วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 305 ดาวสงคราม

ตอนที่  305  ดาวสงคราม
“พวกมันต้องการสู้กับเรา”  ผู้เฒ่าฟงพูดอย่างเคร่งขรึม
คนที่เหลือมีสีหน้าขึงขัง  พวกเขาไม่รู้เรื่องของศัตรูมากนัก กลุ่มคนที่รุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ข้อมูลของพวกเขามีอย่างจำกัดมาก  ทักษะการรวบรวมข้อมูลพวกเขาว่าดีมากแล้ว  แต่จะได้รับข้อมูลที่มีค่ามากกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก

แม้ว่าคู่ต่อสู้จะรู้ที่มาของพวกเขา  แต่ก็ยังมีความคิดกล้าเข้าต่อกร  ก็หมายความว่าพวกเขามีความมั่นใจในฝีมือตนเอง  หรือพวกเขาอาจมีวิธีต่อสู้รูปแบบอื่น
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดนั่นไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น
 “เฮอะ, พวกมันต้องการใช้เราเป็นหินหยั่งเท้า”  มือกระบี่แขนเดียวพูดเย็นชา
 “มีทางเป็นไปได้มาก” สตรีผมม่วงหัวเราะ  “ถ้าพวกมันเอาชนะเราได้ 42 กลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ก็คงไม่สามารถต้านพวกมันได้  คงต้องไปขอบฟ้าเหนือ เป็นไปได้มากเลยว่าพวกมันอาจสร้างที่ของพวกมันเอง”
 “อย่างนั้นเราก็แค่ฆ่าพวกมันให้หมด”  บุรุษร่างใหญ่พูดอย่างดุดัน
แม้ว่าพวกเขาจะผ่อนคลาย แต่ใจของพวกเขาไม่กล้าทำท่าดูหมิ่นเลย
สายตานับคู่ไม่ถ้วนจับตาดูการต่อสู้ นานเท่าใดแล้วที่พวกเขาได้รับความสนใจมากเท่านี้?  ไม่เคยมีการรบครั้งใดที่ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันมาก  การพ่ายแพ้จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพวกเขา  ตั้งแต่อูเถี่ยหวี่ตาย นั่นทำให้ผู้อาวุโสของพวกเขาเสียหน้า  ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกครั้งในการต่อสู้ที่จะมาถึง...
พวกเขาติดตามถูหรูไห่มานานหลายปีและรู้จักอารมณ์และนิสัยของผู้อาวุโสของพวกเขาชัดเจน
เหมิงเว่ยอาจเครียดกับทุกคนและกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือทำภารกิจให้สำเร็จรวดเดียว”
นางเสริม “ท่านผู้เฒ่าเตรียมรางวัลสองพันล้านเหรียญดาวไว้เป็นรางวัลให้เรา”
ทุกคนสีหน้าเครียด สองพันล้านเหรียญดาวหมายความว่า  เหมิงเว่ยจะได้ห้าร้อยล้านและพวกที่เหลือจะได้คนละสามร้อยล้าน  ด้วยเงินรางวัลขนาดนั้น พวกเขาจะกล้าหาญยิ่งขึ้น ทุกคนรู้สึกเลือดลมพลุกพล่านทันที
สำหรับพวกเขา สามร้อยล้านเหรียญดาวนับเป็นจำนวนที่มาก
 “เฮ้, ครั้งนี้ท่านผู้เฒ่าใจกว้างมาก”  สตรีผมม่วงหัวเราะ
บุรุษร่างใหญ่ก็หัวเราะ  “ครั้งนี้เราคงต้องเอารถมาขนทอง”
