วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 387 การมาเยือนของทาร์ตัน


ตอนที่  387  การมาเยือนของทาร์ตัน
 ทหารม้ากลุ่มหนึ่งกำลังฝึกในทุ่งราบระยะไกลดึงดูดความสนใจของทาร์ตัน

กลุ่มทหารม้านี้มีสิบแปดคน เริ่มบุกใส่เป้าหมายระยะห่างออกไป 600 เมตร  ขณะที่พวกเขาเข้าระยะ 200 เมตรจากเป้าหมาย พวกเขาทำความเร็วได้ระดับสูงสุดพลางส่งเสียงโห่ร้องทำศึก  แม้ว่าพวกเขาจะพุ่งใส่ระยะไกล แต่รูปขบวนของพวกเขายังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย

การตั้งขบวนทัพทำได้สมบูรณ์แบบ
ทาร์ตันสูดหายใจลึก  ม้าอสูรดวงดาวทำความเร็วในระดับสูงสุด  สามารถรักษารูปขบวนให้เรียบร้อยได้ขณะที่ความเร็วสูงขนาดนั้นนับเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
ขบวนทหารม้าพุ่งเป็นแนวตรงเหมือนกับหอกที่น่ากลัว
ถ้าศัตรูบุกเข้ามาข้างหน้า  เขาสามารถเห็นได้แต่เพียงนักสู้คนหน้าที่นำขบวนเท่านั้น ทหารม้าคนอื่นจะถูกเขาบังเอาไว้
สิ่งที่น่าทึ่งสำหรับทาร์ตันเช่นกันก็คือม้าอสูรดวงดาวเหล่านี้มีการควบเป็นจังหวะ เขากำลังครุ่นคิด ถ้าเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนั้น เขาจะโต้ตอบยังไง  พลังที่เป็นระเบียบและน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น เป็นสิ่งที่คุกคาม
ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังเหมือนกับเสียงฟ้าร้องดังแหวกอากาศ
 “ฆ่ามัน!
ทาร์ตันผงะ  เขาเห็นได้แต่เพียงรังสีจำนวนมากถูกปล่อยออกมาจากดาบโจมตี  การโจมตีแต่ละครั้งจะดังพร้อมกับเสียงโห่ร้องศึก  ดาบยาวเล่มหนึ่งจะตัดฝ่าอากาศ ส่งเสียงราวกับฟ้าร้อง พลังโจมตีของพวกเขาเข้าที่ใจกลางเป้าหมาย
ปัง!
เป้าหมายแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทาร์ตันสีหน้าเปลี่ยน
หลังจากเสร็จสิ้นการบุกโจมตี ทหารม้าก็ชะลอความเร็ว และโดยไม่เสียระเบียบหรือรูปขบวน  พวกเขาเหยาะย่างไปตามเส้นทางอย่างเป็นระเบียบ
จ่าสิบเอกพิเศษถังอี้หน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ
กองทหารม้าหยุดอยู่หน้าของเขา  พวกเขาเงียบด้วยความกลัวถังอี้
 “เป็นอะไรไป?”  ถังอี้ถามอย่างใจเย็น
ทหารที่นำเข้าบุกตอบอย่างกล้าหาญ “การผสานดาบโจมตีช่วงสุดท้ายยังประสานงานกันได้ไม่สมบูรณ์ขอรับ”
ถ้าการผสานการโจมตีช่วงสุดท้ายดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แบบ  พลังโจมตีของดาบจะเพิ่มความหนาแน่นของพลังมากขึ้นสร้างความอันตรายได้มากขึ้น  เป้าหมายจะต้องถูกตัดขาดเป็นสอง และจะไม่กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  แม้ว่ารูปลักษณ์ของเป้าหมายที่พลังกระจุยกระจายอาจจะดูน่ากลัว  แต่เห็นได้ชัดว่าพลังที่หนุนเสริมโดยทหารม้ายังไม่เข้มข้นและเข้ากันได้ดี
 “เพิ่มคนมาให้ข้าอีก 50 คน”  ถังอี้ตอบอย่างใจเย็น
คนทั้งสิบไม่ลังเลและไม่บ่น  “ขอรับ”
ถังอี้หันหน้าไปยังกลุ่มทหารม้าอีกกลุ่มหนึ่งและละเว้นคนที่เพิ่งประเมิน  “ต่อไป”
ทาร์ตันเห็นประจักษ์กระบวนการฝึกทหารม้าทั้งหมด  แม้แต่คนของเขาก็หวาดหวั่น ความถือตัวของพวกเขาในตอนแรกที่มีต่อกองทัพหมาป่าตอนนี้จางหายไปหมดแล้ว
ทาร์ตันค่อยกลับคืนสู่ความสงบ และมองหน้าเซียวซือหวิน  “เป็นยังไงบ้าง?”
