วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 397 ซุ่มโจมตี



ตอนที่  397  ซุ่มโจมตี



ภายในห้อง บรรยากาศมืดสลัว
ทาร์ตันขมวดคิ้ว  “เจ้าคิดว่าแบบนี้ดีแล้วหรือ?”

แอนเดรียนามีสีหน้าสงบ  “เราได้ตรวจสอบจุดแข็งของพวกเขาดูแล้ว  ถ้าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอจะกลายเป็นพันธมิตรของพวกเรา  อย่างนั้นสมบัติทั้งร้อยชุดของเราก็เป็นแค่เพียงของไว้ใช้ต่อรองเท่านั้น”
ทาร์ตันเงียบ แอนเดรียนาพูดถูก  สถานการณ์ยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกที  กับการเข้ามามีส่วนร่วมของกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวนายพราน  แสดงแน่ชัดว่าพวกเขาคงไม่สามารถเก็บสมบัติทั้งร้อยชุดไว้ได้  ดังนั้นพวกเขาจะใช้สมบัติให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มดาวอันโดรเมดาได้อย่างไร และนั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาจำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
เพียงแต่ว่าทาร์ตันไม่ชอบแผนเช่นนั้นเลย  เขาต้องการอยู่ในสนามเพื่อต่อสู้  เขามองดูแอนเดรียนา  ใบหน้าของนางไม่มีท่าทีบ่งบอกว่านางไม่กล้าตัดสินใจแต่อย่างใด และยังคงสงบมากขึ้น
นางเติบใหญ่แล้ว
ลึกๆ แล้วทาร์ตันตื่นเต้น  แต่ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย  ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากได้เด็กหญิงที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเฝ้ารอของขวัญจากบิดาของนาง
แต่แอนเดรียนาคนปัจจุบันนี้คือผู้ที่กลุ่มดาวอันโดรเมดาต้องการ
ราวสามกิโลเมตรห่างจากจุดที่ถังเทียนและสหายอยู่  มีโกดังเก่าทรุดโทรมซึ่งเป็นของครอบครัวผู้ค้าเล็กๆ  ตอนนี้ถูกอาคันตุกะลึกลับเช่าอยู่
แม้ว่าจะมีการพัฒนาฟื้นฟูธุรกิจในนครเทพสตรี  แต่ตลาดทรุดโทรมมากกว่าแต่ก่อน  และเพราะโกดังที่ว่างเปล่าถูกเช่าในราคามหาศาล  เจ้าของกิจการจึงมีความพอใจมาก  ถ้าโกดังอยู่ใกล้คฤหาสน์ของท่านถังเทียน นั่นจะสามารถเช่าได้ราคาที่ดีกว่าแน่นอน  แต่ตำแหน่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ก็คือแถวๆ ที่พักท่านอาเดรียน และตามมาด้วยคฤหาสน์ของถังเทียน
ร้านเหล้าและบ้านพักที่อยู่ใกล้สถานที่ของทั้งสองคนเต็มไปด้วยผู้คน
น่าเสียดายที่โกดังของเขาอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของถังเทียนเกินไป  ดังนั้นเขาพอใจกับค่าเช่าที่ได้รับ
ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงจากความมืดมิดในภายนอก ภายในโกดังกลับสว่างไสว
ถ้าหัวหน้ากลุ่มหอการค้าเล็กๆเห็นภายในโกดัง  พวกเขาคงตกตะลึงอย่างแน่นอน  ภายในโกดังสินค้าใหญ่  ในนั้นเต็มไปด้วยม้าศึกและผู้คน ราวกับว่ามีการจัดเรียงรายไว้อย่างดี นักสู้ทุกคนนั่งอยู่ข้างม้าของพวกเขาและพักผ่อน  ขณะที่ม้าฝีเท้าเพลิงยังคงสงบใจเย็น เนื่องจากพวกมันกำลังหลับ
