วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 327 ข่าวร้าย

ตอนที่  327  ข่าวร้าย

ม่อเว่ยเทียนตะลึงอยู่นาน ก่อนจะเรียกความรู้สึกของเขากลับมาได้แล้วถามกลับ  “อย่างนั้นท่านปิงมีอะไรพอจะแนะนำได้บ้าง?”

 “ข้ารู้สึกว่าเราสามารถร่วมงานกันได้”  ปิงกล่าวอย่างใจเย็น  “ตระกูลม่อมีศิษย์อยู่หลายคน และนั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่าน ถ้าท่านต้องการจะเลือกพวกเขามาตั้งเป็นกองทหาร  แม้ว่าจะเป็นกองทหารระดับต่ำสุด  แต่ก็ยังจะนำประโยชน์มหาศาลมาให้ตระกูลม่อได้  ถ้าการร่วมมือของเราประสบผลสำเร็จ อย่างนั้นกองทหารนี้ ข้ามีแผนจะให้ตระกูลม่อได้ขยับขยาย  ตระกูลม่อไม่ควรจะอยู่แต่ในภูมิภาควิญญาณตลอดไป”
ม่อเว่ยเทียนตัวสั่นและเลือดแล่นสู่หัว เขาไม่สามารถพักหายใจแม้สักชั่วครู่
ออกจากภูมิภาควิญญาณ!
ความปรารถนาของประมุขตระกูลม่อหลายรุ่นก็คือให้ตระกูลอาวุธจักรกลโบราณของพวกเขามีแผ่นดินเป็นของตนเอง  แม้ว่าภูมิภาควิญญาณจะเป็นพื้นที่สะดวกสบาย  แต่ก็มีข้อบกพร่องมากมาย  ตัวอย่างเช่น มันไม่สามารถขยายครอบครัวได้เนื่องจากแหล่งทรัพยากรน้อยและความเข้มข้นของพลังงาน
ม่อเว่ยเทียนสูดลมหายใจลึก ควบคุมหัวใจที่เต้นแรงและย้อนถาม “กลุ่มดาวหมาป่า?”
 “ไม่” ปิงสั่นศีรษะ  “สำหรับตระกูลใหญ่ของพวกเจ้า แม้แต่ดวงดาวหรือกลุ่มดาวก็ไม่พอรองรับพวกเจ้าทั้งหมดได้  แม้ว่าปัจจุบันนี้เราจะควบคุมกลุ่มดาวหมาป่าไว้ได้ทั้งหมด แต่เราก็ไม่สามารถยกดวงดาวดวงหนึ่งให้เจ้าได้”
ม่อเว่ยเทียนไม่มีท่าทีแปลกใจ  ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีแผนเดินหน้าจริงจัง  เขาก็คงพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะร่วมมือกับพวกเขาดีหรือไม่  การมอบแผ่นดินของกลุ่มดาวหมาป่ากับตระกูลม่อไม่ใช่ปัญหาใหญ่  แต่ถ้าพวกเขาให้ดวงดาวดวงหนึ่งทั้งดวง  พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านที่รุนแรงจากกลุ่มพลังท้องถิ่นแน่นอน และนั่นก็เท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง
 “ท่านปิง  ท่านเห็นว่าที่ไหนหรือ?”  ม่อเว่ยเทียนถาม
 “สถานที่พำนักของตระกูลม่อ จำเป็นต้องใช้เลือดของตระกูลม่อบุกเบิกแผ่นดิน”  ปิงพูดตามตรง “เราสามารถสนับสนุนผู้นำทหาร  แต่เราไม่สามารถร่วมได้โดยตรง  เพราะข้าเชื่อในความสามารถของตระกูลม่ออยู่แล้ว  กองทัพจักรกลอาจไม่สามารถพิชิตกลุ่มดาวหนึ่งได้  แต่จะชิงดาวในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ ไม่ควรจะมีปัญหาแต่อย่างใด”
