ตอนที่ 606 คัมภีร์เงินกับคัมภีร์แพลตตินัม?
ทั่วทั้งสมาคมทหารรับจ้างเริ่มตกอยู่ในสภาพโกลาหล
คนจำนวนมากส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่รอบตัวเย่ว์หยางและอี้หนาน
ลุงทหารรับจ้างที่ไว้เคราคนหนึ่ง, คนขายเหล้าที่ตัวขาวและอ้วน,
คนเมากลิ่นเหล้าคละคลุ้ง
คนขายบัตรที่มีหัวแหลมเหมือนตั๊กแตนและพนักงานต้อนรับที่อายุเยาว์ ฝูงชนหนาแน่นหลายชั้น
ไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางคอยป้องกันนางเอาไว้
อี้หนานคงถูกขู่ขวัญไปแล้ว
ใครจะรู้ว่านางมีคัมภีร์อัญเชิญและโจมตีฝูงชนด้วยผีเสื้อลวงตาของนาง
“ถอยไปนะ,
พวกเจ้าทุกคนต้องการอะไร?”
เย่ว์หยางรู้ว่าเขาตกอยู่ในความยุ่งยาก
แม้ว่าเขารู้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่นักสู้แดนสวรรค์จะสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีการตอบสนองที่รุนแรงขนาดนั้น
ถ้าเพียงแต่เขาถามเถ้าแก่ร้านปากกว้างเพิ่มขึ้นสักหน่อย ความผิดพลาดเช่นนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น
ในแดนสวรรค์ ยกเว้นพวกที่ไม่มีสติปัญญาและพวกชีวิตรูปแบบพิเศษ แม้แต่ชีวิตที่มีสติปัญญา
ผู้ที่จะทำสัญญากับคัมภีร์ได้มีเพียงหนึ่งในพันล้าน ในราชวงศ์หัวเซี่ยเทียนที่เย่ว์หยางอยู่ก่อนที่เขาจะถูกส่งมายังโลกที่แตกต่าง
ก็มีคนอยู่มากมาย แต่มีคัมภีร์อัญเชิญอยู่เพียงสองเล่มในทั่วทวีป
โดยรวมน่าจะมีคัมภีร์อยู่เพียงหกถึงเจ็ดเล่มทั่วทั้งดวงดาว ปกติผู้คนจะแทบเป็นบ้าเมื่อได้เห็นมัน นี่เป็นสาเหตุให้เมื่อทหารรับจ้างเหล่านี้ได้ยินว่าเด็กสาวชาวมนุษย์เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญ
ทำให้ทุกคนถึงกับลืมตัว
ในแดนสวรรค์ พวกที่ได้เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญจะถูกเรียกว่า ‘ผู้โปรดปรานของเทพเจ้า’
แต่ละสำนักนิกายต่างก็ยื้อแย่งรับพวกเขามาเป็นพวก
สำหรับความสงสัยของเย่ว์หยาง
บุรุษผู้ชราเกินกว่าวัยเพียงแต่ยิ้มค้างเต็มหน้า
“อะแฮ่ม, เรา, เราทุกคนเลอะเลือนไปหน่อย แค่กๆ
เราไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินพวกท่านทั้งสอง!