ไม่มีใครติดต่อใคร  ไม่มีใครสนทนากัน  ภายในคลังสินค้าเงียบสงบ
ทันใดนั้น เสียงหึ่งๆ คล้ายกับผึ้งกระพือปีกดังออกมา  นักสู้ทุกคนที่กำลังนั่งพักหลับตาอยู่พลันลืมตาพร้อมกันทุกคน   ใบหน้าของทุกคนมีแววตื่นเต้นและกระตือรือร้นจนบรรยายไม่ถูก
 “ทุกคน...เตรียมพร้อม!”
เสียงตะโกนของถังอี้ดังกรอกหูทุกคนราวกับเสียงฟ้าร้อง
ฮูลา
เป็นเสียงที่ดังออกมาพร้อมกัน  มันคือเสียงที่นักสู้ทุกคนลุกขึ้นขี่ม้า ทหารที่ตอนแรกดูเหมือนทหารม้าที่ยุ่งเหยิงกลับกลายเป็นเข้มงวดจริงจัง
ถังอี้มีสีหน้าไร้ความรู้สึก  แต่หัวใจของเขาลอบยินดีอยู่ภายใน  หลังจากตั้งหน้าฝึกฝนอย่างยากลำบาก ในที่สุดพวกเขาจะได้มีพื้นที่สำหรับกองทัพที่แท้จริง
โกดังสินค้าเปิดออกอย่างเงียบงัน ปล่อยให้เสียงครึกครื้นจากด้านนอกถนนแว่วเข้ามา สำหรับชาวนครเทพสตรีผู้ใช้ชีวิตคุ้นเคยกับแสงสียามราตรี นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตยามราตรี
 “เคลื่อนขบวน!”
ถังอี้เป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากโกดังสินค้า  ทหารม้าที่ตามมาเบื้องหลังของเขาพรั่งพรูออกมาจากโกดังสินค้าเหมือนกับสายน้ำไหล
โกดังสินค้าไม่ได้อยู่ที่ถนนใหญ่  และอยู่ไกลจากข้างถนน  เสียงม้าควบดังมาจากด้านข้างถนนเหมือนสายน้ำหลาก
ขณะที่ถังอี้ควบม้าขึ้นถนนใหญ่ คนเดินถนนตกใจยืนอยู่กับที่ทุกคน  หน้าของพวกเขาตกตะลึงขณะมองดูกองทหารม้าที่ปรากฏออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อออกมาจากซอยเล็ก  สีหน้าของถังอี้เยือกเย็น ม้าฝีเท้าเพลิงตะกุยพื้นและส่งเสียงร้องทันที
ม้าฝีเท้าเพลิงที่ถังอี้ขับขี่เป็นจ่าฝูงม้าฝีเท้าเพลิงระดับเจ็ดที่เห็นได้ยาก  ตลอดทั้งร่างของมันสีแดงดังโลหิต  ความกระตือรือร้นของมันมีมากเป็นพิเศษ  เสียงม้าร้องดังผ่านอากาศแสดงออกว่ามันตั้งใจสู้
ทุกคนมองดูขบวนม้าที่พรั่งพรูออกมาจากซอยเล็กอย่างตกใจ
ในพริบตา  กองทหารที่หนาแน่นปรากฏอยู่ต่อหน้าของทุกคน
 “เดินหน้า”
ถังอี้มุ่งไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก  ราชันย์ม้าฝีเท้าเพลิงควบไปข้างหน้าเหมือนกับเงาแดงเลือนลาง  ทหารม้าที่ตามหลังไม่มีท่าทีลังเลและควบตามไปข้างหน้าเช่นกัน
ม้าฝีเท้าเพลิงทั้งสองร้อยตัวเคลื่อนไปข้างหน้าในถนนที่เงียบสงัด
ถนนกว้างที่สร้างขึ้น  จากที่เห็นเหมาะสมที่สุดกับการบุกตะลุยสำหรับทหารม้า
เสียงกีบเท้าม้าย่ำพื้นหนักหน่วงและทรงพลังกดกระทบพื้นหินที่แข็งและหนักเกิดประกายไฟและเสียงดัง  เมื่อทหารม้าทั้งสองร้อยรวมตัวด้วยกัน  ก็เหมือนสายลาวาที่ไม่อาจหยุดยั้งได้  ทุกคนที่อยู่บนถนนชะงักค้างตัวสั่น  คนเดินถนนพากันตกใจทั้งหมดและก้าวหลบเปิดทางให้
