วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-23 บ้าคลั่ง




ตอนที่  7-23  บ้าคลั่ง
 “บึ้ม!  บึ้ม!  บึ้ม! บึ้ม!
…..


อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกกระแทกใส่มือปราบพิเศษทั้งหกคนอย่างโหดเหี้ยม มือปราบพิเศษทั้งหกร่วมมือกันขุดตัดพื้นใต้ตัวพวกเขาและพยายามจะขุดอุโมงค์ลึกลงไป
อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกก้อนปะทะกับพื้นทำให้โลกสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดอย่างรุนแรง ขณะที่คลื่นเสียงเหมือนฟ้าคำรามดังออกมาจากพื้นทันที
 “บึ้มมมม!
ก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนพื้น  แต่ละก้อนกว้างถึงสิบเมตร  พลังคลื่นอัดกระแทกแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศและพื้นดินสะเทือนเป็นระลอกคลื่นม้วนตัวพังบ้านและต้นไม้ไปตลอดทาง
พื้นที่ภายในรัศมีร้อยเมตรกลายเป็นฝุ่นกระจายไปทุกแห่ง
แรงระเบิดที่น่ากลัวนี้ทำให้คนทั่วทั้งเมืองเฮสสังเกตได้  ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโยคีที่เพิ่งย่างเท้าออกจากประตูเมืองเฮส หรือคนของหอการค้าดอว์สัน, ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอื่น ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากสถานที่นี้ได้
…..

คลื่นพลังม้วนตัวมาถึงลินลี่ย์ด้วยเช่นกัน  แต่ลินลี่ย์เอาแต่ยืนอยู่ที่เดิมเหมือนคนโง่ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย  เขาปล่อยให้คลื่นพลังจัดการเขาได้ตามแต่จะพอใจ
ลินลี่ย์เอาแต่ยืนอยู่เหมือนคนโง่  หลั่งน้ำตาไม่หยุด
 “อ๊า... อ๊า... อ๊า....”  ดูเหมือนลินลี่ย์จะลืมวิธีพูดไปแล้ว  และเขาสั่นไปทั้งตัว ตื่นกลัวและหัวใจแหลกสลายขณะกู่ร้องก้องท้องฟ้า
ลินลี่ย์ทิ้งตัวคุกเข่า
ความรู้สึกเจ็บปวดใจราวกับหัวใจถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ กัดกินใจลินลี่ย์
ภาพความทรงจำที่เขากับเดลิน โคเวิร์ทอยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาในใจเขา
…..

ครั้งแรกนั้นเขาได้เห็นรัศมีแสงเปลี่ยนสภาพไปเป็นชายชราชุดยาวสีขาว ผมเคราขาวโพลน  หนูน้อยลินลี่ย์ตกใจตะโกนขึ้น “ท่าน... ท่านเป็นใคร?”
 “หวัดดี, เด็กน้อย... ข้าชื่อเดลิน โคเวิร์ท ข้าคือปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนแห่งจักรวรรดิพูเอนท์!  นั่นคือครั้งแรกเริ่มของสายสัมพันธ์ที่เดลิน โคเวิร์ทมีต่อลินลี่ย์
….

 “ปู่เดลิน, ทำไมปู่ไม่บอก? ความถนัดทางสายธาตุดินของข้าเป็นยังไงบ้าง?”  ครั้งแรกที่ลินลี่ย์ทดสอบพรสวรรค์ในฐานะจอมเวทคนหนึ่ง
 “ดี ยอมเยี่ยมมาก  สัมพันธ์สายธาตุของเจ้าที่มีต่อแก่นธาตุดินอยู่ในระดับสูงมาก”  หน้าของเดลิน โคเวิร์ทมีรอยยิ้ม  “เท่าที่ข้ารู้ บางทีอาจมีเพียงหนึ่งในพันของนักเวทที่จะมีสัมพันธ์สายธาตุดินแข็งแกร่งเท่ากับเจ้าอย่างแท้จริง”    การยกย่องจากเดลิน โคเวิร์ททำให้หนูน้อยลินลี่ย์ตื่นเต้นอย่างมิอาจอธิบายได้
….

ปรมาจารย์จอมเวทชั้นเซียนแห่งยุคของจักรวรรดิพูเอนท์  เด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของปรมาจารย์จอมเวทแห่งจักรวรรดิพูเอนท์นี้  เด็กน้อยผู้นั้นจึงเข้าสู่เส้นทางการเป็นจอมเวท
…..