เซียวซือหวินตอบ  “สู้กันตัวต่อตัว เราชนะ  ถ้าเป็นจำนวนมากกว่าสิบ เผชิญหน้ากัน  พวกเขาจะชนะ”  หลังจากเขาวิเคราะห์พลังบุกและโจมตีของพวกเขา  เขาได้ข้อสรุปในใจ
ทาร์ตันรำพึงอยู่เงียบๆ  เขาไม่ประหลาดใจกับการประเมินของเซียวซือหวิน
 “พวกเขาคือพันธมิตรของพวกเรา  ก็ยิ่งจะเพิ่มพลังอำนาจให้เรา  พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมันเช่นกัน”  ทาร์ตันตอบ  ถูกแล้ว ด้วยปัญหาที่คอยรบกวนกลุ่มดาวอันโดรเมดา  พันธมิตรที่แข็งแกร่งจากกองกำลังต่างๆ  ทุกคนจะปลอดภัยเนื่องจากอยู่กันเป็นกลุ่ม
หลังจากฝึกฝนจบ  ถังอี้หันมาให้ความสนใจทาร์ตันและคนของเขา  “มีอะไรให้ข้าช่วยท่านหรือเปล่า?”
เซียวซือหวินไม่พอใจกับการแสดงออกของถังอี้  เนื่องจากเขารู้สึกว่าถังอี้ไม่ให้เกียรติพวกเขา  ที่สำคัญพวกเขาเป็นอาคันตุกะ  พวกเขาไม่ยอมแม้แต่ทักทายและกล่าวต้อนรับพวกเขาให้ดื่มให้กินในค่าย
ทาร์ตันประเมินถังอี้เงียบๆ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหาร  ดูไม่ธรรมดาเลย  หลายคนรู้สึกว่าเป็นขุนพลวิญญาณที่ถูกเรียกออกมาเพื่อรับใช้ในกองทัพ  ไม่ใช่ผู้นำทหาร  นักสู้ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความภูมิใจ  ใครจะยอมให้ผู้รับใช้มาสั่งการพวกเขา  พวกเขาไม่ยอมเสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อผู้บัญชาการ  ถ้าเขาเป็นขุนพลวิญญาณ
แต่ทาร์ตันสามารถเห็นได้ว่า กองทัพชาวกลุ่มดาวหมาป่าปฏิบัติต่อถังอี้ด้วยความเคารพ
เขาถาม “นายพลถัง!  ท่านเรียกกระบวนพยุหะบุกทะลวงที่ท่านเพิ่งฝึกอยู่เมื่อครู่นี้ว่ากระไร?”
 “โปรดอย่าเรียกข้าว่านายพลเลย  ยศทางทหารของข้าเป็นแค่จ่าสิบเอกพิเศษ” ถังอี้แก้ความเข้าใจผิดของทาร์ตันและพูดต่อ “ตอนนี้เรากำลังฝึกกระบวนศึกบุกทะลวงที่เรียกว่า ทวนหนักตะลุยศึก”
ทวนหนักตะลุยศึกเป็นกลยุทธทหารที่พิเศษที่ถูกใช้สำหรับกองทัพหมาป่าเท่านั้น  เนื่องจากพลังสายเลือดภายในของชาวกลุ่มดาวหมาป่าถูกปลุกขึ้น  พวกเขาสามารถสื่อสารถึงกันและกันผ่านทางใจ  แต่พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้เป็นคู่  ดังนั้นทวนหนักตะลุยศึกจึงเหมาะกับกลยุทธบุกสำหรับพวกเขา
แม้ว่าทหารของกลุ่มดาวหมาป่าถูกมองว่าเป็นกองกำลังเสียสละกล้าตายในสายตาปิง  แต่ถังอี้ทุ่มเทหลงใหลกับการฝึกฝนกองกำลังโดยที่ปิงไม่เห็น  ปิงมีมาตรฐานกองทัพที่สูงส่ง เป็นเขาที่กำหนดสูตรกลยุทธรบนี้ให้เหมาะกับกองทัพหมาป่าในการรบ
ทาร์ตันผงกศีรษะ  ทวนหนักตะลุยศึก นับว่าได้เปิดหูเปิดตา  แต่ทาร์ตันกังวลถึงสิ่งที่ถังอี้พูดบอกว่าเขาเป็นแค่เพียง “จ่าสิบเอกพิเศษ”
มีกลุ่มดาวมากมายในจักรวาลมีความหลากหลายในการจัดลำดับยศทหาร  แต่ในทุกกลุ่มดาว ยศจ่าสิบเอกพิเศษภายในกองทัพถูกมองว่าเป็นยศที่ต่ำและไม่สามารถนำกองกำลังได้
