วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 307 ผึ้งล่องหน

ตอนที่  307  ผึ้งล่องหน

สถานการณ์ด้านหลิงซิ่วดีกว่าถังเทียนมาก
วิชาดาบของตู๋เตา (ดาบเดี่ยว) คล่องแคล่วว่องไว  ความเปลี่ยนแปลงในกระบวนท่าของเขาประหลาดมากจนทำให้หลิงซิ่วลอบประหลาดใจ  แต่หอกทะเลจุดของเขาเหมือนกับเป็นดาวข่มวิชาดาบ หอกทะเลจุดเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องและไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากคู่ต่อสู้

ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว) ยังคงประหลาดใจ นักรบบนหลังม้าอย่างหลิงซิ่ว วิชาหอกของพวกเขามักจะรุนแรงและใช้ในแนวตรง  แต่เขาคาดไม่ถึงว่าวิชาหอกของหลิงซิ่วจะครอบคลุมพื้นที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
หอกทะเลจุดเป็นเหมือนหนองน้ำที่มีพลังดึงดูดจากมัน  ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อรังสีหอกกวาดผ่านไปสองสามครั้ง หัวใจของตู๋เตารู้สึกได้ถึงอันตรายที่กล้าแข็งมาก
ใจของตู๋เตาตื่นตัว  เขารู้ว่ามันไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น
หน้าของเขา มีรอยสีดำและเหลืองปรากฏเหมือนกับลายผึ้งตัวหนึ่ง
ใจของหลิงซิ่วสั่นทันที  ปราณของคู่ต่อสู้กลับกลายเป็นคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นและเขาไม่สามารถตรึงเขาไว้ได้
ทันใดนั้นม่านตาของหลิงซิ่วหดลีบทันที  มือขวาของตู๋เตาหายไปในอากาศ
ไม่ทันรอให้เขาได้ตั้งตัว  รังสีดาบก็มาปรากฏต่อหน้าเขาทันที  รังสีดาบทุกส่วนมีขนาดเล็กเท่าปลายเล็บ  แต่รวมกลุ่มกันเป็นปริมาณหนาแน่นอยู่ด้วยกัน  มันดูเหมือนพาหนะต่อแตน  รังสีเยือกเย็นนับไม่ถ้วนฉายประกายรวมอยู่ในกลุ่มรังสีดาบ  ใครเห็นก็บอกได้ว่าอันตรายอย่างมาก
 “ดาบผึ้ง”
รังสีดาบคล้ายกับฝูงผึ้งมีความละเอียดอ่อนและหนา  เมื่อรังสีหอกปะทะกับมัน เกิดประกายไฟนับไม่ถ้วน ปริมาณของมันลดลงไปถึงครึ่ง แต่มันก็ทำลายหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วลงได้
หลิงซิ่วชะงักด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับความคิด ฟลามิงโกถอยทันที นิ้วของเขาบิดอย่างต่อเนื่องและในชั่วพริบตา รังสีหอกของเขาก็ถูกปล่อยออกมาอีก
หลังจากทำลายหอกทะเลจุดต่อเนื่องถึงสองชั้น ดาบผึ้งก็หายไป
ตู๋เตาไม่ได้ไล่ต่อ เขาจำเป็นต้องพักหายใจด้วยเช่นกัน หอกทะเลจุดของหลิงซิ่วเต็มไปด้วยแรงหนืดและดึงดูด  ถ้าเขาไม่ระวังให้ดี เขาอาจตกอยู่ใต้พลังวิชานี้ก็ได้  นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับวิชาหอกที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ทั้งสองฝ่ายจ้องกันอยู่เงียบๆ
