ตอนที่ 585 ไม่ได้ขโมย แค่เอาไปเฉยๆ
แม้แต่การต่อสู้ในวังฝนดาวตกก็มาถึงจุดสิ้นสุด และการรบที่เหลือในเกาะต่างๆ ยังคงเป็นไปอยู่
เดิมทีนี่เป็นศึกภายในระหว่างเผ่าพันธุ์ทะเล
เนื่องจากแผนของราชินีแมงกะพรุนและการปรากฏตัวของเย่ว์หยาง
ทำให้ผู้ทรงพลานุภาพหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ
ที่ไม่ได้ปรากฏตัวมาตั้งแต่แรกก็ตาม
ยังมีบางพวกที่ฉวยโอกาสก่อกวนสถานการณ์
มีพวกที่ต้องการสนับสนุนพันธมิตรของพวกเขา, มีพวกที่ต้องการสร้างความยุ่งยาก ทั้งพวกที่ต้องการทำลายจากภายใน
มีแม้กระทั่งผู้ที่ต้องการทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว....
ที่ขอบเกาะฝนดาวตก มีเงาร่างสองร่างปรากฏอยู่ที่ชายหาดสีหยก
พวกเขาสังเกตการต่อสู้จากที่ไกลอย่างเงียบสงบ
“เราใช้สงครามที่วุ่นวายนี้ฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์กันเถอะ เขาคือภัยพิบัติที่ต้องถูกกำจัดออกไป” ร่างที่ดูเหมือนสตรีกล่าว แม้ว่าร่างของนางจะดูกึ่งโปร่งใส แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่านางคือสนมชื่อเฟยที่ได้รับบาดเจ็บขณะลอบทำร้ายเย่ว์หยาง
“คอยดูต่อไปเถอะ
ดูเหมือนจะมีความผิดปกติอยู่”
อีกร่างหนึ่งก็คือจักรพรรดิชื่อตี้ที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชั่วขณะ
“ราชันย์พันปีศาจเจ้าเล่ห์มาก ข้าประกันได้เลยว่าเขาไม่มีทางฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นั้นได้ เขากลับใช้เขาไปหยุดยับยั้งราชาเฮยอวี้ ตอนนี้ราชาเฮยอวี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นก็อาจดึงดูดความสนใจจักรพรรดิมังกร,
มารสัมฤทธิ์ฟ้า, จักรพรรดิใต้พิภพและคนอื่นๆ มาด้วย
ถึงเวลานั้นก็จะเป็นเวลาฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แม้ว่าเราไม่สามารถสังหารเขาได้ ขอให้ตัดแขนตัดขาเขาได้ก็ยังดี ร่างกายของมนุษย์อ่อนแอมากไม่สามารถฟื้นคืนดังเดิมได้ ถ้าคุณชายสามสูญเสียแขนไป พลังของเขาจะต้องลดลงมากมายแน่นอน”
สนมชื่อเฟยเข้าใจจุดอ่อนของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน
“ถ้าสตรีนางนั้นไม่อยู่ที่นั่น
บางทีเราอาจจะคิดอย่างนั้นก็ได้...”
จักรพรรดิชื่อตี้ลังเลเล็กน้อย
“สตรีคนไหน?”
สนมชื่อเฟยถามอย่างหงุดหงิด
“สตรีที่เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เรียกกันว่าจื้อจุนนั่นไง” ขณะที่จักรพรรดิชื่อตี้พูด เขามองดูรอบๆ
ราวกับกลัวว่าจะมีบางอย่างผิดปกติโดยรอบ
“แม้ว่าจื้อจุนจะแข็งแกร่ง แต่นางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง! ถ้าข้าฟื้นฟูพลังได้เต็มที่
ข้าจะฆ่านางแน่นอนและกำจัดตัวยุ่งยากนี่ซะ” สนมชื่อเฟยพึมพำอย่างหงุดหงิด อย่างไรก็ตาม ความจริงในใจนางริษยาจื้อจุนมากกว่า ทั้งนี้เพราะนางมักคิดว่านางคือสตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ใครจะคิดกันว่าจากสิ่งที่นางได้ยินได้ฟังในหอทงเทียน
นางพบว่าจื้อจุนมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิอวี้เมื่อครั้งอดีตแล้ว
“ด้วยฝีมืออย่างเจ้าน่ะหรือ?”