 “เราจำเป็นต้องจัดหาอะไรไหม?”  ม่อเว่ยเทียนถามอย่างใจเย็น
 “ตระกูลม่อจะช่วยเป็นปากเสียงให้เราในเรื่องขอบเขตวิชาจักรกล”  ปิงกล่าวอย่างใจเย็น  “เราจำเป็นต้องได้โฆษก เมื่อกองทัพจักรกลตระกูลม่อของเจ้าปรากฏ  ข้าเชื่ออย่างรวดเร็วว่าวิชาจักรกลจะถูกจับตามองโดยทุกคนให้ความสนใจอีกครั้ง  ในตอนนั้น ข้อได้เปรียบของเราก็จะไม่มากอีกต่อไป”
เมื่อได้ยินคำว่า “กองทัพจักรกลตระกูลม่อ” หัวใจของม่อเว่ยเทียนเต้นแรงแทบบ้า แต่คำพูดที่ตามมาทำให้เขาจิตใจสงบ  แผนการของปิงตรงกับความต้องการของเขา ชื่อวิชาจักรกลของตระกูลเก่าแก่ก็เป็นแค่วานรที่ทำท่าเป็นเจ้าป่าที่ไม่มีพยัคฆ์  วิชาจักรกลตกต่ำมาหลายปี และผู้ที่เล่นส่วนใหญ่ปกติจะไม่สนใจพลังของมัน  แต่เมื่อพวกเขาตระหนักถึงพลังของวิชาจักรกล พวกเขาก็จะเริ่มลงทุนและค้นคว้า
พลังและศักยภาพของผู้ใช้จะน่ากลัวมากจนคนอื่นต้องสิ้นหวัง
แหล่งทรัพยากรธรรมชาติในสวรรค์วิถีส่วนใหญ่จะตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาทั้งหมด  และช่องว่างระหว่างเทคนิคก็ไม่เพียงพอจะทำความเข้าใจ
 “ท่านปิงพูดถูก” ม่อเว่ยเทียนถอนหายใจ  “สามารถได้รับโอกาสที่เด็ดขาดนี้นับว่าดีจริงๆ”
 “สิ่งที่เราต้องการคือโอกาสที่เด็ดเดี่ยวนี้เอง”  ปิงกล่าวระมัดระวัง “ถ้าความเคลื่อนไหวของตระกูลม่อประสบความสำเร็จ  อย่างนั้นจะช่วยส่งผลสั่นสะเทือนวงการวิชาจักรกลทั้งหมด  อาวุธจักรกลของตระกูลม่อจะสร้างกระแสที่ใหญ่โต  และผู้คนก็จะมุ่งมายังตระกูลม่อ  ก่อนที่คนอื่นๆ จะรู้ตัว เราต้องฉวยโอกาสไว้  เราไม่สามารถสู้คู่แข่งรายใหญ่ได้เพราะทรัยพยากร  แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถชนะได้ก็คือกำลังคน”
ม่อเว่ยเทียนค่อยเข้าใจทั้งหมดและคิดได้ทันทีว่าเป็นแผนการที่ใหญ่ สิ่งเดียวที่ยังคลางแคลงใจอยู่ก็คือต้องการวิสัยทัศน์ที่ถึง  ปิงจะมีวิสัยทัศน์ถึงหรือไม่ ม่อเว่ยเทียนยังไม่มีความมั่นใจ  แต่เห็นได้ชัดว่าปัจจุบันนี้ ปิงเป็นผู้ที่เข้าใจกองทัพจักรกลได้ดีที่สุด
 “นั่นคือความคิดที่ดี”  ม่อเว่ยเทียนพยักหน้า