เราแค่อยากเห็นคัมภีร์อัญเชิญกับตาตนเอง
ข้าโชคร้ายจริงๆ ที่มีชีวิตมานานกว่าสองร้อยปีแล้ว ครึ่งชีวิตข้าไปแล้ว
แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน
แม่หนู, พอจะเรียกออกมาให้พวกเราทุกคนได้เห็นเป็นบุญตาบ้างได้ไหม?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!” ทุกคนตอบรับกึกก้อง
ทุกคนพยายามฝืนฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุด
แต่สีหน้าที่ประหลาดพิกลของพวกเขากลับดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น พวกเขามองดูคล้ายโจรเตรียมจะปล้นทรัพย์สินมากกว่า
เมื่อเห็นทุกคนรุมล้อมเข้ามา อี้หนานหน้าซีดด้วยความกลัว
นางกอดแขนเย่ว์หยางแน่น
เย่ว์หยางตะโกนลั่น “ออกไปห่างๆ
ใครจะไปสนกันเล่าว่าพวกเจ้าทุกคนเคยเห็นมาก่อนหรือไม่ เลิกรุมล้อมเราได้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าตำหนิว่าข้าทำร้ายผู้คนนะ”
ทุกคนมองหน้ากันและกัน
ตรงกันข้ามพวกเขาขอโทษที่ทำให้อี้หนานกลัว
ขณะที่อีกพวกหนึ่งก็สงสัยว่าอี้หนานจะมีคัมภีร์อัญเชิญจริงๆ หรือเปล่า ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจฟังผิดหรือว่านางอาจโกหกก็ได้
ต้องรู้ไว้ว่า มีหลายคนเคยโกหกเรื่องเป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญเป็นการอวดอ้างเพียงแค่เพื่อแสดงว่าพวกเขาเป็นพวกแตกต่าง แต่เพราะความโกรธของเย่ว์หยางทำให้หลายๆ
คนต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้
และพยายามขยายวงล้อมเผื่อว่าพวกเขาอาจจะพูดจริง พวกเขาแค่ต้องการให้บางคนพูดขึ้น
ความจริงคนทั้งหมดนี้เป็นระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดและที่เหนือกว่าก็มี พวกเขาแข็งแกร่งกว่าระดับที่เย่ว์หยางแกล้งแสดงออกและระดับความสามารถปัจจุบันของอี้หนานเล็กน้อย
แต่พวกเขาคุ้นเคยกับการเป็นชนชั้นล่าง
พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าเย่ว์หยางและอี้หนาน ความจริงดูเหมือนจะเป็นสามัญชนที่ขลาดเขลา
และไม่ใช่โจรที่เคลื่อนไหวเพราะความโลภในทรัพย์สิน
ถ้าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในหอทงเทียน เรื่องคงไม่ลงเอยเท่านี้แน่
ในหอทงเทียน ใครก็ตามที่มีความสามารถอยู่บ้างจะหยิ่งยโสมาก
แต่ในแดนสวรรค์จะมีแนวคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด
หลายเผ่าพันธุ์จะทรงพลังมาตั้งแต่เกิด
แม้แต่คนธรรมดาอย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง
มีแต่เพียงทาสต่ำต้อยจำนวนน้อยมากที่มีระดับต่ำกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด อย่างไรก็ตามความสามารถที่จะจัดระดับในแดนสวรรค์และหอทงเทียนจะแตกต่างกัน ที่นี่
ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญ พวกเขาจะไม่ถูกเรียกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด
พวกเขาจะถูกเรียกว่านักสู้ปราณดิน ตรงกันข้ามกับนักสู้ปราณฟ้า
นักสู้ปราณดินเหล่านี้ซึ่งเกิดมามีพลังที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่ศักยภาพของพวกเขามีน้อยมาก เมื่อบางคนโตเป็นผู้ใหญ่
พวกเขาแทบจะไม่ก้าวหน้าเลยตลอดชีวิตที่เหลือก็มี ศักยภาพอยู่ในสภาพหยุดนิ่ง
ความปรารถนาจะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญเป็นแค่เพียงความฝัน!
ขณะที่การแข่งขันทั่วไปจะไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ถ้าเป็นการสู้ตัวต่อตัว หรือแข่งกันพัฒนาศักยภาพ
นักสู้ปราณก่อกำเนิดในหอทงเทียนสามารถเอาชนะเหนือนักรบในระดับเดียวกันของแดนสวรรค์ได้
“ตุ้บ!”
ชายที่ชราเกินกว่าอายุคุกเข่าทันที น้ำตาไหลนองหน้า
“ข้าไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาทั้งชีวิตเลยจริงๆ
ข้าไม่เคยรู้ว่ามันจะดูเหมือนอะไร ถ้าข้าไม่ได้เห็นครั้งนี้
ตลอดชีวิตของข้า ข้าอาจจบชีวิตลงเหมือนกับปู่ของข้า
พ่อของข้าที่ตายไปโดยไม่ได้เห็นคัมภีร์อัญเชิญสักครั้งในชีวิต นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก
ได้โปรดช่วยให้ข้าได้สมปรารถนา ขอดูสักครั้งก่อนตายเถอะ”
“ท่านกำลังจะตายเร็วๆ นี้เหรอ?” อี้หนานรู้สึกเห็นอกเห็นใจยิ่งนัก นางรู้สึกว่าชายชราคนนี้น่าสงสารมากจริงๆ
“นั่นไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะสักสองสามร้อยปี!” ชายชรานั้นหน้าแดง
แม้แต่ตัวของเขาเองก็รู้สึกว่าตนเองพูดเกินไปบ้าง เขารีบเสริมต่อ
“แม้ว่าข้าจะยังไม่ตายในเร็ววัน
แต่ข้าไม่เคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อนในชีวิตจริงๆ ทุกคนในที่นี้เป็นพยานได้”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว
พวกเราไม่เคยมีใครเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน!”