เสียงหยิ่งถือดีดังขึ้นจากด้านหลังจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย
จักรพรรดิชื่อตี้สีหน้าเปลี่ยนทันที
แม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นคืนพลังดั้งเดิมกลับมาทั้งหมดก็ตาม แต่เป็นไปได้ยังไงที่เขาไม่สามารถตรวจสอบเจอคนที่ลอบเข้ามาถึงเบื้องหลังได้?
เขามักคิดเสมอว่าจื้อจุนเป็นนักสู้ที่ระดับต่ำกว่าเขา
เขาไม่เคยคิดว่าพลังที่แท้จริงของนางแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาดไว้หลายเท่านัก...
นอกจากจักรพรรดิอวี้ ที่มีพรสวรรค์หาได้ยาก
จักรพรรดิชื่อตี้จำไม่ได้เลยว่ายังมีใครอื่นที่สามารถผ่านการระวังป้องกันมาอยู่ข้างหลังเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
น่าจะเป็นช่วงนั้น
ช่วงที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่จื้อจุนลอบเข้ามาอยู่ด้านหลังของเขา
นางสามารถปกปิดความคิดนางจากทักษะค้นหาทางใจของเขาได้สำเร็จ...
จื้อจุนหันหลังให้กับจักรพรรดิชื่อตี้ขณะที่ยังลอยตัวอยู่ในอากาศ แม้ว่าลมมหาสมุทรจะพัดรุนแรงมาก ก็ยังกลายเป็นลมพัดแผ่วรอบตัวนาง เหมือนกับว่าลมสมุทรต้องการแสดงความคารวะนาง คลื่นที่เท้าของนางกลายเป็นระลอกที่สวยงามเมื่อผ่านใต้เท้านางไปคล้ายกลับเกรงว่าถ้าระลอกคลื่นแรงเกินไปจะไม่เป็นการแสดงความเคารพนาง
นอกจากจื้อจุนแล้ว จักรพรรดินีราตรีผู้ล่องหนก็ยังอยู่ด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิชื่อตี้ไม่สามารถเห็นร่างล่องหนของจักรพรรดินีราตรีได้
เขารู้สึกได้แต่เพียงว่านางปรากฏอยู่ในสนามพลังดารานภากาศที่เงียบสงบ
“ท่านคือจักรพรรดิชื่อตี้จากเมื่อหกพันปีที่แล้วใช่ไหม?
ท่านแข็งแกร่งมากกว่าสหายจากแดนสวรรค์อยู่ไม่กี่คน
มิน่าเล่าถึงทำให้เจ้าเด็กเย่ว์หยางนั่นกลัวได้
เพื่อเป็นการแสดงคารวะผู้อาวุโส
ตอนนี้ข้าจะปล่อยท่านไปก่อน
แต่ถ้าท่านปรากฏตัวในหอทงเทียนอีกครั้ง
ข้าจะฆ่าท่าน”
จื้อจุนพูดเสียงเย็นชา
“....”
ร่างของจักรพรรดิชื่อตี้สั่นเล็กน้อย
ความโกรธเกรี้ยวในหัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟ แต่เขาก็รีบข่มโดยเร็ว
และรักษาความเยือกเย็นไว้ “โอว, จริงหรือ?”
