วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 309 เพลิงดำและกองทัพ

ตอนที่  309  เพลิงดำและกองทัพ

ตาขวาของถังเทียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด

บางอย่างระเบิดออกมาจากส่วนลึกในร่างของเขา และพุ่งเข้าไปในสมอง  ร่างของถังเทียนสั่น และม่านตาของเขาสูญเสียประกาย และตาสีน้ำเงินด้านซ้ายของเขากลายเป็นว่างเปล่า และสีแดงที่ออกมาจากส่วนลึกภายใน ครอบครองพื้นที่ดวงตาของเขา
เพลิงดำลุกโพลงออกมาจากภายในร่างของเขาอย่างเงียบงัน ลามไปตามผิวของเขา ในพริบตาเพลิงดำก็กลืนตัวถังเทียนและภายในเพลิงดำมีแต่เพียงเงาที่เห็นได้
เขากางแขนยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ  เพลิงดำยังคงเผาต่อไป  ตาคู่สีแดงค่อยๆ ขยายใหญ่อยู่ภายในเพลิงดำสั่นสะท้านจิตวิญญาณผู้คน
เขาเป็นเหมือนกับเทพอสูร
 “นั่นคือ...เพลิงดำ!  สีหน้าของชิวจื่อจวินเปลี่ยน  เสียงของเขาสั่น
ซือหม่าเซี่ยวหันหน้ามามองและเหม่อมองจ้องศิษย์พี่ของเขา  ศิษย์พี่...
เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลมองเห็นศิษย์พี่ตื่นตระหนก  เขาคิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ของเขาจะทำหน้าแบบนั้น
เขาไม่สามารถห้ามตนเองไม่ให้หันหนีและสายตาของเขาจับอยู่ที่ร่างที่กำลังมีเพลิงดำลุกไหม้
หลางวี่ตกใจอย่างหนัก เมื่อเขาเห็นถังเทียนมีเพลิงดำครอบคลุมตัว สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น  เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนมีเนตรราชันย์มยุรา  เขามีความคิดจะสร้างความลำบากใจให้ถังเทียนแล้ว  แต่ตอนนี้ ความคิดนั้นหายไปแล้ว  เขาไม่รู้ว่าเพลิงดำคืออะไร  แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปวุ่นวายได้แน่
เขาคือเจ้าผู้ปกครองกลุ่มดาวนกยูง  และเขาอาบพลังของกลุ่มดาวนกยูงมาหลายปีแล้ว  ดังนั้นพลังสายเลือดในร่างของเขาเปลี่ยนสภาพไปนานแล้ว  แต่เขาเข้าใจชัดเจนว่าพลังสายเลือดของเขาคงพลาดท่าในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังสายเลือดของถังเทียน
ถูหรูไห่กำลังจ้องมองดูการต่อสู้  แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง  เขาไม่ได้เข้าร่วมเอง  นอกจากทั้งหกแล้ว เหมิงเว่ยสร้างความกังวลให้เขาน้อยที่สุด  แต่ไม่เคยคิดว่าเหมิงเว่ยจะเป็นคนที่เผชิญความยุ่งยากมากที่สุด
กระบวนการต่อสู้อยู่ในลักษณะคุมเชิง  ตาซ้ายสีฟ้าของถังเทียนทำให้เขาดูน่าสนใจมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นถังเทียนบังคับให้เหมิงเว่ยใช้พลังของกลุ่มดาว  เขาประหลาดใจ แต่คิดว่าคงจะจบการต่อสู้ได้
แต่เมื่อเห็นถังเทียนปลดปล่อยเพลิงดำ  เขาถึงกับลุกขึ้นยืน
พลังสายเลือด... นั่นคือพลังสายเลือดอย่างแน่นอน!