หลิงซิ่วหยีตามองดูตู๋เตาที่ยืนยืดตัวตรงอยู่ต่อหน้าเขา ลวดลายผึ้งดำตัดเหลืองคลุมไปทั่วตัวของตู๋เตาทำให้ตัวเขามีสีสดใส  หัวใจของหลิงซิ่วมีแววคลางแคลงใจบางประการ  วิชาดาบของคู่ต่อสู้ทำให้เขามีความรู้สึกคุ้นเคย
ความรู้สึกคุ้นเคยนี้จู่ๆ ก็โผล่ออกมา หลิงซิ่วกล้าสาบานได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับวิชาดาบแปลกประหลาดนั้น
ตู๋เตารู้สึกว่าอุณหภูมิของเลือดเขาค่อยๆ ลดลง เขายิ้มเย็นชาและกำด้ามดาบแน่น
ชิ้ว!
ร่างของตู๋เตาหายไป
หัวใจของหลิงซิ่วเต้นแรง  ขณะเดียวกันรังสีเยือกเย็นปลดปล่อยมาจากด้านหลังคอของเขา
หลิงซิ่วไม่คิดอะไรหมอบร่างแนบกับหลังของฟลามิงโกทันที
ซี่.....
รังสีดาบเฉียดผ่านบนศีรษะเขาไป เป็นรังสีที่เยือกเย็นจนผมของหลิงซิ่วตั้งชัน ปลายผมสีเงินด้านหลังศีรษะของเขาถูกตัดไปปอยหนึ่งและปลิวกระจายไปกับสายลม
ไวมาก!
หลิงซิ่วมีประสบการณ์ต่อสู้มาก และฟลามิงโกก็สื่อสารความคิดกับเขาได้  มันไม่ได้ไปข้างหน้า  แต่กระโดดถอยหลังทันที
การโจมตีครั้งที่สองของตู๋เตากลายเป็นฟันใส่อากาศว่างเปล่าและใจของเขารู้สึกอึ้ง  นักสู้หลายคนเมื่อพบกับการลอบทำร้ายจากด้านหลัง ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือเคลื่อนไหวไปข้างหน้าเพื่อพยายามหลบศัตรู
การกระทำที่คาดไม่ถึงของหลิงซิ่วทำให้เขามีเวลาพักหายใจ
หอกทะเลจุดถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
ฟิ้ว
ร่างของตู๋เตาหายไป แต่ครั้งนี้หลิงซิ่วเตรียมตัวไว้แล้ว เขาบิดนิ้วอย่างนุ่มนวล และหอกทะเลจุดแปรสภาพเป็นหอกโจมตีรูปลูกกลมครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ
ไม่ต้องคำนึงว่าตู๋เตาจะลอบโจมตีจากด้านไหน  เขาจะต้องสัมผัสกับกระโจมหอก
เอ...แล้วเขาอยู่ไหน
หลิงซิ่วตระหนักได้ทันที ที่ตู๋เตาหายไป และหน้าของเขาเปลี่ยนทันที  ไม่ดีแล้ว เขาอยู่เหนือข้า
เงาใต้เท้าของเขาเริ่มมีเงาเข้มข้น
ด้วยความเร็วสุดยอดของเขา  ตู๋เตาเงื้อดาบสุดมือ รังสีดาบนับไม่ถ้วนคล้ายกับฝูงผึ้งสีดำส่งเสียงหึ่งๆ รอบดาบของเขา
เมฆดาบผึ้ง!
ตาของตู๋เตาเป็นประกายเยือกเย็น  เขาตัดสินใจจบการต่อสู้ให้รวดเร็ว  เมฆดาบผึ้งต้องใช้ปราณปริมาณมหาศาล ตู๋เตาจึงยากที่จะใช้ออก  แต่คาดว่าผู้ที่ทำลายได้คนแรกก็คือหัวหน้าเหมิงเว่ย
มือของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก่อให้เกิดรังสีดาบเล็กๆ นับไม่ถ้วน ทั้งหมดพ่นออกมาจากตัวดาบอย่างต่อเนื่องและเข้าไปรวมกลุ่มกับเมฆดาบผึ้ง
เมฆดาบมีความหนาแน่นมากขึ้น  ขณะที่ตู๋เตามีสีหน้าเครียด  สายตาเขาจับจ้องหลิงซิ่ว
ไป..และตายซะ
ตู๋เตากำลังร่วงลงมาจากฟ้า ใช้ท่าดาบที่ดุร้ายฟันลงมาอย่างรุนแรง
เพราะเหตุผลบางประการ หลิงซิ่วที่อยู่ข้างล่างมองดูแปลกๆ
**************************************************

