วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 388 ดินแดนฝันประหลาด



ตอนที่  388  ดินแดนฝันประหลาด



ถังเทียนฟื้นฟูความรู้สึกกลับคืนมา  เขาจำได้ว่ามีแสงเจิดจ้าสีครามฉายออกมาจากเส้นขอบฟ้าในทะเลกระจกคราม  ทะเลเปล่งแสงแบบนั้นได้ยังไง?  แสงนั้นฉายออกมาจากตรงไหน?

ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังก้องจากเหนือหัวเขา
 “เจ้าช่างเป็นสวะไร้ประโยชน์จริง เจ้าพลาดตอบคำถามร้อยข้อแรก แล้วจะเชี่ยวชาญมือปีศาจพันแปลงได้อย่างไร?  นอกจากศิษย์ทุกคนของข้าแล้ว เจ้านี่แหละช้าที่สุด  เจ้าไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ?”
ถังเทียนรีบลืมตาและกวาดมองไปรอบๆ  มีชายชราคนหนึ่งที่ขาวทั้งหน้าทั้งตัวกำลังโมโหฉุนเฉียวอยู่
นี่คือ...
ถังเทียนอ้าปาก แต่ไม่มีเสียงออกมา
 “เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว  ถ้ายังจะมัวเสียเวลาต่อไปเจ้าจะเป็นแค่อันธพาลที่ไร้ประโยชน์”  ชายชรายังคงโกรธเขา  แต่เขามีเสียงอ่อนโยนลง  “เจ้าเป็นเด็กฉลาดแต่ขี้เกียจและไม่เต็มใจจะฝึกฝนหนักเพื่อเป้าหมายของเจ้า  เจ้าอาจไม่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับสำนักหรือดูแลเรื่องของตระกูล  แต่ถ้ามีงานบางอย่างที่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วย  เจ้ายังจะทำอะไรอื่นได้นอกจากสำนึกผิด?”
ชายชราจากไปอย่างผิดหวัง
ถังเทียนตะลึงเพราะโดนดุโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขาได้สติคืนมา สภาพใจของเขายังคงสับสนพลางเหลียวมองดูรอบๆ ตัว
ในห้องตกแต่งไว้อย่างเลิศหรู ด้วยเครื่องประดับเรือนราคาแพง
ถังเทียนสดุดตาอยู่ที่หนังสือเล่มหนาที่ใต้โต๊ะ เขาเดินเข้าไปและพลิกเปิดดู มันคือหนังสือที่เรียกว่าเคล็ดเคลื่อนมือ
ทันใดนั้นเขาคิดถึงคำที่ชายชราพูดถึง  ความคลั่งไคล้หลงใหลของเขาเกิดขึ้น  เมื่อชายชรานั้นพูดว่าเขาไม่สามารถตอบคำถามร้อยข้อแรกได้  จะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
เขาเปิดดูผ่านๆ บนคำถามที่ 91  เมื่อเขาพลิกไปที่หน้าสุดท้าย  เขาอ้าปากค้าง 1024 คำถาม!
ถังเทียนสงสัย  ที่นี่ที่ไหน?  คนเหล่านี้เป็นใคร?
เขาเดินไปที่หน้าห้อง  ต้องการจะผลักเปิดประตูดูว่าข้างนอกมีอะไร  แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถผลักเปิดประตูได้
 “ประตูปีศาจ!
ถังเทียนตะลึง  เขารู้ว่าเขามีพลังน่ากลัว  ด้วยพลังที่เชี่ยวชาญของเขาในตอนนี้ ประตูน่าจะระเบิดเปิดออกไปแล้ว  แต่มันไม่ขยับเขยื้อน
ขณะที่เขาลองเก็บหรือขนย้ายสิ่งของรอบๆ ห้อง  เขาพบว่ามีแต่หนังสือที่สามารถขยับได้  ส่วนอื่นๆ ยังคงอยู่นิ่ง  เป็นภาพลวงตาทั้งหมดหรือ?
หลังจากวนเวียนอยู่ครึ่งค่อนวัน  เขาเริ่มรู้สึกเบื่อ  เขานั่งลงและหันไปหาหนังสือเคล็ดการเคลื่อนไหวมือ
เขาดื่มด่ำกับหนังสือนี่ มันกล่าวถึงเรื่องวิธีการเอาชนะการโจมตีรูปแบบต่างๆ  ช่างดูลึกลับมากจริงๆ
เนื่องจากถังเทียนเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด  หนังสือนี้จึงช่วยเพิ่มพลังประสิทธิภาพให้เขาอย่างมีนัยสำคัญ  ถังเทียนได้รับประสบการณ์กระบวนท่าโจมตีมากมายที่อธิบายในหนังสือนี้มาก่อน  เขาพบว่าการตอบโต้ของเขาไม่ได้แตกต่างจากนักสู้คนอื่นๆ มากเท่าใดนัก