อารมณ์ของเขาเครียด, เขาไม่เคยได้ยินว่าพลังสายเลือดจะสามารถสร้างเพลิงดำออกมาได้  ตาของเขาเบิกกว้าง  เขาโน้มตัวไปข้างหน้า  จนลืมไปว่าเขากำลังจ้องมองจออยู่
ถูหรูไห่รู้จักพลังสายเลือดในปัจจุบันทั้งหมด  สายเลือดระดับสูงที่สุดก็คือสายเลือดระดับเงินของตำหนักระนาบกลาง  สำหรับพลังสายเลือดระดับสูง เขาทำได้แต่เพียงฝันเท่านั้น
เขาเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์โบราณ?  หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่โชคดี
ใจของถูหรูไห่เต็มไปด้วยความคิดนับไม่ถ้วน  ตาของเขาไม่ได้ละจากจอภาพ  ตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความละโมบและความหลงใหล  ถ้าเขาสามารถผลิตสายเลือดที่มีระดับสูงมากกว่าสายเลือดระดับเงินของกลุ่มตำหนักระนาบกลาง  อย่างนั้นสถานะผู้เฒ่าของตระกูลเขาก็จะยกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง!
มีผู้อาวุโสตระกูลหลายคนในองค์การวิญญาณมืด  แต่แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้อาวุโสตระกูล  แต่สถานะของพวกเขาบางทีก็แตกต่างราวฟ้ากับดิน  ยิ่งพวกเขาทำให้องค์การวิญญาณมืดมากขึ้น  ตำแหน่งก็จะยิ่งสูงและมีอำนาจมาก และความมั่งคั่งก็จะตามมา
เหตุผลที่เขาขยายข้อพิพาทครั้งนี้ก็เพราะเรื่องนั้น  ตำแหน่งของเขา ไม่ว่าจะสร้างความยุ่งเหยิงในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ยังไงก็ตาม  ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขามีคุณวุฒิและอำนาจอย่างแน่นอนในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบเนื่องจากข้อพิพาทใดก็ตามล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา  เขาจะสร้างทุกอย่างไปตามอำนาจของเขา ไม่มีใครสามารถกล่าวโทษโยนความผิดให้เขาได้
ตลอดหลายปีมานี้  เขามักต้องการจะไต่บันไดขึ้นไปให้สูงกว่านี้  แต่เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้
สายเลือดเงินของตำหนักในระนาบกลางมีความแข็งแกร่งมากสำหรับเขา  สำหรับสายเลือดเงินจากตำหนักระนาบสุริยุปราคาที่มีคุณภาพสูงยิ่งกว่า ถือว่าเป็นสายเลือดระดับสูงที่สุด และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงิน  จะได้สายเลือดเงินจากตำหนักระนาบสุริยุปราคามาได้  ท่านจะต้องมีความสำเร็จในกลุ่มดาวตำหนักในระนาบสุริยุปราคา  ในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา  บางตำหนักเกือบจะถูกทำลายอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับทายาทของตำหนักในระนาบสุริยุปราคา
แม้ว่าสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาจะต่อสู้ระหว่างกัน  แต่พวกเขาก็ปกป้องทายาทพวกเขาพอกัน  ศิษย์ของสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาสามารถต่อสู้ฆ่าฟันกันเองได้  แต่ถ้ามีใครพยายามเอาพลังสายเลือดไป  พวกเขาจะต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีจากสิบสองวังระนาบสุริยุปราคา
นอกจากนี้ ปัจจุบันนี้ราชสีห์เลโอนคือคนหนึ่งที่ตัดสินใจออกหน้า  เพราะเรื่องของพลังสายเลือด  พวกเขาได้ก่อสงครามใหญ่ถึงสามครั้งแล้ว เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ
ต่อให้เป็นองค์การวิญญาณมืดซึ่งเป็นองค์กรใหญ่  พวกเขาก็ไม่กล้าเริ่มก่อสงครามกับมหาอำนาจใหญ่เหล่านี้