“ใช่แล้ว ครั้งหนึ่งเจ้านั่นเคยอวดว่าเขาเคยเห็นคัมภีร์อัญเชิญมาก่อน แต่เขาถูกข้าแฉ นอกจากเถ้าแก่ร้านปากกว้างที่ร้านขายสรรพสินค้าแล้ว
พวกเราไม่เคยเห็นของหายากอย่างนั้นมาก่อน”
“ให้ข้าได้เห็นสักครั้งเถอะ
ถ้าเราได้เห็นคัมภีร์อัญเชิญสักเล่ม
เราจะได้คุยอย่างเต็มปากเมื่อดื่มกับคนอื่นๆ
แม่หนู เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าขอแนะนำให้เจ้าเข้าสำนักสายน้ำเฟื่องฟูของเรา สำนักเรา....”
“ลืมเรื่องสำนักขยะของเจ้าไปซะ ต่อให้เป็นเจ้าสำนักของพวกเจ้าก็ยังไม่มีคัมภีร์อัญเชิญด้วยซ้ำ
เจ้ายังต้องการรับนางเข้าสำนักหรือ?
นั่นไม่ถูกต้อง! ในความเห็นของข้า
แม่หนูคนนี้เจ้าสมควรเข้าร่วมกับสำนักพิรุณฟ้าแห่งเมืองเฟยเป้า เจ้าสำนักพิรุณฟ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญเงิน...
สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้าสำนักพิรุณฟ้ามีพรสวรรค์
ถ้าแม่หนูผู้นี้ยินดีเข้าร่วมกับสำนักพิรุณฟ้า ก็จะได้รับตกทอด
ครอบครองสำนักและปกครองเมืองเฟยเป้า ซึ่งก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น”
กลุ่มคนทั้งหมดเริ่มคุยฟุ้งพร้อมกันไม่ยอมหยุด
เมื่อพวกเขาเริ่มตื่นเต้น
พวกเขาเกือบวิวาทกันเองแทนที่จะแนะนำตนเอง
บางคนก็วิ่งไปที่ประตูวงเวทเทเลพอร์ตเพื่อรายงานผู้อาวุโสสำนักของตน
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะลุกลามใหญ่โต
เย่ว์หยางรีบพาอี้หนานกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
ทั้งสองคนมองหน้ากันเองอยู่นาน
พวกเขาทั้งสองคนคิดว่านี่เป็นเรื่องแปลกจริงๆ ที่เกิดขึ้นและเริ่มหัวเราะเสียงดัง
โชคดีที่นี่คือเมืองเล็ก
มิฉะนั้นคงมีคนมาขอดูเพิ่มมากขึ้น...
เย่ว์หยางตัดสินใจไม่สนใจคนพวกนั้นและพักอยู่สองสามชั่วโมง พวกเขาจะกลับไปเมื่อทุกคนจากไปแล้ว
มีอยู่สองเหตุผลที่พวกเขาไม่เลือกหลบหนีโดยใช้วิธีเทเลพอร์ต หนึ่ง
พวกเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนั้น สอง
การหลบหนีจะเป็นการแสดงความอ่อนแอและตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ
ขณะที่เย่ว์หยางไม่สนใจพวกที่มองด้วยความตื่นเต้นนั้น
อี้หนานไม่ต้องการให้การเดินทางมาแดนสวรรค์ที่สุดแสนดูดดื่มครั้งแรกของนางต้องสะดุดหยุดลงกลายเป็นศึกละเลงเลือด
ช่างเถอะ
เขาจะต้องให้ความรักที่นุ่มนวลแก่สตรีคนรักของเขา
เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางยอมเห็นแก่ผู้อื่นมากขนาดไหน อี้หนานจูบเขาเบาๆ เมื่อนางมีเวลานางจะบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวแดนสวรรค์ของพวกเขาส่วนนี้เอาไว้.... วันนี้.. ในเมืองน้อยในแดนสวรรค์ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น....