“ว่าไงนะ? นังตัวดี
กล้าใช้คำพูดท่าทางเช่นนั้นทำให้ฝ่าบาทของข้าต้องอับอายหรือ?” สนมชื่อเฟยกลับตรงกันข้าม นางโกรธจัดจนหัวของนางแทบระเบิด
ในใจนาง
จักรพรรดิชื่อตี้ต้องได้รับการเทิดทูน
ไม่มีใครแตะต้องได้
ถ้ามันผู้ใดบังอาจตำหนิเขา ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี พวกมันต้องถูกกำจัด
ความโกรธเผาลนอยู่เต็มหัวใจนางทันที
นางไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกของนางไว้ได้
เปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาเหมือนกับบัวแดงเต้นระริกอยู่ในอากาศ
จากนั้นสนมชื่อเฟยผู้ควบคุมตนเองไม่ได้เตรียมพร้อมเข้าโจมตี
ในทันใดนั้นสภาพแวดล้อมกลายสภาพเป็นเพลิงที่สามารถทำลายสวรรค์และโลกได้
สนมชื่อเฟยตวัดกรงเล็บต้องการจะฉีกจื้อจุนให้เป็นชิ้นๆ อย่างน้อยที่สุดนางต้องการจะเหยียบย่ำจื้อจุนกับพื้นและบังคับให้ศัตรูที่ตำหนิจักรพรรดิของนางยอมรับความผิด
“ไม่รู้จักประมาณตนเสียเลย!”
จื้อจุนไม่หันกลับมา นางแค่สะบัดข้อมืออย่างสบายๆ
กรงเล็บที่แหลมคมของสนมชื่อเฟยที่มีเพลิงลุกท่วมถูกจื้อจุนคว้าจับไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับการสะบัดมือง่ายๆ เบาๆ
ร่างของสนมชื่อเฟยถูกเหวี่ยงออกไปเหมือนดาวตกพุ่งเข้าหาเกาะปะการังซึ่งห่างออกไปสิบกิโลเมตร พร้อมกับเสียงระเบิดดังบึ้ม
เกาะปะการังแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากแรงกระแทก เมื่อถูกร่างสนมชื่อเฟยกระแทกใส่
เมื่อจักรพรรดิชื่อตี้เห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาต้องการห้ามนาง
แต่ก็ตระหนักได้ว่าเขาช้าเกินไป
พลังของจื้อจุนไม่เพียงเกินกว่าที่เขาคิดไปมากเท่านั้น
แต่จากที่เขาสามารถสังเกตเห็นได้
นางยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดหลายเท่า
แม้แต่จักรพรรดิชื่อตี้ผู้ไม่มีที่ติและเป็นรองเพียงจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว ก็ยังรู้ได้ว่าสตรีนางนี้แข็งแกร่งมาก
เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ตั้งแต่แรกโดยสิ้นเชิง
พลังของนางลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจ
เขาไม่สามารถประเมินพลังที่แท้จริงของนางได้
นางคือศัตรูที่น่ากลัว
นอกจากจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว
จักรพรรดิชื่อตี้พบว่าเขามีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวใหม่สองคนในชีวิตของเขา
หนึ่งก็คือเจ้าเด็กเย่ว์หยางนั่น คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ศักยภาพของเขาทำให้เขารู้สึกอิจฉา
อีกคนหนึ่งก็คือจื้อจุนผู้แข็งแกร่งทรงพลังจนเขาไม่สามารถประเมินพลังของนางได้
“ในหอทงเทียน จะมีสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอยู่เพียงคนเดียว
