ตอนที่ 435
ชัยชนะ
ถังเทียนกระโจนไปข้างหน้าราวกับประกายไฟ เหมือนกับว่าคาดไว้แล้วว่าเส้าเต๋อจะหลบหนี
เขาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเส้าเต๋อเหมือนกับภูตผี เส้าเต๋อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลังเขา
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ดาบในมือของเขาแตกกระจายเป็นรังสีเงินนับไม่ถ้วน
และรังสีแต่ละชิ้นจะเป็นเหมือนกับปีกเงิน
ปัง!
ปีกทั้งหลายแตกกระจาย รังสีเงินแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า หมัดถังเทียนโจมตีถูกร่างของเส้าเต๋อโดยตรง
เส้าเต๋อหยุดนิ่งในท่าวิ่งไปข้างหน้า
สีหน้าของเขาแข็งค้าง
ปัง ปัง ปัง!
พลังโจมตีที่เข้มข้นระดมใส่ร่างเขาดุจสายฝน เขาเป็นเหมือนมนุษย์กระสอบทราย
ในชั่ววินาทีเดียว เขารับพลังโจมตีที่รุนแรงถึงสามร้อยครั้ง พลังโจมตีพื้นฐานของถังเทียนทรงพลังมาก แต่พลังทำลายล้างไม่อาจเทียบได้กับท่าสังหารของหลิงซิ่วและอาเฮ่อเลย มันไม่สามารถทำร้ายเส้าเต๋อได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว ปราณแท้ในร่างเขาสามารถรักษาตัวเขาเองได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม เขาต้องทนรับพลังโจมตีรุนแรงสามร้อยครั้งในหนึ่งวินาที แน่นอนปราณแท้ในร่างของเขาถูกอัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ มันสลายไปอย่างสิ้นเชิง และชีพจรทั้งหมดขาดสะบั้น
ถังเทียนโจมตีอย่างโหดเหี้ยมต่อเนื่องถึงสิบวินาที!
เมื่อเขาโดดถอยหลังออกมาเอง เส้าเต๋อก็ตายแล้ว
ถึงตอนนั้น
ถังเทียนถึงได้รู้ตัวถึงสิ่งที่เขาทำลงไป
เขามองดูศพของเส้าเต๋อ ครู่นั้นเอง เขาตกตะลึง เซียน
เขาฆ่าเซียนนักสู้ได้จริงๆ....
เขาไม่อาจเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเห็น พลังของนักสู้ระดับเซียนลึกซึ้งตราตรึงใจเขามาเป็นเวลานานที่สุด ในความเห็นของเขา
นักสู้ระดับเซียนทุกคนโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่เขามองหา
อย่างไรก็ตาม....
บุคคลที่โดดเด่นน่าทึ่ง
ตายด้วยน้ำมือเขาในวันนี้...
มันดูไม่เป็นความจริงมาก
ซึ่งทำให้ถังเทียนคิดว่าเป็นความฝัน
นี่นักสู้ระดับเซียนนะ เขาเป็นเซียน เซียนจะถูกฆ่าด้วยวิทยายุทธพื้นฐาน
นี่มันเรื่องตลกชัดๆ
ขณะเดียวกัน หลิงซิ่วและอาเฮ่อก็ตะลึงพอๆ กัน
“เจ้าหมอนี่...
ฆ่าท่านเส้าได้หรือนี่?”
