วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-19 กับความอดกลั้นที่ลดลง




ตอนที่  7-19  กับความอดกลั้นที่ลดลง

ลินลี่ย์ออกมาเงียบๆ กลับไปที่คฤหาสห์ของเขาเอง
ในเส้นทางกลับจากที่พักของเคลย์เพื่อไปยังที่พักของเขา หน้าของลินลี่ย์ไม่มีความสบายใจ  ข่าวที่เขาเพิ่งได้รับนี้ทำให้ลินลี่ย์คิดว่าตอนนี้หลายๆ อย่างจะยากลำบากมากขึ้น

 “ลินลี่ย์  เจ้าตัดสินใจอะไรไว้บ้าง?”  เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวออกมาจากในแหวนมังกรขนด
มีระยะองศาเยื้องห่างระหว่างที่พักของลินลี่ย์และคฤหาสน์ของเคลย์  เดลิน โคเวิร์ทเป็นภูตผีที่เคยเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงเมื่อห้าพันปีที่แล้วจึงไม่กลัวว่าท่านใบไม้ร่วงจะเห็นเขาที่นี่
 “ข้า?”
ลินลี่ย์กำหมัดของเขา  “อดทนไว้  ข้าทำได้แต่เพียงอดทนและรอคอย”
เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าด้วยความพอใจ  เขามองดูการเดินทางทุกย่างก้าวและการเติบโตของลินลี่ย์อยู่ตลอด  เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกรักและเอ็นดูลินลี่ย์ เหมือนกับว่า เขาป็นหลานชายคนหนึ่ง
เขาไม่ต้องการให้ลินลี่ย์ใจร้อนเกินไป
 “ลินลี่ย์ อย่าห่วงไปเลย” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วพูดต่อ  “ท่านใบไม้ร่วงนั้นก็แค่ให้เคลย์ติดตามไปด้วย เพราะว่าไม่ได้สร้างความลำบากให้เขา  แน่นอนว่าเขาคงไม่อยู่กับเคลย์นานนักหรอก  ในอดีต เมื่อเคลย์ยังเป็นพระราชาปกครองอาณาจักร  สถานะของเขาก็ต่ำกว่าท่านใบไม้ร่วงมากอยู่แล้ว  ยิ่งสถานะของเคลย์ในปัจจุบันนี้... อาณาจักรเฟนไลถูกทำลายไปแล้วก็ยิ่งทำให้เขามีความสำคัญน้อยลง  นอกจากนี้ตามที่ข้าประเมินไว้ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสจะเลือกใช้ ก็คงไม่ใช่เมืองเฮส  ดังนั้น ท่านใบไม้ร่วงคงไม่อยู่ที่นี่นานเท่าใดแน่”
ลินลี่ย์พยักหน้า
เมืองเฟนไล เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เก่าถูกทำลายด้วยพลังของกองทัพอสูรเวทจากเทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์   เหลือแต่เพียงเศษซากหักพัง  ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกแน่  ตามปกติ พวกเขาจะไม่เลือกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่ตั้งแบบเมืองเฮสซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนใหม่ของพวกเขามากเกินไป
ที่สำคัญคือ ราชันย์แห่งเทือกเขาสัตว์วิเศษ ไดลินได้พูดไว้ก่อนแล้วว่าอสูรวิเศษภายใต้อาณาเขตของเขาอาจขยายอาณาเขตกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้  ตอนนี้พวกมันชิงพื้นที่ไปสามในสิบของพื้นที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์  ถ้าพวกมันจะชิงพื้นที่ให้เกินครึ่ง อย่างนั้นเมืองเฮสจะตกไปอยู่ในพื้นที่ของพวกมันด้วยเช่นกัน
ไฮเดนส์และสมาชิกระดับสุดยอดคนอื่นๆ ของศาสนจักรเจิดจรัสไม่มีความมั่นใจว่าความสามารถของพวกเขาเพียงพอต่อต้านนักสู้ระดับเทพอย่างไดลินได้หรือไม่
แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสยังมีพลังที่ไม่ได้นำออกมาใช้ แต่เมื่อพวกเขาเอาพลังนั้นมาใช้ต่อต้านไดลิน ก็เท่ากับนำทรัพยากรทั้งหมดที่เก็บไว้เป็นหมื่นปีมาใช้เพียงเพราะการต่อสู้ครั้งเดียว
ไฮเดนส์ไม่กล้าใช้วิธีนั้น
 “ก็แค่รอต่อไป”  ลินลี่ย์สูดหายใจลึกข่มตนเองให้ใจเย็น  เขารู้แล้วว่าเคลย์อยู่ที่ใด  ดังนั้นตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรผิดพลาด เคลย์คงไม่สามารถหลบหนีได้แน่นอน
ภายในร้านอาหารตรงข้ามคฤหาสน์ของชาร์ค เป็นร้านเดียวกับที่ผู้รับใช้ทั้งสองของลินลี่ย์รั้งอยู่เพื่อคอยจับตาดูชาร์คและเคลย์
ตอนเที่ยงวันนั้น
ลินลี่ย์สวมเสื้อคอกลมแขนกุดธรรมดา  กล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงของลินลี่ย์ปรากฏเป็นรูปชัดเจน กล้ามแขนเป็นมัดแข็งแรงและดาบหนักบนหลังของเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งมาก
นักรบดาบหนักคนหนึ่ง!
