ตอนที่ 607 ตรวจสอบ? ตรวจสอบน้องสาวเจ้าก่อน!
จากนครสายน้ำ (เฟยเป้า) ถึงนครสายรุ้งต้องเดินทางมากกว่าสองพันกิโลเมตร
เนื่องจากทั้งสองเมืองนี้ไม่ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีต่อกัน จึงไม่มีประตูเทเลพอร์ตเชื่อมถึงกัน พวกเขาไปแวะที่เมืองจู้หม่าเพื่อโดยสารเรือเหาะเดินทางต่อไป
ความจริงเย่ว์หยางและอี้หนานสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ใกล้ๆ ก็ได้ แต่อี้หนานต้องการขึ้นเรือสำราญลอยฟ้าที่เจ้าเมืองเฟยเป้าแนะนำอย่างแข็งขัน นี่คือเรือเหาะระดับเลิศหรูมีขนาดที่ใหญ่โต สามารถรับผู้โดยสารได้ถึงหมื่นคน
ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม
ดาดฟ้าเรือมีทะเลเทียมและชายหาดถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบสวนสนุกน้ำ
ผู้คนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นสามารถสนุกกับการปีนเขาและเล่นกระดานโต้คลื่นได้
คนที่ชอบความสงบก็สามารถชมดนตรีได้อย่างเพลิดเพลินได้
เรือสำราญลอยฟ้าแบบนี้เป็นการขนส่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของนครสายรุ้ง
เกือบทั้งหมดของผู้มาเยือนนครสายรุ้งล้วนต้องโดยสารเรือเหาะชนิดนี้
“แย่จริงๆ!” ถ้าเย่ว์หยางไม่มาที่แดนสวรรค์ เขาคงไม่มีทางรู้ว่าเขาจนมากขนาดไหน
กลับกลายเป็นว่าผลึกมังกรที่เขาได้รับจากหุบเขามังกรบินแทบจะไม่เหลือเลย
แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
การขึ้นโดยสารเรือสำราญลอยฟ้าแม้แต่ตั๋วที่ราคาถูกที่สุดก็ราคาร้อยเหรียญทอง
สองคนก็สองร้อยเหรียญทอง สำหรับเย่ว์หยางซึ่งไม่ได้พกเงินมาด้วย เห็นผลึกปีศาจต้องหมดเปลืองไปราวกับสายน้ำไหล
ทำให้เขาอยากชักดาบออกมาปล้นใครบางคนยิ่งนัก
ร้อยเหรียญทองกะอีแค่ขึ้นเรือที่น่ารังเกียจนี่หรือ?
นอกจากนี้ หลังจากขึ้นเรือแล้ว ค่ากินค่าดื่มที่ราคาแพงระยับยังต้องแยกอีกต่างหาก
แต่เพื่อหญิงสาวนางนี้ที่เขาตามเกี้ยวนางนี้
เย่ว์หยางยอมทุ่ม เนื่องจากผลึกปีศาจถูกใช้ออกไปเหมือนถูกปล้น และเพราะมันไม่เพียงพอ เขาจึงต้องคิดหาวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สิน
หลังจากซื้อตั๋วโดยสารแล้ว
พวกเขารออีกครึ่งชั่วโมง
ในที่สุด เรือสำราญลอยฟ้าก็ปรากฏที่ขอบฟ้า
ตอนแรกมันเป็นจุดดำขนาดเล็กปรากฏในระยะไกล
จากนั้นก็ค่อยๆ
ชัดขึ้นขณะที่มันลอยเข้ามาใกล้และกลายเป็นขนาดใหญ่มหึมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
เมื่อมันลอยเข้ามาที่น่านฟ้าเหนือเมืองสถานีรับส่ง มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับพื้นที่เมือง
เมื่อยืนอยู่ใต้เงาของมัน เย่ว์หยางประมาณการว่าความกว้างของเรือลำนี้อย่างน้อยก็พันเมตร ความยาวของมันอย่างน้อยสามเท่าของความกว้าง