หลิงซิ่งตกใจอย่างหนักจนตะโกนออกมา
เขาเหม่อมองเหมือนไม่มีความรู้สึก
“เขาตายจริงๆ
หรือเปล่า?” อาเฮ่อตกใจพอกัน เขาบ่นพึมพำ
ขณะต่อมาทั้งสองคนค่อยเรียกความรู้สึกกลับมาได้ พวกเขามองหน้ากันเอง พวกเขาเห็นความหวาดผวาอยู่ในดวงตาพวกเขา
“มันคือวิทยายุทธพื้นฐาน แต่ว่ารวดเร็วเกินไป
มันจะเทียบกับหอกทะเลจุดของเจ้าได้อย่างไร?” อาเฮ่อมีท่าทางจริงจัง
“วิธีการที่แข็งแกร่ง” หลิงซิ่วยิ้มขมขื่น เขารู้สึกกลุ้มมาก
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน
แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าหลังจากเขายอมรับว่ายังมีคนอื่นที่ดีกว่าเขา แต่เขาพูดอย่างใจเย็น “พลังโจมตีของหอกทะเลจุดของข้าถูกทำให้กระจาย
แต่ทุกๆ การโจมตีของเขานั้นสมบูรณ์แบบ
เขาควบคุมวิทยายุทธพื้นฐานของเขาได้จนถึงระดับที่เหลือเชื่อ”
“เขาฝึกวิทยายุทธพื้นฐานอย่างเดียวห้าปี” อาเฮ่อประทับใจ “แค่ในจุดนี้
มีไม่กี่คนที่จะทำเช่นนั้นได้
เขามีรากฐานเริ่มต้นที่ดีบวกกับพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้าและพลังดวงดาวที่อัดแน่นอยู่ในร่างกาย
มีแต่เขาที่สามารถใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่อายใครแบบนี้ได้”
รูปแบบการต่อสู้ที่ไม่อายใคร...
เหมือนจะเท่ แต่ว่า...
“แข็งแกร่งมาก!” หลิงซิ่วมองดูถึงเทียนผู้กำลังเก็บสินสงครามอย่างมีความสุข
และพูดเสียงเบา “นั่นคือมรรคาวิชาบู๊ที่เป็นของเขาผู้เดียวเท่านั้น มีแต่เขา จึงจะมีความสามารถทำเช่นนั้นได้”
“ถูกแล้ว”
อาเฮ่อถอนหายใจ
บางทีคนอื่นๆ
เพียงแต่เห็นพลังของสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้าและยกประโยชน์ให้พลังดวงดาวหนึ่งในสามของกลุ่มดาวหมีใหญ่ อย่างไรก็ตาม นอกจากถังเทียนแล้ว
ใครอื่นที่ไหนบ้างจะยอมฝึกวิทยายุทธพื้นฐานถึงห้าปีเล่า? หากไม่มีความคุ้นเคยเป็นพิเศษ
เป็นไปได้ยังไงที่จะมีความเร็วขนาดนั้น? นอกจากถังเทียนแล้ว
ใครเล่าที่จะไม่ไขว้เขวจากสภาพแวดล้อมและยึดติดกับรูปแบบโจมตีโดยไม่ใช้สมองเล่า?
นั่นคือมรรคาวิชาบู๊ที่เป็นของเฉพาะถังเทียนเท่านั้น
แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์
แต่ถังเทียนก็ถือว่าพบมรรคาวิชาบู๊ของเขาเอง
อีกสองคนทำได้แต่อิจฉาและไม่มีข้อมูลอะไรที่พวกเขาใช้เป็นหลักอ้างอิงได้