ถ้าเขาสามารถใช้วิธีการเหล่านี้ที่อธิบายไว้ในหนังสือ  เขาจะมีความได้เปรียบมากมายในสนามต่อสู้
เนื่องจากเขาไม่สามารถออกไปได้  เขาจึงได้แต่อุทิศตนเองเพื่อซึมซับเนื้อหาของหนังสือ
ในไม่ช้า ถังเทียนก็หมกมุ่นจมอยู่ในเนื้อหาความรู้ในหนังสือ
การอ่านเป็นเรื่องที่ง่าย  แต่พอเกี่ยวกับคำถาม  ถังเทียนพบว่าเป็นเรื่องท้าทายมาก  ที่ยังคงแย่ก็คือเขาไม่สามารถเข้าใจบริบทและเนื้อหาของคำถามได้  หนังสือนี้เหมาะกับอาเฮ่อมากกว่า ถังเทียนสงสัย
ปัง ปัง ปัง!
ใครบางคนเคาะประตู จากนั้นประตูถูกผลักเปิด  เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งใบหน้าเหลี่ยมหูกางใหญ่วิ่งเข้ามาในห้อง  “อาอวี่ ข้ารอเจ้ามาครึ่งค่อนวันแล้ว   ทำไมเจ้ายังไม่เริ่มเคลื่อนไหวสักที? ไปกันเร็วๆ และเอาปัญหาไปด้วย ไปเถอะ”
หลังจากเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มก็หมุนตัววิ่งไปที่ประตู  ถังเทียนวางคำถามลงและติดตามเด็กหนุ่มคนนั้นออกไป  จากนั้นเขาพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
เฮ้ เฮ้ เฮ้ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้?
ถังเทียนพบว่าไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเขา  ถังเทียนไม่ได้ถูกสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด
เรื่องนี้ง่ายมาก  มันต้องเป็นความฝันแน่นอน
ช่างเป็นความฝันที่น่าสนใจ  นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีประสบการณ์กับความฝันเช่นนั้น
ถังเทียนสงบจิตใจตนเองลงและติดตามไปด้านหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น  ว่าแต่ใครคืออาอวี่?
 “อาอวี่, ตอนนี้เราจะพาเจ้าไปฝึกที่ถ้ำพันวิญญาณ  เจ้าเป็นคนฉลาดมาก  เจ้าจะเชี่ยวชาญวิชามือปีศาจพันแปลงได้อย่างแน่นอน”  เด็กหนุ่มอธิบาย
ถังเทียนรู้สึกพอใจอยู่ภายใน  ในที่สุดก็มีคนวิจารณ์เขาว่าฉลาด! อยู่ในสภาพนี้ เขารู้สึกว่าเป็นฝันที่คุ้มค่าจริงๆ
มือปีศาจพันแปลง... เอ่.. ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ...
เดี๋ยวก่อน... นั่นมันสุดยอดวิชาโดดเด่นไม่ใช่หรือ?
ทั้งสองวิ่งไปจนถึงจุดหมายปลายทอง  เด็กหนุ่มทั้งสองคนมีพลังตัวเบาที่แข็งแกร่ง  ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงถ้ำด้านหลังภูเขา มีนักสู้ยืนเฝ้าอยู่สองคน
ในถ้ำนั้นมีชื่อว่า ถ้ำสิบลี้พันวิญญาณ สลักชื่ออยู่ด้านบนพื้นที่โล่ง
ถังเทียนตื่นตัว  นักสู้ที่ยืนเฝ้ามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเย็นยะเยียบอยู่รอบๆ ตัวเขา
นักสู้ที่เฝ้ายามจำพวกเขาได้จึงปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป
เมื่อเข้าไปภายในถ้ำ เด็กหนุ่มให้กำลังใจถังเทียน  “อาอวี่! เจ้าทำได้แน่!, ครั้งนี้เจ้าจะต้องผ่านสองร้อยระดับได้ในรวดเดียว!  ข้าจะคอยหนุนหลังเจ้า
เด็กหนุ่มทั้งสองหายเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