รูปแกะสลักต้องใช้วิธีของเหล็กสกัดตรง  การฝึกฝนในเทือกเขาอสูรเวท  ภายใต้การสั่งสอนจากเดลิน โคเวิร์ทผู้มีประสบการณ์  ลินลี่ย์ก้าวหน้าเติบโตในระดับที่น่าอัศจรรย์
แต่เมื่อลินลี่ย์กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของทุกคน...
...กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังของเขาเป็นวิญญาณของปรมาจารย์จอมเวทชั้นเซียนแห่งยุคของจักรวรรดิพูเอนท์
….

 “ลินลี่ย์,  ต่อไปในอนาคต  เจ้าจะต้องพึ่งพาตนเอง”  ปู่เดลินลูบศีรษะของลินลี่ย์เป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากร่ายเวทต้องห้ามที่สั่นสะท้านโลก “ดาวตกถล่มสวรรค์” ปู่เดลินก็จางหายไป
 “ลินลี่ย์...ลาก่อน”
 “จำไว้ จงใช้ชีวิตให้ดี”
…..

ใจของลินลี่ย์วนเวียนอยู่กับวันเวลาที่เขาใช้ร่วมกับปู่เดลิน  ชายชราใจดีและอดทนผู้สั่งสอนลินลี่ย์มามากมายและยาวนาน  ลินลี่ย์คงทนไม่ได้หากต้องแยกจากท่าน
 “...ไม่ .. ไม่...”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาไม่อยากเชื่อ  ปู่เดลินจากไปแล้วจริงๆ  ที่ยิ่งกว่านั้นวิญญาณของเขาสลายไปเมื่อเขาตาย
 “เป็นไปไม่ได้  ปู่เดลิน ออกมาเถอะ  ออกมา”  ลินลี่ย์จ้องมองแหวนมังกรขนดร้องคร่ำครวญไม่หยุดในตอนแรก เสียงเรียกโหยหาของเขาดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่หยดใส่เกล็ดที่แข็งเยือกเย็นของเขา
เลือดยังคงไหลออกจากร่างของลินลี่ย์ แต่ลินลี่ยไม่รู้สึกอะไรเลย
 “ปู่เดลิน”
ลินลี่ย์หวังอย่างสุดซึ้งอีกครั้งว่าจะมีแสงรังสีขาวฉายออกมาจากแหวนมังกรขนดและเปลี่ยนสภาพเป็นปู่เดลินผู้มีหนวดเคราผมขาว ชุดขาว  ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อว่าปู่เดลินตาย ปู่จะไม่อยู่เคยงข้างเขาอีกต่อไป
เขาอยู่ด้วยกันกับปู่เดลินมาตั้งแต่เขายังเด็ก
ตั้งแต่นั้น ลินลี่ย์ไม่เคยแยกจากปู่เดลินเลย  ไม่เคยสักครั้ง
ในส่วนลึกของหัวใจลินลี่ย์  เขาคุ้นเคยอย่างแท้จริงกับการแสดงตัวของปู่เดลินมานานแล้ว  แม้แต่ตอนที่ลินลี่ย์ถูกจองจำอยู่ในวิหารเจิดจรัส เขาก็ยังไม่รู้สึกว่าเดียวดายหรือจนใจเหมือนตอนนี้
จิตใจของเขามั่นคงเสมอมา... เพราะเบื้องหลังเขามีปู่เดลินคอยสนับสนุน
แต่ตอนนี้....
ปู่เดลินจากไปตลอดกาล,  ตลอดกาล
 “ทำไม, ทำไม”  เสียงของลินลี่ย์สั่น  “สวรรค์ ท่านแม่ข้าตายก่อน  จากนั้นก็เป็นท่านพ่อ ทำไม ทำไมท่านต้องพรากปู่เดลินไปจากข้าด้วย?”
 ทำไม!!” ลินลี่ย์เงยหน้ากู่ร้องใส่ท้องฟ้า
เสียงของเขาสะท้อนก้องอยู่ในท้องฟ้า
