ตอนที่
372 เข้าเมือง
“ตราบเท่าที่เรายังคงมุ่งหน้าต่อไป จะต้องพบกับคนแน่นอน
“หุบปากไปเลยเจ้างี่เง่า! เราเดินมาเกินกว่าเจ็ดชั่วโมงแล้ว แม้แต่ผมของมนุษย์สักเส้นก็ยังหาไม่พบ”
“ผมของมนุษย์อะไร? ใช่ผมบนหัวของมนุษย์หรือเปล่า?”
“เจ้ากำลังจะฆ่าข้า!”
อาเฮ่อมองดูอย่างจนใจขณะที่ทั้งสองทะเลาะกัน
เขาปาดเหงื่อและชำเลืองมองดูหลิงซิ่วด้วยความเห็นใจ อีกคนเป็นเหมือนกับสัตว์ป่า
แบกตู้อควาเรียสเงินสามสิบสองใบได้อย่างง่ายดาย และยังมีพลังมากพอหาเรื่องทะเลาะต่อได้ แต่เจ้าเหนื่อยจัดราวสุนัขหอบแดด
ก็ยังอุตส่าห์ใช้พลังงานที่มีค่าของเจ้าไปด่า เพื่อ..
แต่ดูเหมือนตัวข้าเองก็ไม่มีอะไรดีกว่า...
ไม่เพียงแต่ร่างกายของข้าแทบจะพังเท่านั้น
ใจของข้าแทบจะพังทลายเพราะพวกเจ้าทั้งสองคน...
ชีวิตคือการอดทนอย่างหนัก อาเฮ่อร้องในใจ
“ดูข้างหน้า! ดูข้างหน้าสิ! เร็วข้า
เร็วๆ”
ถังเทียนตะโกนอย่างตื่นเต้น
ทำให้อาเฮ่อที่กำลังรู้สึกเสียใจอยู่ในใจเงยหน้าและสะดุ้ง
หลิงซิ่วที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเหมือนคนบ้า “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! รอดตายแล้วเฮ้ย!”
ในที่ไกลออกไป
เมืองแห่งหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
“เอ่, เมืองนี้ดูเหมือนจะเพิ่งระเบิดมานะ!” ถังเทียนชี้พื้นที่สีดำของเมือง “ดูนั่นสิ?”
“น่าเสียดาย”
อาเฮ่อพูดอย่างไม่มีความหมายอะไร
จากนั้นกล่าวทันที
“รีบเข้าเมืองกันเถอะ”
หลิงซิ่วผงกหัวหงึกหงักติดต่อกันเหมือนไก่จิกอาหารบนพื้น
ถังเทียนถามด้วยความสับสน “พวกเจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ? ทำไมพวกเขาเป็นแบบนั้น?”
“ไม่ต้องสงสัยเลย” อาเฮ่อตอบอย่างเย็นชา เขาปาดเหงื่อ ฝีเท้าของเขาหนักขึ้นทุกที
“ทำไมล่ะ? หลุมมหึมา
นั่นต้องเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ ถึงได้งกลายเป็นแบบนั้น นั่นมันน่าประหลาดจริงๆ” ถังเทียนพูดอย่างตกใจ
อาเฮ่อทำเหมือนเขาไม่ฟัง เขาต้องการสงวนพลังงานของเขาเอาไว้
หลิงซิ่วมีปฏิกิริยา
แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
“มีอะไรที่น่าสนใจในชีวิตของเจ้าบ้างไหม? ไม่สงสัยหรือสนใจในโลกนี้บ้างหรือ? ข้าเข้าใจ
มิน่าเล่าพวกเจ้าถึงกลายเป็นหนุ่มชาวฟ้าไม่ได้
พวกเจ้าไม่รู้จักสงสัยเรื่องราวในโลกเอาเสียเลย...” ถังเทียนยังคงบ่นกระปอดกระแปด
อาเฮ่อ “......”
หลิงซิ่ว
“......”