เหมิงเว่ยตอบอย่างเย็นชา  “ข้าไม่ห่วงเรื่องผู้เฒ่าจวินโถวและดาบเดี่ยวเท่าไหร่ กับเป็นพวกเจ้าทั้งสามที่ต้องรับมือกับกองทหาร ต้องระวังให้ดี”
ผู้เฒ่าฟงหัวเราะ  “พี่สาว, ท่านดูถูกเราอยู่นะ  ทหารอะไรกัน ก็แค่พวกมือสมัครเล่นที่พยายามจะขู่คนอื่น  แม้แต่กับเจ้าโง่สองคนนั้น พวกเราสามารถกวาดล้างพวกมันได้รวดเดียว หากพิจารณาจากทุกอย่างแล้ว กองทัพนี้เพิ่งจะสร้างขึ้นมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว  ถ้ากองทัพสามารถสร้างขึ้นภายในสองเดือน  อย่างนั้นทหารพวกนี้ก็ไม่มีค่าอะไร   เดาซิว่าก่อนหน้านั้นพวกมันเป็นอะไร?  พวกมันทุกคนก็แค่นักสู้ธรรมดาในเผ่าของตนเอง  เดาว่าส่วนใหญ่พวกมันก็คือโจรทะเลทราย”
สตรีผมม่วงกระแอมและหัวเราะ  “ข้าไม่เชื่อว่าทหารอย่างนั้น จะขู่ขวัญคนได้จนถึงกับใจสั่นสะท้าน”
ผู้เฒ่าฟงหัวเราะ  “แต่ขุนพลวิญญาณที่นำทัพก็ยังมีมาตรฐานอยู่บ้าง  วิชาดาบปรมาจารย์ระดับแปด   ข้าไม่เชื่อเลยว่ามันจะมีความเชี่ยวชาญในข้อมูลการรบ   ข้าสงสัยจริงว่าถังเทียนไปได้ขุนพลวิญญาณเช่นนั้นมาจากไหน”
 “เขาคือคนที่โชคดีจริง”  สตรีผมม่วงพูดด้วยนัยต์เป็นประกาย  “ถ้าเพียงแต่เราพบเขาเร็วขึ้น”
ทันใดนั้น เหมิงเว่ยเงยหน้าขึ้น  จากนั้นพวกที่เหลือสามารถรู้สึกได้  พวกเขาหยุดคุยและมองไปข้างหน้า
ถังเทียนกำลังมา!
เหมิงเว่ยมองเห็นกองทหาร  หน้าของนางยังสงบแต่นางลอบถอนหายใจ  ผู้เฒ่าฟงพูดถูก  กองทหารไม่มีอะไรน่ากลัวจริง  พวกเขามีเพียงสองร้อยคน  และในแขนของพวกเขา ผู้คนดูผ่อนคลายและไม่มีวินัย การเคลื่อนไหวของทหารจะดูชุลมุน
เป็นเรื่องยากมากที่จะมีการต่อสู้ระหว่างกองทหารและนักสู้  ด้วยความแตกต่างของพลังเป็นเรื่องยากมากที่จะกำหนดได้  เนื่องจากความสามารถของการต่อสู้ของนักสู้ยังเหนือล้ำกว่าทหารธรรมดาและยังมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่า  และพวกเขาคล่องแคล่วมากกว่าและมักเป็นฝ่ายรุก  ขณะที่ความได้เปรียบของทหารก็คือพวกเขามีจำนวนมากกว่า และพลังของกองทัพย่อมแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับผู้เฒ่าฟงและอีกสองคน นักสู้ระดับสวรรค์วิถีไม่อาจมีท่าทีคุกคามได้ และพวกเขาสู้มาเป็นเวลานานแล้ว  แน่นอนว่าการมีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ทำให้การรับมือทหารหน่วยกล้าตายนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เหมิงเว่ยผ่อนคลาย การเกิดขึ้นอย่างฉับพลันของกองทหารทำให้ใจนางเครียด  เนื่องจากตัวแปรใหญ่ยังไม่อาจตรวจพบ  แต่หลังจากเห็นกองทหารกับตา ความกังวลที่เกิดจากการคุกคามก็หายไป
นี่คือการรบที่พวกเขาต้องชนะ!