 “อ๊า.... อ๊า.....”  ลินลี่ย์คุกเข่า, หมดเรี่ยวแรง เขาเริ่มสะอึกสะอื้น  ไม่ว่าลินลี่ย์จะร้องไห้มากเพียงไหน ชายชราใจดีผู้นั้นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก
เขาตายแล้ว และจากไปตลอดกาล
 “ปู่เดลิน”
ลินลี่ย์รู้สึกอ่อนแอและเปราะบางยิ่งกว่าเคยเป็นมาก่อน  เป็นความเปราะบางอ่อนแอทางสภาวะจิตใจ ไม่มีพ่อ  ไม่มีแม่ และตอนนี้แม้แต่ปู่เดลินผู้อยู่ข้างตัวเขาเสมอมาก็จากไปอีก
ผู้ที่เหลืออยู่ข้างกายลินลี่ย์ก็คือ บีบีซึ่งไม่เคยรู้เรื่องความคงอยู่ของปู่เดลินมาก่อน
 “เจ้านาย, เฮ้ เจ้านายลินลี่ย์!  บีบีสะกิดลินลี่ย์  มันค่อนข้างจะกลัว
ลินลี่ย์หันหน้ามองดูบีบี
 “บีบี” ลินลี่ย์ดึงบีบีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที
 “เจ้านาย เมื่อสักครู่ท่านเรียกชื่อปู่เดลินออกมา  ปู่เดลินเป็นใครกัน?  เมื่อสักครู่ข้ารู้สึกถึงพลังวิญญาณที่กลัวระเบิดออกมา  นั่นคืออะไร?”  บีบีงงไปหมด
หัวใจของลินลี่ย์รู้สึกระทมทุกข์อีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของปู่เดลินอีกครั้ง
เขาก้มหน้ามองดูแหวนมังกรขนดในนิ้วของเขา  แต่...ปู่เดลินจะไม่ออกมาจากในแหวนอีกแล้ว
 “ครืนนนน” ทันใดนั้นเสียงเบามากดังต่อเนื่องสามารถได้ยินได้  ลินลี่ย์หน้าไปดู
ภายในหลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้นจากดาวตก ร่างของคนชุดม่วงกำลังดิ้นรนคลานออกมา  ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น  บุรุษอีกห้าคนค่อยๆ ดิ้นรนคลานออกมาด้วยเช่นกัน
ดาวตกถล่มสวรรค์ – เวทต้องห้ามสายธาตุดิน
ถ้าปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนใช้เวทนี้จริง  ทั้งหกคนจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย  แต่เดลิน โคเวิร์ท เป็นปรมาจารย์จอมเวทที่ไม่มีพลังเวทแม้แต่เสี้ยวเดียว
ตามกฎการใช้เวท  พลังเวทเป็นเหมือนขุนพลสั่งการ  แก่นพลังธาตุซึ่งเปรียบเสมือนกองทหาร  เมื่อมีทั้งพลังเวทและพลังจิตก็จะสามารถสั่งการทหารเหล่านี้ผ่านการร่ายเวทที่ทรงพลังได้
สิ่งที่เดลิน โคเวิร์ททำลงไปก็คือการเอาพลังจิตวิญญาณซึ่งอยู่ลึกในวิญญาณของเขา  ใช้พลังจิตวิญญาณสร้างระเบิดพลังงานที่ทรงอานุภาพควบคุมแก่นธาตุโดยตรงและใช้คาถาต้องห้าม ดาวตกถล่มสวรรค์
แต่เพราะเขาไม่มีพลังเวท  แม้ว่าจะต้องใช้พลังจิตของตัวเองทั้งหมด  พลังคาถาของเดลิน โคเวิร์ทจึงมีเพียงหนึ่งหรือสองในสิบของเวทดาวตกถล่มสวรรค์ตามปกติ  แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงหนึ่งหรือสองในสิบของพลังคาถาต้องห้าม  แต่ก็บดกระแทกมือปราบพิเศษจนแทบตายในพริบตา
