วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 379 เคล็ดสังหาร รังสีฉลาม



ตอนที่  379  เคล็ดสังหาร รังสีฉลาม



ลู่ไห่รู้ว่าเขาตกอยู่ในอันตราย  เขายกฝ่ามือและตวาดก้อง  ฝ่ามือของเขาเหมือนกับใบไม้ ป้องกันการจู่โจมจากด้านบน
ติง!

ปลายกระบี่สีขาวแหลมคมไม่สามารถแทงผ่านฝ่ามือของลูไห่ได้  แต่กระบี่เหล็กที่เขาใช้เป็นคู่มือไม่สามารถรับมือกับพลังโจมตีได้ทำให้แตกสลายเป็นชิ้นๆ  อาเฮ่อสนองตอบอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยด้ามกระบี่ขณะที่ใช้ฝ่ามือผลักเศษกระบี่หักพุ่งไปข้างหน้าของศัตรูเขา
เศษกระบี่พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังตำแหน่งที่ลูกไห่อยู่
ติง ติง ติง!
ประกายไฟกระเด็นไปทุกที่  ฝ่ามือของลู่ไห่ใช้ออกเหมือนกับโล่ทองแดงใช้ป้องกันการโจมตีไว้ได้
หอกเงินของหลิงซิ่วปรากฏขึ้นและจู่โจมใส่ลู่ไห่ทันที
พลังโจมตีที่น่ากลัวจากหลิงซิ่วเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความต้องการต่อสู้เพื่อบรรลุระดับพลังที่สูงสุดที่ปลดปล่อยออกไป
พลังระเบิดปะทุออกมา ขณะที่หอกของหลิงซิ่วและวิชาหมัดประหลาดของลู่ไห่ปะทะกัน
ปัง!
หอกแทงใส่บนโล่เหล็ก ระลอกพลังที่รุนแรงกระจายผ่านหอก  หลิงซิ่วไม่มีเวลาสนองตอบ เนื่องจากเขาถอยหลังจากแรงกระแทก  เขารู้สึกงงจากแรงปะทะ
ลู่ไห่ไม่แยแส  ตอนนี้เขาดูมาดมั่นมุ่งร้ายมากกว่าก่อนนี้
หมัดของเขาเริ่มหลั่งโลหิต  ขณะที่หอกกรีดผ่านผิวของเขา
หลิงซิ่วและฟลามิงโกร่วงกับพื้นอย่างแรง  แรงปะทะปลุกหลิงซิ่วตื่นจากอาการมึนงง  เขายิ้มเหี้ยมเกรียม
เขาตระหนักว่าเขาโง่งมเพียงไหน  ปลายหอกของเขามีหยดของเหลวเงินที่ออกมาจากตัวของเขา
ของเหลวนั้นมีพลังทำลายล้าง  จนถึงตอนนี้หลิงซิ่วยังไม่พบวิธีป้องกัน
ตอนนี้ เขามีของเหลวเงินห้าหยดอยู่ในร่างของเขา
เขายังไม่เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของของเหลวเงิน  อย่างไรก็ตามทุกๆ ในช่วงเวลาของเหลวนี้จะหนาขึ้นด้วยตัวมันเอง  เมื่อมันมาถึงจุดสูงสุดมันจะแข็งและหนา
ของเหลวเริ่มกัดเซาะเข้าไปในเนื้อและกล้ามเนื้อของเขา
ลูไห่ตะโกน “ภูผา!”