ถ้าผู้อาวุโสจักรพรรดิชื่อตี้ไม่ยินดีจะไปแดนสวรรค์และยืนยันจะอยู่เพื่อทำให้เด็กๆ
ของเราสหายน้อยในหอทงเทียนต้องกลัว
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสควรทำเลย”
จักรพรรดินีราตรีพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“เราเลือกเย่ว์หยางในฐานะผู้รับสืบทอดชื่อจักรพรรดิอวี้ในยุคใหม่ จักรพรรดิชื่อตี้
หอทงเทียนเป็นของจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
มีพื้นที่กว้างขวางในแดนสวรรค์ให้ท่านได้ไปสำรวจ ในฐานะผู้อาวุโส
ทำไมท่านถึงดื้ออยู่ในหอทงเทียนต่อไปเล่า
สถานที่เล็กน้อยเช่นนี้ ท่านจะต่อสู้กับเด็กรุ่นหลังไปเพื่อผลอะไร? ถ้าผู้อาวุโสกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางอนุชนรุ่นหลัง ความคงอยู่ของท่านจะมีความหมายอะไร ผู้อาวุโสโปรดพิจารณาตัวเอง”
“บังอาจนัก”
สนมชื่อเฟยคลานออกมาจากภายใต้ซากหิน
นางสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตาม นางรู้อยู่เต็มอกว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจื้อจุน แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ดีก็ตาม ด้วยความสามารถปัจจุบันของนาง นางคงมีแต่ต้องอับอายขายหน้า ถ้าหากยังจะขืนสู้ต่อไป
จักรพรรดิชื่อตี้กวักมือเบาๆ
และสนมชื่อเฟยรีบโผเข้ามากอดเขา
แสงสีทองเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์เปล่งออกมาจากร่างของจักรพรรดิชื่อตี้
ในทันใดนั้น ร่างของสนมชื่อเฟยก็ฟื้นฟูอยู่ในสภาพปกติ นางไม่ต้องทนอยู่ในสภาพทรมานเหมือนเมื่อครู่
จักรพรรดิชื่อตี้ปลอบสนมชื่อเฟยให้บรรเทาความโกรธ เขาตบมือเบาๆ และกล่าว
“รอจนกว่าพลังของเราฟื้นฟูเต็มที่เสียก่อน
ระหว่างเราจำเป็นต้องสู้ตัดสินกัน ผู้ชนะจะได้หอทงเทียนไป”
จากนั้นเขาพร้อมกับสนมชื่อเฟยในอ้อมแขนก็หายไปจากพื้นผิวสมุทรเหมือนควัน...
รอจนทั้งสองหลบหนีไปไกลแล้ว หลังจากผ่านไปนาน จักรพรรดินีราตรีปรากฏตัวอยู่ภายในสนามพลังดารานภากาศและถอนหายใจเบาๆ
“หลังจากเย่ว์หยางสามารถผ่านตำหนักสิบสองนักษัตรได้
อักษรรูนโบราณกำลังสูญเสียประสิทธิภาพมากขึ้นทุกที ในอนาคตอาจจะมีสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ปรากฏออกมาก็ได้ นี่ช่างน่าปวดหัวเสียจริง โชคดีที่เย่ว์หยางกำลังก้าวหน้าได้เร็ว มิฉะนั้นเราคงไม่สามารถรับมือกับเรื่องเช่นนี้ได้เลยจริงๆ”
จื้อจุนไม่ตอบ
อย่างไรก็ตาม ร่างของนางกำลังเปล่งรังสีรบที่กล้าแข็ง
ดังนั้นจักรพรรดินีราตรีเข้าใจทันทีว่าคำตอบของจื้อจุนจะเป็นเช่นไร
จักรพรรดินีราตรีถอนหายใจหนักหน่วง คำพูดของนางนุ่มนวลเหมือนสายลม “แทนที่จะใช้ชีวิตต่อสู้รุนแรง ข้าอยากจะใช้ชีวิตเงียบๆ สงบสุขเสียมากกว่า...”