ถังเทียนรู้สึกอบอุ่นใจกอดเขาทันที  เขาจำได้ว่าครั้งที่เขาอยู่ในสถาบันคาราเมลที่ซึ่งเขากับเจ้าวัวแมลงวันมักต้องมาเผชิญหน้าฝึกร่วมกันเสมอ
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกสักคำ
เขาได้แต่ติดตามเด็กหนุ่มเข้าไป
ลึกเข้าไปข้างใน  ถังเทียนรู้สึกว่าทัศนวิสัยการมองของเขาย่ำแย่  มันมองดูเลือนลาง
ขณะที่เขาเดินลงไปตามทางในถ้ำ  เขาจะเห็นบล็อกหินขนาดใหญ่ทุกๆ สิบเมตร  นอกจากนี้แท่นหินแต่ละก้อนจะมีขุนพลวิญญาณอยู่หนึ่งตน  เขาสามารถเห็นขุนพลวิญญาณไปตามทางผ่านเป็นจำนวนมาก
ถ้าสิบลี้พันวิญญาณ อย่าบอกนะว่าหมายถึงขุนพลวิญญาณพันดวง
ถังเทียนปากอ้าค้าง  เขามัวตะลึงกับจำนวนขุนพลวิญญาณ  นั่นมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้
หลังจากเขาสงบใจได้  เขาเดินเข้าไปหาขุนพลวิญญาณตนแรก เมื่อเขาเข้าไปในระยะสามเมตร  ตาของขุนพลวิญญาณฉายแสงวาบทันที  เขาปล่อยหมัดตรงใส่ถังเทียน
ถังเทียนหลบหลีกการโจมตีอย่างคล่องแคล่วและตอบโต้มันด้วยดาบของเขาโจมตีใส่สีข้างด้านซ้ายของขุนพลวิญญาณ
ปัง!
ขุนพลวิญญาณกระจายเป็นลำแสงและหายไป
ถังเทียนสูดหายใจลึก การโจมตีครั้งแรกจากขุนพลวิญญาณความจริงก็คือปัญหาข้อแรกจากหนังสือเคล็ดเคลื่อนไหวมือ
อาจเป็นได้ว่า...
ถังเทียนไม่ลังเลใจพุ่งเข้าหาขุนพลวิญญาณที่สองที่อยู่ใกล้ๆ
ความเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่ว ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนขุนพลที่สองกลายเป็นบอลแสง
หลังจากเอาชนะขุนพลวิญญาณได้มากมาย  ถังเทียนยืนยันว่าขุนพลวิญญาณเหล่านี้มีบุคลิกอยู่ในเคล็ดคัมภีร์ท่ามือ  แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากในการถอดความหมายในคัมภีร์ แต่ความสำเร็จของเขาที่มีต่อขุนพลวิญญาณยิ่งเพิ่มพูนความมั่นใจให้เขา
ตอนนี้เขาเข้าใจว่าความฝันทำให้เขาเข้าใจเชี่ยวชาญวิชามือปีศาจพันแปลง
ถังเทียนดีใจและเริ่มเดินหน้าต่อโดยไม่กลัว
ความก้าวหน้าของเขายังไม่ถือว่าเร็ว  แม้ว่าเขาจะมีคำตอบสำหรับคำถาม  เขามิได้ทำตามคำตอบในหนังสือทั้งหมดเขาจะคิดหาวิธีเอาชนะขุนพลวิญญาณเหล่านี้เอง
ทุกครั้งที่เขาเอาชนะขุนพลวิญญาณ  เขาจะหยุดและเทียบกับคำตอบของหนังสือกับคำถามซึ่งเขากำหนดวิธีตอบโต้ด้วยตนเอง  คำตอบของหนังสือจะถูกต้อง พิถีพิถันและมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการโต้ตอบของเขา
ถังเทียนไม่คุ้นกับวิชาท่ามือ  ในอดีต  เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลายๆ วิชาอาจถูกฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ได้  เขารู้สึกสดชื่นหลังจากเรียนเคล็ดวิชานี้  นี่เหมือนกับสัมผัสโลกใบใหม่เลยทีเดียว
เมื่อถึงคราวต้องเรียนรู้วิชาใหม่  ถังเทียนมักจะอุทิศตนเองเต็มที่
หลังจากจากเอาชนะขุนพลวิญญาณไปหลายสิบตน  ในไม่ช้าเขาพบว่า เคล็ดการเคลื่อนไหวมือขณะโต้ตอบนั้นน่าสนใจมาก
ตอนนี้เขามองขุนพลวิญญาณแต่ละตนด้วยสายตาที่เร่าร้อนคะนอง
เครื่องเซ่นพันชิ้นที่ข้าจะบดขยี้เพื่อการฝึกฝนของข้า
ถ้าข้าสามารถผ่านด่านทั้งหมดนี้ได้  นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้าแข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน...
