  มือดาบของเขาทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย  บุรุษร่างใหญ่แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด พลังเกลียวเงินของเขาหมุนชอนไชด้วยความเร็วสูง แรงทำลายล้างน่ากลัวมาก
แม้ว่าเขาจะประหลาดใจ  แต่นั่นก็ทำให้ความรู้สึกอยากสู้ของถังเทียนมีมากขึ้น
สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาแข็งแกร่งมากกว่าบุรุษตัวใหญ่
ถังเทียนไม่กลัวแม้แต่น้อย  แต่ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น  สำหรับเขาสามารถแลกเปลี่ยนประลองกระบวนท่ากับยอดฝีมือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ  เขารู้จักความแข็งแกร่งของตนเอง  เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง  เขายังคงด้อยอยู่บ้าง  เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา  เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายอาจทุบตีเขาจนเละก็ได้ หึ หึ คนวัยหนุ่มไม่ควรขาดการไล่ล่าอย่ากล้าหาญ
มีแต่คิดต่อสู้กับยอดฝีมือเท่านั้น เขาจึงจะก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง
เขามุ่งมั่นจะกลายเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด
ความตั้งใจสู้ในร่างของถังเทียนเพิ่มพูนขึ้น  ตาของเขามองดูสตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะไม่กลัว แต่ยิ่งกระตือรือร้นจะต่อสู้อีกด้วย  ถังเทียนอยู่ต่อหน้านางเป็นเหมือนเพลิงลุกโหม  นางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม  ร่างของนางโน้มไปข้างหน้า มือขวานางแตะอยู่ที่ฝักกระบี่ที่เอวนางโดยไม่รู้ตัว แว่นใหญ่ปิดบังหน้านางแต่ทั่วตัวนางแผ่รังสีเยือกเย็น
ถังเทียนที่สวมหน้ากากอยู่ก็ตื่นเต้นเลียฝีริมฝีปาก
แข็งแกร่งมาก!
แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนตื่นเต้นอย่างแท้จริงก็คือคู่ต่อสู้ปลดปล่อยปราณที่พิเศษเหมือนปราณกระบี่ชนิดหนึ่ง แต่ก็เหมือนกับปราณหอก  เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนพบกับปราณประหลาดแบบนั้น  เขาคุ้นเคยกับคนสองคนคืออาเฮ่อฝึกวิชากระบี่ ขณะที่หลิงซิ่วฝึกวิชาหอก  แต่ถังเทียนไม่เคยคิดว่าวิชากระบี่และวิชาหอกจะผสานรวมกันได้
น่าสนใจ!
ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง  ร่างของเขายังคงโน้มไปข้างหน้าเหมือนเสือชีตาร์รอระเบิดพลังในวินาทีใดก็ได้
ทันใดนั้น สตรีนางนั้นยืดร่างกายตรง  รังสีเยือกเย็นที่ปล่อยออกมาจากร่างของนางหายไปทันทีโดยไม่มีร่องรอย  นางหยุดมองถังเทียน  นิ้วมือขาวดุจหิมะของนางดันแว่นของนางขึ้นและพูดเย็นชา  “ท่านเฟ่ย, มันเป็นอุบัติเหตุ  ข้าต้องขออภัย  แต่ข้าเชื่อว่าเรายังคงจะมีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตอีก ขออภัยด้วย”
พูดจบนางก็เดินออกไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น บุรุษอีกสองคนเดินตามมาทันที
 “เอ๊ะ, ทำไมท่านหยุดเสียเล่า?” ถังเทียนยืนตรงทันที  หน้าเขายังมึนงงขณะที่เขาเกาหน้าผาก เขาไม่เข้าใจสถานการณ์  ก็แค่การวิวาทกัน แต่สตรีนางนั้นไม่ต้องการสู้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป  ถังเทียนแตกตื่นและตะโกนถามสตรีนางนั้น “เฮ้ เฮ้ คุณผู้หญิง, เจ้าไม่อยากสู้ด้วยเหรอ?”