 “ข้าจะให้ท่านประมุขตระกูลได้มีหลักเกณฑ์การประเมินที่ค่อนข้างง่าย  และเฉพาะผู้ที่ผ่านเท่านั้นถึงนำมาใช้ได้”  ปิงไม่อ้อมค้อม พูดตามตรง “ทหารฝึกหัดจำเป็นต้องได้เวลาประมาณห้าเดือน  แน่นอนว่าการ์ดวิญญาณทั้งหมดอาวุธจักรกลวิญญาณทั้งหมดจำเป็นต้องให้ตระกูลม่อช่วยสนับสนุนจ่าย  นอกจากนั้น เมื่อมีความจะเป็น เราจะต้องมีอำนาจใช้กองทหารนี้”
ม่อเว่ยเทียนพิจารณาชั่วขณะ จากนั้นเห็นด้วย  ด้วยพลังในปัจจุบันของพวกเขา ไม่สามารถเงยหน้ามองคู่แข่งที่ใหญ่ได้  ถ้าตระกูลม่อสามารถโยกย้ายออกจากภูมิภาควิญญาณได้ แม้จะมีราคาสูงไปบ้าง เขาก็ยังเต็มใจ
ในที่สุดปิงก็พอใจกับวิถีที่หลายอย่างกำลังเป็นไป  ตระกูลม่อคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในสายตาของเขา  แม้ว่าชื่อเสียงของตระกูลม่อจะโด่งดังในวงการเครื่องจักรกลและอาวุธจักรกลวิญญาณ  แต่เขาไม่ใส่ใจเท่าใดนัก  กองทัพตระกูลม่อก็เท่าเทียมกับกองทหารหน่วยกล้าตาย  สำหรับตระกูลม่อมีความสำคัญมาก  แต่สำหรับปิงเขาถือว่าไม่มีความหมายอะไรมาก
อยู่ต่อหน้ากองทัพชั้นเลิศ กองทัพหน่วยกล้าตายก็เหมือนสวะ
แต่จะสร้างกองทัพชั้นหัวกะทิไม่ใช่เรื่องง่าย  และปิงสามารถทำได้เพียงวางแผนและก้าวหน้าไปช้าๆ
ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้นม่อเว่ยเทียนจึงไม่รั้งอยู่อีกต่อไป เขารีบกลับตระกูลม่อทันที  เพราะเขารู้ว่าถังเทียนและพวกแตกหักกับสมาพันธ์ชาวยุทธ เขาจึงไม่ต้องการรั้งอยู่
ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าถังเทียนจะปฏิเสธการส่งมอบกระบี่ปลอดสำเนียง  สำหรับหลายๆ คนกลุ่มอิทธิพลของกลุ่มดาวหมาป่าเพิ่งจะสงบลง  และหลายคนคาดการณ์ว่าถังเทียนก้าวร้าวล่วงเกินองค์การวิญญาณมืดมาก และคงดึงดูดความสนใจจากระดับสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ และโอกาสมากมายคงจะวิ่งมาหาเขา
หลังจากส่งม่อเว่ยเทียนออกไปแล้ว  เซรีนก็วิ่งเข้ามาหา  “นี่ท่านไปได้พิมพ์เขียวเหล่านี้มาจากไหน?”
ปิงมองดูรอบๆ และเห็นว่าไม่มีใคร  เขากล่าวเบาๆ  “ข้าพบเจออยู่ในค่ายทหารร้าง”
ตาของเซรีนเบิกกว้างทันที  นางมีท่าทางที่คาดไม่ถึงและถามต่อ “กองทัพดาวกางเขนใต้?”
 “อืม” ปิงพยักหน้า ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
 “ข้าอยากไป!  เซรีนตอบ
 “เจ้าไปไม่ได้” ปิงอธิบายอย่างอดทน  “เราใช้เส้นทางพิเศษเข้าไป และมีเพียงถังเทียนที่สามารถเข้าไปได้  แม้แต่ข้าก็ต้องให้เขาพาไป  เขาสามารถพาไปได้แต่เพียงขุนพลวิญญาณเท่านั้น”
เซรีนไม่พอใจ  “ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ?”
