ตอนที่ 380 ข้าคือนักสู้ระดับทอง
ลู่ไห่ได้ยินเสียงร้องเบาๆ จากจีเสี่ยวหย่า ใจของเขาสั่นสะท้าน จีเสี่ยวหย่ากำลังจะใช้เคล็ดสังหารของนาง!
แต่ตอนนี้เขาฟุ้งซ่านเกินไป
ขาของเขายึดอยู่กับพื้นขณะเตรียมป้องกันการบุกจู่โจมของหลิงซิ่ว
เขาโกรธที่หมัดของเขาถูกหอกหลิงซิ่วทำร้ายบาดเจ็บ แต่ความโกรธของเขาเป็นเพราะความเสียหายของหมัดแห่งกลุ่มดาวภูเขา
โกรธเพราะบาดแผลของเขา
เวลาที่เขาต้องใช้ในการปรับแต่งเปลี่ยนแปลงมันให้เป็นอาวุธสมบัติชั้นทองถูกใช้ไปนับไม่ถ้วน
แค่จะฟื้นฟูความเสียหายของอาวุธที่ได้รับความเสียหายในวันนี้
คงต้องทุ่มค่าใช้จ่ายและเวลาอีกหลายวัน
เจ้าเด็กบ้าพวกนี้
ลู่ไห่ที่กำลังโกรธไม่มีการเก็บรั้งพลังไว้แต่อย่างใด
เนื่องจากถุงมือหมัดหนักของเขาปลดปล่อยพลังในระดับสูงสุด
ว่ากันในเรื่องของพลัง ลู่ไห่มีความได้เปรียบ เขาไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาในแง่ของพลังมาก่อน เขายังได้ฆ่านักสู้ด้วยหมัดเพียงอย่างเดียวมาแล้ว
พรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับทั่วไป
ขณะที่ฝึกมาแต่เพียงเพลงหมัดที่หนักหน่วงธรรมดา
แต่กระนั้นเขาก็สามารถกลายเป็นนักสู้ระดับทองได้เนื่องจากสร้างวิธีการฝึกฝนที่พิเศษ
สมาพันธ์ชาวยุทธมีความเด่นที่สุดในเรื่องการปรับแต่งสมบัติและอาวุธ อย่างไรก็ตามลู่ไห่ไม่เคยปรับแต่งสมบัติของเขาได้ดีเลย เขากลับค้นพบวิธีอย่างอื่นแทน เขาใช้วิธีการบางอย่างขององค์การวิญญาณมืดแทนโดยการฉีดพลังหมัดหนักแห่งกลุ่มดาวภูเขาเข้าไปในแขนทั้งสองข้างของเขา
เมื่อเลือดเนื้อของเขาและพลังสมบัติเริ่มผสานเข้าด้วยกัน พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
และระดับการปรับแต่งพลังหมัดหนักแห่งกลุ่มดาวภูเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาไม่สนใจแยแสความเข้ากันได้อย่างกลมกลืนระหว่างร่างกายของเขากับอาวุธสมบัติ
ลู่ไห่มุ่งมั่นจนกลายเป็นนักสู้ระดับทองและยินดีจะขยายขอบเขตพลังออกไปเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันของเขา ตอนนี้เขาไปได้ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์
แม้ว่าหอกของหลิงซิ่วจะไม่เลว
แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่อาจเทียบได้กับลู่ไห่
ลู่ไห่ผลักดันต้อนเขาออกไปไกลเป็นไมล์ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว ลู่ไห่ไม่รู้เหตุผลที่หลิงซิ่วมักกลับขึ้นมายืนได้ใหม่หลังจากทนการโจมตีได้ เป็นการโจมตีเขาต่อเนื่องกันถึงสามครั้ง ต่อให้เขาเป็นบุรุษเหล็ก
แต่ทั้งสามหมัดเหล่านี้สามารถทำให้เขาร่างระเบิดกระจายได้ แต่แม้ว่าร่างของเขาจะมีเลือดหยดเต็ม
แต่หลิงซิ่วก็ยังบุกใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว
ความโกรธของลู่ไห่พลุ่งขึ้นมาเพราะความหงุดหงิด
เนื่องจากเขากำลังสู้กับหลิงซิ่วผู้ไร้เหตุผลและจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะตาย
ฆ่าเขา!