ติงตังถอนหายใจและทำตาเหลือก เอามือทึ้งหน้าตัวเอง  นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เดินทางออกไปไหนกับเจ้านายนางอีกเลย
สตรีนางนั้นชะงักฝีเท้า  นางไม่คาดว่าจะได้พบกับคนอย่างถังเทียน
นางสูดหายใจลึกครั้งแล้วครั้งเล่า  อย่าทะเลาะกับเขา... รอให้เสร็จภารกิจก่อน..
 “เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เจ้ากลัวเหรอ?”
 “อืม, อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวจริงๆ?”
เสียงของถังเทียนดังลั่นไล่หลังและผู้คนที่ผ่านไปมามองด้วยสายตาประหลาด
ใบหน้าหลังแว่นของสตรีผู้นั้นดูไม่ดีอย่างมาก  นางกำหมัดแน่น ตลอดทั้งร่างเปล่งรังสีอำมหิตเยือกเย็น  บุรุษทั้งสองข้างนางรู้ว่าพี่สาวของพวกเขาโกรธ  จึงได้แต่เงียบด้วยความกลัว
เจ้าเด็กบัดซบนั่น  ข้าจะต้องทำลายเจ้าด้วยมือของข้าเอง
สตรีนางนั้นกัดฟันและสาบานอย่างจริงจัง
ถังเทียนไม่เข้าใจคิดของสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย  แต่รู้สึกแต่เพียงรังสีปราณที่นางปล่อยออกมาพิเศษมาก  ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขาเตรียมตัว  แต่เขาคาดไม่ถึงว่านางจะไม่สู้  ถังเทียนขมวดคิ้ว  ความอยากของเขาไม่ถูกเติมเต็มทำให้เขาไม่พอใจมาก
เขาตะโกนไล่สตรีนางนั้น “เฮ้ เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เราจะได้สู้กันอีกครั้งหรือเปล่า?  ข้าจะต่อให้เจ้าก็ได้  ทำไมข้าถึงไม่ใช้มือเดียวใช่ไหม? อือ.. เจ้าไม่ต้องการสู้...”
ต่อให้มือเดียว.....
สตรีนางนี้กำลังโกรธมาก  มือของนางจับด้ามกระบี่แน่น เพราะนางใช้แรงมากเกินไป  นิ้วของนางจึงซีดขาว
นางกำลังถูกดูแคลน!
นางกำลังถูกดูแคลนอยู่จริงๆ!
ตลอดชีวิตของนางไม่มีใครสักคนที่กล้าพูดกับนางแบบนั้น  ไม่มีเลยสักคน
อารมณ์ความโกรธที่รุนแรงพลุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจนาง นางหันมาทันที ทุบตีเจ้าบัดซบนี่ให้เละและตัดมันให้เป็นแปดเสี่ยงป้อนให้สุนัขกิน
บุรุษทั้งสองข้างนางทอดระยะห่างจากนางอย่างเงียบงัน  ทั้งสองคนมองหน้ากันเองแสดงสีหน้าประหลาดใจ  เมื่อได้ยินคำของถังเทียน  พวกเขารู้สึกว่าเขาไร้สาระนัก  ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่าเจ้าเด็กนี่ตายแน่!  ตามคาด, พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความโกรธของพี่สาวเขา  รังสีฆ่าฟันในตัวนางเพิ่มสูงขึ้นจนทั้งคู่กลัว  และทอดระยะห่างจากนางทันที กลัวจะถูกดึงเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษร่างกำยำ เขาบาดเจ็บภายใน ดังนั้นเขาเดินตามอย่างระมัดระวัง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต้องผงะก็คือ...ความพี่สาวไม่ได้หันไปฆ่าเจ้าเด็กนั่นจริงๆ
นี่ นี่ นี่....
หลังจากออกมาจากถนนที่ตั้งของผู้เฒ่าเฟ่ยแล้ว  ม้าขององค์การวิญญาณมืดอดถามมิได้ “หัวหน้า, ทำไมท่านถึงไม่...”
สตรีนางนั้นค่อยๆ สงบอารมณ์นางได้  “คืนนี้เราจะต้องเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่า  งานนี้สำคัญมากกว่า  เราไม่อาจเถลไถลได้”
