วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-24 นิ่งเงียบ




ตอนที่  7-24  นิ่งเงียบ
ภายในที่พักที่มืดเงียบ  มีแต่เพียงเรย์โนลด์, เยล, จอร์จ สาวรับใช้หลายสิบและพนักงานคุ้มกันอีกหลายสิบคน  ทุกคนมาที่นี่เพื่อลินลี่ย์

ใต้ร่มเถาองุ่น จอร์จ เยลและเรย์โนลด์กำลังยืนอยู่รอบๆ โต๊ะศิลา
 “พี่ใหญ่เยล เจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาม?”  เรย์โนลด์มีสีสับสนขณะถามอย่างจนใจ
เยลส่ายหน้า  “ข้าไม่รู้เหมือนกัน น้องสามมาอยู่ที่นี่ถึงสิบวันแล้ว  และช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้ น้องสามไม่ใช้พลังตามปกติของเขาเลย  เขาไม่ฝึกฝน ไม่หยอกเย้าไม่เล่นหัวกับเราอีกเลยเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง”
จอร์จพยักหน้าเช่นกัน  “ในอดีตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้องสามจะไม่หยุดฝึกฝนเลย  แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง”
 “แล้วใครจะบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สามกันแน่?”  เรย์โนลด์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  “คงจะดีมากถ้าข้าได้รับรู้”  เยลถอนหายใจจนใจ
สิ่งที่ทำร้ายพวกเขาทำให้คิดจนปวดหัวไปหมดก็คือ พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุทำให้ลินลี่ย์กลายเป็นเช่นนี้  เขาไม่ฝึก ไม่ร่าเริงไม่เสวนากับทั้งสองคนอีกเลย  เขามักจะหมกมุ่นอยู่กับตนเองเหม่อมองข้างหน้าราวกับคนสูญเสียวิญญาณ
เขากลายเป็นอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
พี่น้องที่รักลินลี่ย์จะไม่ห่วงกังวลเขาได้อย่างไร?
 “น้องสามต้องประสบกับความสะเทือนใจที่ทำให้ทุกข์ทรมานแน่”  เยลถอนหายใจอย่างเงียบงัน  จอร์จและเรย์โนล์ตะลึงอยู่ชั่วขณะ  จากนั้นพวกเขาเงียบ  พวกเขาอดนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาเห็นวันนั้นไม่ได้
คนสังเกตการณ์ดูรายล้อมพื้นที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในระยะหลายร้อยเมตรโดยรอบพังพินาศ  ภายในพื้นที่ภัยพิบัตินั้น มีหลุมที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนถึงหกแห่ง
ลินลี่ย์อยู่ในร่างแปลงมังกรได้สังหารมือปราบพิเศษเหล่านั้นทุกคนอย่างโหดเหี้ยม  จากนั้นนั่งลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้  เขาร้องสะอื้นไห้เหมือนเด็ก  “ข้าไม่เคยเห็นน้องสามใจสลายและเปราะบางอย่างนี้มาก่อน” เยลพูดเบาๆ
จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย  “น้องสามเข้มแข็งอดทนมาก  แม้แต่เมื่อตอนที่อลิซเลิกคบกับเขา หลังจากสลักรูปสลัก ตื่นจากฝันเสร็จเขาก็มุ่งหน้าเข้าเทือกเขาอสูรเวทเพื่อฝึกหนัก”
 “ใช่แล้ว แม้แต่ตอนที่บิดาของเขาเสียชีวิต  น้องสามก็ยังอดทนได้  แต่ครั้งนี้...” เรย์โนลด์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
พวกเขาทุกคนเชื่อว่าพี่น้องซึ่งเป็นที่รักของพวกเขาอยู่ในช่วงเปราะบางในตอนนี้  แต่ไม่มีผู้ใดค้นหาสาเหตุพบ
ข้างๆ ลำธารด้านหลังลานบ้านพัก  ลินลี่ย์กำลังนั่งอยู่บนหินขัดที่ตกแต่งไว้  เขาจ้องมองลำธารไม่ขยับ
บีบียืนอยู่บนหินข้างๆ ตัวลินลี่ย์เช่นกัน
เงียบสงัด มีแต่เสียงน้ำไหลริน
แม้ว่าตาของลินลี่ย์เหม่อมองลำธาร  แต่ความคิดของเขายังคงจดจ่ออยู่กับเรื่องปู่เดลินและช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
เขามักจะเล่นวนเวียนกับปู่เดลินเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กน้อย
วิธีที่ปู่เดลินแนะนำและฝึกฝนให้เขาอย่างเข้มงวด ตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม
ในเทือกเขาอสูรเวท ปู่เดลินได้สั่งสอนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างระมัดระวังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ยิ่งความทรงจำผุดขึ้นมาในแต่ละครั้ง ลินลี่ย์ยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นทุกที
 “หลังจากท่านพ่อตาย ข้าคิดว่าข้าโดดเดี่ยวเดียวดายมากพอแล้ว  แต่ข้าไม่รู้เลยว่าในความเป็นจริงแล้ว ข้าโชคดีมากเพียงไหน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปู่เดลินมักจะอยู่เบื้องหลังข้า คอยสนับสนุนข้า ปลอบโยนข้า ให้กำลังใจข้า.....”