ยานมหึมาลำนี้สูงเกือบเท่าตึกร้อยชั้น ราวๆ ห้าร้อยเมตร
เย่ว์หยางนึกไม่ออกเลยว่ามันสามารถลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าได้อย่างไร
นอกจากนี้ความเร็วที่มันบินได้ก็เทียบเท่าได้กับเครื่องบิน สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือลมที่อยู่รอบๆ
ยานลำใหญ่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสายลมพัดเฉื่อยฉิว
ผู้โดยสารนับไม่ถ้วนยืนอยู่บนดาดฟ้าเพื่อรับลม แต่สายลมนี้เพียงพัดโชยใส่ผมและเสื้อผ้าอย่างนุ่มนวล
ไม่มีผลเป็นกระแสลมรุนแรงจากการขับเคลื่อนให้ยานเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เมื่อเรือสำราญลอยฟ้าเทียบท่านิ่งกับที่
ทุกคนบนเรือและที่อยู่ในเมืองข้างล่างต่างก็ร่าเริงกับเสียงหวูดไอน้ำที่พ่นลงข้างล่างทักทายทุกคน
เรือเหาะลำเล็กถูกส่งออกมาจากเรือสำราญลงมารับผู้โดยสารที่รออยู่ที่เมืองสถานีรับส่ง
ตามลำดับกติกา พวกชนชั้นสูงที่จ่าย 3000 เหรียญสำหรับดาดฟ้าชั้นหนึ่งได้ไปก่อน
พ่อค้านักธุรกิจที่ร่ำรวยนั่งชั้นกลางค่าโดยสาร 1000 เหรียญเป็นลำดับต่อไป
ขณะที่ผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดาอย่างเย่ว์หยางและอี้หนานได้ขึ้นเป็นชุดสุดท้าย
พร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้างที่นุ่งผ้าโทรมโกโรโกโส
“เจ้าสองคนกำลังจะไปแต่งงาน? หรือว่าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์?”
มนุษย์มังกรตาเดียวที่เดินทางในเที่ยวบินเดียวกันถามอย่างสงสัยหลังจากเห็นเย่ว์หยางกับอี้หนาน คู่รักนี้จับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมยิ่งนัก
“เอ่อ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน
แต่คงในเร็ววันนี้...”
อี้หนานตอบเอียงอาย
“ขอแสดงความยินดีด้วย
พวกเจ้าทั้งสองคนเหมาะสมกันราวฟ้าสร้างมาให้คู่กัน” มังกรตาเดียวล้วงขวดเหล้าออกมาแล้วส่งให้เย่ว์หยาง เมื่อเห็นเย่ว์หยางปฏิเสธ เขาเปิดฝาออกและดื่มอึกใหญ่และยิ้ม
“ความจริงเมื่อตอนข้าเป็นหนุ่มๆ ข้าเองก็หล่อใช่ย่อยเหมือนกัน ต้องบอกว่าหล่อพอๆ กับเจ้านี่แหละ และเมียข้าเมื่อตอนนั้น
นางสวยน่ารักพอๆ กับแม่หนูคนนี้
เมื่อเห็นพวกเจ้าทั้งสองคนทำให้ข้านึกถึงความหลัง
เหมือนกับว่าข้าเห็นภาพของตัวเองกับเมียข้าเมื่อครั้งกระโน้น....”
“อย่างนั้นเชียวหรือ?”
อี้หนานลอบยิ้มเอียงอาย
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
โถลุง, ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณตัวเองขนาดนั้นก็ได้จริงไหม? อย่าว่าแต่เจ้าตาเดียวเลย หน้าของเจ้ายังดูแก่เหมือนเปลือกไม้เก่าๆ
ร่างของเจ้าก็เหมือนกับพวกกึ่งอสูรและฝ่ามือโตอย่างกะใบตาล
แล้วจะหล่อเหลาเหมือนคนในตอนนั้นได้ยังไง?