ลักษณะในปัจจุบันของลินลี่ย์สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป  พวกนักรบจะให้ความสำคัญกับการฝึกกล้ามเนื้อมากที่สุด ดังนั้นหลายๆ คนจึงมีร่างกายที่แข็งแรง และมีน้อยคนที่ใช้ดาบหนักได้ดี
 “เนื้อย่างสองจาน, เหล้ากระทิงสองขวด” ลินลี่ย์พูดเสียงต่ำ
 “ขอรับ, เชิญนั่งก่อน” เมื่อเห็นลินลี่ย์ผู้แข็งแกร่งปรากฏตัว บริกรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเกรงใจ  ลินลี่ย์เลือกที่นั่งด้านในร้านอาหารซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองผ่านประตูและหน้าต่างเห็นคฤหาสน์ของเคลย์ได้
บริกรดึงเก้าอี้ออกเพื่อให้ลินลี่ย์ได้นั่งทันที
 “โปรดรอสักครู่นะขอรับ”  บริกรพูดพลางยิ้มพลาง  ถึงตอนนี้บริกรอีกคนหนึ่งเข้ามาเสริฟเหล้ากระทิงสองขวด  เหล้ากระทิงเป็นเหล้าชนิดที่แรงมาก พวกนักรบที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ชมชอบกันมาก
พอเหลือบเห็นดาบหนักบนหลังลินลี่ย์ บริกรลอบตกใจ “โอวพระเจ้า, ดาบทั้งหนาทั้งยาว  และดูจากสีของมันแสดงว่าต้องทำมาจากวัสดุพิเศษ นี่ต้องหนักอย่างน้อยสองสามร้อยปอนด์เป็นแน่ สุภาพบุรุษท่านนี้ต้องเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแน่”
ที่ร้านอาหารนี้ เมื่อพวกบริกรเบื่อ  พวกเขาจะลอบมองลูกค้าต่างๆ ของพวกเขา หลังจากทำนิสัยเช่นนี้มาเป็นเวลานาน  สายตาพวกเขาค่อนข้างคมและคาดเดาได้ถูกต้อง  เมื่อเห็นอาการที่ลินลี่ย์แบกดาบหนักนี้มาด้วย  พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าลินลี่ย์เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง
สองพี่น้องที่ลินลี่ย์จ้างให้ประจำอยู่ที่ร้านอาหารนี้เดินมาถึงในเวลานี้
 “เอาเนื้อย่างนี้กลับไปให้บีบีด้วย”  ลินลี่ย์ออกคำสั่งเขาโดยไม่ให้โอกาสเขาพูด “ขอรับท่าน”
สองพี่น้องไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญแต่อย่างใด พวกเขาทำตามคำสั่งของลินลี่ย์ทันที ถือเนื้อย่างกลับไป
จากนั้นลินลี่ย์แค่นั่งดื่มเหล้าเงียบๆ อยู่ในร้านอาหาร
ลินลี่ย์ดื่มเหล้าช้ามาก เหล้าขวดหนึ่งพอจะทำให้เขาอยู่ได้สองหรือสามชั่วโมง  เขาแค่ดื่มต่อไปขณะจับตามองที่คฤหาสน์ของเคลย์
คืนนั้น
ในชั้นบนๆ ของร้านอาหาร กวีคนหนึ่งกำลังขับเพลง ทั่วทั้งบาร์มีแต่เสียงอึกทึก นักรบสองสามคนต่างคนต่างตะโกนหัวเราะ
เป็นเพราะภัยพิบัติ เมืองเฮสจึงมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคยเป็น
นักรบที่แข็งแกร่งหลายคนมาอุดหนุนที่ร้านนี้  และพวกเขาทุกคนตื่นตัวบ้าพลัง  พวกเขาชอบแข่งงัดข้อกัน