แต่จากมุมมองนี้เหมือนกับเป็นระบบยศของพวกเขา  อาจดูเหมือนว่ากองทัพของพวกเขาอาจใหญ่และแข็งแกร่งมากกว่าที่คาด ถ้าความสามารถของถังอี้เทียบเท่ากับนายทหาร
ทาร์ตันและเซียวซือหวินมองหน้ากันเอง  เซียวซือหวินผู้ปราดเปรื่องก็ยังคิดถึงจุดนี้ด้วย  ทั้งสองคนอึ้งกับความเป็นไปได้นี้
 “ข้ามาที่นี่เพื่อถกเหตุผลทำไมกองกำลังของท่านบุกรุกและครอบครองพื้นที่กลุ่มดาวอันโดรเมดา?”  ทาร์ตันไม่หวั่นไหวกับการแสดงอานุภาพระหว่างฝึกก่อนหน้านี้  “นี่คือกลุ่มดาวอันโดรเมดา  ท่านไม่ขออนุญาตเราก็เข้ามาตั้งค่ายโดยไม่ได้ขอคำสั่งจากข้า”
ถังอี้มองเขาทันที “สิ่งที่ท่านพูดไม่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของข้า  ข้าอยู่ใต้บัญชาของถังเทียน ถ้าท่านมีข้อข้องใจใดๆ ท่านควรไปคุยกับเขาเอง  ข้ามีหน้าที่ปฏิบัติตาม โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
หลังจากพูดจบ ถังเทียนก็เดินออกมา
ทาร์ตันโกรธมาก  เขาขยี้เท้าเดินออกมาจากค่าย
 “ข้าดูแคลนพวกเขามาก่อนนั้น และรู้สึกผิดที่ประมาทศัตรู”  เซียวซือหวินละอายกับความผิดพลาดของเขา
ทาร์ตันส่ายหัว  “ไม่ใช่แค่เจ้า เราล้วนเจ็บใจที่มีความผิดพลาดเหมือนกัน บอกข้ามาซิว่าเจ้าวิเคราะห์ได้อะไรบ้าง”
เซียวซือหวินแสดงสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง  “นี่คือกองกำลังรบฝีมือดี  คุณภาพของพวกเขาอาจไม่ถึงกับดีแต่พวกเขามีกองทหารที่มีวินัยเคร่งครัดปฏิบัติตามคำสั่งได้ดีเยี่ยมจึงทำให้แข็งแกร่ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้เห็น ทวนหนักตะลุยศึกน่ากลัว และกองทหารทั่วไปอย่างเราไม่สามารถป้องกันต่อต้านการโจมตีนั้นได้  แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งของทหารพวกเขาอ่อน  เราควรจะเลือกชัยภูมิที่ซับซ้อนและภูมิประเทศที่ยากลำบากสู้กับพวกเขา  อย่างเช่นตามตรอกซอยของเมือง  นี่จะทำให้เราเพิ่มความได้เปรียบพวกเขา  อาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขายังเป็นรองเมื่อเทียบกับเรา ทำให้โอกาสอยู่รอดในการรบของพวกเขาต่ำ  โดยรวมก็คือกองกำลังนี้มีกลยุทธรบที่รุนแรงมาก  พลังโจมตีของพวกเขาน่ากลัว  แต่โอกาสอยู่รอดในการรบได้นานนั้นอยู่ในระดับต่ำ”
 “วิเคราะห์ได้ละเอียดดีมาก”  ทาร์ตันพยักหน้า  “จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาได้ใช้ยุทโธปกรณ์ของเรา?”
 “โอกาสอยู่รอดของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก”  เซียวซือหวินตอบโดยไม่ลังเล
 “จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาใช้อาวุธสมบัติ?”  ทาร์ตันถามตามตรง
เซียวซือหวินประหลาดใจ  “ท่านกำลังบอกข้าว่าพวกเขาอาจมีอสูรพลังงานกับตัวพวกเขาหรือ?”