“คงจะมีสักวันที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข” จื้อจุนพูดและชะงักเล็กน้อย “วันที่เราขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกและมองลงมาดูทุกคนก็น่าจะพอ”
“ใช่, ข้ากำลังตั้งตารอวันนั้นอยู่จริงๆ”
ทั้งจักรพรรดินีราตรีผู้ยังอยู่ในสนามพลังดารานภากาศและจื้อจุนทั้งคู่เหมือนกับกลายเป็นสายลมหายไปจากเกาะดาวตกที่งดงาม เหมือนกับว่าพวกนางไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
มีเพียงเกาะปะการังที่ถูกร่างสนมชื่อเฟยกระแทกพังไปครึ่งแถบปรากฏอยู่เป็นหลักฐานว่ามีการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่นี่เท่านั้น
ป้อมดาวตก ในสนามต่อสู้
เย่ว์หยางเห็นได้ชัดว่ามีเปรียบและกำลังจะชนะได้ง่ายดาย
ด้วยการสนับสนุนจากวงเวทอักษรรูนดวงดาว
เย่ว์หยางสามารถหลบการโจมตีของแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วได้ด้วยความเร็วสูง
ทำให้ปีศาจโบราณนี้โกรธมาก
แต่เขาไม่สามารถจัดการกับเจ้าเด็กมนุษย์เจ้าเล่ห์นี้ได้
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วยังรู้สึกค่อนข้างพอใจ เพราะยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อออกไป
ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขามากขึ้น
ราชันย์พันปีศาจกำลังจะปลดผนึกบนโดมได้ในไม่ช้า เมื่อเขาสามารถเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณที่สมบูรณ์มาได้ เขาจะสำเร็จภารกิจทุกส่วนอย่างสมบูรณ์ ด้วยร่างของจ้าวปีศาจโบราณ
ราชันย์พันปีศาจจะช่วยเขาฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้อย่างแท้จริง เพื่อตัวเขาเอง เขาจะได้ออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งที่เขาติดอยู่มาหลายพันปีได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง
ผนึกโดมท้องฟ้าถูกปลดออกแล้ว
คลื่นพลังที่แข็งแกร่งมากของผนึกกระจายท่วมสนามต่อสู้
แม้แต่ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วนักสู้ปราณฟ้าระดับสามก็ยังรู้สึกหายใจลำบาก
ราชันย์พันปีศาจปลาบปลื้มดีใจ
นัยน์ตาของเขาเป็นประกายตื่นเต้น
ในที่สุด ร่างสมบูรณ์ของราชันย์พันปีศาจจะตกเป็นของเขา
ด้วยทักษะแฝงเร้นแยกของเขา เลือด, สมบัติ, พลัง,
ศักยภาพและทักษะของจ้าวปีศาจโบราณจะตกเป็นของเขาทั้งหมด
นอกจากนี้ร่างที่เก็บไว้อย่างสมบูรณ์จะถูกทำให้เป็นร่างที่สี่ของเขาและกลายเป็นราชันย์พันปีศาจร่างที่ห้า
คืนชีพจ้าวปีศาจโบราณ?
นั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระมากที่สุด!
ราชันย์พันปีศาจจะไม่ยอมคืนชีพผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเขาต่อสู้กับวิญญาณเดิมของจ้าวปีศาจโบราณและขโมยร่างดั้งเดิมของเขา ถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้จ้าวปีศาจโบราณคืนชีพได้จริงๆ เมื่อไม่มีร่างที่สมบูรณ์
จ้าวปีศาจโบราณก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน....
ราชันย์พันปีศาจเข้าใจเรื่องนั้นชัดเจน
เพราะก่อนที่เขาจะกลับกลายเป็นมนุษย์
ความจริงเขาเป็นบริวารของจ้าวปีศาจโบราณมาก่อนเป็นขุนพลปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นบุตรของจ้าวปีศาจโบราณ
แต่เพราะศักยภาพของเขาไม่สามารถเอาชนะบิดาของเขาได้ เขาทำได้เพียงถือกำเนิดใหม่ในเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็มีศักยภาพสูงที่สุด
นั่นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์
เขาทำได้สำเร็จ
นั่นคือวิถีที่ปีศาจแดนนรกพ่ายแพ้บุตรของจ้าวปีศาจโบราณผู้แข็งแกร่ง
และเป็นวิธีที่ราชันย์พันปีศาจปรากฏตัวในหอทงเทียน
ตราบใดที่เขายังคงเติบโตได้ต่อไป
ราชันย์พันปีศาจมั่นใจว่าเขาจะอยู่เหนือจ้าวปีศาจโบราณบิดาของเขาได้ .....
