วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 570 ความตายและรอยยิ้ม



ตอนที่  570  ความตายและรอยยิ้ม

ด้านนอกประตูลับ
 “มอบกุญแจเงินมาให้ข้า”  ร่างขนาดใหญ่กำลังคุกคามกลุ่มมนุษย์ปลาการ์ตูนทำให้พวกเขากลัวจัดจนไปรวมตัวกระจุกอยู่ที่มุมข้างหนึ่ง

 “ข้าเสียใจจริงๆ”  มีแต่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าทาสเผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนที่เนื้อตัวโชกเลือดยืนตรงอย่างสง่างาม เขามองดูศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่าต่อหน้าเขาและส่ายหน้าอย่างแน่วแน่  “ต่อให้ท่านพิชิตเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมดและกลายเป็นจักรพรรดิสมุทร  ข้าจะไม่มีทางมอบกุญแจเงินให้ท่าน”
 “เจ้าอยากตายนักหรือ?”  ร่างขนาดใหญ่ยื่นมือคว้าตัวบุรุษที่ตัวโชกเลือดยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
เขาสวมชุดยาวสีแดงเลือดไม่ได้ต่อต้านอะไร  อยู่ในสภาพอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ดวงตายังคงมุ่งมั่น
ไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาของเขา
คนร่างใหญ่ฟาดร่างบุรุษที่สวมชุดยาวเลือดท่วมตัวลงกับพื้น
พื้นสร้างขึ้นมาจากหินอุกกาบาตแข็งแกร่ง  ดังนั้นแรงกระแทกจึงสร้างความเจ็บปวดรุนแรงให้กับเขา  บุรุษร่างเปื้อนเลือดถูกฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ซี่โครงหักไปสองสามซี่ ศีรษะของเขามีเลือดหลั่งไหล  อย่างไรก็ตาม เขาดิ้นรนลุกขึ้น เชิดอกยืนตรงเหมือนคันทวนเผชิญหน้ากับคนร่างใหญ่
เขาไม่พูด  แต่จากสายตาที่แจ่มชัดของเขา บอกได้เลยว่าคนผู้นี้ จะไม่ยอมแพ้กับความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ แม้แต่จะคุกคามเขาด้วยความตายก็ตาม  เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะคนที่ไม่กลัวตาย  ร่างที่ใหญ่โตนั้นอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เมื่อเขาเห็นบุรุษที่ร่างเปื้อนเลือดผู้นี้  ความละอายกลับกลายเป็นความโกรธเต็มที่
คนร่างใหญ่คำรามเต็มที่จนแผ่นดินสั่นสะเทือน
ในมือของคนร่างใหญ่มีโล่สลักลวดลายสิงโต  เมื่อเขาชูโล่ขึ้น, มันเปล่งรังสีเย็นทันที  สิงโตสีทองกระโดดออกมาจากลำแสงและกระโจนใส่บุรุษชุดเปื้อนเลือดทันที
เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง มันอ้าปากกว้างแล้วกัดทันที
บุรุษร่างเปื้อนเลือดหลับตาลงช้าๆ  เขาไม่พยายหลบหนี  เพราะเขารู้ว่าพลังในปัจจุบันของเขาดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหน  อย่างมากพวกเขาก็ทำได้แค่ทำลายร่างกายเขา
พวกเขาไม่มีทางทำลายปณิธานของเขาได้
แควก...
เลือดสาดกระเซ็น แขนของเขาชุ่มเลือดไปหมดเพราะถูกสิงโตทองกัด เลือดกระเซ็นกระจายไปในอากาศ
บุรุษผู้มีร่างเปื้อนเลือดยังคงอดทนต่อไปด้วยปณิธานของเขา  เขาไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจากหน้าผากของเขาเพราะความเจ็บปวด