เสียงกึกก้องดังออกมาจากแขนของเขา รอยสักทองเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง  แขนเริ่มมีวัสดุเหมือนหินครอบคลุม  เหมือนกับเป็นถุงมือซึ่งครอบคลุมหุ้มกำปั้นของเขา
มันคือถุงมือหนักภูผา ได้มาจากกลุ่มดาวภูเขาแห่งขอบฟ้าใต้  หลังจากปรับแต่งโดยสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเวลาเกินสิบสองปี คุณภาพของมันก็แทบจะเทียบเท่าอาวุธชั้นทอง
ลู่ไห่รู้สึกได้ถึงลมที่มาจากเบื้องบนจึงยันฝ่ามือซ้ายขึ้นข้างบน
อาเฮ่อรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่กำลังตรงมาที่ตำแหน่งของเขา  เขาไม่มีเวลาพอจะหลบ  ขณะที่เขาถูกแรงอัดกระเด็นฝ่าอากาศเหมือนกับลูกธนู  เขาถูกดันถอยไปมากกว่าสามสิบเมตร
พลังที่แข็งแกร่ง!
พลังที่มหาศาลนั้นไม่ทำให้อาเฮ่อสะทกสะท้าน  เขาจับกระบี่กระเรียนแน่น  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงระลอกพลังงานผ่านฝ่ามือของเขา
กระบี่เหล็กตอนนี้ไม่สามารถรับมือกับพลังจากกระบี่โจมตีของเขาได้ ก่อนที่กระบี่จะโจมตีถูกลู่ไห่  มันแตกทำลายภายใต้แรงอัดดันของพลัง
หลิงซิ่วลุกขึ้นยืนและกลับไปอยู่บนหลังฟลามิงโกของเขา  เขาถ่มสิ่งสกปรกที่เข้าไปในปากเขาหลังจากที่ล้ม  เขาไม่ได้กลัว  ความจริงเขายิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม
มิน่าเล่าเขาถึงได้เป็นนักสู้ระดับทอง
เขาถอยกลับมาตั้งท่าสู้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป
อังเดรชำเลืองมองหยวนจี๋ซึ่งต่อสู้อย่างดุเดือดจากระยะไกล  เขาเปลี่ยนความสนใจและเปลี่ยนสายตากลับไปมองสตรีที่อยู่ต่อหน้าเขา  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงสามคนดูเหมือนว่าแรงกดดันของเรายังไม่มากเพียงพอ”
สตรีตัวสูงและขาของนางสวมชุดหนังสีดำ  ชุดของนางมีจุดทองปกคลุมเป็นลายคล้ายยีราฟ  คนส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นเครื่องแต่งกายปกติ  แต่อังเดรรู้ว่ามันคือของที่พิเศษมากกว่า
นั่นก็คือลายเสือ  สมบัติชั้นเงินจากกลุ่มดาวยีราฟแห่งสิบเก้าดาวขอบฟ้าเหนือ
ลายทองที่ปรากฏได้ผ่านการตกแต่งมาก่อนแล้ว  มันค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปเป็นสมบัติทอง
สตรีนางนั้นตอบ  “ฝ่าบาท ข้าคือจีเหม่ยหวี่จากสาขาทองที่เจ็ดแห่งสมาพันธ์ชาวยุทธ  ฝ่าบาทเดาผิดเสียแล้ว นักสู้ระดับทองไม่ได้มีแค่สามแต่มีห้าคน”
 “ห้าคน?” อังเดรประหลาดใจกับจำนวนที่แท้จริง  “คิดๆ ดูแล้ว ถังเทียนและสหายทั้งสามคนนี้เป็นเป้าหมายอันดับแรกของพวกเจ้า  แต่สำหรับพลังของพวกเขา นักสู้ระดับทองสองคนก็น่าจะพอโค่นเขาได้  หยวนจี๋ก็อีกคนหนึ่ง และเหลือสองคนเตรียมไว้รับมือข้าสินะ”