หมัดนี้ต้องจบชีวิตของเขาให้ได้
ลู่ไห่เตรียมตัว เขาตั้งท่าตนเองและเงื้อหมัดเตรียมโจมตีใส่หลิงซิ่วที่กำลังเข้ามา
วีดดด
เสียงหวีดหวิวของกระบี่ดังขึ้นข้างหูของเขาทำให้ลู่ไห่รู้สึกกระวนกระวาย
ถ้าหลิงซิ่วถูกมองว่าเป็นแมลงสาบที่ตายยากตายเย็น
อย่างนั้นอาเฮ่ออาจถูกมองว่าเป็นแค่แมลงวันน่ารำคาญที่สร้างปัญหาให้กับลู่ไห่ไม่หยุดหย่อน
กระบี่อ่อนแอโจมตีใส่ลู่ไห่ก็เหมือนกับการละเล่นเด็กที่ไม่มีผลคุกคามต่อเขาแม้แต่น้อย
แค่เพียงปรบมือ ลู่ไห่ก็สามารถสลายพลังโจมตีได้ อาเฮ่อเหมือนกับนกกระเรียนดำยักษ์กางมือออกและบินวนอย่างว่องไว
อย่างไรก็ตามลู่ไห่ไม่ได้จับตาสนใจอาเฮ่อซึ่งอยู่ในอากาศและเปล่งออกจากดวงตา
หลิงซิ่วขึ้นขี่ฟลามิงโกพุ่งเข้ามาในสายตาของอาเฮ่อ
ได้เวลาแล้วหรือ?
แสงสว่างฉายออกจากนัยน์ตาอาเฮ่อ เขาจับด้ามกระบี่แน่นพุ่งผ่านหมู่เมฆ
ลู่ไห่ได้ยินเสียงร้องของกระเรียนที่ด้านบนเหนือศีรษะของเขาขณะที่เขาแหงนหน้ามอง
ช่วงเวลาต่อมาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ร่างดำที่เหมือนกันสิบสามร่างก่อตัวเป็นวงกลม
แต่ละร่างถือกระบี่เล็งไปที่ศูนย์กลางวงกลม
กระบี่ทั้งสิบสามเล่มชี้เข้าหาจรดปลายกันและกันหมุนอยู่กลางอากาศเหมือนกุหลาบดำยักษ์
เกิดลมรุนแรงพัดหอบฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั้งสนามรบ
เงามืดทั้งหมดปกคลุมสายตาของลู่ไห่
เสียงดังหวีดหวิวหยุดชะงักทันที
เงาทั้งสิบสายสายเริ่มร่ายรำท่ากระบี่ในมือพวกเขา
วี้.....!
ลู่ไห่สามารถรู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าที่ลอยผ่านผิวของเขาขณะที่เหงื่อกลิ้งหยดจากตัว
อาวุธจักรกลที่น่ากลัวทั้งสิบสามระดมพุ่งลงมาใส่เขาเหมือนกับเสาแหลมคมทั้งสิบสาม
นี่คือ
ในสายตาของเขา
ลู่ไห่สามารถเห็นร่างที่เหมือนกลีบกุหลาบดำแยกหลุดออกมา
เงาร่างทั้งสิบสามโถมเข้าหาตัวเขาทันที
สีหน้าของลู่ไห่เปลี่ยนไป
เขารีบยกฝ่ามือทั้งสองกางเป็นโล่เหนือศีรษะเขา
บึ้ม!