ทั้งสองฝ่ายหยุดพร้อมกันและยืนเผชิญหน้าในระยะไกล
รอบๆ พวกเขาทุกคน ในท้องฟ้า ภาคพื้นดินมีคนมากมายปรากฏเพื่อดูการรบ  นักสู้ทั้งหมดเดิมทีต้องการดูอูเถี่ยหวี่ในการต่อสู้  ตอนนี้ความสนใจของพวกเขาทุกคนได้เปลี่ยนไปแล้ว
หกองครักษ์ตระกูลถูมีชื่อเสียงโดดเด่นและร้ายกาจ
นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีที่ระดับเหนือกว่า 9000 สำหรับกลุ่มดาวหมาป่านับเป็นเรื่องห่างไกลสำหรับพวกเขา
ในบรรดาผู้ชม มีผู้มาสังเกตการณ์จากกลุ่มทรงอำนาจหลายกลุ่ม สมบัติดวงดาวมากมายส่องประกาย  ขณะที่ผู้ชมทุกคนเตรียมตัวชมดูความสนุก หลายๆ คนมีสมบัติดวงดาวของกลุ่มดาวกล้องโทรทรรศน์ซึ่งสามารถจับรายละเอียดของการต่อสู้จากระยะห่างยี่สิบกิโลเมตรได้  สมบัติดวงดาวบางอย่างมาจากกลุ่มดาวแท่นบูชา และสมบัตินี้สามารถส่งทุกอย่างที่ตาเห็นไปยังที่ไกลได้
สมบัติดวงดาวเหล่านี้มักไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ถูกนำมาใช้เต็มศักยภาพในสถานการณ์แบบนี้
นักสู้ของกลุ่มดาวหมาป่าจ้องดูด้วยความอิจฉา  เพราะสมบัติดวงดาวเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นของที่หาได้ยากเท่านั้น  แต่ยังมีราคาที่แพงมาก   ไม่ใช่ว่านักสู้คนไหนๆ ก็สามารถซื้อหามาได้  เทียบกับกลุ่มเผด็จการของกลุ่มดาวหมาป่า  นักสู้ทั้งหมดเหล่านี้มาจากกลุ่มดาวระดับสูงมีมูลค่าที่มากกว่า
พวกเขาทุกคนเริ่มเอาเครื่องไม้เครื่องมือออกมาและขุดเข้าไปในทราย
คนพื้นเมืองของกลุ่มดาวหมาป่างงกันทุกคน และไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไร  นักสู้ทุกคนล้วนแข็งแกร่งและประสิทธิภาพเขาก็น่ากลัวมาก  หลังจากนั้นชั่วขณะ เนินทรายใหญ่สูงเกินกว่าห้าสิบเมตรก็ปรากฏขึ้น  และพวกนักสู้ทั้งหมดขึ้นไปด้านบนคอยดูใจกลางการต่อสู้
จากนั้นคนที่เหลือก็ตระหนักได้ทันที  และทุกคนเริ่มทำเนินทรายสูงบ้าง
จากมุมมองมุมสูง นับเป็นภาพที่งดงาม  สนามต่อสู้ระยะสิบกิโลเมตรว่างเปล่า  แต่ข้างนอกนั้น มีเนินทรายผุดขึ้นมาลูกแล้วลูกเล่าล้อมรอบสนามต่อสู้
บนยอดเนินทรายมีคนหลายคนรวมตัวเป็นกลุ่ม
ไม่มีใครในสนามต่อสู้ที่ถูกดึงดูดโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก
 “ทุกคนพร้อมหรือยัง?” ถังเทียนถามเสียงเคร่งเครียด  ตาของเขาเหมือนลุกไหม้เป็นเปลว
ไม่มีใครยุ่งกับเขา
ถังเทียนดูเหมือนจะไม่สนใจ  ชูมือทั้งสองะโกนลั่น  “ยาฮู้ว ลุย ลุย ลุย!