แม้ว่าบุรุษที่เป็นม้าขององค์การวิญญาณมืดจะรู้สึกว่าแปลก ที่กลุ่มดาวหมาป่ามียอดฝีมือได้อย่างไร  แต่เขาไม่กล้าโต้เถียงกับสตรีนางนี้ ได้แต่พูดว่า “ข้าทราบ”
สตรีนางนั้นสามารถบอกได้ถึงความผิดปกติของเขาและพูดอย่างเฉื่อยชา “ศัตรูของเราครั้งนี้คือ สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธ”
ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสะดุ้งโหยงตกใจทันที เขากล่าว “สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธหรือ? นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”
 “ใช่”  สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็น  “นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก  ดังนั้นเราต้องเผชิญหน้าในสภาพที่ดีที่สุด มัวแต่เสียเวลากับเจ้าเด็กนั่นไม่สมควรเลย”
 “ภารกิจครั้งนี้สำคัญมากนักหรือ?”  ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดย้อนถาม
 “ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย”
สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็นจนทำให้ทั้งสองชะงักค้าง
นางหันไปถามบุรุษร่างกำยำ “อาการบาดเจ็บเจ้าเล่า?”
เขาส่ายศีรษะทันที “ไม่เท่าไหร่,  พรุ่งนี้ก็คงหาย”
กับวลีที่ว่า “ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย”   วลีสุดขั้วแบบนั้น มีแนวโน้มว่าพวกเขานั่นแหละจะเป็นพวกแรกที่ตาย
สตรีนั้นผงกศีรษะ  “ก็ดีแล้ว  หลังจากจบงานของเรา อย่างนั้นเราจะมาจัดการเรื่องนี้”
ทั้งสองคนแสดงท่าทีเห็นด้วย  นั่นคือรูปแบนิสัยของพี่สาวเขา
หลังจากคลายใจแล้ว บุรุษร่างล่ำสันถาม “ตาเฒ่านั่นแข็งแกร่งจริงๆ หรือ?”
ม้าวิญญาณมืดไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อย่าบอกนะว่าเจ้าก็สงสัยมาตรฐานงานของข้า?”
 “ไม่ ไม่!  บุรุษร่างกำยำโบกมือทันที
ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดแค่นเสียง  “แม้ว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะไม่มีชื่อเสียง  แต่เขามาจากที่ซึ่งมีประวัติแข็งแกร่ง เพียงแต่ไม่มีใครรู้เรื่องนั้น  ข้าใช้เวลาและพลังงานไปมากมายเพื่อจะได้รับข้อมูลยิ่งใหญ่นั้นมา  เมื่อ 200 ปีที่แล้ว มีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนหนึ่งนามอาแซ็ค ท่านเคยได้ยินบ้างไหม?”
 “อาแซ็ค ผู้ใช้ภาษาเลือดน่ะหรือ?”  บุรุษร่างล่ำสันประหลาดใจ  “อย่าบอกข้านะว่าผู้เฒ่าเฟ่ยก็คือศิษย์ของเขา?”
แม้แต่สตรีนั้น เมื่อได้ยินชื่อนั้นก็หยุดฝีเท้าของนาง
 “ไม่ใช่” ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสั่นศีรษะและเมื่อทั้งสองมีทีท่าผิดหวัง เขารีบพูดต่อ “เขาเป็นหลานศิษย์,  อาจารย์ของผู้เฒ่าเฟ่ยเป็นศิษย์คนเล็กของอาแซ็ค”
ท่าทีไม่แน่ใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของบุรุษร่างใหญ่  “อย่างนั้นเขาถูกบดบังไม่ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างไร”
อาแซ็คผู้ใช้ภาษาเลือดได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดในพันปีมานี้  ชื่อเสียงขนาดนี้ไม่ว่าจะอยู่ในที่ได้ ก็จะได้รับการยกย่องเฉลิมฉลองเป็นอย่างดี