 “ข้ายังไม่สามารถหาทางอื่นได้” ปิงกล่าวอย่างใจเย็น
เซรีนอดผิดหวังไม่ได้  ใบหน้านางเต็มไปด้วยความเสียใจ ไร้เรี่ยวแรง นางตอบ “ข้าลองศึกษาแบบพิมพ์เขียวเหล่านี้แล้ว และสามารถสร้างได้สองสามอย่าง ฮึ่ม.. ถ้าข้าไม่สามารถไปได้  ข้าจะทำอะไรกับที่หักพังเช่นนั้นได้?  รอจนกระทั่งข้าศึกษาหมดทุกอย่าง ถึงเวลานั้นข้าจะพัฒนาฐานในเมืองสามวิญญาณ และนั่นจะดีกว่าสถานที่ปรักหักพังนั้นแน่นอน”
พูดจบ นางสะบัดหน้าไปด้วยความโกรธ
ปิงถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนการซ่อมแซมค่ายทหารที่เจ็ดคงต้องใช้เวลานาน  แต่เหตุผลที่เขากลับมาก็คือมอบพิมพ์เขียวให้เซรีน  พอทำเสร็จแล้ว เขาเตรียมตัวกลับไปยังค่ายทหารใหม่
แต่ก่อนเขาจะออกมา ติงตังกลับมาพอดี ใบหน้านางเปื้อนฝุ่นและนางนำข่าวที่ไม่ดีกลับมา
 “ค่ายหางแฉก?” สีหน้าปิงเคร่งเครียด
 “ใช่แล้ว พวกเขาใช้อำนาจในกลุ่มดาวโคมาเบเรนีซ (ดาวเกศาราชินีเบเรนิซ) หนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ”  ติงตังอธิบาย  “ถ้าไม่ใช่พวกเขาพยายามลอบรวบรวมข้อมูลลับเกี่ยวกับพวกเรา ข้าคงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นจารชนอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่า  นอกจากนี้ข้ายังได้รับข่าวที่ไม่ยืนยันมาข่าวหนึ่ง”
 “ข่าวไม่ยืนยัน?”  ปิงสนใจสิ่งที่ติงตังพูด
 “อืม.. ข้าได้ยินว่า ราชินีแห่งกลุ่มดาวคนยิงธนูโหวอี้เทียนอนุญาตให้เฉพาะเย่เฉาเกอเท่านั้นให้เข้ากลุ่มดาวหมาป่าได้”  สีหน้าของติงตังเครียด  “ความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน  ข้ารู้สึกว่า อาจจะจริงก็ได้  เนื่องจากหลายๆ คนไม่รู้ว่าเย่เฉาเกอเป็นใคร  ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น เหตุผลที่นางยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
ผี่ผาพึมพำกับตนเอง  “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  อย่างนั้นก็พออธิบายได้ว่าราชินีโหวยอมให้เพียงเย่เฉาเกอเข้ากลุ่มดาวหมาป่า  ขณะที่เย่จิ่งตกอยู่ภายใต้แรงกดดันไม่สามารถส่งคนเข้าไปโดยเปิดเผยได้  เย่จิ่วอาจพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ  ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมเผื่อไว้”
 “ค่ายหางแฉกมีความแข็งแกร่งขนาดไหน?”  ปิงถาม
 “แม้ว่าทุกคนจะพูดกันว่าสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือไม่มีทหารที่แท้จริง  แต่ก็มีกลุ่มที่ทรงอำนาจคล้ายกัน ค่ายหางแฉกเป็นหนึ่งในนั้น ผู้นำทหารของพวกเขานามว่าจางเจิ้ง มีพลังระดับแปด และไม่ใช่นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี  ค่ายหางแฉกประกอบด้วยกำลังพลห้าร้อยคน ทั้งหมดมีพลังระดับเจ็ด และบางส่วนก็เป็นระดับแปด  จางเจิ้งคือศิษย์จากกลุ่มดาวนายพราน หนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลาง  เมื่อเขายังเยาว์วัย เขาถูกมองว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์  แต่เขาเข้ากลุ่มดาวโคมาเบเรนิซ  กลุ่มดาวนั้นเกือบจะหลุดจากดาวที่มีคุณสมบัติเป็นกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ  แต่เขาสร้างค่ายหางแฉกตามมาตรฐานกองทัพ  และนั่นคือวิธีที่กลุ่มดาวโคมาเบเรนิซก้าวเข้ามาอยู่ในชั้นกลุ่มดาวระดับกลางของขอบฟ้าเหนือ”