 “แต่ทำไมข้าถึงไม่รู้สำนึกถึงสิ่งที่ผ่านมานี้เลย?  ทำไมข้าไม่รักษาเวลาที่มีค่าช่วงเวลาที่อยู่กับปู่เดลินให้ดี?”  ลินลี่ย์คร่ำครวญร่ำไห้ในใจ
ปู่เดลินไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขามากเกินไปเลย  แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าปู่เดลินจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่ได้ให้คุณค่าเวลาที่เขาได้ใช้ร่วมกันกับปู่เดลินอย่างแท้จริง  บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขาเชื่อว่าปู่เดลินจะอยู่ภายในแหวนมังกรขนด อยู่กับเขาตลอดไป
 “แหวนมังกรขนาด?  ปู่เดลินอยู่ในแหวนมังกรขนดมาด้วยตัวเอง ต้องเป็นเรื่องที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานสำหรับเขาที่ต้องอยู่ในนั้นตามลำพังมาโดยตลอด  บางทีปู่เดลินหวังว่าข้าจะคุยกับเขาได้บ่อยขึ้นกระมัง?”  ตอนนี้ลินลี่ย์วนเวียนคิดแต่เรื่องเหล่านี้
แต่....
ในอดีต ลินลี่ย์มักจะทำแค่ขอคำแนะนำปู่เดลินเมื่อเขาพบกับความยากลำบากที่แก้ไม่ตก ยากนักที่เขาจะเรียกหาปู่เดลินเพื่อสนทนากัน
เขาเอาแต่รับอย่างเดียวโดยไม่สนองตอบกลับ
 “ทำไมหลังจากที่ข้าสูญเสียไปแล้ว ข้าเพิ่งมาเข้าใจในตอนนี้ว่าสิ่งนั้นน่าหวงแหนเพียงไหน?”  ร่างของลินลี่ย์เริ่มสั่นสะท้าน  เขาหวังว่าปู่เดลินอาจจะกลับมาและมาอยู่ข้างตัวเขาอีกครั้ง
น่าเสียดาย...........
เป็นไปไม่ได้
ปู่เดลินตายแล้ว  ตายและจากไปอย่างถาวร
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาบีบรัดเหมือนมันกำลังทรมาน  เขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกเจ็บปวด  แต่ไม่มีร่องรอยความเจ็บปวดให้เห็นบนใบหน้าของลินลี่ย์
ลึกลงไปในใจของลินลี่ย์  เขาเริ่มคิด...
ถ้าเขาเพียงแต่ตายไปเพราะความเจ็บปวดในตอนนี้  อย่างนั้นเขาคงจะหลีกหนีจากเรื่องทั้งปวงได้
 “เจ้านาย”  เสียงของบีบีดังขึ้นในหัวของลินลี่ย์  ลินลี่ย์หันไปมองบีบี  ดวงตาน้อยๆ เท่าลูกปัดของบีบีกำลังจ้องมองลินลี่ย์  มีแต่ความกังวลห่วงใยเต็มอยู่ในดวงตานั้น
 “ท่าน...ท่านกำลังคิดถึงปู่เดลินคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม?”  แม้แต่บีบีก็เพิ่งรู้หลังจากเดลิน โคเวิร์ทตายไปแล้วว่า ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์มีวิญญาณปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนอยู่ข้างตัวของเขา
ลินลี่ย์พยักหน้า
บีบีคุยกับลินลี่ย์ทางใจ “เจ้านาย, ท่าน... ท่านเล่าเรื่องปู่เดลินให้ข้าฟังทั้งหมดได้ไหม?”