ร่างเป็นเปลวไฟสีแดงพุ่งทะยานออกไปก่อน  หลิงซิวไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าหลิงซิ่วไวกว่าเขาจริงๆ ถังเทียนตะโกน “ข้าก็มาแล้ว”
อาเฮ่อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้  เมื่อไหร่พวกเขาทั้งสองคนจะทำตัวน่าเชื่อถือได้สักที
หน้าของปิงดูไร้ความรู้สึก และเขาโบกมือ  “หน้า...เดิน”
ทหารค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ
ขณะที่ทางด้านเหมิงเว่ยมองดูศัตรูที่ไม่เป็นระเบียบ  พวกเขาก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น  ถ้าพวกเขาเป็นทหารจริง  ยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญจะคอยปกป้องพวกเขาอยู่รอบด้าน กองทัพนิ่งย่อมเป็นประโยชน์  แต่กองทัพกลับเคลื่อนที่ สำหรับยอดฝีมือกลับเต็มไปด้วยจุดอ่อนและช่องว่าง
พวกเขาทิ้งให้อาเฮ่อคอยปกป้องกองทัพ ซึ่งไม่เป็นมืออาชีพเกินไป
สีหน้าของเหมิงเว่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชา  “เปลี่ยนแผน ข้าจะรับมือถังเทียน  ดาบเดี่ยวไปโค่นหลิงซิ่ว ผู้เฒ่าจวินโถวพยายามแยกอาเฮ่อออกไป  พวกเจ้าทั้งสามคนกวาดล้างหน่วยกล้าตายพวกนี้ พยายามจบงานให้เร็ว”
กองทหารไม่ได้สงสัยจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของคู่ต่อสู้  โดยการโค่นถังเทียนและสหายอีกสองคน จากนั้นกวาดล้างกองทหารให้ได้ก่อน แล้วค่อยสร้างความได้เปรียบสู้กันหกต่อสาม
นั่นคือกลยุทธ์ของเหมิงเว่ย ที่ง่ายๆ และได้ผล
ก่อนที่นางจะพูดจบ  นางก็วิ่งออกไปทันที  อีกห้าคนที่เหลือก็พุ่งออกมาราวกับลูกธนูพร้อมกัน  ทุกคนพุ่งไปยังตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านถังเทียนหรือหลิงซิ่ว หรือเหมิงเว่ย พวกเขาทุกคนมีความเร็วว่องไวน่าประหลาดใจราวกับสายฟ้า  ทำให้นักสู้ของกลุ่มดาวหมาป่าถึงกับปากอ้าตาค้าง  และสำหรับผู้สังเกตการณ์ที่กลุ่มอำนาจจากที่อื่นส่งมา  พวกเขาแข็งแกร่งมากและมีความเข้าใจที่ดีกว่า  สายตาพวกเขาจับจ้องที่กองทหารอย่างรวดเร็ว
กองทหารเดินหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ช้า  แต่ในสนามรบนี้ พวกเขามองดูเหมือนกับว่าช้า
ข้างหน้าและข้างหลังแยกออก
ข้อห้ามในสนามรบ!
ผู้สังเกตการณ์หลายคนส่ายหัว  ในกลุ่มดาวที่เกี่ยวข้อง  หลายคนที่กำลังมองดูการรบต่างก็ส่ายหัวกันทุกคน  กองทัพที่ไม่มียอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญปกป้องนั้นอ่อนแอมาก
เป็นไปตามคาดสอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาคิด  ผ่านไปได้ครึ่งทาง บริวารทั้งหกของเหมิงเว่ยก็แยกเป็นสองทันที
เหมิงเว่ยและดาบเดี่ยวพุ่งเข้าหาถังเทียนกับหลิงซิ่ว
ขณะที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมิงเว่ยชักกระบี่ออกจากเอวนางและรังสีกระบี่สีทองบรรจบเข้ากับตัวกระบี่ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง  ในช่วงอึดใจ กระบี่ของนางก็ปกคลุมไปด้วยรังสีทอง   ถังเทียนพุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว  นางก็เป็นเหมือนกระบี่คมกล้าพุ่งแหวกอากาศ
ดาบเดี่ยวที่อยู่ข้างตัวนางมีสายตาเยือกเย็น  เขาใช้ท่าที่ประหลาดพิกลขณะที่กำลังวิ่ง  ร่างของเขาเอนไปทางด้านขวาเลียดเรี่ยพื้นมาก เหมือนกับว่าเขาสามารถล้มได้ทุกเมื่อ ดาบห้อยลงมาจากแขนสัมผัสกับพื้นทราย
ซี่....