 “เตียวเตียว เจ้าโง่หรือเปล่า? เจ้าจะจงรักภักดีต่อราชตระกูลเผ่าพันธุ์ทะเลไปอีกนานเพียงไหน?  เนื่องจากผู้อาวุโสตระกูลเจ้าอ้ายซื่อก็ตายไปแล้ว, เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้ากลายเป็นข้าราชบริพารของราชตระกูลและเป็นของเล่นให้เขาใช้งาน”  บุรุษร่างใหญ่คำรามใส่บุรุษที่ร่างเปื้อนเลือด  “ตอนนี้ เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของพวกเจ้ามีโอกาสได้รับอิสระ  แต่เจ้าก็ยังดื้อรั้นยืนกรานจงรักภักดีต่อนางแม่มดราชินีแมงกะพรุน  เจ้ามัวแต่เลียเท้านางจนสมองของเจ้าหายไปหมดหรือไง?  เจ้าจะได้อะไรจากการจงรักภักดีนาง?  นางให้เสรีภาพเจ้าหรือเปล่า?  พวกเจ้าจะต้องเป็นทาสตลอดไป เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า ความใจอ่อนของเจ้าทำให้ต้องเป็นทาสมาพันๆ ปี  ตระกูลของเจ้าจะต้องพินาศแน่  แค่เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า  มอบมาให้ข้าเสียดีๆ”
 “ท่านจ้าวมังกรสมุทร  ท่านไม่เคยเข้าใจราชินี...”  บุรุษร่างเปื้อนเลือดชื่อเตียวเตียวยังพูดไม่จบ เมื่อสิงโตทองพุ่งโจมตีเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้มันงับแขนเตียวเตียวอีกข้างหนึ่ง
จ้าวมังกรสมุทรยกมือขวาของเขาและเรียกแมลงกินเนื้อออกมาฝูงหนึ่ง พวกมันคลานเข้าหาทาสเผ่าปลาการ์ตูนที่กำลังหวาดกลัวและร้องอย่างสิ้นหวัง  จากนั้นชอนไชเข้าไปในร่างของพวกเขา  พวกมันเริ่มกินร่างพวกเขาช้าๆ
จ้าวมังกรสมุทรก้มหน้ามองเตียวเตียวด้วยสายตาสยบขวัญ “นี่ คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่ไหม? การต่อต้านข้า ผลลงเอยจะทำให้เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้าถูกกำจัดทั้งหมด”
สายตาเตียวเตียวยังคงมุ่งมั่นกว่าเดิม  “การเสียสละทั้งหมดคุ้มค่า  ท่านไม่เข้าใจความหมายการเสียสละของพวกเรา...”
จ้าวมังกรสมุทรไม่รอให้เตียวเตียวพูดจบ เขาคว้าเตียวเตียวขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยวจากนั้นกระแทกร่างของเขาลงกับพื้น
นอกจากนี้เขายังเตะร่างเตียวเตียวอย่างแรงจนซี่โครงหักและเขากระอักโลหิตออกมาสองกอง
 “นี่คือความภาคภูมิใจของเผ่าเราทุกคน เส้นทางสำหรับจักรพรรดิสมุทรใหม่จำเป็นต้องเสียสละเลือดของคนสองสามคนอยู่แล้ว”  เตียวเตียวพึมพำก่อนที่เขาจะตาย  แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมากและดูเหมือนเขาแทบไม่เหลือสติอยู่แล้ว  แต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
 “ตาย!  จ้าวมังกรสมุทรย่ำกะโหลกของเตียวเตียวด้วยความโมโห  จากนั้นจึงให้ฆ่ามนุษย์ปลาการ์ตูนทั้งหมด
ในที่สุดความโกรธของเขาก็ไม่อาจบรรเทาลงได้  เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าส่งเสียงคำรามก้อง
เสียงคำรามของเขากึกก้องไปทั้งตำหนักสมุทรอย่างต่อเนื่อง
ถึงเวลานี้ มีมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนซึ่งมีร่างกายสั่นเทิ้มคนหนึ่ง เขาเพิ่งก้าวเข้ามาในสมาคมนักรบของหอทงเทียน  เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับมารยาทของทาส  เขาคำนับให้พนักงานต้อนรับของสมาคม และขอร้องอย่างสุภาพ  “ท่านได้โปรดช่วยส่งจดหมายลับสุดยอดได้ไหม? ขอเป็นประเภทที่คนอื่นมิอาจเปิดออกได้นอกจากผู้รับ”