ในความมืดเสียงกีบเท้ามาดังเหมือนกับเสียงฟ้าคำรามกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมือนกับพวกเขากำลังเข้าสู่ศึกสงคราม เสียงนั้นดังกังวาลกว้างไกล
บนหลังม้า หน้าของถังอี้ยังคงสงบเหมือนสายน้ำ  เขานึกสรรเสริญและนับถือแผนการของท่านอาเฮ่อ  เป็นไปตามคาด  คุณชายอาเฮ่อมีสติปัญญาไม่เป็นรองใคร
เมื่อทาร์ตันส่งคนให้นำสมบัติที่สร้างสำเร็จแล้วไปให้ที่คฤหาสน์  อาเฮ่อและหลิงซิ่วก็สังหรณ์ว่าจะมีอันตรายเข้ามาถึงตัว  ดังนั้นอาเฮ่อจึงลอบส่งข่าวให้ถังอี้ตอนกลางคืนขอให้ทางค่ายทหารคอยสนับสนุน และกำหนดแผนการเช่นนั้นขึ้นมา
เพื่อป้องกันไม่ให้คนค้นพบ  อาเฮ่อเลือกตำแหน่งไกลออกไปจากคฤหาสน์  เมื่อเข้าไปในเมืองถังอี้และบริวารของเขาทำตัวเหมือนเป็นพ่อค้าซึ่งหลิงซิ่วจะให้คำแนะนำสองสามอย่าง  เนื่องจากเขาเคยเดินทางไปกับผู้ค้าขายที่ขอบฟ้าใต้มาระยะเวลาหนึ่ง  และรู้สายสนกลในพวกเขา  คนทั้งสองร้อยกระจายกลุ่มและเข้ามาเป็นขบวนที่ต่างกัน
กระบวนการนี้ราบรื่นมากกว่าที่พวกเขาคิด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครเทพสตรีตกอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย  แม้ว่ากองกำลังทหารราบจะคอยปกป้องนครเทพสตรี  แต่การป้องกันในแต่ละวันไม่เกวดขันเท่าใดนัก เนื่องจากหน่วยลาดตระเวนยังรักษาการยังบาดเจ็บหนักอยู่ นอกจากนี้ยังคงมีนักสู้หลั่งไหลเข้ามาในเมืองไม่ขาดสาย นักสู้ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมากมักจะอารมณ์ไม่ดี อาจเกิดการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ  หน่วยลาดตระเวนที่ไม่แข็งแกร่งพอย่อมไม่สามารถต่อสู้ได้  และเนื่องจากไม่มีทางเลือกพวกเขาจึงต้องแกล้งทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร  เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว
แม้ว่าโกดังสินค้าจะค่อนข้างอยู่ไกล  แต่ระยะสามกิโลเมตรยังถือว่าไม่ไกลสำหรับม้าฝีเท้าเพลิง  พวกมันมาถึงในเวลาสั้นๆ
ด้วยพลังของท่านอาเฮ่อและท่านหลิงซิ่วคงไม่มีปัญหาในการต้านรับศัตรู
และพวกเขามีงานเพียงอย่างเดียวก็คือทำให้ศัตรูทุกคนชะงักงันเหมือนถูกฟ้าผ่าและคุกคามพวกเขา
ไฟต่อสู้ลุกโหมอยู่ในอกของถังอี้  ตาเล็กแคบของเขาสะท้อนแสงริบหรี่ รัศมีรอบตัวแปรเปลี่ยนอย่างเงียบงัน
ในฐานะที่เป็นทหารที่มีเจตนารมณ์กล้า  การเปลี่ยนแปลงของถังอี้ส่งผลต่อทหารม้าทั้งสองร้อยเบื้องหลังเขาทันที ไฟนักสู้ของพวกเขาลุกโหม
ทหารม้าทั้งสองร้อยคนสวมเกราะเรียบร้อย จากนั้นควบตะลุยไปข้างหน้าเหมือนเป็นร่างเดียวกัน
คฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบ  ขณะที่ทุกคนตะลึงกับการแสดงพลังฝีมือของถังเทียน  มือของเขาก็สร้างความตื่นตะลึงได้เช่นกัน  เมื่อมองเห็นอาวุธลับทั้งหมดสารพัดขนาดตกอยู่แทบเท้าถังเทียน ทั้งหมดนั้นมีจำนวนมาก และหลากหลายรูปแบบ แค่เพียงชำเลืองมองดูก็บอกได้ว่ามีประมาณร้อย