คมดาบตัดเข้ากับพื้นทรายปล่อยเสียงเยือกเย็นถึงกระดูก
และเขาไม่ได้อยู่ในแนวเส้นตรง  แต่เริ่มเบี่ยงโค้งเล็กน้อย  ทรายด้านหลังเขามีรอยคลื่นใบมีดยาวของเขา
ปลายดาบเสียดกระดูกนั้นไม่สามารถคาดคำนวณได้
รูปแบบทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  แต่การโจมตีของพวกเขากำลังเริ่มต้นและดุเดือดพอกัน  ไม่มีความจำเป็นต้องพูด  นักสู้ของกลุ่มดาวหมาป่าพากันตะลึงกันหมด  พวกเขาไม่คิดเลยว่าเมื่อพวกเขาทำการเคลื่อนไหว จะน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก  แม้แต่ผู้สังเกตการณ์ที่ถูกส่งมาจากกลุ่มดาวระดับสูงก็ยังถูกพลังของคนทั้งสองดึงดูดความสนใจด้วย
หกองครักษ์ตระกูลถู เป็นไปตามที่คาด  ชื่อของพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่มีอะไร
ในใจของพวกเขาคิดว่าฝ่ายของถังเทียนแพ้แน่  สิ่งเดียวที่คู่ควรให้พวกเขาสนใจก็คือสมาพันธ์ชาวยุทธจะเคลื่อนไหวเมื่อใด  นั่นคือจุดสูงสุดสำหรับอารมณ์พวกเขา  พวกเขาไม่เชื่อว่าสมาพันธ์ชาวยุทธจะปล่อยให้ถังเทียนถูกองค์การวิญญาณมืดฆ่า
ทุกคนกำลังรอ  รอให้สมาพันธ์ชาวยุทธมีความเคลื่อนไหว
ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธทำการเคลื่อนไหว  นั่นจะเป็นการปะทะกันของสองมหาอำนาจระดับบน
ถังเทียนกับพวกมีอะไรจะต้องพิจารณา?
สำหรับพวกเขาแล้ว ถังเทียนและพวกของเขาก็แค่ชนวน  ไม่มีใครกล้าเชื่อว่าพวกเขาจะเอาชนะหกองครักษ์ตระกูลถูได้
ในด้านตระกูลซือหม่า ซือหม่าเซี่ยวกำลังมองดูสนามรบผ่านเลนส์แท่นบูชาบนโต๊ะของเขา  ปากของเขายังคงยิ้มและน้ำเสียงยังคงเหมือนล้อเล่น  เขาพึมพำกับตนเอง “ข้าช่วยพวกเจ้าขัดขวางความช่วยเหลือของเจ้า  โอกาสดีอย่างนั้นพวกเจ้าจะได้แสดงฝีมือด้วยตัวเอง  อย่าทำให้ข้าผิดหวัง พ่อหนุ่มถัง”
 (เขาคือคนที่ขัดขวางอาโมรี่และพวก และเตือนไม่ให้เคลื่อนไหว”
ชิวจื่อจวินพูดอย่างเย็นชา  “แม้พวกเขาจะสับสนวุ่นวายเพราะแผนเจ้า  แต่การล้างแค้นของเจ้ายังเร็วเกินไป”
 “เฮ้, อย่าคิดกับข้าง่ายๆ อย่างนั้นสิ”  ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ  “นี่เป็นแค่การทดสอบเล็กๆ น้อยๆ  ถ้าพวกเขาไม่สามารถผ่านด่านทดสอบนี้  พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
ชิวจื่อจวินตะลึง
ศิษย์น้องของเขามักถือตัวและไม่เห็นใครเทียบเท่าตัว  จึงสามารถกล่าวคำอย่างนั้นได้....
 

2 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

รอตอนต่อไป

แสดงความคิดเห็น