ถ้าไม่กลัวแทบตายหลังจากเห็นเจ้าตอนกลางคืน ก็คงได้หัวเราะเป็นแน่ แล้วพูดเสียอย่างนั้น สาวคนไหนจะกล้าแต่งงานกับพวกครึ่งอสูร?
เว้นแต่ว่านางเป็นพวกคนแดนเถื่อนร่างกายสมบุกสมบัน หรือไม่ก็เป็นพวกทอเรนเผ่าหัววัวเป็นแน่
ถ้าเป็นการตัดสินตามมาตรฐานชายงามของฟ่านหลุนเถี่ย (สาวทอเรนเผ่าหัววัว)
เจ้ามนุษย์มังกรตาเดียวอาจถูกมองว่าหล่อก็ได้ แต่ในสายตาของมนุษย์ นั่นเป็นไปไม่ได้
เย่ว์หยางประเมินว่า เว้นแต่สาวเจ้าตาบอด ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมแต่งกับลุงมังกรตาเดียวผู้นี้เป็นแน่
เมื่อทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆ เห็นมังกรตาเดียวเริ่มบทสนทนา
พวกเขาเริ่มโบกมือให้เย่ว์หยางและอวยพรอย่างกระตือรือร้นบางคนก็ร้องโห่ฮิ้ว
เสียงอื้ออึงของพวกเขาทำให้พวกชนชั้นผู้ดีที่อยู่ข้างหน้าขมวดคิ้ว พวกผู้ดีเหล่านี้ไม่สนใจเรื่องเย่ว์หยางและอี้หนานซึ่งไม่มีสัญลักษณ์ตระกูล
ไม่มีเหรียญตราสำนัก ในสายตาของพวกเขา
เย่ว์หยางและอี้หนานเป็นพวกบ้านนอกจากชนบทห่างไกล ยิ่งชำเลืองมอง
ก็เหมือนจะทำให้พวกเขาพลอยต่ำต้อยไปด้วย
“หมั่นไส้ หยิ่งเป็นบ้า!”
ทหารรับจ้างร่างผอมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างมังกรตาเดียวแค่นเสียง
“เขาคือเจ้านายใหญ่โต อย่าพูดเหลวไหล”
มังกรตาเดียวรีบตบสหายของเขาขณะที่เขาเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยมองมาทางนี้ จากนั้นเขารีบคำนับคนชั้นสูงพวกนั้น อี้หนานไม่ชอบคนแบบนี้และส่วนใหญ่จะอยู่ห่างๆ
คนแบบนี้ แต่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
“ขึ้นไปบนเรือเร็วเข้า
เราไม่อาจอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกชาวนาทหารรับจ้างอย่างพวกเจ้าได้นะ! พวกเจ้ารู้ไหมว่าที่นี่มีอะไรพิเศษรอเราอยู่ เราต้องเสียพลังงานไปมากขนาดไหน? ต่อให้พวกเจ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้า
ต่อให้ขายตัวพวกเจ้าก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ เร็วเข้า, หยุดลากเท้าพิรี้พิไรได้แล้ว!”