ขณะที่ลู่ไห่ปลดปล่อยพลังฝ่ามือของตนเอง ฝ่ามือของเขาพองขยายขนาดขึ้น
สร้างเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งขณะที่เขาผลักฝ่ามือออกไปข้างหน้าต้านรับร่างสีดำที่กำลังเข้ามา
ความรู้สึกถึงอันตรายทำให้ลู่ไห่ใช้พลังจนถึงขีดสุด ด้วยระยะใกล้ขนาดนั้น
มันจะกระแทกทำลายร่างเหล่านั้น
ติง ติง ติง
เกิดประกายไฟกระเด็นไปทั่ว
ร่างทั้งสิบสามผลัดกันโถมเข้าโจมตีโล่ฝ่ามือด้วยตัวเองขณะที่ใช้วิชากระบี่โจมตีที่แตกต่างทำให้พลังป้องกันเคลื่อนไหวอย่างสับสน
ลู่ไห่ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็น
ทั้งสิบสามร่างล้วนเป็นร่างจริงหมด!
ทั้งสิบสามร่างโจมตีใส่ฝ่ามือโล่ของเขา พลังโจมตีแต่ละครั้งเกิดประกายจนตาพร่า นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอน
เป็นไปได้ยังไง?
ตุ้บ!
ไม่ว่าวิชาฝ่ามือของเขาจะทรงพลังมากขนาดไหน
แต่การโจมตีต่อเนื่องของร่างทั้งสิบสามอาจสลายพลังป้องกันของเขาได้
ไม่ดีเลย!
ลู่ไห่เปลี่ยนกลยุทธเนื่องจากเขาใช้ฝ่ามือข้างเดียวต้านรับการโจมตีต่อเนื่องขณะที่ใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งโจมตีร่างทั้งสิบสาม
ฮ่าาาาาา
เงาร่างทั้งสิบสามนี้ลอยขึ้นไปเหนือท้องฟ้าเหมือนกับขนนก
ลู่ไห่ไม่กล้าหยุด
เขาระดมปล่อยหมัดแล้วหมัดเล่าใส่ท้องฟ้าขณะที่เงาร่างบินสูงขึ้นทุกทีในท้องฟ้า
แต่ลู่ไห่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าร่างทั้งสิบสามเกาะรวมกันอยู่เป็นเส้นแนวตั้ง
ทันใดนั้นกระเรียนทั้งสิบสามร่างลืมตาพร้อมกัน
กระเรียนตัวที่บินสูงที่สุดกางปีกพุ่งลงมาใส่หัวกระเรียนตัวที่สอง
ร่างกระเรียนทั้งสองปะทะกันโดยความเร็วมิได้ลดลง
และเกิดปรากฏการณ์ที่ประหลาด
กระเรียนทั้งสองเริ่มผสานเข้าด้วยกัน
แคร้ง แคร้ง
เสียงร้องดังออกมาจากกระบี่
ร่างกระเรียนทั้งหลายเริ่มต่อตัวกันและผสานเข้าด้วยกันจนเป็นหนึ่ง
แคล้ง แคล้ง แคล้ง!
เสียงร้องแหลมดังอย่างต่อเนื่องฉีกผ่านอากาศและดังมากขึ้นทุกขณะ
ทั้งสิบสามร่างผสานเข้ากันทั้งหมด!
นักรบชุดดำโผล่ออกมาขณะที่ผมยาวสีดำของเขาพัดพลิ้วตามสายลม
ปลายกระบี่กระเรียนส่องแสงเจิดจ้า
นี่คือปรากฏการณ์เมื่อกระบี่ผสานกับพลังระดับสูง จึงทำให้เกิดขึ้น
รังสีแสงสีดำเริ่มฉายลงมาจากท้องฟ้า
บึ้ม, หมัดภูผาของลู่ไห่แตกกระจายเป็นชิ้นๆ
แขนขวาของเขาระเบิดเป็นเสี่ยง
“ข้าจะฆ่าเจ้า”
ลู่ไห่โถมเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
“โง่จริงๆ”
เสียงด่าดังขึ้นทั้งสนามต่อสู้
หลิงซิ่วสามารถเห็นหลุมบนถนน หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด
แต่กลับยิ้มอ่อนโยน
เขาใช้นิ้วควบคุมหอกเงิน หอกเงินหายไปทันที
ท้องฟ้าเหลืออยู่แต่เพียงจุดดาวระยิบระยับ
คอของลู่ไห่ระเบิดเปิดกว้างออกทุกที
เกิดรูขนาดเท่ากำปั้น
ความโกรธของเขาปรากฏอยู่เต็มใบหน้าขณะที่เขาปากอ้าตาค้าง
มัน
มันเป็นไปแบบนี้ ได้ยังไง...