 “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าอาแซ็คเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าในภัยพิบัติเมื่อสองร้อยปีก่อน  ศิษย์ของเขาทั้งหมดที่แยกย้ายกันไปอยู่ห่างไกล บางคนก็ไม่รู้เรื่องนี้  สำหรับผู้รอดโดยบังเอิญก็ไม่กล้าเปิดเผยตนเอง”  จากนั้นม้าหนุ่มองค์การวิญญาณมืดหัวเราะทันที  “มาตรฐานของผู้เฒ่าเฟ่ยนับได้ว่ามีประสิทธิภาพ  สายเลือดหงส์เทาไม่สมควรมีปัญหาสำหรับเขา”
บุรุษร่างกำยำพยักหน้า  “เป็นศิษย์ของผู้ใช้ภาษาเลือด นั่นเป็นธรรมดา”
สตรีนางนั้นไม่แน่ใจ  ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าถ้านางจากออกมาในลักษณะนั้น นางอาจไม่ได้พบผู้เฒ่าเฟ่ยอีก  แต่เมื่อคิดถึงงานของนาง  นางตัดสินใจทิ้งความคิดนั้นออกไป 
ถ้านางพลาดเรื่องผู้เฒ่าเฟ่ย  นางยังสามารถหาผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนอื่นได้
ถ้างานล้มเหลว ก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวนางได้เลย
 “ไปกันเถอะ” พูดจบแค่นั้น นางเดินนำหน้า
ที่ทำงานของผู้เฒ่าเฟ่ย
 “พวกเขาจะไม่ปล่อยไว้อย่างนั้นแน่”  ติงตังเตือน  “คนพวกนั้นมีเบื้องหลังที่ซับซ้อน”
ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้ว่าติงตังมีประสบการณ์และความรู้  สายตาเขาแข็งกร้าว  แต่ก็มีบางเรื่องให้ห่วงเช่นกัน  “อย่างนั้นเราจะทำยังไง?”
 “ทำไมไม่มาร่วมกับฝ่ายเรา?”  ติงตังเหลือบมองถังเทียนและให้คำแนะนำ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนตอบสนองทันที และผงกศีรษะ “จริงด้วย จริงด้วย!  มาร่วมงานด้วยกันเถอะ!  รับประกันได้ว่าท่านปลอดภัยแน่นอน”
หัวใจผู้เฒ่าเฟ่ยสั่นด้วยความกระตือรือร้น  สำหรับเขาแล้วเมืองหย่งอันไม่มีอะไร  เขาไม่อยู่ต่อก็ได้  ทั้งหมดที่เขาสนใจก็คือค้นพลังสายเลือดของถังเทียนและเขาก็สนิทกับติงตังมากและรู้ว่านางไม่ได้หลอกเขา  ผู้เฒ่าเฟ่ยลังเลชั่วขณะ  “พลังสายเลือดของเจ้าต้องให้ข้าค้นคว้าแน่นอน”
 “ไม่มีปัญหา”  ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเลใจ  “ข้าก็ต้องการค้นดูว่าพลังสายเลือดคืออะไรเช่นกัน”
นี่เป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง สามารถได้ตัวผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดอยู่กับตัวเราเอง จะไปหาสิ่งดีๆ แบบนี้ได้จากไหน  ต้องขอบคุณคนทั้งสามก่อนหน้านี้  เป็นคนดีจริงๆ
ผู้เฒ่าเฟ่ยพูดทันที  “เงินทุนก็ต้องได้รับการพิจารณาด้วย”
เขามีประสบการณ์รับมือกับเซรีนมามาก  ถังเทียนรู้วิธีที่จะคว้าตัวผู้เฒ่าเฟ่ยได้เป็นอย่างดี “ข้าจะต้องสร้างที่ทำงานให้ท่านก่อน อย่างน้อยก็ต้องร้อยล้านเหรียญดาว”
ผู้เฒ่าเฟ่ยน้ำตาคลอเบ้า  ในที่สุดเราก็ได้เป็นสหายกับผู้มีอิทธิพลแล้ว

9 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

พี่ถังก็ร่างกายอยากปะทะซะทุกตอนเลย555

Unknown กล่าวว่า...

เจอกันที่ดาวหมาป่าแน่เลย

Unknown กล่าวว่า...

วันไหนไหนขาดการปะทะผมว่าคงมีลงแดงแน่นอน!!!

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

พี่ถังสายเปย์

Unknown กล่าวว่า...

ดึงตัว สตรีลึกลับม้ามืดด้วยได้ไหม55
น่าจะโหด ไหนๆก้ได้ติงตังม้ามืดมาแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ไห้ตายก้เสียดายเปล่าๆ

แสดงความคิดเห็น