กลุ่มดาวแกะ
 “เฮ้, จั่วเยี่ยน  เจ้าทำอะไรอยู่?”  โอวหยางสือชำเลืองมองจั่วเยี่ยนที่กำลังมองดูจอด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด  “เจ้ากำลังพักอยู่หรือ?  เจ้ามีสอบตอนบ่ายนี่”
 “ข้ากำลังดูคนต่อสู้”  จั่วเยี่ยนไม่ได้หันศีรษะมาตอบ  เขามองดูอย่างตั้งใจ มือถือถังข้าวโพดคั่วและพูดพลาง “การทดสอบทั้งหมดก็ศูนย์เหมือนเดิม  ทำไมจำเป็นต้องทำที่เหลือด้วย?”
โอวหยางสือต้องการร้อง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาลืมไปว่าเขากำลังคุยกับนักศึกษาคนหนึ่ง
จั่วเยี่ยนพูดโดยไม่มองดูโอวหยางสือพร้อมกับยัดข้าวโพดคั่วใส่ปาก  “นี่อาจจะได้รับการยกย่องว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง กลุ่มมหาอำนาจภายใต้สวรรค์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้  พ่อหนุ่มสุดหล่อ  ถ้าเจ้าพลาดการต่อสู้ครั้งนี้  นั่นจะเป็นความเสียใจไปชั่วชีวิตเจ้า...”
โอวหยางสือตื่นเต้นเล็กน้อย  แต่หลังจากคิดเรื่องอาจารย์ผู้ตรวจสอบจะทำการทดสอบตอนบ่าย  ใจของเขาก็สั่นไหว
ถ้านักศึกษาไม่ทำการทดสอบ  อาจารย์จะต้องเรียกเขาคุยแน่
ถ้าโอวหยางไม่ทดสอบ อาจารย์จะตีเขาจนตาย
 “ข้าเกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว ข้าต้องไม่ไขว้เขวเพราะเจ้าบ้านี่  แต่...”
 “การต่อสู้ที่ไหน?”  โอวหยางสือถาม  เขาเกลียดตัวเองที่ไม่มีวินัยเพียงพอ
 “กลุ่มดาวหมาป่า”  จั่วเยี่ยนไม่ได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของโอวหยางสือ ความสนใจของเขาอยู่ที่ภาพในจอ
 “ฮ่า” โอวหยางสือคิดว่าในที่สุดเขาก็พบโอกาสที่จะเยาะเย้ยพวกนักศึกษาแล้ว ดังนั้นเขาฉวยโอกาสหาข้ออ้าง  “เจ้าหนู เจ้าต้องใส่ใจที่อย่างนั้นด้วยหรือ!  กลุ่มดาวหมาป่า? ที่กันดารห่างไกลอย่างนั้นน่ะหรือ?  จะสามารถทำให้สวรรค์เปลี่ยนแปลงได้?  มีแค่เพียงกลุ่มดาวอย่างของเรา สิบสองตำหนักอุปราคาจึงจะมีคุณสมบัติทำเช่นนั้นได้”
 “หือ...”  คำตอบของจั่วเยี่ยนทำให้โอวหยางสือรู้สึกว่าจั่วเยี่ยนไม่ได้ฟังคำสอนของเขา” ขณะที่โอวหยางสือเตรียมจะพูดโจมตีอีก  จั่วเยี่ยนอ้าปากกล่าวทันที  “พูดถึงคนที่ใช้ดาบดูเหมือนเขาจะใช้พลังสายเลือดผึ้งของกลุ่มดาวผึ้ง”
โอวหยางสือตกใจและส่ายศีรษะ  “เป็นไปได้ยังไง?  นั่นมาจากดาวที่กลุ่มดาวแกะยึดไม่ใช่หรือ? เฮ้ ความรู้ประวัติศาสตร์ของเจ้าไม่มีอะไรเลยเหรอ?”
กลุ่มดาวผึ้งเป็นกลุ่มดาวโบราณที่หายไปแล้ว ถ้าเป็นกลุ่มดาวอื่น  โอวหยางสืออาจจะไม่รู้  แต่กลุ่มดาวผึ้งนักศึกษาของกลุ่มดาวแกะทุกคนรู้จักดี เพราะมันถูกผนวกเข้ากับกลุ่มดาวแกะ
ทันใดนั้นโอวหยางสือคิดถึงสถานะของนักศึกษาที่อยู่ต่อหน้าเขา  ความรู้สึกที่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าใจผิดพลาด  เขาเข้าไปดูใกล้ๆ เมื่อเขาเห็นจอมดาบแขนเดียว เขาอุทานขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
 “นั่นคือพลังสายเลือดของกลุ่มดาวผึ้ง”