วิถีวิทยายุทธแต่ละอย่างคือตัวแทนหัวใจของพวกเขา
ถังเทียนปฏิบัติต่อโลกอย่างไร้เดียงสาและไร้สมองซึ่งพวกเขาไม่มีทางทำได้ พวกเขาจำเป็นต้องแสวงหามรรคาวิชาบู๊ของตนเองต่อไป
พวกเขาไม่ได้อิจฉาที่ถังเทียนดูดซับพลังกลุ่มดาวหมีใหญ่ไว้ถึงหนึ่งในสาม ที่สำคัญนั่นจัดเป็นแหล่งพลังภายนอกซึ่งเป็นช่วงระหว่างการเดินทางสู่ความเป็นนักสู้ระดับเซียน
ซึ่งอาจไม่เป็นประโยชน์โดยไม่จำเป็น
พวกนักสู้ที่เสพติดพลังภายนอกย่อมไม่สามารถเข้าถึงความเป็นนักสู้ระดับเซียนได้
วิธีเดียวก็คือค้นหาวิถีวิทยายุทธของตนเอง จากนั้นจึงสามารถสร้างสนามพลังวิญญาณเฉพาะตน
นี่คือสาเหตุที่พวกเขาอิจฉามาก
โดยไม่ทันรู้ตัว
เขาเดินมาถึงข้างหน้าพวกเขา
“รูปแบบการต่อสู้เจ้าผู้นี้ฉีกแนวมาก
ใครจะรู้ว่าสนามพลังวิญญาณของเขาจะฉีกแนวขายหน้าขนาดไหน”
หลิงซิ่วพูดทันทีด้วยความรู้สึกอิจฉาเต็มที่
หลิงซิ่วไม่ปกปิดความอิจฉาของเขา “ไม่ใช่แค่ไร้ความอายเท่านั้นนะ มันยังดูไร้สมองด้วย”
ทั้งสองนั่งลงขัดสมาธิ พวกเขาบาดเจ็บภายในไม่น้อย แต่โชคดีที่ร่างกายพวกเขามิได้บาดเจ็บมาก
มิฉะนั้นคงจะฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ แน่
เมื่ออาเฮ่อลืมตา เขาแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขากำลังมอง ถังเทียนกำลังอ่าน
เกิดอะไรขึ้นในโลก...
ถังเทียนหาวขณะที่เขาอ่าน “หนังสือเล่มนี้ไม่มีประโยชน์ต่อข้า พวกเจ้าลองอ่านดู”
หลิงซิ่วฉกหนังสือไปอย่างรวดเร็ว
อาเฮ่อรู้สึกแปลก ถังเทียนไม่เคยอ่าน แต่นั่นยังพอเข้าใจได้ หลิงซิ่วผู้มีอารมณ์ร้อน
เมื่อเขาอ่านจะเหมือนกับดึงสลักรอให้เขาระเบิด หนังสือที่หลิงซิ่วอ่านมีแต่หนังสือเก่าแก่ที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เขา แต่ทุกครั้งที่เขาอ่าน
เขาจะหาวไม่หยุดและทำท่าเบื่อ
มีอยู่หลายครั้งที่เขาเห็นหลิงซิ่วคว่ำหนังสือตอนที่เขาอ่าน
คนอย่างเขากระตือรือร้นมากที่จะอ่านหนังสือ
นี่ทำให้อาเฮ่อรู้สึกแปลกมาก
ที่คาดไม่ถึงก็คือ
หลิงซิ่วใช้เวลาอ่านถึงสองสามชั่วโมง
เมื่อเขาอ่านจบ เขาโยนหนังสือให้อาเฮ่อ
จากไปนั่งไตร่ตรองอยู่ที่มุมหนึ่ง
หนังสือเหมือนกับมีพลังวิเศษซึ่งทำให้สองคนที่ไม่ชอบหนังสือ
ถึงกับอ่านหนังสืออย่างกระตือรือร้นด้วย?