ตอนนี้ มีแต่เพียงสายเลือดจากตำหนักระนาบสุริยุปราคาเท่านั้นที่ถูกซื้อมาด้วยราคาแพงลิ่วในองค์การวิญญาณมืด  แต่จากตำหนักระนาบสุริยุปราคาเอง  ก็มีคนผู้เชี่ยวชาญในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาทำธุรกิจเอง  หลังจากบรรลุความสำเร็จ  แต่ไม่มีที่จะไป และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก  พวกเขาจึงใช้สายเลือดแลกเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดหรือมีลูกหลานที่อาจมีความสำเร็จที่ดีกว่า
เพราะเรื่องเหล่านี้ ตำหนักที่เกี่ยวข้องกันจึงทำตัวปิดตาข้างหนึ่ง
แม้แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือพลังสายเลือดทอง
นั่นคือโลกที่แตกต่างไปจากเดิมสิ้นเชิง
สายเลือดเงินแห่งวังระนาบสุริยุปราคา ต้องอยู่ในตัวถังเทียนแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ใจของถูหรูไห่ก็สงบ  ถ้าเป็นสายเลือดเงินของตำหนักระนาบสุริยุปราคา  อย่างนั้นหมายความเขาไม่สามารถแตะต้องถังเทียนได้  แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพลังสายเลือดโบราณ  ถ้าเป็นอย่างนั้น ถังเทียนจะกลายเป็นเนื้ออ้วนพีทันที
ตำหนักระนาบสุริยุปราคาของกลุ่มดาวไหนที่สามารถสร้างเปลวเพลิงดำได้?  เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เขาสะดุ้งด้วยความตกใจ
ดูเหมือนว่ากลุ่มดาวทั้งหมดก็สามารถทำได้
กลุ่มดาวสิงห์ก็ถูกยกย่องเพราะมันคือไฟ แม้ว่าเพลิงดำจะเห็นได้ยาก  แต่ถ้าเป็นในกลุ่มดาวสิงห์ บางทีอาจมีระดับสูงมากก็ได้  กลุ่มดาวคนยิงธนูก็ยังมีธนูไฟ และบางทีกลุ่มดาวแมงป่องก็น่าจะมีระดับที่สูงกว่า....
ถูหรูไห่คิดไม่ออกเลย ได้แต่จ้องดูผลลงเอยของสงครามอย่างกังวล
ถ้าถังเทียนมีพลังสายเลือดของตำหนักระนาบสุริยุปราคา  อย่างนั้นเหมิงเว่ยก็อยู่ในอันตราย
***************

ในสนามรบ คนเกือบทั้งหมดจ้องดูการต่อสู้ระหว่างถังเทียนกับเหมิงเว่ย  แต่ยังมีการต่อสู้อีกศึกหนึ่ง ที่ยังมีคนหลายคนติดตามสนใจดู นั่นก็คือกองทัพหมาป่า  ในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้  ไม่เคยมีกองทหารที่คุณภาพต่ำขนาดนี้เลย
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือพรสวรรค์ที่ยากจะมี  ทุกกองทัพต้องมีผู้นำทัพ  และมีแต่ผู้นำทัพที่มีความสามารถในการนำทัพเท่านั้นจึงจะเป็นกองทัพที่แท้จริง
ผู้นำทัพต้องสามารถนำทัพและควบคุมคนได้เกินสิบคนเพื่อโจมตีนักสู้
ผู้นำทหารจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่านักสู้  ผู้นำทหารคนใดสามารถสั่งการคนได้สิบคนจะมีค่าจ้างสูงมากในทุกกองกำลัง  ผู้นำทหารจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองอย่างคือ ประการแรกก็คืออำนาจสั่งการของเขา  นักสู้เท่าใดที่เขาสามารถสั่งการได้ ยิ่งเป็นนักสู้ระดับสูงก็ยิ่งสั่งการได้  ปัจจัยที่สองระดับของกลยุทธ์ สถานการณ์ในสนามรบมีการเปลี่ยนแปลง  ขอเพียงตัดสินใจได้ถูกเวลาก็จะได้ผลสำเร็จออกมาดีที่สุด
ผู้นำทหารส่วนใหญ่มีพลังเฉพาะตัวอ่อนแอ นอกจากนี้ผู้นำทหารมักจะฝึกฝนวิทยายุทธเสริม พวกเขาฝึกฝนควบคุมรังสี การควบคุมรังสีกลิ่นอายก็คือความสามารถในการควบคุมความสามารถปล่อยพลังรังสีดาบ กระบี่ เป็นต้น  ยิ่งพลังควบคุมรังสีที่สูงก็ยิ่งมีพลังสั่งการที่สูง 
เมื่อได้ยินว่ากลุ่มดาวหมาป่ามีกองทัพ  ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก  จนกระทั่งพวกเขาได้ยินว่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีตายและได้รับบาดเจ็บจากทหาร  พวกเขาจึงเริ่มให้ความสนใจทันที
อย่างนั้น เมืองเล็กๆ นี้สร้างกองทัพได้จริงๆ น่ะหรือ?