 “ท่านพูดถูกฝ่าบาท  ถ้าฝ่าบาทพ่ายแพ้ที่นี่ก็จะเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของเราด้วยเช่นกัน”  จีเหม่ยหวี่ตอบพร้อมกับยิ้ม นางมองดูโดดเด่นมากกว่าเมื่อเทียบกับแอนเดรียนา รูปร่างของนางสูงโปร่งเปี่ยมเสน่ห์
อังเดรพูดอย่างใจเย็น  “อย่างนั้นอีกคนคือใคร? ไม่มีประโยชน์จะซ่อนอยู่ตรงนั้น”
 “เนื่องจากฝ่าบาทเชื้อเชิญ คงเป็นการไร้มารยาทถ้าข้าไม่ปรากฏตัว”  เสียงต่ำก้องดังมาจากด้านหลังของอังเดร
ร่างดำปรากฏขึ้นคล้ายกับหมอกหนา  เขาอยู่ในชุดคลุมไหล่สีดำ บนไหล่เขามีอีกาเกาะคอยคุ้มกันอยู่หลายตัว  อีกานั้นตัวดำสนิทตลอดตัวยกเว้นแต่ตาของมันซึ่งมีสีทอง
 “งั้นเจ้าก็มีสมบัติของกลุ่มดาวกาสินะ ชุดคลุมเก้าอีกา”  อังเดรพยักหน้า  “มิน่าเล่ากลุ่มดาวอีกาถึงได้ล้าหลังมานาน  เป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในเงาคอยดูดเอาพลังของกลุ่มดาวมาตลอด”
 “ท่านมีทักษะในการวิเคราะห์ได้ดีฝ่าบาท  ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะจำสมบัติแบบนั้นซึ่งถูกละเลยในบางครั้ง” ซือหานตอบ
 “กลุ่มขุนนางของท่านทุ่มเทกำลังมากจริงๆ ถึงกับส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงห้าคน”  อังเดรหัวเราะ  “อย่างไรก็ตาม ทำไมพวกเจ้าถึงคิดว่าข้าจะไม่ไยดีกับชีวิตข้าง่ายๆ เล่า?”
 “นี่เป็นรูปแบบการทำงานของสมาพันธ์ชาวยุทธ  พวกเขามักคิดว่าคนอื่นไม่ฉลาดเท่าพวกเขา” เสียงดังสอดแทรกขึ้นมา
บุรุษผมแดงคนหนึ่งเดินหัวเราะออกมา
ซือหานและจีเหม่ยหวี่ตกใจ  พวกเขาตระหนักว่ายังมีคนซ่อนอยู่ในเงาเบื้องหลังพวกเขา
 “เฉียนซินมาที่นี่เพื่อคารวะฝ่าบาท!  บุรุษผมแดงหันมาทักทายแอนเดรียนาโดยตรง
 “วิญญาณมืด!  จีเหม่ยหวี่อุทาน
 “ฮ่าฮ่า ข้าถูกจดจำได้แล้ว นั่นน่ากลัวนะ”  เฉียนซินตอบ  “ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธสูญเสียนักสู้ระดับทองไปห้าคนรวดเดียว คงเป็นเรื่องเจ็บปวดไม่ใช่หรือ ฮืม.. ไม่ ข้าไม่ควรดูแคลนสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างนั้น มีทรัพยากรมากมายอยู่ในมือ นักสู้ระดับทองไม่ควรจะมีอะไรสำหรับพวกเขา ฮ่าฮ่าฮ่า”
เฉียนซินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก้องทั่วห้องโถง
ทันใดนั้นร่างสีดำลอยตัวลงมากจากด้านบนห้องโถงใหญ่  เขาคือบุรุษหน้ากากที่ดูคล้ายค้างคาวและสวมชุดดำ
ซือหานโพล่งออกมา  “เป็นนักฆ่าค้างคาว!