พนักงานต้อนรับของสมาคมพยักหน้าขึงขัง  “ส่งจดหมายลับ ค่าธรรมเนียม หนึ่งพันเหรียญทอง ข้าขอถามเจ้าจะให้ข้าส่งให้ใคร?”
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนสั่นศีรษะอย่างละอายใจ  “ข้าไม่มีเงิน  แต่ข้าขอให้ท่านรับค่าธรรมจากผู้รับปลายทางได้ไหม?  ผู้รับจดหมายจะจ่ายให้ท่านแน่นอน!
พนักงานต้อนรับส่ายศีรษะ  “สมาคมนักรบไม่มีสัญญาการชำระเงินดังกล่าว  เจ้าบอกมาก่อนว่าใครจะเป็นผู้รับจดหมายนั้น?”
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนไม่ตอบ  เขาล้วงจดหมายที่เขาเตรียมไว้ออกมาและมันถูกผนึกไว้ก่อนแล้ว  เขาทูนจดหมายไว้เหนือศีรษะ เมื่อทาสส่งรายงานให้เจ้านายของเขาและส่งมอบให้พนักงานต้อนรับ  เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นชื่อของผู้รับจดหมาย  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที  โดยไม่มีการเสียเวลา เขาคุกเข่าลงและน้อมรับจดหมายไว้  “สมาคมนักรบไม่เคยส่งจดหมายโดยมิได้รับเงินมาก่อน  ถ้าผู้รับเป็นท่านผู้นี้  ข้า ข้าจะช่วยเจ้าชำระเงินไปก่อน  ขอถาม เจ้ามีคำพูดใดจะส่งไปให้ท่านผู้รับจดหมายหรือไม่?”
 “ผู้ต่ำต้อยเป็นเพียงส่งความปรารถนาแทนผู้เป็นนายเท่านั้น  ตัวข้าเองไม่มีอะไรจะบอกไปให้ผู้รับ”  มนุษย์ปลาการ์ตูนล้วงกุญแจจันทราเงินที่ส่องแสงสว่างออกมาอีกดอก และส่งให้พนักงานต้อนรับที่กลัวที่จะรับจดหมาย  “ความปรารถนาประการที่สองของนายข้าก็คือให้ผู้รับจดหมายปกป้องกุญแจจันทราเงินนี้ชั่วคราว”
เมื่อพนักงานต้อนรับรับกุญแจเงินจันทรา  มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนก็คำนับเขาอีก
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนเดินออกมาจากสมาคมนักรบและค่อยๆ นั่งคุกเข่ากับพื้น หมอบคำนับไปทางท้องฟ้าทะเลไร้ขอบเขตสามครั้ง
จากนั้น เขาล้วงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาและปักเข้าที่หัวใจ... ก่อนที่เขาจะตาย  ริมฝีปากของมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเหมือนกับรอยยิ้มของเตียวเตียวก่อนตาย
ภายในประตูลับในป้อมดาวตก สนามต่อสู้
ฟงจู้หัวเราะดังลั่น  “น่าสนใจนัก เราไม่เคยเห็นคนที่น่าสนใจและอสูรที่น่าสนใจมาก่อน”
เย่ว์หยางทำเหมือนกับได้รับเกียรติอย่างจึงตอบกลับ “เช่นเดียวกัน”
เป่ยฟงเจียโส่วเริ่มสนใจด้วยเช่นกันจึงถามขึ้น “สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง?  จักรพรรดิอวี้ตายจริงๆ หรือเปล่า?”
 “จักรพรรดิอวี้น่ะหรือ?  บางที บางที ข้าก็ไม่แน่ใจนัก เขาอาจตายไปแล้วก็ได้”  คำตอบของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้หัวหมุน
 “อย่างนั้นประตูแดนสวรรค์ปิดอย่างแท้จริงหรือไม่  เจ้าได้ยินข่าวจากตำหนักกลางในแดนสวรรค์มาบ้างไหม?  เจ้ารู้ไหมว่าใครคือสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้?  ใช่เจ้าตำหนักทั้งสี่ที่สังกัดตำหนักกลางหรือไม่?”  เป่ยฟงเจียโส่วถาม