 “หมื่นเหรียญทอง!  ผู้ชนะจะได้รับหมื่นเหรียญทอง” ผู้จัดการแข่งขันตะโกนลั่น
นักรบผู้แข็งแกร่งหลายคนหนีภัยพิบัติมาที่นี่  แม้ว่าทองหมื่นเหรียญจะไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากเช่นกัน
 “ข้าจะร่วมด้วย  ทองหนึ่งหมื่นจะเป็นของข้า”  นักรบผมน้ำตาลสูง 2.2 เมตร  อกใหญ่เหมือนถังบ่มเหล้านั่งลง  แขนทั้งสองของเขาหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่
 “ฮึ่ม.. ข้าเจอเอง”
บุรุษผมแดงตัวพอๆ กับลินลี่ย์เดินไปนั่งลงด้วยเช่นกัน  ทั้งสองคนยื่นแขนออกมาและประกบมือกันทันที  หลังจากนั้นกล้ามแขนของพวกเขาก็เริ่มปูดโปน
นักรบที่นั่งดื่มอยู่ใกล้ๆ พวกเขาทุกคนเริ่มตะโกนลั่นส่งเสียงเชียร์
 “ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่นับว่าเลว”  ลินลี่ย์รู้ว่าการรอให้ท่านใบไม้ร่วงจากไปคงเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก  ใครจะรู้กันว่าท่านใบไม้ร่วงจะอยู่อีกนานเท่าใด?  วันเดียว?  สองวัน?  สิบวัน?
ลินลี่ย์หันไปมองด้วยความสนใจเช่นกัน
 “สองคนนี้ไม่มีใครอ่อนแอ  พวกเขาอย่างน้อยก็เป็นนักรบระดับหก”  ลินลี่ย์ผงกศีรษะให้กับตนเอง  ตอนนี้ยอดฝีมือสามารถพบเห็นได้ทุกที่ในเมืองเฮส
แขนทั้งสองของพวกเขางัดใส่กันเอง  นักรบทั้งสองคนนี้ต่างทุ่มเทเรี่ยวแรงถึงหมื่นปอนด์ต้านทานกันและกัน
 “กรรรร!  นักรบผมน้ำตาลซึ่งมีแขนหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่ตะโกนสุดเสียง และเส้นเลือดบนแขนของเขาเริ่มปูดโปนเด่นชัดเหมือนหนอนที่ชอนไชอยู่ใต้ผิวหนังเขา  ทุกคนที่มองเห็นคิดตรงกันว่าเส้นเลือดของเขาอาจแตกออกมาได้ทุกเมื่อ
หน้าของบุรุษผมแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน  เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ยินดีตกเป็นรองแม้แต่น้อย
 “เอี๊ยด  เอี๊ยด”  โต๊ะใต้แขนเขาเริ่มสั่นเช่นกัน
โต๊ะและเก้าอี้ในร้านอาหารนี้ทุกตัวสร้างจากเหล็ก มีความทนทานมาก  กล่าวโดยทั่วไป นักรบผู้มีพลังแข็งแกร่งสามารถแข่งประลองและควบคุมพลังที่ปล่อยออกมาจากข้อมือขณะที่พวกเขางัดข้อกันเหนือโต๊ะ  แต่เพราะโต๊ะเริ่มสั่นเนื่องจากพลังของพวกเขาส่งสัญญาณว่าบุรุษทั้งสองถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว
 “ฮ่าฮ่า, เอาเลยฮาโรลด์”
 “เจ้าบ้าฮาโรลด์, พยายามขึ้นอีก!
 “น้องรอง, อย่าแพ้ต่อหน้าข้านะ”
นักรบทุกคนที่กำลังดื่มกินอยู่รอบๆ พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ลั่น  อย่างช้าๆ บุรุษตัวโตแขนมหึมานามว่าฮาโรลด์เริ่มได้เปรียบ ทำให้นักรบผมแดงรีบเร่งพยายามต่อต้าน
 “ฮ่า....”