ธนูเงินและหมอกโจมตีที่หุ่นกระบอกดำส่งออกมาถูกทำลาย
ในท่ามกลางความมืด นิ้วมือที่สร้างประกายไฟและไฟหายวับไปจากท้องฟ้า จะเป็นฉากภาพที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคน
เจ้าผู้นี้....
ก่อนหน้านี้ ทุกคนสามารถคาดเดาและทำนายว่าถังเทียนจะเป็นเหมือนอะไร  แต่ฉันพลันนั้นมีแต่ความกลัวที่เหลืออยู่ในใจพวกเขา
ในท่ามกลางความเงียบ มีเสียงม้าควบดังราวกับฟ้าคำรามใกล้เข้ามา ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นจากอาการมึนงง  ทุกคนไม่สนใจสังเกต เนื่องจากการมีส่วนร่วมของทหารราบเป็นเรื่องธรรมดามาก  และพวกเขาเชื่อว่ากองพลทหารราบจะไม่ลงมือกับพวกเขา
ทุกคนมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งและทรงพลังซึ่งกองพลทหารราบไม่มีทางต่อกรได้  ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็มีแค่เพียงป้องกันถังเทียนและสหายของเขา
ทุกคนคิดว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า  ไม่มีใครคิดว่าเพียงคืนแรกจะมีผลออกมาถึงตาย  เนื่องจากทุกคนสืบดูมามากแล้ว และพวกเขาต้องการเวลาเพื่อคิดผลของการต่อสู้
ทุกคนตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องประเมินพลังของถังเทียน
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในปัจจุบัน  หลายๆ คนตัดสินใจหันหลังและออกไปจากสนามต่อสู้
ติง!
ขณะที่อาวุธลับชิ้นสุดท้ายร่วงลงจากมือของถังเทียน  เขาถึงค่อยรู้สึกตัว เอ๋.. ข้าถูกโจมตีหรือนี่?  เอ่..ไม่ชอบมาพากลนะ.. ที่ข้าถูกคนโจมตี!
ในประวัติของหนุ่มชาวฟ้ามีแต่รังแกคนอื่น  แล้วนี่หนุ่มชาวกลับกลายเป็นถูกเขารังแกตั้งแต่เมื่อใด?
ใจของถังเทียนยิ่งโกรธมากขึ้นทุกที  ตาของเขากลายเป็นสีแดง ขณะที่เขาตะโกน  “พวกเจ้าทุกคนบังอาจทำร้ายข้า!  วอนตายเสียแล้ว!
 “ก่อนที่คำว่าตายจะจบลง กำแพงก็ระเบิดทันที
ปัง!
เสียงดังสนั่น ขณะที่ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
ในความมืด หลายๆ คนเบ้ปาก กองพลทหารราบมีอำนาจแค่น้อยนิดยังคิดจะร่วมสนุก  แต่ครู่ต่อมาทุกคนต้องตะลึง
ไม่ใช่กองพลทหารราบ
ทหารม้าสวมเกราะที่ไม่คุ้นเคยกำลังตรงรี่เข้ามา  ความเร็วของพวกเขาสูงมาก เพียงชั่วเวลาที่กำแพงพังทลายลง ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกที่ ขณะที่สถานที่เหมือนติดอยู่ในพายุหมุน  ทุกสิ่งทุกอย่างหายไป
ถังอี้เห็นถังเทียนกำลังโกรธ ตาที่แคบยาวพลังเบิกโพลง รังสีฆ่าฟันกระจายออก
รังสีอำมหิตครอบคลุมไปทั้งพื้นที่
 “ฆ่า!!
กองทัพหมาป่ากระจายกำลังทันที ก่อตั้งขบวนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละยี่สิบเหมือนกับธนูแหลมคมยี่สิบดอกพุ่งเข้าหาคนในบริเวณคฤหาสน์ทันที
