วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 352 เม็ดผลึกกระเรียน

ตอนที่  352  เม็ดผลึกกระเรียน
ฝีมือทั้งสามคนนั้นมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วมาก
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหอกทะเลจุดของหลิงซิ่ว เพียงหนึ่งท่วงท่าเขาก็สามารถสร้างฝนหอกได้ กระบี่เหล็กของอาเฮ่อก็รวดเร็วมากเหมือนกับว่ากระบี่จะติดตามร่างเขาตลอด  ทุกๆ กระบี่มีความเคลื่อนไหวน้อยที่สุด เหมือนกับจะงอยปากกระเรียนที่จิกหาอาหาร รวดเร็วดุจสายฟ้า

เมื่อเทียบกับทั้งสองคนนี่แล้ว  ถังเทียนไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย  ความเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก และการเปลี่ยนท่วงท่าของเขาทำได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด  แต่เมื่อเทียบกับการปลดปล่อยท่วงท่ากับพวกเขาแล้ว  เขามิได้โด่ดเด่นกว่าเท่าใดนัก
แต่เขายังคงวิ่งขึ้นหน้า
ปกติจะมีช่วงหน่วงเวลาระหว่างที่สะดุดและโจมตี  ยอดฝีมือมักจะลดเวลาที่หน่วงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยอดฝีมือที่มีการตอบสนองได้รวดเร็วจะไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ได้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่สะดุดหรือหน่วงเวลานั้น
แต่ถังเทียนกลับไม่มีช่องว่างของเวลาดังกล่าว
เขาไม่จำเป็นต้องหยุดเลยแม้แต่น้อย  ไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้จับเค้า  ท่วงท่าและการโจมตีของเขาไหลลื่นมาก ความเคลื่อนไหวที่ต้องการเสร็จสิ้นได้ในอึดใจเดียว  ความเคลื่อนไหวของเขากระชับ ไม่มีความเคลื่อนไหวที่สิ้นเปลืองหวือหวาแต่แฝงด้วยความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดบางอย่าง เขาสามารถทำนายและเข้าใจบอลแสงได้ล่วงหน้า  และความเคลื่อนไหวทั้งหมด สามารถดำเนินการได้หลากหลายเพื่อโจมตีเป้าหมายได้หลายชั้นทำลายได้ทีละมากๆ
นอกจากนี้ ถังเทียนยังโจมตีได้ไม่ช้าเลย  ประสิทธิภาพของเขาน่าทึ่งและเป็นไปตามธรรมชาติ
อาเฮ่อตกใจ
เขาผนวกความรู้แจ้งในสายลมเข้าในกระบวนวิชากระบี่กระเรียนฟ้า ทำให้มันรวดเร็วขึ้นมาก จนอยู่ในระดับที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถรับมือเขาได้
วิชากระบี่ของอาเฮ่อก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งและค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น  นอกจากนี้เขายังทำตัวไม่ให้โดดเด่น เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ และไม่ชอบต่อสู้  ขณะที่ถังเทียนและหลิงซิ่วพอใจกับการทำตัวเด่นและชอบต่อสู้  เขามักซ่อนตัวอยู่ในเงาเสมอ  แต่มีเพียงสามคนที่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้เย่เฉาเกอได้ ก็คือ ถังเทียน, ปิงและอาเฮ่อ
หลิงซิ่วมีนิสัยชอบแข่งขันและชอบเอาชนะเสมอ  เขามักต่อสู้จนสุดกำลังและไม่คิดเก็บรั้งพลังไว้