หนึ่งในสมาชิกลูกเรือโบกมือหงุดหงิดเร่งเย่ว์หยางและพวกผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดา
ขณะที่ต้อนรับพวกชนชั้นสูงที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยมารยาทอย่างดี
แม้แต่ลูกเรือคนอื่นก็ยังปูพรมแดงต้อนรับชนชั้นสูงที่หยิ่งยโสนั้น
พวกเขาชี้เย่ว์หยางและอี้หนานให้ไปทางเข้าอีกทาง ตรงนั้นจะไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากบุรุษคนหนึ่งถือวัตถุคล้ายไฟฉายมองดูเหมือนจะตรวจค้นร่างกายเพื่อหาสิ่งต้องห้าม
เมื่อมังกรตาเดียวยอมให้ตรวจ เขาเป็นคนเปิดเผยมาก
เขาถอดกางเกงออกและผายลมอย่างแรงจนทำให้คนตรวจไล่ให้เขาเข้าไป
เมื่อทหารรับจ้างสิบคนผ่านเข้าไปง่ายๆ
ในที่สุดก็ถึงคราวเย่ว์หยางและอี้หนาน
“มาตรงนี้ ยืนดีๆ ยกมือวางบนศีรษะ หันหน้าเข้าหาเรือและหันหลังมาทางข้า ข้าจะตรวจสอบสิ่งของต้องห้าม
ผู้หญิงหลายคนชอบเก็บของต้องห้ามไว้ในยกทรงและชุดชั้นใน
เจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก มาตรงนี้
เจ้าทั้งสองคนระวังด้วย อย่าก่อความยุ่งยากขณะข้าตรวจสอบ มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก!” เมื่อพนักงานตรวจสอบเห็นอี้หนานงดงาม
เขาแทบไม่อาจกลั้นน้ำลายไว้ได้
เนื่องจากเย่ว์หยางและอี้หนานดูเหมือนจะอ่อนแอ
ทั้งสองเป็นแค่นักสู้ปราณดินระดับหนึ่ง
ขณะที่เขาเป็นนักสู้ปราณดินระดับสาม
เขามั่นใจว่าสามารถทำลายคนทั้งสองนี้ได้
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังไม่หยุดแค่นเสียง
เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เขายื่นมือที่ขนดกรุงรังมาที่อี้หนาน
ทหารรับจ้างที่ผอมดูเหมือนจะทนไม่ได้
แต่มังกรตาเดียวดึงหลังเขาไว้
ลูกเรือรอบๆ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับภาพนี้แล้ว
พวกเขาผิวปากแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร
พวกชนชั้นสูงทำเป็นไม่สนใจและเดินห่างออกไป
มือที่หยาบคายและก้าวร้าวของพนักงานตรวจสอบนั้นโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย...
แต่เมื่อห่างตัวอี้หนานเพียงครึ่งนิ้ว
เย่ว์หยางยิ้มและเงื้อมือ ดาบจันทร์เสี้ยวเป็นประกาย
เขาตัดมือที่ยื่นออกมาจนขาด
และก่อนที่เจ้าหน้าที่นั้นจะทันได้ส่งเสียงร้อง เย่ว์หยางเตะผ่าหมากเข้าที่ง่ามขาของเขา
เกือบทุกคนได้ยินเหมือนเสียงบางอย่างแตก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหล่าบุรุษทุกคนอดรู้สึกเสียววาบที่ระหว่างขามิได้
แม้ว่าลูกเรือคนอื่นจะวิ่งเข้ามาหา แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่หยุดทำร้าย เขาย่ำระหว่างขาของคนผู้นั้นอย่างเมามัน
ใช้แม้กระทั่งปลายเท้าจิกขยี้
ดูเหมือนว่าเขาไม่ตั้งจะหยุดจนกว่าจะย่ำให้เละ อี้หนานมองดูเงียบๆ ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขา แต่นางยังได้ระบายความโกรธอีกด้วย
ทั้งนี้เป็นเพราะนางโกรธ
สำหรับสวะอย่างนั้นที่ไม่ให้เกียรตินาง สวะที่กล้ายั่วโมโหเย่ว์หยาง
นางไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย ความจริง
นางรู้สึกว่าการลงโทษด้วยความผิดนั้นสาสมแล้ว
“สุนัขที่กัดย่อมไม่เห่า โอว..ตายแล้ว
เจ้าผู้นี้ดุร้ายยิ่งนัก” ขณะที่เห็นภาพนี้ มังกรตาเดียวตัวสั่น
“หยุด หยุดนะ!” ลูกเรือหลายคนไม่กล้าใช้กำลังบังคับ
ได้แต่ตะโกนอยู่ด้านข้างเพราะกลัวเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางหูหนวกเสียแล้ว
เขาหยิบอุปกรณ์ตรวจสอบและปาลงบนตัวพนักงานตรวจที่กระอักเลือดสลบไปแล้ว
ต่อเมื่อผู้ตรวจสอบถูกเล่นงานจนหมดสภาพเย่ว์หยางจึงหยุด
ไม่มีอะไรเหลือให้เขาทุบต่อ
เย่ว์หยางโยนอุปกรณ์ตรวจสอบที่บิดเบี้ยวและถ่มน้ำลายใส่หน้าของผู้ตรวจสอบคนนั้น
จากนั้น เขาค่อยๆ มองพวกลูกเรือเหล่านั้นและยิ้มเฉิดฉาย
“ยังมีใครต้องการตรวจสอบเราอีกไหม?”