อาเฮ่อหยิบหนังสือมาดูด้วยความสงสัย
กวาดตาดูสองสามหน้า
ในไม่ช้าเขาก็ถูกหนังสือดึงดูดความสนใจอย่างลึกซึ้ง หนังสือ ไม่สิ
ความจริงควรเรียกว่าสมุดจดนี้ก็คือบันทึกประจำวันของเส้าเต๋อถึงผลสะท้อนของการฝึกฝน
แม้ว่าเขาจะถูกถังเทียนสมองกลวงสังหาร แต่ที่สำคัญเขายังเป็นนักสู้ระดับเซียน ไม่มีอะไรที่สามสหายจะเทียบกับเขาได้ แม้ว่าจะได้รับผลสะท้อนเกี่ยวกับวิชาดาบโจมตีของเขา
แต่ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่และใช้ในการอ้างอิงของอาเฮ่อ
เทียบกับการอ่านหนังสือแล้ว
ต่อให้มีหลิงซิ่วกับถังเทียนร้อยคนรวมกันก็ยังไม่เท่ากับอาเฮ่อ เขาแยกแยะข้อมูลออกทั้งหมดระหว่างบรรทัดและจัดเรียงอย่างเรียบร้อย
ไม่ต้องคำนึงถึงวิชาต่อสู้ที่พวกเขาใช้
ในที่สุดแล้วสิ่งมีชีวิตมนุษย์ก็ต้องขุดเอาศักยภาพของตนเองออกมาและในที่สุด
เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและสำรวจตนเอง
สมุดเล่มนี้บันทึกทุกย่างก้าวของการเดินทางสู่ความเป็นนักสู้ระดับเซียนของเส้าเต๋อ
สมุดบันทันจะมีประโยชน์ต่ออาเฮ่อและหลิงซิ่วมากมาย
พวกเขาคุ้นเคยและรู้จักสนามพลังวิญญาณอยู่บ้าง แต่หลังจากที่พวกเขาอ่านสมุดบันทึกนี้ พวกเขาจะมีแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยม
ถังเทียนรวบรวมสินสงครามเอาไว้ที่ด้านหนึ่ง
เส้าเต๋อเป็นคนที่มีอารมณ์ชืดชา เขาไม่พกสมบัติติดตัวมาก แต่ที่สำคัญเขาเป็นนักสู้ระดับเซียน ดังนั้นจะพกของที่ดีที่สุดติดตัวเขาเท่านั้น
ดาบโค้งที่เหมือนกับน้ำในทะเลสาบและมีน้ำไหลช้าๆ
นี่ควรจะเป็นอาวุธสำรองของเส้าเต๋อ
ไม่มีใครรู้ว่าใครสร้างมันขึ้นมา
มันนุ่มและมีความยืดหยุ่นมาก มีความทนทานน่าทึ่ง ถังเทียนพยายามทำลายดาบหลายครั้งแต่ล้มเหลว
ไม่มีคนใกล้ตัวเขาที่ฝึกดาบ
ดังนั้นเขาตั้งใจจะมอบให้เซรีน โลหะแปลกแบบนั้นอาจจะเหมาะกับเซรีน และนางอาจทำอะไรบางอย่างกับมันก็ได้
ของอื่นๆ
ก็มีลูกหินสีเทา
ดูเหมือนว่าจะเป็นหินอ่อนธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อถังเทียนกำไว้แน่น มันไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขาลองส่งพลังดวงดาวเข้าไป แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากนั้นเขาลองใช้ไฟเผา แช่น้ำ เอาเลือดป้าย
แต่ก็ยังไม่มีอะไร ถังเทียนได้แต่ยอมแพ้
และเก็บเอาไว้ก่อน
แม้ว่าเขายังสับสนอยู่ว่าลูกหินนั้นใช้ทำอะไรกันแน่ แต่สิ่งแปลกๆ
ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
ไม่ใช่ว่าของทุกอย่างจะมีคุณค่าพอให้นักสู้ระดับเซียนพกติดตัวไว้
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนหงุดหงิดก็คือ
เขาไม่พกเงินติดตัวเลย
ที่สำคัญคือเขาเป็นนักสู้ระดับเซียน เขาน่าทึ่ง แต่ยากจนเหลือเกิน เขาไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว แล้วจะเข้าสังคมกับผู้คนได้อย่างไร?
ถังเทียนไม่เคยรู้ เส้าเต๋อใช้ชีวิตสันโดษอยู่ในภูเขา ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้นทำไมเขาจึงต้องพกด้วยเล่า?