 “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องประตูแดนสวรรค์มาก่อน  ดังนั้นจึงไม่รู้  แต่ข้าได้ยินว่ามีเจ้าหน้าที่ของเมืองเฝ้ารักษาอยู่  ดังนั้นข้าไม่กล้ามา  ข้าไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเจ้าตำหนัก แต่เมื่อพูดถึงเรื่องตำหนักกลาง ข้าพอรู้จักคนอยู่ไม่กี่คน ก็มีเฮยหู, ชางเหยียน, เยี่ยนจุนและเยี่ยนจง ข้าเคยร่วมกินอาหารค่ำกับพวกเขามาก่อน ทุกคนในพวกนั้นสมควรถูกทุบตี  พวกเขาหยิ่งยโสกันทุกคน  ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเฮยหูถูกจับเมื่อเขาแอบไปเที่ยวอาบอบนวดที่บ้านสระสวรรค์   พวกท่านก็รู้เช่นกันว่าปัจจุบันนี้พวกเขาเคร่งครัดเรื่องแบบนี้กัน  ก็คงแปลกละถ้าเขาไม่ถูกจับ  ข้าเคยเห็นรูปเขาในข่าวครั้งหนึ่ง” เย่ว์หยางพูดเรื่อยเปื่อย
 “เฮยหู?  ใครกันหว่า เฮยหู?” เป่ยฟงเจียโส่วจำไม่ได้เลยว่ามีคนชื่อนี้ในตำหนักกลางด้วย
 “ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักส่วนนอกตำหนักกลาง ในฐานะเจ้าหน้าที่ของประเทศ เขาใช้เงินส่วนรวมไปเที่ยวอาบอบนวด  ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจะทนได้ยังไงกัน”  เย่ว์หยางปรับเปลี่ยนสำเนียงแล้วปรบมือฉลอง “โชคดี เฮยหูกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย”
 “ซึมเศร้า?  ฆ่าตัวตายเหรอ?”  เป่ยฟงเจียโส่วพบว่าหลังจากเขาอยู่ที่นี่นานหกพันปี พวกเขากลายเป็นพวกตกข่าวไม่ทันเหตุการณ์โดยสิ้นเชิง
 “นี่คือสิ่งที่ทางการแถลงไว้...” เย่ว์หยางชี้ให้เห็นว่า เขาเตรียมจะเปิดเผยความจริงที่สาธารณชนทั่วไปไม่มีโอกาสได้รับรู้
 “อย่างนั้นสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้คือใครกัน?”  ฟงจู้ยังคงคลางแคลงใจเรื่องของเย่ว์หยาง
 “ข้าคิดว่าพวกเขาชื่อหมิงเย่ว์กวง, จิ่วเซียวและซิวคง,  ทำไมหรือ?  พวกท่านเป็นสหายกันหรือ?”  เรื่องราวครึ่งจริงครึ่งเท็จของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้เวียนหัวหนักกว่าเดิม  แต่นางเซียนหงส์ฟ้ากลับรับฟังอย่างเพลิดเพลินทุกเรื่อง
 “เป็นไปได้ยังไง!  สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ตะวันตกจะก่อสงครามกับจักรพรรดิอวี้? พวกเขาเคยเป็นทูตนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่รับเชิญจากหอทงเทียนขึ้นสู่แดนสวรรค์ตะวันตก”  ฟงจู้แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ  ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น  แม้แต่เป่ยฟงเจียโส่วที่เกิดในตำหนักกลางแดนสวรรค์ก็พลอยตกใจไปด้วย ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง  เมื่อเย่ว์หยางเห็นสีหน้าของคนทั้งสองแล้ว  เขาพออนุมานได้ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์  อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เขากังวล ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์หกพันปีที่แล้ว  ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
 “คุยกันพอแล้ว เราควรจะเข้าไปในคุกอัคนีกันเดี๋ยวนี้!  นางเซียนหงส์ฟ้าฉุดเย่ว์หยางออกไป  ถ้าพวกเขายังจะจ้อกันต่อไป ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยอาจจะเสียชีวิตก็ได้
 “ใช่แล้ว ถ้าพวกท่านไม่ทำงานของท่านให้ดี  ข้าจะต้องตัดเงินเดือนพวกท่าน พวกท่านควรจะป้องกันที่นี้อย่างระมัดระวัง  ในอนาคตข้าจะแนะนำสาวงามที่เป็นองครักษ์เหมือนกันให้สักคนหนึ่งก็ได้  นางชื่อหม่าเหวย  นางสวยมากทีเดียว  แต่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์เล็กน้อย  นางเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนท่านทั้งสอง ดังนั้นพวกท่านจะมีบางอย่างที่คล้ายกันไว้คุยกันได้แน่นอน”  เย่ว์หยางโบกมือและเดินออกไปพร้อมกับนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย
พวกเขาเข้าไปในคุกหินอัคนี ปล่อยให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้ากันเอง
อย่าว่าแต่เฮยหู ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักกลางชั้นนอกเลย สาวงามหม่าเหวยคือใครกันแน่?
ยิ่งทั้งสองคนนี้คิดมากขึ้น ก็ยิ่งงงมากขึ้น ขณะที่พวกเขามองดูดวงดาวระยิบระยับเหนือโดมด้านบน  ทั้งสองคนหลับตา
ในคุกหินอัคนีมีสองระดับชั้น  ระดับที่สูงกว่าจะเต็มไปด้วยรูปปั้นปีศาจที่มองดูน่ากลัวมากมายมองคลับคล้ายวงเวทอักษรรูนเลือนราง  ดูเหมือนจะมีคำสั่งแฝงอยู่ แม้ดูเผินๆ จะสับสนวุ่นวาย  รูปปั้นปีศาจที่น่ากลัวนั้นมีข้อความกำกับอยู่  เย่ว์หยางที่ได้ความรู้จากมารดาสหายผู้น่าสงสารไปสามารถจำข้อความได้ส่วนหนึ่ง  รูปปั้นปีศาจที่ดูน่ากลัวทั้งหมดก็คือข้อมูลของปีศาจโดยเฉพาะ  ตามคำบางส่วนที่ระบุไว้  เย่ว์หยางตัดสินได้เลยว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นนักรบจากแดนอเวจี
เมื่อเย่ว์หยางลงไปถึงชั้นล่าง  เขาก็ตระหนักได้ว่าราชินีแมงกะพรุนกำลังนอนอยู่กับพื้น
ดูเหมือนว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านางได้รับผลกระทบจากอสูรตัวหนึ่ง  นักรบเผ่าทะเลจำนวนหนึ่งกำลังหลับสนิท
เจี๋ยเหว่ยและคนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว  พวกเขารวมตัวกันอยู่ในมุมๆ หนึ่ง  ขณะที่นาคราชสมุทรเก้าหัวกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าปีศาจโบราณสูงห้าสิบเมตร  เขาดูเคร่งและภักดีขณะประกาศความจงรักภักดีของเขา  “เยาฟงยินดีสาบานด้วยชีวิต ถ้านายท่านประทานพลังให้กับข้าและยอมรับข้าในฐานะเป็นจักรพรรดิสมุทรคนใหม่ เยาฟงขอสาบานว่าจะภักดีนายท่านตลอดไป”

12 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

oa กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆค่ะ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ ใกล้จะได้แล้วๆๆ แสดงฝีมือแล้วสินะ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

aloha777 กล่าวว่า...

ขอบคุณผู้แปลครับ น้ำเยอะจริงตอนนี้ T_T ไม่ได้รู้ซักทีข้างในนี้มีตัวอะไร

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

อ้าว ซะงั้นแฮะ ตกลงราชินีแมงกะพรุนนี่ร้ายจริงหรือเปล่าเนี่ย....มันช่างลึกลับซับซ้อนจริงๆ

ป.ล. หม่าเหวยนี่มันใครกันกัน เย่ว์หยางมันเล่นมุขดาราในโลกก่อนหน้าเหรอ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น