ด้วยการติดใจในข้อสงสัยนี้  กองทัพหมาป่าจึงเริ่มดึงดูดความสนใจมากมาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้คนได้เห็นว่าผู้นำทหารความจริงก็คือขุนพลวิญญาณผู้หนึ่ง ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยขึ้นอีก
ผู้นำทหารเป็นขุนพลวิญญาณที่ถูกยกย่องขุนพลวิญญาณทหาร และดูไม่ธรรมดาเลย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับการสั่งการกองกำลังยี่สิบคนหรือต่ำกว่า  กองกำลังส่วนใหญ่ องค์การส่วนใหญ่จะใช้ขุนพลวิญญาณทหาร  สำหรับขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้เกินห้าสิบคน มีราคาแพงมาก และยากที่จะทนต่อองค์กรใดๆ ได้ นอกจากนี้ ขุนพลวิญญาณยังมีความรู้จำกัด  แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังสั่งการ  แต่เมื่อเทียบกับคน  พวกเขามีความยืดหยุ่นคล่องตัวเพียงพอ  พวกเขาสามารถใช้กองทหารที่มีจำนวนขนาดเล็ก  แต่หาได้ยากที่พวกเขาจะใช้กองกำลังที่มีจำนวนมาก
เมื่อทุกคนเห็นว่าจำนวนของทหารก็คือสองร้อยคน  พวกเขาพากันประหลาดใจกันหมด
ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้ถึงสองร้อยคน มีราคาสูงเทียมฟ้าแน่นอน  แต่ในเวลาอันรวดเร็ว  พวกเขาก็ต้องตระหนักว่ายังมีขุนพลวิญญาณในอีกกองกำลังหนึ่งสั่งการได้ห้าสิบคน  ถ้าเป็นเช่นนี้พลังสั่งการของขุนพลวิญญาณหน้าไพ่ก็คือร้อยห้าสิบคน
ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการถึงสองร้อยคนมีราคาเทียมฟ้า  แต่ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้ร้อยห้าสิบคนก็เทียมฟ้าเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงร่ำรวยมาก
แต่ทุกคนยังคงส่ายศีรษะ  ขุนพลวิญญาณมีพลังสั่งการเพียงพอแต่จะอาศัยทหารเช่นนั้นเพื่อเอาชนะสมาชิกองครักษ์ตระกูลถูสามคน นั่นเป็นการคิดตื้นเกินไป   หลายคนคลี่คลายความสงสัยของตัวเองและกลายเป็นว่าพวกเขาไม่สนใจการต่อสู้  คิดแต่เพียงว่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีนั้นอาจประมาทเกินไปและถูกกองกำลังกล้าตายสยบได้
กองทหารที่อยู่เบื้องหลังปิงจัดรูปขบวนแปลก อีกแถวหนึ่งที่รวมอยู่ข้างหลังเขามีรูปเหมือนร่ม
นั่นมันขบวนรบอะไร?