อาเฮ่อสามารถเห็นรูปแบบการรุกของถังเทียนได้อย่างชัดเจน และมันดึงดูดสายตาของเขาได้เสมอ  เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกประหลาดมาก  เพราะเป็นครั้งแรกที่อาเฮ่อได้เห็น  ถังเทียนในบางครั้งก็ปล่อยบอลแสงไว้ข้างหลังสองสามใบ แต่ความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดหลังจากนั้นดึงบอลแสงทั้งหมดเข้ามาและทำลายทั้งหมดเหมือนกับใช้แหหว่านจับปลา  เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่
นั่นคือเหตุผลที่รูปแบบการบุกของถังเทียนดูเหมือนจะพิเศษ  และถ้าเขาก้าวโซเซเพียงเล็กน้อย  ถังเทียนจะดูเหมือนกับคนเมา  เส้นทางเดินข้างหน้าของเขาเป็นแบบสุ่มโดยสิ้นเชิงบางครั้งก็โยกซ้าย บางครั้งก็โยกขวา บางครั้งก็นิ่งเฉย บางครั้งก็ตีลังกากลับหลัง จากนั้นคลานขึ้นหน้าไม่สามารถอ่านทางได้เลย
อาเฮ่อคิดอยู่ชั่วครู่  จากนั้นก็เข้าใจว่า นั่นคือสัญชาตญาณ
ถ้าเป็นเจตนา อย่างนั้นจะดูสง่างามมาก  เหมือนกับว่าเขากำลังเล่นหมากรุกซึ่งต้องใช้สติปัญญา  แต่ด้วยระดับปัญญาของถังเทียน....
ใช่แล้ว  ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าดูจะเหมาะสมกับเจ้าบ้านี่แล้ว
แต่นั่นคือสัญชาตญาณที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
หัวใจอาเฮ่อประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง เขามีนิสัยที่สงบเสงี่ยม  เขามักสงสัยเรื่องสัญชาตญาณอยู่เสมอ  แต่สำหรับสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมาก  เขารู้สึกกลัวอยู่บ้าง
เป็นความสงสัยที่คล้ายกับฬ่อที่ดื้อและแข็งแกร่ง
ถังเทียนไม่ได้สังเกตว่าอาเฮ่อกำลังวิเคราะห์เขา เนื่องจากเขาตื่นเต้นมากเกินไป   สัญชาตญาณที่น่ากลัวของเขาทำให้ร่างของเขาปลดปล่อยความเคลื่อนไหวและสนองตอบได้รวดเร็วต่อเนื่อง  และความรู้สึกนี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก  เขารู้สึกว่าเขามีพลังอยู่ในร่างกายซึ่งทั้งหมดโอนอ่อนและเชื่อฟังมาก  แทบจะเห็นด้วยเลยว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวในระดับที่มีความยากมาก
ความเคลื่อนไหวของเขายิ่งไหลลื่นมากขึ้น  และเขาเริ่มทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเขาได้มากขึ้น
สภาวะสัญชาตญาณที่ตื่นเต้นและสภาวะสัญชาตญาณที่สงบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  สภาวะสัญชาตญาณที่ตื่นเต้นจะเน้นที่การควบคุมตนเองให้มากขึ้นเป็นหลัก  สภาวะสัญชาตญาณที่สงบจะมุ่งเน้นสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน
ถังเทียนดื่มด่ำอยู่ในสภาวะที่ยอดเยี่ยม
หลังจากไม่รู้ตัวมานาน ถนนข้างหน้าพวกเขาพลันเปิดโล่งกว้างทันที  ถังเทียนออกจากสภาวะที่น่าทึ่งทันที ขณะที่เขาหันกลับไปมองทางข้างหลัง
เขาผ่านมาตลอดเส้นทางแล้ว และไม่มีบอลแสงเหลือให้เห็นเลย  เนื่องจากบอลแสงทั้งหมดเปลี่ยนสภาพเป็นหมอกสีฟ้าแล้ว