เมื่อเห็นบีบี ลินลี่ย์พยักหน้าช้าๆ จากนั้นอ้าแขนกอดบีบีไว้  ลินลี่ย์เริ่มต้นเล่าเรื่องเดลิน โคเวิร์ทให้บีบีฟัง  “ปีนั้น ข้าอายุแปดขวบ มีนักสู้ระดับเซียนสองคนปรากฏตัวที่เมืองน้อยอู่ซาน..”
เรย์โนลด์และพวกพ้องยืนอยู่นอกประตูหลังลานบ้านมองดูอยู่เงียบๆ  ขณะที่ลินลี่ย์กอดบีบีนั่งอยู่บนหินที่ขัดเรียบ
 “ข้ารู้สึกว่าทรมานใจตัวเองจริงๆ ที่เห็นพี่สามเป็นแบบนี้” เรย์โนลด์ถอนหายใจเบาๆ
เยลและจอร์จต่างนิ่งเงียบ
 “เราต้องคิดหาวิธี”  ตาของจอร์จเป็นประกายคมกล้า และดุร้ายขึ้น  “ไม่ว่ายังไง เราจะปล่อยให้น้องสามพังทลายแบบนี้ไม่ได้”
เยลและเรย์โนลด์พยักหน้าทั้งคู่
 “พี่รอง,  เจ้ามีความคิดดีๆ บ้างไหม?”  เรย์โนลด์กับเยลมองดูจอร์จ
จอร์จกล่าว  “เราไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้น้องสามเป็นแบบนี้  แต่มีเรื่องสองสามประการที่เราคาดได้  จอร์จกล่าวอย่างหนักแน่น  “ตระกูลของน้องสามคือตระกูลนักรบเลือดมังกร ในฐานะที่เป็นตระกูลเคยรุ่งเรืองครอบงำได้ทั้งโลก  สมาชิกของตระกูลก็ย่อมปรารถนาจะฟื้นฟูความรุ่งเรืองเก่าๆ ของพวกเขากลับคืนมาเป็นธรรมดา”
ตาของเยลเป็นประกาย  “ใช่แล้ว  น้องสามมีค่าต่อตระกูลเขาอย่างมาก  เพื่อให้ได้รับดาบศึกที่เป็นมรดกตระกูลกลับคืนมา  เขาถึงกับยอมเปิดประมูลงานสลักตื่นจากฝันได้
 “แน่นอน”
จอร์จพยักหน้า  “ตามที่ข้าสันนิษฐาน  เหตุผลที่น้องสามยอมฝึกฝนตนเองอย่างหนักเป็นเพราะเขามีสิ่งสำคัญที่เป็นแรงผลักดันเขา  มีแนวโน้มว่าคงจะเป็นเรื่องฟื้นฟูตระกูลสู่ความรุ่งเรืองแต่เก่าก่อนที่เป็นแรงผลักดัน  น้องสามฝึกหนักมาหลายปีจนกระทั่งบัดนี้  เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่  เราต้องใช้จุดนี้เพื่อปลุกปั่นกระตุ้นให้เขากลับคืนมา”
 “ปลุกปั่นเขา?  นั่นจะใช้ได้หรือ?”  เยลสงสัยเล็กน้อย
จอร์จพูดอย่างจนใจ  “เรามีวิธีที่ดีกว่าใช้ช่วยเขาได้บ้างไหมเล่า?”