เย่ว์หยางพลิกดูสมุดแผนที่ห้าร้อยหน้าอยู่ครึ่งค่อนวัน
เขาพบว่าแดนสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่ส่วน แดนสวรรค์เหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก สวรรค์แต่ละด้านจะแบ่งออกเป็นร้อยดินแดน แต่ละดินแดนแบ่งออกเป็นร้อยทวีป แต่ละทวีปแบ่งออกเป็นร้อยประเทศ แต่ละประเทศแบ่งออกเป็นร้อยนครใหญ่ แต่ละนครใหญ่แบ่งออกเป็นร้อยเมืองย่อย ในแดนสวรรค์นั้น อย่าว่าแต่นครใหญ่เลย
แค่เพียงเมืองย่อยก็มีขนาดใหญ่กว่าเมืองหลวงที่ใหญ่สุดในทวีปมังกรทะยาน
ที่ต้องแยกออกเป็นเมืองย่อยเป็นเพราะประชากรมีน้อยเกินไป
ไม่ว่ายังไงก็ตาม แดนสวรรค์ก็ยังใหญ่เกินกว่าที่ใครจะนึกภาพออก แม้ว่านี่จะเป็นแผนที่อย่างง่ายๆ แต่เย่ว์หยางก็มึนงงปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมด
หลังจากใช้เวลาสองสามชั่วโมงในที่สุดเขาก็พบประตูแดนสวรรค์ตะวันตก
บนแผนที่ มีจุดเครื่องหมายเล็กๆ ให้เห็น ‘หอทงเทียน’
ถ้าต้องการจะได้รับรายละเอียดเพิ่มขึ้น
เขาจะต้องซื้อแผนที่รายละเอียดของประตูแดนสวรรค์
หลังจากพักงีบหลับอย่างสบายใจและกินอาหารค่ำแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าน่าจะได้เวลาแล้ว ไม่ว่าจะอดทนแค่ไหน ทุกคนน่าจะจากไปแล้ว
เนื่องจากเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เป็นเวลาสิบชั่วโมงแล้ว
“ไปกันเถอะ!” อี้หนานเปลี่ยนชุดของนาง
และจูงมือใหญ่ของเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวลพลางยิ้มหวาน
“ไปลงทะเบียนที่อื่น แต่ครั้งนี้
เราไม่ต้องบอกว่าเรามีคัมภีร์อัญเชิญ”
เย่ว์หยางไม่ต้องการโดนคนแปลกหน้ารุมล้อมอีกต่อไป ความรู้สึกเช่นนั้นน่าหงุดหงิดจริงๆ
แต่เมื่อเขากับอี้หนานปรากฏตัว ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
ทั้งนี้เพราะรอบๆ ตัวพวกเขามีคนนับหมื่นกำลังรอพวกเขาอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองคนปรากฏตัว
มวลชนทั้งหมดส่งเสียงเฮลั่น
เสียงปรบมือดังกึกก้องเหมือนฝนฟ้าคะนอง
นักสู้ปราณดินระดับเจ็ดหลายคน
นักรบระดับแปดที่ทรงพลังกำลังยืนตั้งแถวเหมือนทหาร
ที่อยู่ต่อหน้านักสู้เหล่านี้เป็นนักสู้ปราณฟ้าสองคน เนื่องจากพวกเขาอยู่มาที่นี่ตั้งแต่แรก เจ้าหน้าที่ซึ่งดูเหมือนคนชรา และคนออกบัตรผู้มีหัวแหลมเหมือนตั๊กแตนคำนับต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพ
แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนก็ยังชูแขนบอกให้ทุกคนสงบลง
บางคนอดส่งเสียงโห่ร้องไม่ได้เพราะความตื่นเต้น “เป็นคัมภีร์ทองหรือนั่น โอวพระเจ้า
นางมีคัมภีร์ทองในตำนาน โอวข้าจะเป็นลม!”