รอยยิ้มของเขาทำให้พวกลูกเรือถอยกรูดด้วยความกลัว
แม้แต่มังกรตาเดียวก็ยังตัวสั่นตะโกนลั่น “เจ้าผู้นี้อันตรายมาก ทุกคนถอยออกมาห่างๆ คนผู้นี้ไม่อาจตอแยได้”
พวกชนชั้นสูงมองมาด้วยสีหน้ารังเกียจ
เหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูขยะและเดินต่อไปอย่างสงบ
ถ้าไม่ใช่เพราะก้าวเท้าของพวกเขาดูผิดปกติ
คงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าขาของพวกเขาสั่นอยู่ภายใต้ชุดยาวและกลบเกลื่อนด้วยความใจเย็นและความหยิ่งยโส ความจริงพวกเขากลัว
แต่แกล้งทำเป็นดูถูกดูแคลนทุกอย่าง
ในระยะห่าง เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยนักสู้ปราณดินระดับห้า สองสามคนพุ่งเข้ามา
นำขบวนโดยหัวหน้าหน่วยที่เป็นนักสู้ปราณดินระดับเจ็ด
คนผู้นี้ศีรษะล้าน ร่างของเขาดำยิ่งกว่าหมึก
แม้ว่าตาของเขาเป็นสีเงินแต่ไม่มีม่านตา ดูเผินๆ เขาเหมือนกับรูปสลักจากหินสีดำ
ก่อนที่เขาจะพูด ลูกเรือสองสามคนก็วิ่งเข้าไปรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมพูดเกินจริงและโกหกว่าเป็นความผิดของเย่ว์หยางทำให้เขาดูเหมือนกับคนบ้าเลือด ถ้าเย่ว์หยางไม่ต่อสู้สักวัน เขาจะไม่สามารถทนอยู่ได้
“นั่นจริงหรือเปล่า?” หัวหน้ารักษาความปลอดภัยร่างเหมือนหินดำมองมาทางเย่ว์หยาง
“.....”
เย่ว์หยางยักไหล่ด้วยความมั่นใจ
เขาไม่พูดอะไร ผู้คนสามารถพูดอะไรก็ได้ตามต้องการ มันขึ้นอยู่กับปากตัวเอง แต่เขาไม่ทำและไม่ใส่ใจ
เย่ว์หยางไม่พอใจที่ต้องเก็บกดความโกรธจากก่อนหน้านั้นแล้ว
เมื่อเขาต้องจ่ายเงิน 200
เหรียญทองซื้อตั๋วชั้นธรรมดาทำให้ต้องสูญเสียผลึกปีศาจมังกรบินระดับหกและระดับเจ็ดไปเป็นร้อย
สำหรับเย่ว์หยางที่มักจะตระหนี่และประหยัด
ไม่ชอบใช้จ่ายนั่นคือเรื่องที่น่าหงุดหงิด
ตอนนี้พวกเขายังวุ่นวายเรื่องการตรวจสอบ
อยากตรวจสอบ ก็ตรวจสอบน้องสาวเจ้าสิ
ทำเหมือนอย่างกะว่าจะมีผู้ก่อการร้ายเข้าไประเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ซะอย่างนั้น
นั่นคือเหตุผลที่เย่ว์หยางตัดสินใจว่าไม่พอก็ต้องพอ
เขาหมดตัวแล้วไม่ใช่หรือ?