 “ก็ใช่น่ะสิ” จั่วเยี่ยนตอบอย่างรวดเร็ว   ความเร็วสูงมากจนเหมือนกับมีพลุอยู่ในปากเขาแล้วระเบิดออกมาเป็นตรง พุ่งออกมาจากปาก  เขาพึมพำ  “กลุ่มดาวผึ้ง เราน่าจะไปจับคนที่ค้นคว้าดีไหม?  นี่ยากจะหาโอกาสได้  ต้นกำเนิดของกลุ่มดาวแกะเราและกลุ่มดาวผึ้งเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง  ใครจะรู้ เราอาจพบบางอย่างที่น่าสนใจจากนั้นก็ได้..”
หัวใจโอวหยางสือเคร่งเครียด  แต่เขายังใจเย็น และเขายังพูดกับตัวเองต่อไป  “อย่าเพิ่งไป  อย่าเพิ่งไป...”
 “แล้วเรื่องสอบจะเอายังไง?”
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น โอวหยางสืออยากเอาหัวกระแทกเต้าหู้ตายนัก
 “สอบ?  มีโอกาสดีๆ อย่างนี้อยู่ต่อหน้าเจ้า และเจ้ายังคิดเรื่องสอบอีกหรือ?  เจ้ามีความคิดที่ตื้นขนาดนั้นเชียวหรือ?  ก็ได้ ข้ายอมรับว่าข้ามองเจ้าผิดไป!  อย่างมากก็ทนสักเดือนหนึ่ง และนั่นก็คือการลงโทษหนักสุดที่เราสามารถเผชิญ  ศิษย์พี่ คิดดูแล้ว กับการทำงานหนักเดือนหนึ่งแลกกับโอกาสดีๆ สักครั้ง มีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องปฏิเสธ”
จั่วเยี่ยนเริ่มพ่นคำออกมามากมายทันที ทำให้โอวหยางสือรู้สึกมึนงง
 “ก็ได้ ข้าจะไป”
เมื่อพูดเช่นนั้น โอวหยางสือตื่นขึ้นจากสภาวะที่ไม่ได้ตั้งใจ  และเสียใจทันทีและกล่าว “สิ่งที่ข้าหมายถึงก็คือ...”
จั่วเยี่ยนตบไหล่ของโอวหยางสือหนักๆ และห้ามไว้  ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพต่อโอวหยางสือ “เป็นไปตามคาดของศิษย์พี่โอวหยาง, สติปัญญาและแรงบันดาลใจของเจ้าไม่ใช่ว่านักเรียนอื่นจะมี ความฝัน  ความฝันของเจ้าจึงควรค่าแก่การชื่นชม  มีแต่คนอย่างเจ้าเท่านั้นจึงเหมาะจะมีความฝันเช่นนั้น  แน่นอนว่าเราจะกลับมาพร้อมกับรางวัลการเดินทางและเวลานั้นทุกคนจะประหลาดใจกับการค้นพบของเรา  ซึ่งแม้แต่ศิษย์พี่จื่อหลิงก็คงประหลาดใจมากและสรรเสริญความสำเร็จของศิษย์พี่ นางจะต้องหลงรักศิษย์พี่แน่ ตอนนี้เรามีปัญหาง่ายๆ ประการเดียวก็คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางแพง  เราจำเป็นต้องได้เงินหกแสนเหรียญดาวเพื่อทำให้แผนนี้สำเร็จได้”
จื่อหลิง.. เงาร่างของนางปรากฏในใจของโอวหยางสือ  หลังจากตื่นตัวแล้ว เขาโพล่งออกมา
 “ข้ามีหนึ่งล้านเหรียญดาว”
จั่วเยี่ยนปรบมือและตอบกระตือรือร้น “ตอนนี้แม้แต่ปัญหาสุดท้ายก็หายไปแล้ว  ยังจะมีอะไรที่หยุดไม่ให้เราคิดถึงแผนใหญ่ได้?  เวลาเป็นเรื่องสำคัญ ศิษย์พี่โอวหยาง เราไปกันเถอะ”
เพียงหลังจากโอวหยางสือก้าวเท้าออกจากประตู ในที่สุดเขาก็เรียกความรู้สึกกลับมา
สีหน้าเขาแข็งค้าง เดี๋ยงก่อน ข้าเพิ่งเห็นอะไร...
 “ข้าก็รู้, ศิษย์พี่ ท่านช่างกล้าหาญนัก ท่านไม่มองหน้าไม่เหลียวหลัง และไม่กลัวคนไม่รู้จัก  เพราะศิษย์พี่รักษาสัญญา ศิษย์พี่ก็สามารถผูกใจผู้คนได้ง่ายดาย”
แต่จั่วเยี่ยนและโอวหยางสือไม่ทันได้สังเกตว่าบนจอด้านหลังพวกเขาปรากฏเป็นภาพของหลิงซิ่ว
****************