 “เราจะใช้วิธีนี้”  เรย์โนลด์พึมพำ  “ข้าทนดูพี่สามทำท่าทางอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว  ไปกันเถอะ  เราจะไปคุยกับเขา  ดูซิว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่”
 “น้องสี่, ให้น้องรองคุยเถอะ  เจ้ายิ่งคุยมากเท่าไหร่  ก็ยิ่งก่อกวนเรื่องราวมากเท่านั้น” เยลตำหนิ
เขารู้อารมณ์นิสัยตัวเองดี  เรย์โนลด์พยักหน้า  จอร์จ, เยลและเรย์โนลด์มองหน้ากันเอง จากนั้นเดินไปหาลินลี่ย์
หลังจากได้ยินเรื่องราวของลินลี่ย์  บีบีเงียบด้วยเช่นกัน  เขาเองก็ไม่สบายใจมากเช่นกัน เศร้าใจกับความตายของเดลิน โคเวิร์ท  ทันใดนั้นบีบีรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้พวกเขาจากด้านหลัง  มันกระโจนเกาะแขนลินลี่ย์และมองดูที่ตำแหน่งนั้น
เป็นเยล, จอร์จและเรย์โนลด์
แต่ตอนนี้ เขาเพิ่งฟังเรื่องของเดลิน โคเวิร์ทจบ  ลินลี่ย์กลับหลงลืมความรู้สึกอีกครั้ง และไม่ตระหนักว่ามีคนเข้ามาใกล้เขา
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์มองหน้ากันเองและลอบถอนหายใจทุกคน  ลินลี่ย์คือยอดฝีมือคนหนึ่ง ปกติลินลี่ย์จะสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสามก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในลานหลังบ้านด้วยซ้ำ  แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังลินลี่ย์  ลินลี่ย์ก็ยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
 “น้องสาม” เยลกล่าว
ลินลี่ย์สั่น จากนั้นค่อยๆ หันหน้ามองพวกเขาทั้งสาม  ตาของเขาสงบเสงี่ยมมาก  “พวกเจ้ามากันแล้ว”  หลังจากทักทายแค่นั้น ลินลี่ย์หันกลับไปมองลำธารจ้องมองดูสายน้ำต่อไป
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างโขดหินที่ลินลี่ย์กำลังนั่ง
 “น้องสาม”  เยลคว้าไหล่ลินลี่ย์ทันที บังคับให้ลินลี่ย์มองหน้าเขา  “น้องสาม, เจ้าจำเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดในสถาบันเอินส์ได้ไหม และสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าบ่อยๆ?”
 “ลืมแล้ว”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
เยลจ้อง  “ลืม?  น้องสาม เจ้ามักทำให้ข้าห่อเหี่ยว เจ้าชอบพูดว่าข้าฝึกฝนไม่หนัก หรือไม่ก็บอกว่าฝึกให้หนัก  และนั่นคือหอพักของเรา  ข้ามักอ่อนแอที่สุดในกลุ่มพวกเราทั้งสี่แม้ว่าข้าจะตัวโตที่สุด”
นึกย้อนไปเมื่อทั้งสี่คนยังเป็นเพื่อนร่วมหอพัก ปกติพวกเขามักจะสนุกสนานด้วยกัน
แต่ลินลี่ย์ยังคงเงียบ
จอร์จมองดูเยลและพยักหน้าให้เบาๆ  เยลปล่อยไหล่ลินลี่ย์และเมื่อจอร์จเดินมาหยุดอยู่หน้าลินลี่ย์และพูดอย่างจริงจัง  “น้องสาม  ข้าอยากจะถามเจ้า  เจ้าฝึกฝนตัวเองอย่างยากลำบากตลอดหลายปีมานี้  ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่ออะไร?”
ลินลี่ย์สะดุ้ง
เขาอดคิดไม่ได้ถึงวิธีที่ตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตั้งแต่เยาว์วัย
 “เพื่อตระกูล”  ลินลี่ย์ตอบในที่สุด
เยลกับเรย์โนลด์ที่อยู่ข้างๆ เขามีสีหน้าเป็นประกาย  จอร์จกล่าวต่อทันที “อย่างนั้นข้าขอถามเรื่องนี้กับเจ้า  สภาพเจ้าที่เป็นอยู่ตอนนี้ถือว่าเป็นว่าเป็นการรับผิดชอบต่อตระกูลเจ้าหรือเปล่า?”
เมื่อมองดูจอร์จแล้ว ลินลี่ย์ยิ้มจนใจ  เขาพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายอ้างว้าง “ท่านพ่อข้าตายแล้ว  ท่านแม่ก็ตายแล้ว บอกข้าที ข้ายังจะพยายามอย่างหนักเพื่อตระกูลไปทำไม?”