พวกคนที่เพ่งมองดูขุนพลวิญญาณในสนามรบอดแค่นเสียงไม่ได้  ขุนพลวิญญาณนี้คงดื่มด่ำกับจินตนาการของตัวเองจึงได้ก่อรูปขบวนที่แปลกประหลาด  ใช้ขุนพลวิญญาณเป็นผู้นำทหารในการรบ  ทำให้ทุกคนเชื่อว่าถังเทียนเลิกทำกองทัพ และด้วยขุนพลวิญญาณนำทัพแสดงรูปขบวนประหลาดแบบนั้น ทุกคนพบว่าเป็นเพียงเรื่องน่าตลก
ปิงยังคงสงบมาก
แม้ว่าหน่วยกล้าตายจะได้ฝึกมาแต่กลยุทธ์ขบวนร่มมาไม่กี่วัน  แต่เมื่อคิดจะอาศัยช่วงเวลาไม่กี่วันจะเชี่ยวชาญกลยุทธ์นี้ได้นั้นเป็นไปไม่ได้
แต่โชคดีที่ความตั้งใจแท้จริงของเขาไม่ใช่ตรงนั้น  เขากลยุทธ์นับไม่ถ้วน  แต่ยังใหม่เกินไปที่จะอาศัยแก๊งคนเหล่านี้เข้าต่อสู้กับศัตรู เป็นเรื่องยากและน่ากลัว  และถ้าตามวิธีต่อสู้ธรรมดาถือว่าไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน  ถ้าเขามีเวลาสักสองสามเดือน เขามั่นใจว่าเขาจะพาหน่วยกล้าตายนี้ย่ำศัตรูทั้งสามได้สบาย  แต่ตอนนี้ไม่ใช่
ถ้าเขาต้องการได้ชัยชนะในตอนนี้  เขาก็ต้องอาศัยกลยุทธ์อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น
ศัตรูทั้งสามมีประสบการณ์ต่อสู้และไม่เร่งบุกตะลุยใส่ขบวน  ได้แต่วนดูรอบๆ และวิ่งกลับมาที่ด้านหลังขบวนกองทหาร  นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบขบวนรบที่แปลกประหลาด  แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องขบวนรบมากนัก  แต่พวกเขาสามารถบอกได้ว่าด้านหลังขบวนรบต้องมีจุดอ่อนใหญ่อยู่
แต่  นั่นคือจุดที่พวกเขาจะได้พบกับถังอี้
ถังอี้มีพลังสั่งการได้หกสิบ  จ่าทหารทั่วไปมีพลังสั่งการได้ห้าสิบ  แต่เขาเป็นจ่าตรีชั้นทอง  ดังนั้นเขาจึงสามารถควบคุมเพิ่มได้อีกสิบ
การสั่งการคนห้าสิบถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
บุรุษทั้งห้าสิบคนใต้บังคับบัญชาของเขาก็ว่องไวมาก วิ่งตรงเข้าหาศัตรูทั้งสาม  ไม่ต้องมีการเสียเวลา ดาบฟันขาม้าในมือเขาฟันออกและแทบจะในเวลาเดียวกัน นักสู้เผ่าหมาป่าด้านหลังของเขาปล่อยพลังดาบโค้งพร้อมกัน
รังสีดาบขนาดใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิวขู่ขวัญคนทั้งสาม  พวกเขาหลบไปข้างหนึ่งและเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขาทันที
 “ขุนพลวิญญาณที่นำทหารนี้คือตัวยุ่งยาก”  หน้าของผู้เฒ่าฟงเคร่งเครียดรวมทั้งอีกสองคน
ถังอี้ตัดสินใจเลือกแนวทางโจมตีได้ถูกต้อง และรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาฉวยได้ประโยชน์จากการหาโอกาสได้ดี
 “กองทัพกำลังเปลี่ยนขบวน”  จื่อจิง (สตรีผมม่วง) เตือน
ตามคาด  กองกำลังที่อยู่ด้านหลังถังอี้กำลังเปลี่ยนรูปขบวนอย่างรวดเร็ว
 “วิ่งไปตรงโน้น  ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหน  พวกเขาก็มีเพียงห้าสิบคน”  ผู้เฒ่าฟงกัดฟัน  “หมั่นจู้  เจ้านำขบวนบุก”
 “ตกลง”  หมั่นจู้ผู้มีรูปร่างดุจหอคอยสูงใหญ่กว่าคนอื่น  ทุกคนเห็นด้วย พลังป่าเถื่อนดุร้ายของเขาเหมาะกับสถานการณ์อย่างนี้
เมื่อเห็นทั้งสามคนวิ่งตรงเข้าหาเขา ถังอี้ยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชาและเงื้อดาบฟันขาม้าในมืออีกครั้ง

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากขัพ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น