เหมิงเว่ยมองดูถังเทียนด้วยความตกใจ
ตายซ้ายของถังเทียนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มทันที เย็นเฉียบราวกับไพลิน
เป็นใบหน้าเดียวกับหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ  แต่เขามีท่าทางเยือกเย็นเฉยเมยเหมือนกับน้ำแข็ง  ราวกับว่าบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ในอากาศเปลี่ยนเป็นอีกคน
อารมณ์ของคนเปลี่ยนไปขนาดนั้นได้อย่างไร?
ใจของเหมิงเว่ยสั่นอย่างอธิบายไม่ได้  ถังเทียนที่ยืนอยู่ต่อหน้านางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่อันตราย
นัยน์ตาซ้ายสีน้ำเงินเหมือนแข็ง... หรือว่าจะเป็น
จากในระยะไกล ในมุมที่แตกต่าง หลายๆ เสียงเริ่มพูดคุยกัน
กลุ่มดาวนกยูง หลางวี่ผู้กำลังนั่งอยู่ในตำหนักกำลังมองดูการต่อสู้อยู่ลุกขึ้นยืนทันที  เขาจ้องมองถังเทียนในจอ ด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ  “เนตรราชันย์มยุรา”
ตาของชิวจื่อจวินแทบจะถลนทันที ชุดยาวของเขากระพือขณะที่เขาวิ่งเข้ามา ปากของเขาพึมพำคำพูด “เนตรราชันย์มยุรา”
เนตรราชันย์มยุรา

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Shark กล่าวว่า...

กำลังสนุกเลยครับ

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

กำลังค้างเลยครับ สนุกมากครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น