นักฆ่าค้างคาวทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไร
อังเดร, เฉียนซินและนักฆ่าค้างคาวล้อมบุรุษทั้งสองเป็นรูปสามเหลี่ยม
แค่เพียงพริบตา สถานการณ์เปลี่ยนไปมากมาย
แอนเดรียนามองอย่างมึนงง
ถังเทียนและจีเสี่ยวหย่ากำลังสู้กัน เปลี่ยนถนนทั้งสายเป็นกองอิฐหักพัง  ทุกครั้งที่จีเสี่ยวหย่าควงกระบี่แสงในมือนาง  นางจะสร้างคลื่นกระบี่โจมตีที่พุ่งไปได้ไกลถึงร้อยเมตร
อย่างไรก็ตาม  ถังเทียนยังสังเกตดูต่อไป  เขาเคลื่อนตัวเหมือนสัตว์ร้ายซึ่งมีสัญชาตญาณนักฆ่า
การเคลื่อนไหวของเขาร่างกายไวกว่าสมองทำให้เขามีความอันตรายมากขึ้น
กระบี่รังสีฉลามติดอันดับที่ 17355 ของสุดยอดวิชาโดดเด่น
กรงเล็บเพลิงภูตพรายติดอันดับ 19921  ขณะที่ท่าเท้าลมพรางติดอันดับที่ 19832
สถาบันวิทยายุทธอมตะมีระบบจัดอันดับสุดยอดวิชาโดดเด่นเป็นพิเศษ มีการจัดระดับโดยให้ดาวตั้งแต่ 1 ถึง 10  ทุกดาวที่ให้จะมีทักษะแตกต่างกัน 2000 อันดับ รังสีกระบี่ฉลามมีสองดาว  เทียบกับทักษะสองวิชาขอถังเทียน ถือว่ายังสูงกว่าหนึ่งขั้น
แต่เมื่อเข้าสู่การรบจริง อันดับขั้นไม่สามารถรับรองได้ว่าสุดยอดวิชาใดที่เหนือกว่ากัน
วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าแทบจะทัดเทียมถังเทียน  แต่เกราะครีบปลาบินของนางไม่เพียงแต่เพิ่มพลังรังสีกระบี่ฉลามของนางได้  แต่ยังเพิ่มให้ความเคลื่อนไหวของนางให้คล่องแคล่วว่องไวอีกด้วย  ด้วยความช่วยเหลือของเกราะครีบปลาบิน  วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าจึงเพิ่มพลังขึ้นอย่างมาก
วิชารังสีกระบี่ฉลามมีระดับขั้นที่สูงมากกว่ากรงเล็บเพลิงภูตพราย ถังเทียนพยายามโจมตีตรงด้วยเคล็ดวิชาของเขาต่อต้านจีเสี่ยวหย่าไว้  แต่ถูกรังสีกระบี่ฉลามตีตกไป ความแตกต่างระหว่างหนึ่งดาวกับสองดาวมากกว่าที่ถังเทียนคิด
แต่ถังเทียนไม่ท้อแท้  ทักษะการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาหนีการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้ทั้งหมด
แรงบันดาลใจช่วยให้ถังเทียนยังคงวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวการต่อสู้กับจีเสี่ยวหย่า  แต่เขายังหาจุดอ่อนของจีเสี่ยวหย่าไม่พบ
รังสีกระบี่ฉลามเป็นวิชาที่ทรงพลัง  แต่จีเสี่ยวหย่ารู้แต่วิธีปลดปล่อยพลังกระบี่แต่ไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมของกระบี่ที่สามารถช่วยให้นางเพิ่มพลังของอาวุธได้ เทียบกับอาเฮ่อและเย่เฉาเกอแล้วความเคลื่อนไหวของกระบี่จีเสี่ยวหย่ายังมีมาตรฐานที่ต่ำกว่า
ถังเทียนพยายามควบคุมการต่อสู้เพื่อความได้เปรียบของเขา ขณะที่หลบหลีกการโจมตีแต่ละกระบี่ของจีเสี่ยวหย่าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนางไม่สามารถกวัดแกว่งกระบี่ได้อย่างถูกต้อง
ในตอนแรกดูเหมือนว่าถังเทียนกำลังจะแพ้ เนื่องจากเขาหลบหลีกการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้อย่างต่อเนื่อง  ในความเป็นจริงถังเทียนกำลังรอโอกาสโจมตีตอบโต้นาง