ถังเทียนปลดปล่อยเพลิงครอบคลุมตัวและพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อหนุ่มน้อยชาวฟ้าปรากฏตัว เตรียมตัวแพ้ได้เลย!  นอกจากนี้เขาไม่รู้สึกหิวหรือเหนื่อยในความฝันเขา  นี่คือสถานการณ์ฝึกฝนที่พิเศษของเขา
ถังเทียนเป็นคนไม่ค่อยฉลาด  ถ้าใจเขาต้องการเรียนรู้วิชาเหล่านี้ทั้งหมด มันต้องใช้เวลานาน  แต่เขาเลือกวิธีที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุดในการเรียนรู้ซึ่งก็คือการสู้นั่นเอง
ในท่ามกลางการต่อสู้ ถังเทียนไม่มีเวลาชื่นชมกับเคล็ดวิชาที่ซับซ้อนซึ่งเขาได้เรียนรู้   เขาตั้งใจโจมตีและเปิดทางของคู่ต่อสู้
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ยาก  ส่วนที่เยี่ยมที่สุดของคนจะปรากฏออกมา
การโจมตีจากขุนพลวิญญาณมีความซับซ้อนมากขึ้น  นับว่าได้เปิดหูเปิดตา  เขาต้องเพ่งสมาธิมากและผลักดันตัวเองเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่จะตามมา
เขาไม่รู้ตัวว่าเขามีพรสวรรค์ธรรมชาติสำหรับเรื่องนี้
แน่นอน ถังเทียนเผชิญหน้ากับความล้มเหลวระหว่างฝึกฝนหลายครั้ง เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะติดขัดอยู่ที่ระดับเดียวกับขุนพลวิญญาณตนหนึ่งถึงเกือบครึ่งค่อนวัน  เมื่อใดก็ตามที่เขาเผชิญหน้ากับปัญหานี้ เขามักจะทำอย่างดีที่สุด ตามตื๊อศัตรูไม่หยุด
เขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาชนะในที่สุด
เขาใช้กลยุทธนี้จนกระทั่งก้าวหน้าผ่านระดับนี้ไปอย่างช้าๆ
ในถ้ำมืดมิดกระจุยกระจายไปด้วยขุนพลวิญญาณนับไม่ถ้วน  มีแต่ร่างเขาผู้เดียวเดินก้าวหน้าอยู่ในความมืด เอาชนะศัตรูแต่ละตนทีละครั้ง
บนชั้นที่สิบเอ็ดของโรงแรมบุปผาสวรรค์  มีคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียงมองดูสิ่งก่อสร้างบรอนซ์ในแนวเส้นขอบฟ้า
สิ่งที่ตามมาต่อจากความเจริญเติบโตของเมืองสามวิญญาณ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือกิจการโรงแรม  การไหลบ่าเข้ามาของคนต่างถิ่นทำให้เกิดมีโรงแรมขึ้น  ตอนนี้เมืองมีโรงแรมเกือบหกสิบแห่งที่เจริญรุ่งเรืองทุกวัน
โรงแรมบุปผาสวรรค์เป็นโรงแรมที่เก่าที่สุด  เนื่องจากบริการและบรรยากาศที่ดี
 “นี่ช่างเลิศหรูจริงๆ”  บุรุษวัยกลางคนร่างสูงใช้ไม้เท้าค้ำตัวกล่าว
ข้างๆ เขาเป็นบุรุษศีรษะล้านที่ดูเหมือนมีอายุสามสิบปี  เขามีกลิ่นอายที่น่ากลัว และยิ้ม “นี่น่าจะเพียงพอสำหรับเรา”
บุรุษวัยกลางคนถาม  “เจ้าหาสิ่งนั้นพบหรือเปล่า?”
 “พบแล้ว” บุรุษศีรษะล้านกล่าว  “พวกเขาไม่ใช่นักสู้ที่แข็งแกร่ง  พวกเขาเป็นแค่กลุ่มนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี  ไม่มีอะไรมากไปกว่ากลุ่มทหารอ่อนหัด  ต่อให้มีนักสู้สายจักรกล พวกเขาจะทำอะไรเราได้  มีแต่จะถูกเราสังหารได้ง่าย”
บุรุษวัยกลางคนตอบอย่างไม่ลังเลใจ  “เราจะลงมือคืนนี้  และคลี่คลายปัญหาอย่างรวดเร็ว!”
 

3 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Sunrise กล่าวว่า...

ขอบใจหลายๆ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

กำลังมีส่ยเปย์มาให้รูดทรัพ 555

แสดงความคิดเห็น