ด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น ฮาโรลด์กดแขนของคู่ต่อสู้ของเขากับโต๊ะ  ทำให้เกิดรอยประทับทิ้งไว้บนโต๊ะเหล็ก
 “ฮ่าฮ่า,  ข้าชนะ!  ฮาโรลด์หัวเราะลั่น
 “บ้าเอ๊ย, น้องรอง, เอาชนะมัน  ให้ข้าเอง เจ้างี่เง่าตัวโตนี่ต้องการชนะได้หมื่นเหรียญทองใช่ไหม? หือ” นักรบผมแดงตาเดียวเดินเข้ามา
ร้านอาหารมีเสียงอึกทึกมาก และนักรบที่มีพลังเหล่านั้นร้องตะโกนใส่กัน  ขณะที่ชั้นบน นักกวียังคงขับบทเพลงเสียงดังต่อไป  เพื่อที่ว่าจะได้รับค่าจ้างเป็นทองเล็กน้อยตามที่ทางร้านอาหารสัญญาไว้
เสียงดัง
แต่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังอึกทึกนี้  มีคนสามสี่คนที่ยังเงียบ  นักรบที่อยู่รอบๆ พวกเขาไม่ค่อยระรานหาเรื่องพวกเขา  นักรบทั้งหมดเหล่านี้มีประสบการณ์จากภายนอกมาก และพวกเขามีการตัดสินใจที่ดี  พวกเขารู้ว่าใครที่พวกเขารุกรานได้  ใครรุกรานไม่ได้
เช้าวันต่อมาหลังจากลินลี่ย์นั่งลงได้ไม่นาน
 “หืม?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย  ท่านใบไม้ร่วง
ท่านใบไม้ร่วงร่างผอมดุจขอทานเดินออกมาจากคฤหาสน์เคลย์และเตรียมแยกทางกัน พร้อมกับโยคีเท้าเปล่าสองคนที่อยู่ในชุดผ้ากระสอบข้างๆ เขา
 “เขาไปแล้ว?  แต่มีเพียงแค่ท่านใบไม้ร่วงและโยคีสองคนที่จากไป”  ลินลี่ย์ไตร่ตรองชั่วครู่  เขารู้ว่ามีโยคีหลายคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้  และยอดฝีมือหลายคนก็รวมอยู่ในนี้  ตอนนี้ มีเพียงจากไปสามคน
 “รอคอยต่อไป”  ลินลี่ย์จิบเหล้าต่อ  เขายังคงจับตารอคอย
เคลย์ ชาร์คและคนอื่นส่งท่านใบไม้ร่วงมองดูเขาออกไปจากประตู
 “พระบิดา, มีบางเรื่องที่ข้าลืมบอกท่าน”  ชาร์คตบหัวตัวเอง  “พระบิดา, ใต้เท้าลินลี่ย์เดินทางร่วมกับเรามาระยะเวลาหนึ่ง  แต่เมื่อสองวันก่อนเขาจากไปแล้ว มุ่งหน้าขึ้นเหนือ”
 “ลินลี่ย์”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เคลย์แทบตะโกนลั่นด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์นี้เกือบจะเอาชีวิตเขาได้ถึงสองครั้งสองโอกาส
 “มีอะไรหรือพระบิดา?”  ชาร์คสงสัย  เท่าที่ชาร์คสามารถบอกได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่สำคัญอาณาจักรเฟนไลล่มสลายไปแล้ว  ราชวงศ์ของพวกเขาเป็นแค่ตระกูลกษัตริย์ในนามเท่านั้น ไม่มีอาณาจักรอยู่จริง  คงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าลินลี่ย์ยังคงจงรักภักดีต่อพวกเขาจริงๆ
 “เขาเดินทางร่วมกับเจ้า  และเขารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”  เคลย์ถามขึ้นทันที
 “ถูกแล้ว เขาพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน”  ชาร์คตอบอย่างสับสน
หัวใจของเคลย์เริ่มสั่นสะท้าน  “เจ้าลินลี่ย์นี่ยังคงอยู่ในเมืองเฮสแน่นอน”  เคลย์รู้ว่าลินลี่ย์ต้องการฆ่าเขา  และคงไม่ยอมจากไปในลักษณะนั้นแน่นอน
 “ไม่ต้องห่วง  ยังคงมีโยคีกลุ่มใหญ่พักอยู่ที่นี่”  เคลย์ปลอบใจตนเอง
 “แต่เมื่อพวกโยคีจากไป  ข้าจะไปพร้อมกับพวกเขาด้วย”  เคลย์ตัดสินใจ ขอเพียงเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มโยคีเขาจะรู้สึกปลอดภัย
เคลย์มองดูทุกจุดตำแหน่งอย่างระมัดระวัง
เขายังมีความรู้สึกแปลกๆ นี้ว่าลินลี่ย์กำลังมองดูเขาจากที่ใกล้ๆ แห่งใดแห่งหนึ่ง