ถังเทียนยังรำลึกถึงความรู้สึกที่เพิ่งจะผ่านมา “เผียะ” บอลแสงลูกหนึ่งแตกทันที และหลิงซิ่วโผล่ออกมาจากกลางแสงสีฟ้า  ถังเทียนมีปฏิกิริยารวดเร็วเบนหลังหลบและหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!  เสี่ยวซิ่วซิ่ว, ข้าชนะอีกแล้ว”
บนตัวแพะภูเขาบรอนซ์ หยาหยายืนอยู่ข้างๆ มือเท้าสะเอวหอบหายใจอกกระเพื่อม  มันมีท่าทางยินดีบนใบหน้า  และหันไปมองกระรอกบรอนซ์ที่มีท่าทางซึมเซาและร้องหาถังเทียน
กระรอกที่น่าสงสารถูกหยาหยาฉุดลากไปเหมือนเรือน้อยเผชิญพายุในทะเลกว้าง  หน้าของมันตกใจทำอะไรไม่ถูก
เมื่อหลิงซิ่ววิ่งออกมาจากกลุ่มแสงและเห็นหน้าถังเทียน  เขามีสีหน้าไม่พอใจทันที  อีกทั้งถังเทียนตะโกนอย่างดีใจ ทำให้เขาหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
อาเฮ่อเพิ่งจะเสร็จเช่นกัน เขายิ้ม “ดูเหมือนว่าข้าจะมาถึงที่สามนะ”
ถังเทียนเดินไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคิดเรื่องที่อาเฮ่อพูดไว้  เขาถามทันที “เสี่ยวเฮ่อ,  เจ้าพูดถึงอะไรบางอย่างที่น่าทึ่งไว้ไม่ใช่หรือ?”
เสี่ยวเฮ่อ.....
ยิ้มของอาเฮ่อชะงักค้าง และเขาฝืนหัวเราะ  “อ่า.. ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
แม้ว่าหลิงซิ่วยังทำหน้าเขียวคล้ำ  แต่นัยน์ตาเขาเป็นประกาย  เขาสงสัยคำว่าน่าทึ่งของอาเฮ่อ  เนื่องจากอาเฮ่อไม่ใช่คนที่ชอบคุยโตโอ้อวด
อาเฮ่อล้วงโคมกระเรียนหงอนแดง สมบัติชั้นเงินออกมา มันคือโคมไฟรูปถ้วยขนาดเล็ก คล้ายกับกระเรียนหงอนแดงและดูเหมือนจริงมาก
ตาของกระเรียนหงอนแดงเปล่งประกายทันที  แสงสีแดงทำให้เหมือนกับว่ามันกลับมามีชีวิต
สมบัติ!
ถังเทียนและหลิงซิ่วจ้องมองตาค้าง  ทั้งสองไม่กระพริบตา
ทันใดนั้นแสงสีฟ้าทั้งหมดทะลักเข้าหาโคมกระเรียนหงอนแดงและไหลเข้าไปในปาก  แสงสีฟ้าถูกดูดเข้าปากกระเรียนหงอนแดง  แต่เมื่อเทียบกับแสงสีฟ้าตามทางทั้งหมด ยังนับว่าเล็กน้อย
ถังเทียนทำหน้าตกใจ  “เอ๊ะ, มันดูดพลังงานได้ด้วย”
หลิงซิ่วยังหงุดหงิดเรื่องส่วนตัวก่อนนั้น เขาแค่นเสียงคำราม  “งี่เง่า  เรื่องง่ายๆ แบบนี้ใครๆ ก็พูดได้”
 “อย่างนั้นคนที่แพ้คนงี่เง่าจะเรียกว่าอะไร?”  ถังเทียนหัวเราะ  “ไม่คู่ควรจะเป็นคนงี่เง่าด้วยซ้ำ”
หลิงซิ่วโมโห กระโดดผางใช้หอกเหล็กชี้มาทางถังเทียน “มาสู้กันเลย  สู้กันแบบลูกผู้ชายดีกว่าเถียงกันไปมา”
อาเฮ่อพูดตัดบท  “เฮ้, พวกเจ้าสู้กันไปก่อน ยังพอมีเวลาเหลือโคมกระเรียนหงอนแดงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด”
ในที่สุดการต่อสู้ก็ไม่เกิดขึ้น
ถูกอาเฮ่อดุใส่ ถังเทียนรู้สึกว่าสู้ไปก็คงเป็นเรื่องโง่  ก็ได้ ก็ได้ เสี่ยวซิ่วซิ่วยังไม่เห็นตรงจุดนี้   พวกสมองไม่ดีนับว่าช่วยอะไรไม่ได้  หนุ่มชาวฟ้าจะยอมๆเขาไปก่อน
ถังเทียนมีแววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ  ปล่อยหลิงซิ่วเดินห่างออกไปอย่างหัวเสีย