เมื่อเห็นคนในชุดม่วงทั้งหกคลานออกมา  หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเดือดดาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
 “อ๊าาา!!!  พร้อมกับเสียงกู่ร้องยาว  ลินลี่ย์พุ่งเข้าหาบุรุษชุดม่วงคนหนึ่งราวกับสายฟ้าฟาด   มือปราบพิเศษเมื่อเห็นลินลี่ย์พุ่งเข้าจู่โจมเขาก็หวาดกลัวจนตาเหลือกกลับเหมือนกับดวงจันทร์
 “อ๊า...”  ลินลี่ย์ใช้กำลังแขนของเขาฉีกร่างของมือปราบพิเศษเป็นสองเสี่ยงด้วยมือเปล่า
 “ตาย” ลินลี่ย์ใช้กำลังฉีกศีรษะของมือปราบพิเศษอีกคน
 “ฮ่า....” กรงเล็บแหลมคมของลินลี่ย์เสียบเข้าที่อกของมือปราบพิเศษคนที่สามฉีกบดหัวใจของเขาเป็นเสี่ยงๆ
 “จงตายซะ!  ลินลี่ย์งับคอของมือปราบพิเศษคนที่สี่ ใช้ฟันฉีกลำคอของเขาออก
เขาต้องการกินเลือดและดื่มเลือดของพวกเขา
 “อ๊า!!!  ร่างของลินลี่ย์มาปรากฏข้างๆ มือปราบพิเศษคนที่ห้า  มือปราบผู้นั้นบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ไม่สามารถป้องกันตนเองได้ จึงได้แต่มองดูอย่างหวาดผวาขณะที่จับขาเขาฉีกร่างขาดครึ่ง
สำหรับมือปราบคนที่หก...
 “เจ้า...เจ้า...” มือปราบคนที่หกซึ่งบาดเจ็บสาหัส  เมื่อเห็นฉากภาพที่น่ากลัวต่อหน้าเขา และเห็นลินลี่ย์ตรงเข้ามาหาเหมือนกับปีศาจจากอเวจี  เขาหวาดกลัวจนตัวสั่นและล้มลงขาดใจตายเพราะความกลัวทันที
แม้ว่ามือปราบพิเศษคนที่หกจะตายไปแล้ว แต่ลินลินลี่ย์ก็ยังระดมหมัดต่อยศีรษะของเขาจนแตกกระจาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ บีบีหวาดกลัวมาก
นักรบที่มองดูอยู่แต่ไกลตกตะลึงหวาดกลัวเช่นกัน  พวกเขาไม่เคยคิดว่ามนุษย์คนหนึ่งจะโหดเหี้ยมอำมหิตน่ากลัวมากขนาดนั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพของลินลี่ย์ที่ปรากฏให้เห็น เกล็ดที่คลุมร่างทั้งหมดแตกหัก โลหิตไหลย้อมตัวแดงฉาน  แม้แต่ประกายตาสีทองเข้มก็มีประกายสีแดงจางๆ
 “เจ้านาย ท่าน  ท่าน  เป็นอะไรไป?”  บีบีเป็นห่วง
หลังจากลินลี่ย์สังหารมือปราบพิเศษทั้งหกคนอย่างโหดเหี้ยม  เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที  พลังของเขาหมดสิ้น เขานั่งอยู่กับที่เหม่อมองอย่างว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยทีท่าว่าเขากำลังคิดอะไร
 “เจ้านาย” บีบีพยายามเขย่าตัวลินลี่ย์
ลินลี่ย์เงยหน้าทันที  แต่เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลได้อีกครั้ง  จากนั้นเขาก้มหน้ากอดเข่าและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
…..

อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกเปลี่ยนสภาพโดยรอบระยะร้อยเมตรจนเหลือแต่ซากหักพัง  บุรุษชุดม่วงทั้งหกถูกปีศาจประหลาดนั้นฆ่าตายทั้งหมด
แต่หลังจากนั้นปีศาจประหลาดนั้นก็ซบหน้ากอดเข่าและเริ่มสะอึกสะอื้น
……

ตอนนี้มีคนดูเกือบหมื่นคนในระยะห่างออกไปเกินกว่าร้อยเมตร  คนพวกนี้ไม่อาจทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเห็น
 “ปีศาจนั่นกำลังร้องไห้?”
ทุกคนประหลาดใจกันหมด
 “ปีศาจนั่น..ดูเหมือนกำลังเศร้าจริงๆ”  เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับสหายที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไม่แน่ใจ  สหายผู้นั้นสะดุ้งจากนั้นพยักหน้าช้าๆ
ไม่มีผู้ชมดูกล้าเข้าไปใกล้  พวกเขาเพิ่งเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองมาหยกๆ  ต่อให้เป็นนักสู้ระดับแปดก็ยังรู้ตัวว่าคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานี้แข็งแกร่งมากกว่าเขาเพียงไหน
 “ปีศาจกำลังร้องไห้?”  เยล, จอร์จและเรย์โนลด์เพิ่งมาถึงเพราะอยู่ค่อนข้างไกล เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ทุกคนพากันสะดุ้ง
 “หลีกทางหน่อย!  หลีกทางหน่อย!  เยลตะโกนอย่างเสียอารมณ์ไม่ได้
ทันใดนั้น นักสู้ของหอการค้าดอว์สันเริ่มผลักดันคนดูให้เปิดทาง  เยล จอร์จและเรย์โนลด์วิ่งตรงไปที่ศูนย์กลางสนามต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
แต่เมื่อไปถึงจุดศูนย์กลาง ทุกคนก็ตกตะลึงกันหมด
ทุกอย่างในรัศมีหลายร้อยเมตรพังทลาย  เมื่อมองดูหลุมอุกกาบาตทั้งหก ทุกคนสามารถนึกภาพได้เลยว่าอุกกาบาตทั้งหกลูกนั้นทรงพลังน่ากลัวขนาดไหน  และเพียงมองดูศพของบุรุษทั้งหกก็แทบจินตนาการได้ว่าคนที่ฆ่าพวกเขานั้นโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงไหน
ร่างของปีศาจปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่แตกหักกำลังนั่งสะอื้นอยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นบีบีอยู่ข้างปีศาจนั้นและดาบหนักอดาแมนเทียมถูกโยนไว้กับพื้น เยลและพวกก็แน่ใจได้ทันทีว่าปีศาจนี้ก็คือลินลี่ย์
 “น้องสาม”  เยล, จอร์จและเรย์โนลด์วิ่งเข้ามาทันที
ถึงตอนนี้มอนโร ดอว์สันเดินทางมาถึงเช่นกัน  เขารีบสั่งบริวารของเขาทันที  “เร็วเข้า  กำจัดศพทั้งหกแล้วรีบออกไปเดี๋ยวนี้  อย่าให้ใครรู้ว่าหอการค้าดอว์สันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”  ขณะที่เขาพูด  มอนโร ดอว์สันจากไปเช่นกัน
 “น้องสาม”  เยล, จอร์จและเรย์โนลด์ร้องเรียกด้วยความห่วงใย
นึกย้อนไปถึงเมื่อลินลี่ย์พยายามสังหารเคลย์ที่เมืองเฟนไล  เยลก็คาดได้แล้วว่าลินลี่ย์สามารถแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้  เขาแจ้งให้เรย์โนลด์และจอร์จทราบด้วยเช่นกัน  และตอนนี้ พอเห็นบีบีและดาบหนักอดาแมนเทียมที่ถูกทิ้งอยู่  พวกเขาแน่ใจทันทีว่านี่คือลินลี่ย์
ร่างของลินลี่ย์สั่นเล็กน้อย
เมื่อเขาเงยหน้าชำเลืองมองดูข้างตัวเอง  ลินลี่ย์เห็นเยล จอร์จและเรย์โนลด์  ในที่สุดลินลี่ย์ก็พูด “พวกเจ้านั่นเอง....”
 “รีบไปกันเถอะ”  เยลกระตุ้นเตือนทันที  “เจ้าเพิ่งฆ่ามือปราบพิเศษไป  ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสพบเข้า   เจ้าจะเคราะห์ร้าย”  เยลช่วยพยุงลินลี่ย์ทันที
ลินลี่ย์ยังยืนด้วยตัวเองได้
 “บีบี ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กอดบีบี จากนั้นก็เดินออกไป
เยลสะดุ้ง เพราะเขาสังเกตว่าลินลี่ย์ไม่สนใจดาบหนักอดาแมนเทียมแม้แต่น้อย  เขาอดเตือนลินลี่ย์ไม่ได้ “น้องสาม แล้วดาบหนักของเจ้าเล่า”
 “ดาบหนัก?”  ลินลี่ย์หันหน้ามาดู  หลังจากนั้นชั่วครู่ ดูเหมือนเขาเพิ่งเข้าใจ  เขาเดินกลับมาคว้าดาบหนัก
ขณะนั้นบริวารของหอการค้าดอว์สันมาถึงเช่นกัน และพวกเขารีบกำจัดซากศพของมือปราบพิเศษชุดม่วงทั้งหกคน
 “เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาม?”  จอร์จพูดเบาๆ กับเยลและเรย์โนลด์
เยลส่ายศีรษะเช่นกัน เขาสับสน “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่บีบีดูเหมือนยังจะปลอดภัยดี  อย่างนั้นทำไมดูเหมือนน้องสามถึงได้อาการหนักอย่างนั้นเหมือนกับคนหัวใจแหลกสลาย?  เหมือนกับว่าเขาเศร้าเสียใจจนสูญเสียจิตวิญญาณไป”
ลินลี่ย์ปล่อยให้คนของหอการค้าดอว์สันพาตัวเขาไป  ขณะที่พวกเขาผ่านไปตามตรอกซอกซอยเล็กจนมาถึงสถานที่ลับแห่งหนึ่ง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น