บึ้ม เขาร่วงกระแทกพื้นเหมือนกับท่อนไม้
อาเฮ่อลอยตัวลงมาจากอากาศลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล
เขาเกือบจะทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นเนื่องจากใช้พลังไปจนหมด
หลิงซิ่วหันหน้าที่เปรอะเลือดมาทันที “เฮ้, เจ้าเด็กผู้ดี, เจ้าใช้วิชาอะไรออกมา?”
อาเฮ่อปาดเลือดที่ริมฝีปาก
“กระบี่ระบำวงล้อกระเรียน”
*******
ถังเทียนตกอยู่ในอันตราย
ประกายไฟเล็กๆ นี้มีอันตรายถึงตาย พวกมันสามารถทะลวงอาคารได้อย่างง่ายดายเหมือนมีดตัดเนยอ่อน
ปัง
พื้นที่บ้านพักของผู้คนหลังเล็กๆ พังทลายเป็นเสี่ยงๆ
จากประกายระเบิด
ประกายเหล่านี้เปลี่ยนศิลาให้เป็นผงธุลี เมื่อมันพุ่งผ่านไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนเห็นประจักษ์ถึงวิชาสังหารแบบนั้น
เพียงอย่างเดียวที่เขาทำได้คือหลบหลีกการโจมตีทั้งหมด
แต่จำนวนประกายอาวุธมีอย่างไม่จำกัดและแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบได้พ้นทั้งหมด
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
เลือดฉีดพุ่งทุกที่เนื่องจากถังเทียนได้รับบาดแผลหลายแห่งในไม่กี่วินาที แม้ว่าแผลจะไม่ลึก
แต่เลือดเปรอะเปื้อนย้อมชุดเขาแดงฉานดูน่าสยดสยอง
เลือดทำให้ถังเทียนโกรธ
เขาเหมือนสัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ใช่แล้ว
ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจหลบมันได้ แต่ทำไมข้าต้องหลบด้วยเล่า?
แสงรัศมีแพรวพราวปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเขาขณะที่ก้าวเท้ายาวมุ่งเข้าโจมตีจีเสี่ยวหย่า
เสียงระเบิดเบาๆ สามารถได้ยินได้
ขณะที่วิชากรงเล็บโจมตีใส่ประกายไฟที่โจมตี
ก่อให้เกิดแสงรัศมีที่ใช้สลายประกายที่เกิดพลังโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
จีเสี่ยวหย่ามองดูจากระยะไกล นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนที่เบี่ยงเบนวิถีวิชาวังวนฉลามได้สำเร็จ
แต่ว่ายากจะป้องกันพลังที่เหมือนกับฝูงฉลามได้ แม้วว่าท่านจะฆ่าฉลามไปสิบตัว ท่านก็ยังไม่ปลอดภัย
เนื่องจากจะดึงดูดฉลามมามากยิ่งขึ้น
การดิ้นรนป้องกันตัวเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์
จีเสี่ยวหย่ามองดูถังเทียนใช้วิชากรงเล็บเบี่ยงเบนประกายแสงแม้ว่าการโจมตีจะเข้มข้นมากขึ้น
เมฆประกายแสงที่ดูรุนแรงพุ่งเข้าโจมตีถังเทียนโดยตรง
ถังเทียนตวาดก้องบุกทะลวงผ่านประกายแสงที่เข้มข้นหนาแน่น
จีเสี่ยวหย่ายินดีที่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของเขา
ดิ้นรนเข้าไป ดิ้นเข้าไป ยิ่งเจ้าดิ้นรน เจ้าก็จะตายเร็ว
ทันใดนั้นเสียงครางร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องมาแต่ไกล
สีหน้าของจีเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นเสียงของลู่ไห่ หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา?