กองทัพหมาป่า!
ตาของหลิวจงกวงหรี่แคบ ขณะที่คำว่าลอบจู่โจมผุดขึ้นมาในใจของเขา  เวลาที่กองทัพหมาป่าใช้โจมตีตั้งแต่เริ่มแรกสามารถบอกได้ว่าเล็กน้อย  แต่พลังที่กองทัพหมาป่าแสดงออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับเขา
กองทัพของพวกเขาเข้ากันได้ดีเกินไปจนเขาไม่อยากเชื่อตาตนเอง
กลุ่มเล็กๆ ทุกกลุ่มวิ่งเป็นเส้นตรงขนานกันจนสามารถใช้ไม้บรรทัดวัดจากด้านข้างพวกเขาได้  เมื่อพวกเขาบุกทะลวงเข้ามา  พวกเขาเป็นเหมือนทวนแหลมคมเล่มยาว
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวจงกวงเห็นกองทัพเช่นนั้นด้วยตาตัวเอง  นอกจากพลังของทหารแต่ละคนแล้ว  กองทหารมีลักษณะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  นั่นไม่ใช่สิ่งที่กองทัพใดๆ สามารถทำได้
แม้ว่าหลิวจงกวงจะทึ่งกับความสามารถของกองทัพหมาป่า  แต่การโจมตีที่จะตามมาไม่มีคำเตือนอะไร  คนสิบคนกลุ่มเล็กๆ บุกทะลวงเข้ามา สามารถเอาชนะนักสู้ธรรมดาคนหนึ่งได้  แต่สำหรับยอดฝีมือยังถือว่าไม่เพียงพอ
กองทัพที่สามารถสร้างความประทับใจได้เช่นนั้น  ถังเทียนคงต้องการอวดพลังของเขาเอง...
หลิงจงกวงรู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบในการแสดงพลังของเขา และสิ่งที่ตามมาจะทำให้เขาอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบมากขึ้น
เป็นไปตามคาด  เขาชอบวางแผนการ
หลิวจงกวงเชื่อคำของอาซิ่ว
 “ฆ่า!!
กลุ่มคนทั้งยี่สิบคนตะโกนพร้อมกัน  ขณะที่พวกเขาปกคลุมไปด้วยพลัง
หลิวจงกวงตกตะลึง  เสียงโห่ร้องเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน  และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ข่มกัน
ในสายตาของเขา พวกนักสู้ชาวหมาป่าชูดาบสูงพร้อมกัน
หลิวจงกวงสับสน ม่านตาของเขาขยาย
ดาบโค้งเหมือนวงพระจันทร์ รังสีแสงขาวเหมือนหิมะ
ดาบทั้งสองร้อยเล่มเหมือนเชื่อมโยงกันด้วยด้ายที่มองไม่เห็น
รังสีดาบทั้งสิบ รวมตัวเป็นหนึ่ง รังสีดาบเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหอก
ทันใดนั้นแสงรังสีละลานตาสะท้อนจนสีหน้าของหลิวจงกวงชะงักค้าง
 

7 ความคิดเห็น:

dvdkeeper กล่าวว่า...

โดนแย่งบทมั่งเป็นไงล่ะหนุ่มชาวฟ้าเอ๋ย

Unknown กล่าวว่า...

ถึงกับค้างกันเลยทีเดียว

Sunrise กล่าวว่า...

หืมมมมมมมมมม

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

มันค้างอะไรท์ มาต่อไวๆนะครับ ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อออออออออออออออออออออออออออออ,,,,,,อ้ากกกกกกกก ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ThEPaRaN กล่าวว่า...

ข่าวลือว่าถังเทียนเจ่าแผนการไปไกลมากแล้ว

แสดงความคิดเห็น