ถังเทียนเดินไปอยู่ข้างๆ อาเฮ่อ และถาม “เฮ้..อาเฮ่อ อะไรกันนี่?  ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเอาของนี้ออกมาให้ดูเลย”
อาเฮ่ออธิบาย  “นี่เรียกว่าโคมกระเรียนหงอนแดง และนี่คือสมบัติชั้นเงินจากกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า  ท่านพ่อข้าเคยใช้เมื่อตอนเขาอายุน้อย  ดังนั้นเจ้าสำนักจึงเก็บไว้ให้ข้า  มันใช้งานง่ายมาก แค่ใช้ดูดซับพลังงาน ถ้ามีพลังงานเพียงพอ มันสามารถควบแน่นพลังงานเปลี่ยนเป็นเม็ดผลึกกระเรียน  แต่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าได้ยินว่าในอดีตกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าสามารถควบแน่นเม็ดผลึกกระเรียนได้ทุกๆ ห้าปี  แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำมานานแล้ว เนื่องจากพลังงานเบาบางเกินไป”
 “เม็ดผลึกกระเรียนกินได้ไหม?”  ถังเทียนน้ำลายหก
 “ได้สิ”  อาเฮ่ออดยิ้มไม่ได้  “แต่ผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือ มันสามารถช่วยให้เจ้าฝึกฝนปราณแท้ได้
 “ฝึกฝนปราณแท้!”  หลิงซิ่วและถังเทียนปากอ้าค้างพร้อมกัน
สำหรับทั้งสองคนนั้น สิ่งที่ยากจะก้าวหน้ามากที่สุดก็คือปราณแท้ของพวกเขา  ถังเทียนในปัจจุบันนี้ใช้ชุดสำหรับฝึกที่สร้างตามแบบห้องพลังงานโบราณที่แก้ไขโดยเซรีน  แต่กระบวนการฝึกปราณแท้ทำให้ทั้งสองคนไม่สบายใจ  ความสิ้นเปลืองหินดวงดาวของชุดฝึกก็มากจนน่ากลัว  และถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนเป็นผู้นำเผด็จการในตอนนี้  เขาคงไม่สามารถใช้ชุดฝึกพลังได้เลย
ในสวรรค์วิถี  สมบัติที่สามารถใช้ฝึกฝนปราณแท้ตกอยู่ในมือของกลุ่มมหาอำนาจ
 “ใช่” อาเฮ่อยิ้ม  “แต่อย่าตั้งความหวังไว้จนเกินไป  มันถูกใช้กับข้ามานานหลายปีแล้ว  แต่ข้าไม่เคยเห็นมันผลิตเม็ดผลึกกระเรียนออกมาเลย  ทางสำนักเขียนบันทึกไว้ว่าอย่างนั้น  และท่านแม่ข้าบอกว่ามันเคยผลิตเม็ดผลึกมาก่อน  ดังนั้นข้าจึงนำติดตัวมาด้วย”
 “เทียบกับชุดฝึกพลังแล้วเป็นยังไงบ้าง?”  ถังเทียนถามทันที
 “ข้าได้ยินว่ามันสามารถใช้ได้ทันที”  อาเฮ่อไม่แน่ใจ  “ข้าไม่เคยใช้มาก่อน  ดังนั้นข้าไม่อาจพูดยืนยันได้  เป็นเพราะข้าเห็นว่าพลังงานที่นี่หนาแน่นมาก  ดังนั้นถ้าข้าไม่ใช้มัน ก็คงน่าเสียดาย  โชคดีที่เราพบทางน้ำจี้ชิว  ถ้าไม่อย่างนั้น โคมนี้คงได้กองอยู่กับฝุ่นตลอดไป”
สถานที่มีพลังงานหนาแน่นขนาดนั้น เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก
ทำไมกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือถึงได้แข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าใต้?  ทำไมกลุ่มดาวขั้วขอบฟ้าถึงได้แข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ?  ทำไมยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งยินดีเข้าสู่กลุ่มดาวระดับสูง?  ทำไมตำหนักระนาบสุริยุปราคาถึงเป็นแกนกลางสวรรค์วิถี?