เมื่อย่างเท้าเข้ามาในประตูเมือง อาเฮ่อและหลิงซิ่วดูเหมือนมีน้ำตาไหลนองแก้ม
อาเฮ่อหยุดถามคนสัญจรและถามอย่างสุภาพ “ขอโทษนะ
หอการค้าที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่อยู่ตรงไหน?”
“หอการค้าที่ใหญ่ที่สุดน่ะหรือ?” คนผ่านทางตอบโดยไม่ลังเล “นั่นคือสมาคมหอการค้าเทพธิดา แค่เดินไปตามถนนนี้ พอถึงท้ายถนนเลี้ยวซ้าย
เจอร้านแรกก็ใช่เลย”
“ขอบคุณ!” อาเฮ่อขอบคุณเขาทันที
“ข้าหิว, ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”
ถังเทียนพูดขณะที่น้ำลายหก
“ไม่!”
อาเฮ่อและหลิงซิ่วต้องการกำจัดซากที่แบกอยู่โต้แย้งขึ้นพร้อมกัน ความตั้งใจของพวกเขาแข็งแกร่งดุจเหล็ก
เมื่อทั้งสามาคนมาถึงสมาคมหอการค้านางฟ้า พวกเขาตระหนักว่าที่ทางเข้ามีคนอยู่แน่น มีเสียงต่อสู้รุนแรงภายใน เสียงดัง ปัง ปัง ปัง ดังในครู่ต่อมา
คนสองสามคนปลิวออกมาจากร้าน
หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด
สิวฟานหน้าซีดขาว
ฝ่ามือข้างหนึ่งของคู่ต่อสู้ฟาดใส่อกเขา
พลังชีวิตในกายเขาเหือดหายอย่างรวดเร็ว
แต่ความเจ็บปวดและความเกลียดในหัวใจเขาแข็งแกร่งมาก เขาชี้ฝ่ายตรงข้ามและเสียงสั่น
“น้องสามกุ้ย,
ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของสมาพันธ์ชาวยุทธไปด้วย!”
สมาพันธ์ชาวยุทธ
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที ทุกคนมีสีหน้าโกรธ
แต่กุ้ยเสียงแสดงพลังทำให้ทุกคนไม่กล้าพูด
กุ้ยเสียงตอบอย่างเฉื่อยชา
“พี่รองสีว์ ตอนนี้เจ้าดูสถานการณ์ไม่ออกหรือ?
กลุ่มดาวอันโดรเมดาจะตายเร็วๆ นี้
แอนเดรียนาบ้าไปแล้วและต้องการผลักดันให้กลุ่มดาวล่มสลายด้วยน้ำมือนาง ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งเดียว ถ้าเจ้าแสดงความจงรักภักดีต่อนายท่าน...”
“เลวมาก!” หัวใจของสิวฟานปวดร้าว
และเขากล่าวไปสั่นไป “น้องสามกุ้ย นายผู้เฒ่าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี เมื่อเจ้าต้องการเดินทางไปกลุ่มดาวมังกร นายผู้เฒ่าก็ไม่ห้ามเจ้า
ยังออกค่าเดินทางที่มากมายให้เจ้าอีกด้วย
ตอนนี้เขาชราและอ่อนแอ และเจ้ากลับพาศัตรูมาที่นี่ ข้าตาบอดจริงๆ”
ตาของกุ้ยเสียงปรากฏแววละอาย
แต่สีหน้าเขาหมองคล้ำและตอบอย่างไม่แยแสทันที
“ถ้านายผู้เฒ่าอยู่ที่นี่ ทำไมเขาต้องปล่อยพวกเจ้าให้ทำตามเด็กผู้หญิงตาบอดที่ไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างฟ้ากับดินและด้วยเล่า พี่รองสิว
เจ้าตาบอดจริงๆ มีตาไปก็ไร้ประโยชน์
ข้าจะช่วยเจ้าควักมันออกไปเอง”
พูดเพียงเท่านั้น
ร่างของเขาหายวับทันที
สองนิ้วที่ไวราวสายฟ้าแทงใส่ตาของสิวฟาน
ปราณแท้ของสิวฟานยังปั่นป่วน เขากำลังจะตายและไม่มีแรงป้องกัน
ปิง
เสียงโลหะกระทบดังขึ้น
สิวฟานสะดุ้งลืมตาทันทีภาพกระบี่เล่มหนึ่งเป็นประกายผ่านดวงตาของเขา
กุ้ยเสียงคาดไม่ถึงว่าจะมีคนโผล่ออกมากะทันหัน
เขายืมพลังสะท้อนกลับพลิกตัวกลางอากาศและกลับไปอยู่ประจำยังจุดเดิม
“เจ้าเป็นใคร?”