 “ตอนนี้ถังเทียนกำลังควบคุมจังหวะไว้ได้”
บุรุษหัวล้านที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตกตะลึงกับการต่อสู้  ความแข็งแกร่งของถังเทียนดูยังไงก็อ่อนแอกว่าจีเสี่ยวหย่า  แต่การต่อสู้กลับถูกถังเทียนควบคุมไว้โดยสิ้นเชิง  ถังเทียนใช้ทักษะของเขาหลบหลีกได้เหมือนกับว่าควบคุมกระบวนท่าโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้
บุรุษผอมพยักหน้า  “ใช่แล้ว เขาพยายามจะบั่นทอนพลังของจีเสี่ยวหย่าทั้งหมด  ดูเหมือนว่าจีเสี่ยวหย่าอาจจะรู้ตัวแล้วว่าถังเทียนใช้กลยุทธสู้กับนาง”
ทั้งสองคนหยุดพูดขณะที่พวกเขาจับตาให้ความสนใจมองดูการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่
จีเสี่ยวหย่าสังเกตกลยุทธที่ถังเทียนใช้กับนางได้แล้ว  นางรู้สึกว่าพลังของนางค่อยๆ ถูกดึงออกมาใช้  ถังเทียนได้ประโยชน์คือ ความคล่องแคล่วคุ้นเคยกับรังสีกระบี่ฉลามทำให้จีเสี่ยวหย่าไม่สามารถทำอันตรายแม้ชายเสื้อของเขาได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปนางอาจพ่ายแพ้
ขณะที่นางค่อยๆ ซึมซับความเป็นไปได้ของความพ่ายแพ้  ทำให้นางงุนงง  คำว่าพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น?  นางปล่อยให้การต่อสู้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร?  นางมีพลังมากกว่าถังเทียนอย่างเห็นได้ชัด  การต่อสู้ครั้งนี้นางควรจะชนะไปแล้ว
จีเสี่ยวหย่าสูดหายใจลึก  นางรวบรวมสติและเพ่งให้ความสนใจกับการต่อสู้
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้ของนาง  นางรู้ว่านางความคิดของนางสะดุด และนี่คือสัญญาณอันตรายอย่างเห็นได้ชัด
ต้องจบเรื่องนี้ในทันที
ทันใดนั้นจีเสี่ยวหย่าหยุดและจ้องมองถังเทียนซึ่งอยู่ในระยะไกล  นางยกมือข้างที่ถือรังสีกระบี่ฉลาม  เกราะครีบปลาบินเริ่มฉายแสงทันที
ปัง
เกราะครีบปลาบินสลายและเปลี่ยนสภาพเป็นเกล็ดชิ้นเล็กๆ นับไม่ถ้วน  แต่ละชิ้นมีขนาดเท่าใบเล็บ  เศษชิ้นเหล่านั้นเริ่มหมุนวนรอบตัวจีเสี่ยวหย่า
เนื่องจากเขาสามารถหลบหลีกได้ดีมาก  อย่างนั้นข้าจะทำให้เขาไม่มีที่ซ่อนตัว
จีเสี่ยวหย่ายกกระบี่แสงของนาง  และปล่อยลงมากระแทกพื้นยุบลงเข้าไปข้างในดิน
 “ถึงเวลาเปลี่ยนเจ้าให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว  วังวนฉลาม
เสียงเยือกเย็นของจีเสี่ยวหย่าสามารถได้ยินทั่วทั้งนครเทพสตรี
กระบี่แสงค่อยๆ เคลื่อนลงไปในพื้นจนกระทั่งหายไป  จีเสี่ยวหย่าตอนนี้มือเปล่า
จีเสี่ยวหย่าเป็นศูนย์กลางจุดศูนย์ถ่วง มีม่านแสงครอบคลุมพื้นที่สองพันเมตรปรากฏบนพื้น ประกายแสงนับพันล้านขนาดเท่าใบเล็บระเบิดออกมาจากพื้นและเริ่มหมุนเป็นวังวนรอบสนามรบ
ตอนนี้ถังเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม
 

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เซมบ้งซากุระ...

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ThEPaRaN กล่าวว่า...

คนเยอะไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใครเลย

แสดงความคิดเห็น