ทุกสิ่งล้วนสรุปลงเป็นเหตุผลง่ายๆ  นั่นก็คือพลังงาน
พลังงานคือแหล่งของปราณแท้  และปราณแท้ก็คือพื้นฐานและหัวใจของปราณแท้
พลังงานในกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือหนาแน่นมากกว่ากลุ่มดาวขอบฟ้าใต้  และความเร็วในการฝึกฝนจะสูงกว่า  ขณะที่ทำการฝึกฝนในกลุ่มดาวที่มีพลังงานมากมาย   ดังนั้นพวกนักสู้จึงสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งมากขึ้น  แต่นักสู้แข็งแกร่งที่มีความทะเยอทะยานทุกคนยินดีไปยังกลุ่มดาวที่มีระดับสูงกว่า เพื่อค้นหากระบวนการที่เร็วขึ้น
ด้วยความสนใจเม็ดผลึกกระเรียน หลิงซิ่วและถังเทียนจึงคืนดีกันในที่สุด  ทั้งสองน้ำลายหกมองดูโคมกระเรียนหงอนแดง
หลังจากมองดูชั่วขณะ ทั้งสามคนก็เบื่อหน่าย จึงเริ่มนั่งเดินพลัง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อถังเทียนลืมตา  อาเฮ่อและหลิงซิ่วมองดูโคมอย่างกระวนกระวาย
ถังเทียนหันไปมองดูอย่างประหลาดใจ เนื่องจากแสงฟ้าในทางผ่านเบาบางลงมาก เทียบกับหมอกสีฟ้าที่หนาแน่นก่อนนั้น หมอกตอนนี้เบาบางมากและเขาสามารถเห็นทางเดินได้ไกล
โคมกระเรียนหงอนแดงดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลง ร่างสีขาวบริสุทธิ์มีนัยน์ตาสีแดงดุจโลหิต
ทันใดนั้นเสียงกระเรียนร้องชัดเจนดังออกมาจากในใจพวกเขา
ทั้งสามคนสั่นสะท้าน
กระเรียนหงอนแดงอ้าจะงอยปากของมันและคายเม็ดผลึกขนาดเม็ดถั่วเหลืองออกมาสามเม็ด  แสงเรืองรองบนร่างกระเรียนหงอนแดงสลัวลงและตาของมันกลายเป็นสีเงินอีกครั้งเหมือนตอนที่อาเอ่อล้วงออกมา
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่เม็ดผลึกกระเรียน  เม็ดผลึกกระเรียนปลดปล่อยพลังงานสั่นสะเทือนเป็นคลื่นๆ  มันไม่รุนแรง แต่ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง
 “หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งคน”  อาเฮ่อไม่พูดไร้สาระ และหยิบออกมาหนึ่งเม็ด
หลิงซิ่วและถังเทียนหยิบคนละเม็ด
ทั้งสามมองหน้ากันและหยอดเม็ดผลึกกระเรียนใส่ปากพร้อมกัน

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

เขาให้กินหรอพี่เฮ่อยังไม่ได้บอกเลย เดวมันก็โตในท้องหรอก

DexterAndDdy กล่าวว่า...

แล้วทั้งสามคนก็ท้องเสียตาย จบนิยาย

แสดงความคิดเห็น