หัวใจของกุ้ยเสียงสั่นสะท้าน
กระบี่ของฝ่ายตรงข้ามคล่องแคล่วว่องไวมาก เป็นคนที่มีประสบการณ์แน่
ยอดฝีมือ!
สิวฟานประหลาดใจและดีใจ
หรือว่าเป็นยอดฝีมือที่มาจากกลุ่มดาวนายพรานหรือกลุ่มดาวราชสีห์?
เมื่อเห็นชัดเจน
หัวใจของสิวฟานก็ยิ่งมั่นใจ นักสู้แข็งแกร่งที่อายุเยาว์ขนาดนั้น เขาต้องมาจากกลุ่มดาวนายพรานหรือกลุ่มดาวราชสีห์เป็นแน่
ยอดฝีมือของกลุ่มดาวอันโดรเมดาทั้งหมดถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว แอนเดรียนาร่วมมือกับเจ็ดหอการค้าใหญ่ก่อตั้งสมาคมหอการค้าเทพธิดาและอยู่ในสภาพที่ไม่มียอดฝีมือดูแล
ในอดีตสิวฟานไม่ใช่นักสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆในกลุ่มดาวอันโดรเมดา แต่ปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าสมาคมหอการค้าเทพธิดา
แสดงให้เห็นว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงไหน
โชคดี...
“เขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ” อาเฮ่อทำเหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของกุ้ยเสียง
และหันไปบอกถังเทียนกับหลิงซิ่ว
กุ้ยเสียงยังคงสงบและสำรวมและพอใจในตัวเอง ระดับเบื้องบนได้สัญญากับเขาไว้แล้ว ถ้างานของเขาสำเร็จสวยงาม
พวดเขาทุกคนจะสามารถเข้าสมาพันธ์ชาวยุทธได้และช่วยสู้เพื่อสมาพันธ์ สงครามระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์เริ่มขึ้นแล้ว
ดังนั้นจะมีโอกาสมากมายนับไม่ถ้วนสำหรับเขาที่จะเข้าร่วมสมาพันธ์ชาวยุทธ
สะสมความดีความชอบและบรรลุผลสำเร็จบางอย่างในวันที่จะมาถึง
ผลประโยชน์สำคัญของสมาพันธ์ชาวยุทธถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในสวรรค์วิถี แต่การรับคนเข้ามานั้นเคร่งครัด เทียบกับสมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว
กลุ่มดาวราชสีห์เป็นเหมือนขอทานยากไร้ที่ไม่มีอะไร สำหรับกุ้ยเสียง มันคือสงครามที่ไร้จุดหมาย
เพราะสมาพันธ์ชาวยุทธจะชนะในที่สุด
เขาสิ้นเปลืองความคิดนับไม่ถ้วนพยายามหาทางสายนี้และมีคนหนึ่งได้ยินว่าเขาคุ้นเคยกับกลุ่มดาวอันโดรเมดาและมอบโอกาสให้เขา
สำหรับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง...