ถังเทียนนึกเหตุผลนี้ไม่ได้ดังนั้นเขาจึงรวบรวมเศษชิ้นดาบเงิน
ที่สำคัญคือ
มันคือดาบของนักสู้ระดับเซียน
โลหะของมันน่าจะขายทำเงินได้
ถังเทียนไม่ยอมรับวิธีที่ทำให้เขาไม่ได้อะไร
ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเส้าเต๋อต้องการแปลงดาบเป็นดาบปีก
และเขาเพียงแต่หลบหนีไปเอง ด้วยความสามารถของถังเทียน
เขาจะไม่มีทางทำลายดาบของนักสู้ระดับเซียนได้
รวบรวมเสร็จแล้วถังเทียนที่ยังไม่พอใจกวาดตาดูรอบๆ
อีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว สถานที่ดูราบเรียบเหมือนเพิ่งผ่านการทำความสะอาด
ถังเทียนเหลือบไปเห็นลำแสงในที่ไกลออกไป
พลังดวงดาวในตัวของเขาก็คือพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่
ความรู้สึกอ่อนไหวของเขาจึงยากจะหาใครเทียบได้เป็นธรรมดา
เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ยังไม่ตายซึ่งแฝงอยู่ในแสงนั้น
น่าเศร้า เยี่ยนหย่งเลี่ยตายแล้ว มันเป็นจิตวิญญาณยุทธของเขากำลังเผาผลาญอยู่ตอนนี้
ถังเทียนเคารพคู่ต่อสู้อย่างเขา แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าถังเทียนจะยอม เนื่องจากพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ การสู้กันอย่างสุดความสามารถ
เป็นการแสดงความเคารพต่อคู่ต่อสู้
อาเฮ่อและหลิงซิ่วฟื้นฟูพลังเต็มที่ทั้งสองคน พวกเขาเริ่มเดินทางต่ออีกครั้ง
“ถังจอมห้าว
และเจ้าจะตั้งชื่อวิถียุทธของเจ้าว่ากระไร?” อาเฮ่อถาม
“ข้าต้องตั้งชื่อด้วยเหรอ?” ถังเทียนสับสน
“วิถียุทธหรือมรรคาวิชาบู๊ล้วนมีชื่อที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้น” อาเฮ่อว่าตามตำรา
“หวา..
งั้นข้าก็ต้องตั้งชื่อเท่ๆ” ถังเทียนตาเป็นประกาย
หลิงซิ่วเสริมต่อ
“วิชาหน้าทนสมองกลวงเป็นไง”
“สมองกลวง,
อือ..ไม่เลว” ถังเทียนพยักหน้าหงึกหงัก
หลิงซิ่วคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะตอบสนองแบบนั้น เขาตกตะลึง และโคลงศีรษะ “โอวพระเจ้า,
หมดหวังเยียวยาจริงๆ...”
“ทำไมข้าต้องฉลาดด้วยเล่า?”
ถังเทียนยิ้มอย่างภูมิใจ
“แค่เพียงคนงี่เง่ากลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นก็จะเรียกว่ากระแสของวีรบุรุษงี่เง่า...”
“ช่างเถอะน่า รีบเดินทางกันเถอะ” อาเฮ่อเลิกให้คำแนะนำกับเขา
สายตาคนทั้งสามจ้องอยู่ที่ลำแสงที่ไกลออกไป
หลิงซิ่งบ่นพึมพำ “นั่นแหละควรจะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง”
12 ความคิดเห็น:
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
5555+ วิชาหน้าทนสมองกลวง 555+
ชอบตอนสามสหายคคุยกันนี่แหละ อย่างฮา
ก๊ากกก ชอบๆชื่อวิชานี้
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เป็นพระเอกที่งี่เง่าแล้วคนชอบกันเยอะ 555
สงสารอาเฮ่อ ฮ่าๆ ทนๆเอาเว้ยเฮ่อ
วิชาหน้าด้านหน้าทนน่าศึกษา
ขอบใจหลายยย
ชอบชื่อวิชานี้อ่ะ
กระแสของวีรบุรุษงี่เง่า สงสัยมันจะเกิดขึ้นจริง
แสดงความคิดเห็น