ความจริง คัมภีร์อัญเชิญของอี้หนานยกระดับเป็นชั้นแพลตตินัมขั้นต้นไปแล้ว
แต่คนเหล่านั้นอย่างน้อยรู้ว่าการจะกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ได้ ต้องเป็นคัมภีร์ชั้นทองเป็นอย่างน้อย
นี่คือสาเหตุที่พวกเขาคาดเดาว่าอี้หนานมีคัมภีร์ชั้นทอง
ขณะที่นักสู้ปราณฟ้าสองคน คนหนึ่งเป็นลุงวัยกลางคนไว้หนวดสั้น ลักษณะและอารมณ์ของเขาค่อนข้างดี
เขาเป็นคนประเภทเดียวกับจุนอู๋โหย่วและมีรัศมีอยู่รอบตัวของเขา
อีกคนหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาด มีแขนขาทั้งสี่ มีสามตา ลักษณะดูคล้ายกับมนุษย์สมิงสามตา
แต่มันไม่ใช่มนุษย์สมิง
มันเป็นเผ่าพันธุ์ที่แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่รู้จัก
“ยินดี ยินดีต้อนรับ!” บุรุษไว้หนวดวัยกลางคน
ออกมาต้อนรับพวกเขา “ข้าชื่อไป่โหวเจ้าเมืองเฟยเป้า
หลังจากได้ทราบข่าวจากศิษย์ข้าก็นึกว่าอาคันตุกะผู้มีเกียรติของเราถือครองคัมภีร์ทองแดงเสียอีก ข้าหวังจะต้อนรับพวกท่านเข้าสำนักของข้า
กลับกลายเป็นว่าคัมภีร์อัญเชิญของอาคันตุกะผู้มีเกียรติอย่างน้อยก็เป็นคัมภีร์ระดับทองแล้ว
ข้าละอายใจจริงๆ ละอายใจนัก!”
“อาคันตุกะผู้มีเกียรติของเราเดินทางมาไกล ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป
ขอให้เราได้เห็นคัมภีร์ของท่านได้ไหม?”
นักสู้ปราณฟ้าที่เหมือนอสูรผู้นั้นค่อนข้างจะสุภาพ เขาเรียกคัมภีร์เงินของตัวเองออกมาก่อน
เมื่อคัมภีร์เงินปรากฏ กลุ่มผู้คนส่งเสียงโห่ร้องพอใจ
เสียงปรบมือดังกึกก้อง
ขณะที่เจ้าเมืองเฟยเป้านางไป่โหวยิ้มและเรียกคัมภีร์ของเขาออกมาเช่นกัน คัมภีร์ของเขาเป็นคัมภีร์เงินเช่นกัน แต่เป็นระดับที่สูง
และแข็งแกร่งกว่าอสูรนักสู้ปราณฟ้าซึ่งเป็นคัมภีร์ชั้นเงินระดับกลาง
ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนง่ายมาก
พวกเขาแค่ต้องการเทียบกับคัมภีร์อัญเชิญของพวกเขา
ในแดนสวรรค์ พวกนักสู้ที่เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญมักจะมีนิสัยเช่นนั้น
อี้หนานชำเลืองมองเย่ว์หยาง
หลังจากได้รับอนุญาตโดยดุษฎีแล้วนางกล่าว
“เนื่องจากทุกคนต้องการเห็นคัมภีร์อัญเชิญของข้า นั่นย่อมไม่เป็นปัญหา แต่พวกท่านทุกคนจะต้องเห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อหนึ่งของข้า หลังจากได้เห็นแล้ว ต้องให้เราไปได้อย่างอิสระ
ไม่ต้องใช้เหตุผลใดๆ รั้งเราไว้”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายและแค่ต้องการเทียบคัมภีร์อัญเชิญและคบเป็นสหายผู้มีคัมภีร์อัญเชิญเช่นกัน
นางจึงไม่กลัวเป็นธรรมดา
ถ้าคนเหล่านี้ต้องการสร้างปัญหา
นางจะตอบโต้และโจมตีพร้อมกับเย่ว์หยางไม่ว่าการมาเที่ยวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ครั้งนี้จะดูดดื่มหรือไม่ก็ตาม
แม้ว่าบุรุษวัยกลางคนและอสูรนักสู้ผู้นั้นจะเป็นนักสู้ปราณฟ้า
แต่พวกเขาก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเย่ว์หยางที่เอาชนะราชันย์พันปีศาจมาได้แล้ว
หลังจากได้ฉันทานุมัติจากทุกคนแล้ว อี้หนานยิ้มอ่อนหวานให้เย่ว์หยาง
นางเหยียดแขนที่เปล่งปลั่งเป็นประกายเหมือนหยก
นิ้วของนางงดงามเหมือนกล้วยไม้ขาวและทำท่าเคาะในอากาศเบาๆ
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางออกมาอย่างสง่างาม
แสงประหลาดลุกโชนทันที....