แน่นอนว่าหนทางเติบโตที่เร็วที่สุดก็คือชิงเอาร่างสมบูรณ์แบบของจ้าวปีศาจโบราณ
“สวรรค์เบื้องบนและโลกมนุษย์เบื้องต่ำจะต้องศิโรราบแก่ข้า” ราชันย์พันปีศาจตื่นเต้นในใจและใช้พลังของเขาบังคับเปิดพลังของผนึก จากนั้นเขาค้นหาโลงแก้วผลึกที่ผนึกร่างของจ้าวปีศาจโบราณไว้
ตราบใดที่เขาได้รับพลังจากร่างของจ้าวปีศาจโบราณ เขาจะสามารถอยู่เหนือจ้าวปีศาจโบราณได้แน่ ร่างของอดีตบิดาของเขา เขาจะสามารถเอาชนะจักรพรรดิอวี้ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยพิชิตหอทงเทียน
“ยินดีด้วย, ยินดีด้วย” เย่ว์หยางปรบมือและแสดงสีหน้าปรารถนาดี
“....” ราชันย์พันปีศาจสีหน้าเปลี่ยน
สีผิวของเขาตอนแรกเป็นสีขาว จากนั้นเป็นสีเขียวและดำในที่สุด
เขารวบรวมพลังของเขาทั้งหมดข่มความโกรธและกล่าว “คุณชายสามตระกูลเย่ว์
ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนที่ขโมยโลงแก้วผลึกของจ้าวปีศาจโบราณไป โปรดคืนมาให้ข้า ข้าไม่เพียงแต่จะไว้ชีวิตเจ้าเท่านั้น แต่จะให้สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เจ้า...
โปรดคืนโลงแก้วผลึกมาให้ข้าขณะที่ข้ายังอดกลั้นความโกรธได้อยู่ มิฉะนั้น
ข้าสาบานเลยว่าจะต้องทำลายหอทงเทียนทั้งหมด ข้าสาบานว่าจะทำแน่! คุณชายสามตระกูลเย่ว์ คืนโลงแก้วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“อะไรกัน? ข้าน่ะหรือขโมยโลงแก้ว?” เย่ว์หยางตีสีหน้าเหมือนกับว่ารู้สึกผิดมาก
และถามเสี่ยวเหวินหลีที่อยู่ข้างเขา
“ลูกรักของพ่อ, บอกหน่อยซิว่าพ่อขโมยโลงแก้วหักชำรุดอย่างนั้นไปหรือเปล่า?”
“......” เสี่ยวเหวินหลีส่ายหัวทันที
“เจ้าไม่ได้ขโมยไปหรือ?”
นัยน์ตาของราชันย์พันปีศาจลุกโชนเหมือนเปลวไป ถ้าทำได้เขาคงจ้องเย่ว์หยางจนเหลือแต่ขี้เถ้า เขาโกรธจัดจนหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แทบจะเปลี่ยนลักษณะของเขา
“แน่นอน, ข้าไม่ได้ขโมยไปแน่นอน, ข้า
ข้าแค่หยิบฉวยไปเฉยๆ”
เย่ว์หยางตอบอย่างสบายใจ และเสี่ยวเหวินหลีผงกหัวอย่างน่ารัก คล้ายจะบอกว่า
“ใช่แล้วๆ!”
19 ความคิดเห็น:
เกลียด เกลียดความมั่นหน้าของเฮียเย่ว์จริงๆ
ขอบคุณครับ
มีแค่พี่เย่ว์คนเดียวที่ผมอยากให้👣👣👣👣👣
แกสอนอะไรเด็กเนี่ย ฮ่า
ข้าไม่ได้ขโมยแต่จ้าหยิบไปตรงๆเลยต่าวหากเล่า555
เรื่อง ตีหน้าแบบนี้เยยาง ชนะ ใสใส ๆ
สอนลูกได้ดีมากมากเฮียเย่ว์
เสี่ยวเหวินน้อย เจ้านี่ช่างเข้ากันกับพ่อเจ้าเป็นปี่เป็นขลุ่ย 5555
นิสัยของเหวินน้อยพังหมดเพราะมึงเนี้ยยย
ยังไม่ได้อยู่บนมือเจ้า จะหาว่าขโมยได้ยังไง
ขอบคุณครับ
5555+ แหม่ สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย
ลูกไม้หล่นไม่ใกล้ต้น
ขอบคุณครับ
เลว 555
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น