 “ค่ายหางแฉกเปิดมานานเท่าใดแล้ว?”  ปิงถามทันที
 “เจ็ดปี” รายงานของติงตังได้รายละเอียดมาก
 “ดูเหมือนว่าเราพบกับปัญหาครั้งใหญ่แล้ว”  ปิงกล่าว  กองทหารแห่งหนึ่งที่เปิดใช้งานมาเป็นเวลาเจ็ดปี  นับได้ว่าเหมือนกับผู้ใหญ่  แม้ว่าด้วยข้อจำกัดพลังของผู้นำทหาร  แต่พวกเขามีความสามัคคีที่ดี  สำหรับกองทัพที่สร้างใหม่นั้น นั่นคือคู่ต่อกรที่น่ากลัวที่สุด
 “อืม..เย่จิ่วคงหาคนนอกมาช่วยเหลือ” ผี่ผาปันความเห็นของนาง “ค่ายหางแฉกเตรียมการไว้จัดการกองทัพหมาป่าอย่างเห็นได้ชัด  แต่ก็ยังมีหลิงซิ่ว, อาเฮ่อและพวกที่เหลือ  เฉพาะพลังของเย่เฉาเกอก็ร้ายกาจทรงพลังมาก  แต่เกี่ยวกับเย่จิ่วผู้มีอำนาจ  เขาอาจมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเขา นั่นก็ต้องระวัง  นอกจากนี้ ถ้าการเจรจาต่อรองระหว่างทั้งสองฝ่ายล้มเหลว ด้วยสถานะของเย่จิ่ว มีแนวโน้มว่าเขาจะไม่สามารถยอมรับภาวะชะงักงันหรืออัดอั้นตันใจได้  และคงต้องการแก้ปัญหาด้วยการขุดรากถอนโคน  ดังนั้นแรงกดดันของเขายังหนักหน่วงยิ่งกว่า”
 “ข้าไม่ได้รับข่าวลืออะไรเกี่ยวกับเขามาช่วงหนึ่งแล้ว” สีหน้าของติงตังไม่สู้ดี  แต่นางรู้ว่าการวิเคราะห์ของผี่ผาถูกต้องถึงเก้าในสิบ
 “ดูเหมือนจะถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว”  ปิงพึมพำ แม้ว่าเขาจะเตรียมการต่อสู้ไว้อย่างเพียงพอ  แต่ในช่วงเวลานั้นเขาตระหนักได้ว่าพลังของพวกเขายังไม่เพียงพอ
ความรู้สึกที่เร่งด่วนทำให้ปิงชักช้าไม่ได้  และภายในชั่วโมงเขากลับมายังค่ายทหารใหม่
นอกจากฟงโฉ่วแล้ว ถังอี้ก็ยังปรากฏตัวอีกด้วย
 “มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม?”  ปิงถามถังอี้
 “ขออนุญาตรายงานขอรับ”  ถังอี้รายงานปิง  “ทุกอย่างลงตัว”
 “ไปกันเถอะ”  ปิงตอบ
เขานำถังอี้และฟงโฉ่วไปยังค่ายที่เจ็ด  เมื่อพวกเขาไปถึง ถังอี้และฟงโฉ่วตกตะลึงกับป่าบรอนซ์ที่งามสง่าข้างหน้า  พวกเขามีสีหน้าตื่นเต้น
ปิงหยุดทันที และเหม่อมองออกไปไกล  หยาหยานำกลุ่มอสูรจักรกลขุดต่อไป หยาหยาพบสิ่งที่น่าสนใจจาการขุดค้น และนำอสูรจักรกลขุดไปยังพื้นที่ใหม่ต่อ
ปิงรั้งสายตากลับและพาถังอี้กับฟงโฉ่วไปยังประตูบรอนซ์
 “พวกเจ้าจะคิดดูก่อนไหม?”  ปิงมองดูทั้งสอง
 “ไม่มีอะไรจะต้องคิด”  ฟงโฉ่วกล่าว
ถังอี้กล่าวจริงจัง “ใต้เท้าปิง บริวารต้องการจะบัญชาการกองทัพหมาป่า”
ปิงชะงักเล็กน้อย และมองดูถังอี้อย่างตั้งใจ “เจ้าแน่ใจนะ?”
 “ขอรับ!”
 “ดี” ปิงตอบ  “ขออวยพรให้พวกเจ้าทุกคนโชคดี”
พวกเขาเปิดประตูบรอนซ์
 

8 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ผมอ่านพลาดไปตรงไหนหรือป่าวครับคือ สงสัยว่าลุงขลุ่ยวิเศษหายไปไหน

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ลุงขลุ่ยอยู่กับลุงซอ มั้งคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น