เมื่อทุกคนเห็นคัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัม นิ่งค้างในอากาศ ทุกคนชะงักค้างเป็นหิน
แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความสงบของตนเองไว้
สามชั่วโมงต่อมา อี้หนานเดินออกมาจากวงเวทเทเลพอร์ต นางยังหัวเราะไม่หยุด เสียงหัวเราะของนางเหมือนระฆังเงินยามค่ำคืน ดังลอยลมผ่านอากาศยามค่ำคืน แม้แต่เย่ว์หยางก็ยิ้มไม่หุบ ทั้งนี้เพราะเขาคาดไม่ถึงเลยว่า มวลชนในที่นั้นจะมีท่าทางผิดปกติมากขนาดนั้นเมื่อได้เห็นคัมภีร์แพลตตินัม
เขานึกว่าอาจจะมีการนองเลือด
แต่กลับกลายเป็นว่าไม่เกิดอะไรขึ้นสักนิด
แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนยังต้องการขอสมัครเป็นศิษย์ของอี้หนานและเรียนรู้ความลับในการยกระดับคัมภีร์อัญเชิญ เย่ว์หยางยังหัวเราะไม่หยุด
“แดนสวรรค์นี่ช่างน่าสนุกมากจริง หึหึ
แต่ในอนาคตเมื่อเราลงทะเบียนทหารรับจ้าง
เราต้องไม่พูดถึงคัมภีร์อัญเชิญของเรา
มิฉะนั้น จะมีคนมากมายเอาของขวัญมาให้มากมายทั้งที่เราไม่ต้องการ..” อี้หนานคล้องแขนเย่ว์หยาง หลังจากเดินทางไกล
นางหันไปมองที่ประตูเทเลพอร์ต หลังจากรู้ว่าไม่มีใครติดตามพวกเขา
นางถอนหายใจโล่งอก “ในที่สุดพวกเขาก็กลับไปแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาจะตามส่งพวกเราไปจนถึงแดนสวรรค์ตะวันตกเสียอีก! โอวจริงสิ เจ้าเมืองเฟยเป้าบอกว่าภายในดินแดนนี้
เมืองสายรุ้งงดงามที่สุด เราไปเที่ยวเมืองสายรุ้งเป็นไง?”
“ตามใจปรารถนาเลย เจ้าสาวคนงามของข้า!” เย่ว์หยางประคองวงหน้าน้อยๆของนางและจุมพิตริมฝีปากที่อวบอิ่มของนาง
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ชอบคุณมากจร้า
ขอบคุณ คับ ลงอีกเลยคับ
รู้สึกเมืองนี้จะน่ารักดีนะ ฮ๋า
หวงเมียดีจัง 555
ขอบคุณครับ ติดตามหนักมาก
นึกภาพ ถ้าพี่เย่ เกดมากะงหญิงเชียเชี้ย หรือ นางเซียนหงฟ้า นะ เมืองคงแตกอะ 555
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แดนสวรรค์.....ผิดจากที่คาดจริงๆ นี่มันดินแดนของตัวตลกหรือไงเนี่ย ดูแต่ละคนแล้วอาการหนักๆ กันทั้งนั้น
ป.ล. ฮิฮิ หวานกันจริงๆ คู่นี้
ป.ล.2 รูปตอนแต่งงานของพี่เมิ่งกับศิษย์พี่มาไงเนี่ย 5555+
ขอบคุณครับ
Thx
แสดงความคิดเห็น