ทาร์ตันตอบ  “เราจะเป็นฝ่ายจัดหาอสูรพลังงาน”
เซียวซือหวินตะลึง  เขาฝืนยิ้ม  “อย่างนั้นกองกำลังนี้จะน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นมาก”
ทาร์ตันยังคงเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนตอบ  “เพื่อนบ้านเราแข็งมากกว่าที่เราคาด  ความสำเร็จของพวกเขาอาจกลายเป็นข่าวดีหรือร้ายกับเราก็ได้  เวลาจะเป็นตัวบอก”
เซียวซือหวินอุทาน  “โชคดีที่ทหารของพวกเขาแต่ละคนไม่แข็งแกร่ง และกลุ่มดาวหมาป่าก็อ่อนแอ”
 “ใช่” ทาร์ตันตอบ
ภายในค่าย ถังอี้ได้ยินหน่วยสอดแนมของเขารายงาน  “พวกเขาจากไปแล้ว”
ถังอี้โบกมือ  “เตรียมทำศึก”
เขาหมุนตัวและรี่เดินเข้าไปในกลางฝุ่นของค่าย  เขาเดินผ่านสนามฝึกพล  พื้นที่นี้ใกล้กับทางเข้าทางน้ำจี้ชิว โครงสร้างขนาดใหญ่ในรูปบรอนซ์ถูกก่อสร้างขึ้น
ถังอี้มองหาวิศวกรผู้รับผิดชอบโครงการ  “อีกนานเท่าใดกว่าท่านจะสร้างเสร็จ?”
 “ขอรับ, ข้าต้องการเวลาอย่างน้อยสามวัน”  เขาคือวิศวกรท้องถิ่นของกลุ่มดาวหมาป่า  เขาไม่ใช่วิศวกรที่มีทักษะที่แข็งแกร่ง  แต่เขามีฝีมือพอจะดำเนินโครงการก่อสร้างให้สำเร็จได้  โครงสร้างของสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้าก็อยู่ภายใต้ความควบคุมของเขา
เมื่อถังอี้ได้ยินเรื่องราวสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้า เขาวิ่งไปหาปิงโดยไม่ลังเล  เขาขอให้สร้างสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดเล็กกว่าหอพลังงาน  ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กองทัพหมาป่าเผชิญในตอนนี้ก็คือนักสู้แต่ละคนขาดแคลนพลังงาน  หอพลังงานจะช่วยแก้ปัญหานี้
ปิงไม่สามารถพูดอะไรได้กับคำขอนี้  แต่เขาบอกถังอี้ว่ามันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น  เขาต้องไปขอถังเทียนด้วยตนเอง
ถังอี้เห็นด้วย
องค์ประกอบและค่าใช้จ่ายสำหรับหอพลังงานที่เล็กกว่านับว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งก่อสร้างอื่นในเมืองสามวิญญาณ  เมืองที่กลายเป็นมหานครสำหรับนักสู้สายจักรกลดึงดูดนักสู้มาจากทั่วจักรวาล  เซรีนฝันมานานแล้วว่านางอยากมีกองกำลังของนางเองเหมือนกับผู้เฒ่าเฟ่ย  โดยไม่ต้องปรึกษาใคร นางรับสมัครพนักงานและสร้างกลุ่มวิศวกรจักรกลกลุ่มใหญ่ขึ้น
ตั้งแต่กองทหารจักรกลของเมืองหย่งอันถูกจัดตั้งขึ้น อาวุธจักรกลวิญญาณมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วจักรวาล  ผู้คนรู้ว่าอาวุธอสูรจักรกลได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากตระกูลม่อ  ถ้าพวกเขาต้องการอาวุธที่แข็งแกร่ง  พวกเขาต้องมายังเมืองสามวิญญาณ
เมืองสามวิญญาณกลายเป็นพื้นที่รุ่งเรืองเพราะเหตุนั้น  อาคารบรอนซ์กลายเป็นสถานที่สำคัญของเมือง  พร้อมกับเพิ่มจำนวนทหารที่ได้รับสมัครเพิ่มเข้ามา  สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เริ่มแออัด  ดังนั้นปิงกับเซรีนได้ปรึกษาหารือว่าจะมีการสร้างใหม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมาปิงวางแผนที่จะซื้อเมืองสามวิญญาณ  ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการเผชิญหน้ารุนแรง  ตระกูลหลินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองก็ย้ายไปแล้ว  ตอนนี้ในเมืองไม่มีตระกูลต่างๆ อีกแล้ว ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้าคัดค้านโครงการสิ่งก่อสร้างบรอนซ์อีกต่อไป
สิ่งก่อสร้างบรอนซ์ใหม่กินพื้นที่เมืองสามวิญญาณถึงสามในสี่  ทางเข้าสู่หอจิตวิญญาณยุทธและคลังแสงทหารล้วนถูกผนวกรวมไว้ภายใน
อำนาจการเงินของเมืองสามวิญญาณสร้างความตื่นตะลึงให้บุคคลภายนอกมากมาย
แต่ความเจริญรุ่งเรืองไม่เพียงแต่ดึงดูดวิศวกรจักรกลหรือนักสู้จักรกลมายังเมืองสามวิญญาณเท่านั้น
ในสายตาของคนจำนวนมาก มันคือเป้าหมายของการรุกราน
อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
 

3 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น