ไม่มีทาง นางรู้ว่านางต้องจบการต่อสู้ให้เร็ว
เมื่อจีเสี่ยวหย่ามั่นใจ
แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ถังเทียนยังรอดอยู่และดิ้นรนอยู่ได้มากกว่าสิบนาที
เสียงร้องก้องระหว่างสู้ของเขายังคงดังให้ได้ยินอยู่ในท่ามกลางประกายแสง เขายังไม่ตาย
นั่นเป็นไปได้อย่างไร?
ไม่เคยมีใครอยู่ในวงล้อมประกายแสงเกินกว่าสามนาทีแล้วยังมีชีวิตรอด
จีเสี่ยวหย่าชำเลืองมองตำแหน่งของถังเทียน ประกายไฟที่เคยเข้มข้นในตอนนี้ค่อยๆ ลดลง
เผยให้เห็นเงาร่างของถังเทียนที่ค่อยๆ เดินตรงเข้าหานาง
แสงประกายไฟเริ่มจางออกไป
เป๊ง เป๊ง เป๊ง!
ร่างถังเทียนเต็มไปด้วยเลือด
และทางที่เขาเดินเข้ามาเป็นทางเลือดยาว
เขายังคงรุกโจมตีประกายไฟอาวุธนั้นอย่างต่อเนื่องด้วยพลังกรงเล็บของเขา
เขารู้วิธีแก้ไขปัญหาอยู่เพียงวิธีเดียว เป็นวิธีที่ง่ายมาก
กระแทกทำลายชิ้นส่วนอาวุธนั้น กระแทกทำลายทุกชิ้น!
ไม่ว่าประกายชิ้นส่วนจะมีมากมายเพียงใด
จะเป็นร้อยหรือเป็นพัน มันจะต้องสลายออกไปจนหมด
ตราบใดที่เขาสามารถโจมตีประกายอาวุธทั้งหมดด้วยวิชากรงเล็บของเขา เขาไม่มีอะไรจะต้องหลบเลี่ยง
เขาโจมตีประกายชิ้นอาวุธที่เข้ามาหาอย่างเมามันเพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตี อย่างไรก็ตาม
เขาสูญเสียเลือดไปมากและมีบาดแผลและเริ่มรู้สึกมึนงงและอ่อนแอ
ชัยชนะเป็นของข้า
ไม่มีใครพรากมันไปจากข้าได้
เมื่อข้าเอาชนะนาง
ข้าจะกลายเป็นนักสู้ระดับทอง
ถังเทียน เจ้าต้องแน่วแน่และอดทน
เจ้าพูดอย่างนั้นไว้ก่อนแล้วใช่ไหม?
ยิ่งเลือดหยดจากตัวถังเทียนมากเท่าใด
จำนวนประกายไฟสังหารก็ค่อยๆ ลดลง
ในที่สุดคลื่นประกายไฟสังหารระลอกสุดท้ายก็ถูกทำลาย
ร่างที่เลือดท่วมยืนอยู่หน้าของจีเสี่ยวหย่าที่มึนงงอยู่กับที่
เขากัดฟันและเลียเลือดที่ริมฝีปาก ตอนนี้เขาถูกความเชื่อมั่นครอบงำสิ้นเชิง
เฮ้, ตอนนี้ข้าเป็นนักสู้ระดับทองแล้วนะ!
6 ความคิดเห็น:
สุดยอด ขอบคุณครับ
โอ้วววววววววววว
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แล้วก็เตรียมตัวสลบ? จะสลบหรือไม่? ต้องสลบๆแน่ๆ สลบทุกงาน 555
แสดงความคิดเห็น