กุ้ยเสียงหัวเราะในใจ จะมีคนมีฝีมืออีกมากเข้ามาจัดการพวกเขาเอง
“ฆ่าเขาซะ”
ถังเทียนพูดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องสมควรทำ
สมาพันธ์ชาวยุทธคือศัตรูของทุกคน
เชียนฮุ่ยเคยพูดมาก่อน
จัดการกับศัตรูให้เหมือนกวาดใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง
ไม่ต้องปราณี
“เจ้าต้องการให้ข้าลงมือไหม?” หลิงซิ่วก้าวเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
“ฆ่าข้าน่ะหรือ?” สีหน้าของกุ้ยเสียงเขียวคล้ำ
หัวเราะในใจต่อไป ‘คำพูดหยิ่งยโสขนาดนั้น มันจะมากเกินไปแล้ว ท่ามกลางผู้คน
สหายก็ยังอยู่กับข้า
อย่างพวกเจ้าทั้งสามต้องการจะฆ่าข้าน่ะหรือ? เลิกฝันได้แล้ว!”
ทันใดนั้นประกายเยือกเย็นสายหนึ่งปรากฏต่อหน้าเขา
ซี่.....
แย่แล้ว! สีหน้ากุ้ยเสียงเปลี่ยน,
เขาไม่มีเวลาตั้งตัว
และรู้สึกว่าคอเย็นยะเยือก จากนั้นเลือดพุ่งออกมาบดบังสายตาเขา ในที่สุดเขาก็ตั้งตัวได้ และมีแต่เสียงที่หลุดรอดออกมา
“ไม่....”
คำพูดของเขาขาดหายไป ศีรษะของเขาขาดโลหิตพุ่งออกมาจากลำคอของเขา
ศีรษะเขาตกอยู่ด้านข้าง ร่างล้มกับพื้นเสียงดังเหมือนเสาไม้ล้ม
ไม่มีใครเห็นกระบี่!
หลูหรงอยู่ในกลุ่มคนรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งตัวเหมือนกับว่าเขาตกลงไปในโรงน้ำแข็ง
เขาไม่เห็นว่าคนผู้นั้นปล่อยกระบี่ออกมาอย่างไร ในสถานการณ์แบบนั้น มีความเป็นไปได้ประการเดียว
พลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
เป็นไปได้ยังไง?
ยอดฝีมือของกลุ่มดาวอันโดรเมดาถูกกำจัดไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?
พวกเขามาจากกลุ่มดาวราชสีห์หรือ?
หลูหรงสั่นไปทั้งตัว
สายตาของสหายเขามองมาทางเขา
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาบังคับตนเองให้ใจเย็นและส่ายศีรษะ
สถานการณ์เปลี่ยน
ศัตรูมีพลังกล้าแข็งเกินกว่าเขาจะรับมือได้
กลุ่มดาววอันโดรเมดามีอิทธิพลที่แข็งแกร่งในสิบเก้ากลุ่มดาวฟากฟ้าเหนือ
และคนที่สมาพันธ์ชาวยุทธเจาะจงเลือกให้มาคุ้มครองในฟากฟ้าเหนือก็คือหลูหรง แต่เขาเป็นแค่ผู้น้อยและไม่มีผู้หนุนหลัง
เดิมทีเขาต้องการสังกัดฉีซาน
แต่พลังของเขาธรรมดา ฉีซานจึงไม่รับเขา
เหตุการณ์ตามมาทำให้เขาตกตะลึง
แต่เขายังคงมองเห็นโอกาสในนั้น
เขาอยู่ในสมาพันธ์ฯ
มานานและรู้ว่าสมาพันธ์จะรับมือหลายๆ สิ่งได้ยังไง
เผชิญหน้า!
สำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธ
จะรับมือเรื่องเช่นนั้นได้
พวกเขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงอำนาจของผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอันดับหนึ่ง
หลูหรงเริ่มวางแผนและเตรียมการ พลังของตัวเขาเองก็แค่ระดับทั่วไป บริวารของเขาไม่ใช่คนมีความสามารถ
ความคิดของพวกเขามีแต่เพียงไปหานักสู้ภายนอก และกุ้ยเสียงเป็นหนึ่งในนั้น
พลังของกุ้ยเสียงโดดเด่นมากและมีใจที่ทะเยอทะยาน เป็นไปตามคาด พอมีผลประโยชน์เป็นเหยื่อล่อ กุ้ยเสียงก็งับเหยื่อทันที
หลูหรงเป็นคนมากระแวง
ดังนั้นเขาพาคนของเขาไปที่ทำการสมาคมเพื่อสืบเรื่องราว
เขาไม่คาดเลยว่าตนเองจะต้องมาพบนักสู้ผู้แข็งแกร่งขนาดนั้น!
พวกเขามาจากกลุ่มดาวราชสีห์หรือ? พวกเขามาถึงเร็วเกินไป! หลูหรงกลัวจัดจนไม่กล้าขยับ
บนอาคารสูงไม่ไกลนัก
คนสองคนสนทนาถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“กระบี่ที่รวดเร็วนัก!” บุรุษหนุ่มผมทองอุทาน เขามีรูปงาม ผมสีทองสลวยเงางามจับตา เขามีร่างกายกำยำล่ำสัน โครงหน้าเด่นชัด
จมูกโด่ง เขามีความมั่นใจในตนเองและมีราศีข่มขวัญ
“ดูเหมือนฝึกมาทางธาตุลม” บุรุษวัยกลางคนนั่งอยู่ข้างเขา สีหน้าเขาสงบ
“การควบคุมของเขายังตื้นเกินไป
แต่สำหรับวัยอย่างเขา หายากที่จะมาในระดับนี้ได้”
“ข้ายังคิดว่าการมาที่นี่คงจะน่าเบื่อ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีเรื่องสนุก”
บุรุษผมทองหัวเราะ
“ถ้าเด็กหนุ่มอีกสองคนแข็งแกร่งเท่ากัน
อย่างนั้นก็คงน่าสนใจ”
“ดูเหมือนว่าคุ้นๆ
เหมือนกับว่าเราเคยเห็นพวกเขามาก่อน”
บุรุษวัยกลางคนขมวดคิ้ว พยายามระลึกบางอย่าง
ชายหนุ่มผมทองประหลาดใจ “พวกเขาคือคนที่เรารู้จักหรือ?”
เขาคิดอย่างระมัดระวังชั่วขณะ จากนั้นเคาะศีรษะตนเอง “ข้านึกออกแล้ว พวกเขาคือสามคนที่มาจากกลุ่มดาวหมาป่า มิน่าเล่าข้าถึงได้รู้สึกคุ้นๆ นัก เอ่..
พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง?
ตระกูลเย่ผนึกกลุ่มดาวหมาป่าไว้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“เว้นแต่มีประตูดวงดาวบานหนึ่งเชื่อมถึงที่นี่?”
บุรุษวัยกลางคนตาเป็นประกาย
ทั้งสองคนมองหน้ากัน
มีแววตื่นเต้นปรากฏในดวงตาพวกเขา
ประตูดวงดาวใดๆ
ก็ตามมีมูลค่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล
และสำหรับประตูดวงดาวใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักยิ่งมีค่ามากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงคราม ประตูดวงดาวที่คู่ต่อสู้ไม่รู้จักสามารถเปลี่ยนชัยชนะในสงครามได้เลย
แม้ว่ากลุ่มดาวหมาป่าจะถูกผนึกไว้ แต่สำหรับกลุ่มดาวราชสีห์ย่อมไม่มีปัญหา
“น่าเสียดาย เราไม่พบแอนเดรียนา” บุรุษผมทองรู้สึกเสียดาย “ข้าต้องการเห็นสตรีผู้นี้จริงๆ และดูว่านางจะรับมือสถานการณ์เช่นนี้ยังไง”
“เราจะได้เห็นกัน” บุรุษวัยกลางคนพูดเฉื่อยชา
4 ความคิดเห็น:
สนุกเหมือนเดิม รออ่านต่อครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น