ลินลี่ย์สาวเท้าเดินไปที่สวนหลังบ้าน
เยล จอร์จและเรย์โนลด์จ้องมองหลังของลินลี่ย์ทุกคน จากนั้นทุกคนมีท่าทีตะลึง
 “เปล่าประโยชน์ ทุกคนตายแล้ว  ข้ายังพยายามอย่างดีที่สุดไปเพื่ออะไร?”  ลินลี่ย์พูดด้วยความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายก่อนจะเดินผ่านประตูหายลับไป
สิบห้าวันต่อมา
ลินลี่ย์เอาแต่อยู่ในที่พักมาตลอดสิบห้าวัน  และช่วงสิบห้าวันนี้ เยลและพวกพยายามทุกวิธีที่พวกเขาคิดออก  แต่ไม่ว่าพวกเขาพยายามเพียงใดลินลี่ย์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
จอร์จ เรย์โนลด์และเยลนั่งกินดื่มด้วยกันอย่างไม่สบายใจ
 “เราควรจะทำยังไงดี?  เราควรทำยังไงดี?  เราทำได้แค่ดูพี่สามหดหู่อยู่ในความสิ้นหวังแบบนี้หรือ”  เรย์โนลด์โมโหขว้างแก้วเหล้าลงกับพื้น
เยลและจอร์จส่ายศีรษะทั้งคู่เช่นกัน
สองสามวันที่ผ่านมานี้พวกเขาลองดูทุกวิถีทางแล้ว  พวกเขาถามถึงสาเหตุที่ทำให้ลินลี่ย์กลายเป็นแบบนี้  แต่ลินลี่ย์ไม่พูดสักคำ เอาแต่นิ่งเงียบ
พวกเขาจะทำอะไรได้?
 “เมื่อข้าเห็นน้องสามเอาแต่นิ่งเงียบแบบนี้ ข้าเป็นห่วงเขา  ใจข้าปวดร้าวจริงๆ น้องสาม โธ่เอ๊ย...”  เยลคว้าขวดเหล้าจ่อใส่ปากและดื่มอึกใหญ่
พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับลินลี่ย์ และมีความรักกลมเกลียวกันยิ่งกว่าพี่น้องที่แท้จริง  พวกเขาจะทนดูลินลี่ย์พังทลายลงไปแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ภายในห้องนั้นลินลี่ย์นั่งอยู่บนเก้าอี้มองดูแหวนมังกรขนดในมือของเขา  ลินลี่ย์ยังจำได้ดีทุกครั้งถึงวิธีที่ปู่เดลินออกมาจากแหวนในแต่ละครั้ง
แต่ฉากภาพเช่นนั้น จะไม่มีวันปรากฏให้เขาเห็นอีก
บนมืออีกข้างหนึ่งของลินลี่ย์ เขาสวมแหวนวงที่สองไว้ในมือ เป็นแหวนมิติเก็บสมบัติ  หลังจากที่เคลย์ตายแหวนกลายสภาพเป็นวัตถุไร้เจ้าของ  เมื่อเขาต่อสู้กับมือปราบพิเศษทั้งหก เลือดจากร่างของลินลี่ย์อาบย้อมแหวนอยู่นาน  แหวนนั้นจึงทำสัญญาและกลายเป็นของเขาโดยปริยาย
แต่...
สิบห้าวันที่ผ่านมานี้ ลินลี่ย์ไม่ค่อยได้ดูแหวนมิติหรือรายการของในแหวนเลย  ใจของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับมัน  และเขาไม่ได้คิดกระตุ้นให้มันทำงานในเวลานั้น  ความคิดของเขาจดจ่ออยู่กับเรื่องที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับปู่เดลินมาตลอด วิธีที่ปู่เดลินดูแลเขาขณะที่เขาลูบเครา หรือท่าทางที่เขาสอนลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม ความทรงจำเหล่านี้กระจ่างชัดมาก
 “ทำไม ทำไม ทำไม  แม้แต่ปู่เดลิน คนสนิทคนสุดท้ายที่ข้ามี ถึงได้ถูกพรากไป?”
หลังจากสูญเสียปู่เดลินไป ลินลี่ย์สูญเสียผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุด  เขารู้สึกเปราะบางและโดดเดี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ลินลี่ย์กอดบีบีไว้ในอ้อมแขนแน่น เขายังคงนั่งอย่างเดียวดายอยู่กับที่ในห้องน้อยต่อไป.....

3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แปลบ่อยได้มั้ยครับสนุกติดตามอยู่

Opajo กล่าวว่า...

เนื้อเรื่องเริ่มสนุกขึ้นมาเรื่อยๆแล้วครับขอตอนมากกว่านี้หน่อยได้ไหมครับขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

พึ่งมาติดเนี่ยแหละ สนุกมากจริงๆ ขอบคุนผู้แปลค่ะ

แสดงความคิดเห็น