ผ่านไปหนึ่งวัน  วันที่สองผ่านไปอีก  นอกจากกลับมานอนตอนกลางคืน  ลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่ร้านอาหาร  ครั้งหนึ่งมีคนโง่คนหนึ่งพยายามหาเรื่องลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ถีบเขาปลิวตั้งแต่หลังร้านมาที่หน้าร้านด้วยการถีบครั้งเดียว  จากนั้นมาก็ไม่มีใครหาเรื่องลินลี่ย์อีก
พริบตาเดียวผ่านไปหกวัน
ช่วงเวลาหกวันที่ผ่านไปนี้  นอกจากท่านใบไม้ร่วงและโยคีอีกสองคนแล้ว  ไม่มีพวกโยคีอื่นจากไป
ภายในคฤหาสน์ของเคลย์
 “ทุกท่าน, ทำไมพวกท่านถึงได้เร่งรีบจากไปนักเล่า?”  เคลย์มองดูตัวแทนโยคีทั้งสามข้างหน้าเขาพยายามจะโน้มน้าวหน่วงเหนี่ยวพวกเขา
บุรุษชราผมทองกล่าวอย่างใจเย็น  “เคลย์ เราต้องไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เดี๋ยวนี้  ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนท่านในช่วงหลายวันมานี้  ตอนนี้เราจะไปกันแล้ว”
โยคีทั้งสามนี้ไม่สนใจคำเชิญชวนของเคลย์ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจากไปทันที
 “ใต้เท้า, ท่านจะไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ใช่ไหม?  ข้าก็ปรารถนาจะไปด้วยเช่นกัน จะเป็นยังไงถ้าข้าจะขอไปพร้อมกับพวกท่าน?”  เคลย์พูดขึ้นทันที  ขณะเดียวกันเขาสั่งชาร์ค โอรสเขาทันที “ชาร์ค เตรียมสัมภาระ เราจะออกเดินทางกันเดียวนี้”
มาถึงตอนนี้แล้ว เคลย์ไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย
ถ้ามีแต่เพียงไกเซอร์ออกไปพร้อมกับเขา เคลย์ไม่มั่นใจว่าไกเซอร์จะสามารถปกป้องเขาจากลินลี่ย์และอสูรเวทที่ร้ายกาจของเขาได้
 “จะเดินทางไปพร้อมกับเราน่ะหรือ?”  บุรุษชราผมทองขมวดคิ้ว
ความจริงพวกเขาไม่คิดจะเดินทางไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เลย  พวกเขามีภารกิจลับ
 “เป็นไปไม่ได้  เราได้รับคำสั่งมาจากศาสนจักรอย่างเข้มงวด”  โยคีชราผมทองพูดเย็นชา
อีกสองคนก็มองเคลย์อย่างเย็นชาด้วยเช่นกัน  “ถ้าท่านลอบติดตามเรา  ท่านคงจะรู้ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร”  หลังจากพวกเขาพูดจบ  ทั้งสามก็หันกายเดินจากไปปล่อยให้เคลย์ยืนตะลึงงันอยู่ข้างหลัง
เคลย์คาดไม่ถึงเลยว่าโยคีเหล่านี้จะห้ามมิให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย
 “ใต้เท้า!  เคลย์ตามออกมาจากห้องโถง  แต่โยคีราวห้าสิบคนออกไปจากประตูคฤหาสน์แล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หันหน้ากลับมามองเขา
เคลย์ไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรต่อไป  เขาไม่กล้าติดตามโยคีพวกนั้นต่อไป  แม้ว่าทางศาสนจักรเจิดจรัสจะสอนให้คนทำดี  แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจต่อต้านใครบางคน  พวกเขาจะไม่มีความเมตตาปราณีให้  ตอนนี้ เคลย์ไม่มีความคุ้นเคยกับศาสนจักรเจิดจรัสอีกต่อไป  พวกโยคีคงไม่กลัวที่จะฆ่าเขาแน่นอน
 “พระบิดา” ชาร์คเดินเข้ามาหาและมองดูเคลย์
เคลย์ขมวดคิ้ว  เขาเงียบอยู่ชั่วขณะ  จากนั้นออกคำสั่ง  “ไปที่ประตูหลัง  เราจะออกไปทันที  ใช่แล้ว  ไปกันเดี๋ยวนี้ อันตรายจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวินาที

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น