เขาน่าจะปล้นเรือสำราญลอยฟ้านี่ซะ ยังไงก็แล้วแต่
เขามาที่นี่เพื่อป่วนแดนสวรรค์อยู่แล้ว
เรื่องเวลาไม่สำคัญอีกแล้ว
อี้หนานรู้สึกว่าคนพวกนี้ทำเกินเลยไปเช่นกัน
พวกเขาแค่ต้องการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข
แต่หลายอย่างตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด
นางไม่สบายใจเล็กน้อย
นั่นคือสาเหตุที่เมื่อเย่ว์หยางต้องการป่วน ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขาเท่านั้น
นางยังจะช่วยเขาอีกด้วย
ไม่ต้องคิดว่าแค่เพียงเพราะพวกเขามีระดับนักสู้ที่ต่ำเท่านั้น พวกเขาเป็นเป้าหมายง่ายๆ ถ้าพวกเขาตัดสินใจลงมือ ทุกคนจะได้รู้สึกถึงความโกรธของผีเสื้อหลอนประสาทและภูตกระจกและพวกเขาจะตายอยู่ในฝันร้าย....
หัวหน้ารักษาความปลอดที่ตัวดำเหมือนหินชนวนมองดูพวกทหารรับจ้าง
มังกรตาเดียวยิ้ม “จะตรวจสอบกันก็ไม่เป็นไร,
แต่ฉวยโอกาสเอาเปรียบสตรีของบุรุษอื่นไม่ใช่เรื่องดีเลย โอว, ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
บุรุษร่างผอมยังซื่อตรงยิ่งกว่า คำตอบของเขานั้นพ่นออกมาอย่างหนักแน่น
และเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“หัวหน้า พวกเขาทุกคนเป็นพวกเดียวกัน” พวกลูกเรือพวกนั้นปกป้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เผียะ เผียะ เผียะ!” สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือบุรุษที่เหมือนรูปสลักหินนั้นตบพวกลูกเรือทีละคน
“ขออภัย อย่างนั้นกำจัดเจ้าสวะนี่ซะ
เรือของเรามีแต่เจ้าหน้าที่คุณภาพดีที่สุด
ไม่ต้องการพวกสวะ”
“เดี๋ยว หัวหน้า เขา เขา คือ...” ลูกเรือคนหนึ่งมีฟันหน้าหลอต้องการบอกว่าสวะที่เย่ว์หยางที่ทุบตีคนนี้มีคนที่มีอำนาจหนุนหลังเขา
“ข้าไม่สนใจว่าใครนำเจ้าสวะนี่เข้ามา แต่สวะก็คือสวะ วิธีกำจัดย่อมเหมือนกันทั้งหมด”
หัวหน้าที่เหมือนรูปสลักหินคว้าตัวผู้ตรวจสอบที่หมดสติอย่างง่ายดาย
และขณะที่ทุกคนมองดูอยู่ เขาโยนเจ้าผู้นั้นออกนอกเรือเหมือนกับโยนขยะทิ้ง และหันมาทางเย่ว์หยางและอี้หนานพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อย
และกล่าวอย่างไม่รู้สึกอะไร
“ยินดีต้อนรับสู่เรือสำราญลอยฟ้า
ขอให้เพลิดเพลินกับการเดินทาง”
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
สงสัยจะมาจากมุงดูตอนนั้น
ขอบคุณครับ
หาเรื่องตายยกลำแล้วไหมล่ะนั่น
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
จะว่าไปก็มีวิธีหาเงินง่ายๆอยู่นะเย่ว์หยาง
....ขายตัวเองสิ!! ค่าหัว 100 ล้านเลยนะ! วิธีหาเงินแบบ EZ ?
ป.ล. ข้ามเม้นนี่ไป
เดียวก็โกงเล่นพนัน
สักหน่อยเย่วหยางจะขายน้ำเพื่อเเลกกับเงินเเล้วม๊างง
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น