ตอนที่ 398
ชัยชนะที่ด้อยค่า
รังสีแสงที่เปลี่ยนสภาพเป็นหอกแสงที่แหลมค,เจิดจ้ารบกวนสายตาหลิวจงกวง ขนที่ราบเรียบของเขาลุกชัน
ภาพที่เห็นเหมือนกับอสูรดวงดาวขนาดมหึมาพุ่งผ่านไป
ในชั่วเวลานั้น
หลิวจงกวงรู้สึกหัวสมองว่างเปล่า
รังสีหอกที่แหลมคมแทงแหวกเข้าไปในฝูงคน
ไม่มีใครคิดเลยว่ากองทัพหมาป่าจะโจมตีอย่างหนักหน่วงและบ้าระห่ำ
นักสู้หลายคนไม่มีเวลาป้องกันตัวและต้องเผชิญกับรังสีหอก พวกเขาได้แต่ต้านรับอย่างตื่นเต้น
ฉัวะ
ฉัวะ ฉัวะ
รังสีหอกแทงร่างพวกเขาโดยไม่มีชะงักลังเล ทิ้งไว้แต่รูที่น่ากลัว เต็มไปด้วยเลือด
โลหิตฉีดพุ่งรดรังสีหอก บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แคล้ง
แคล้ง!
เสียงแสบแก้วหูสองครั้งดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
คลื่นการโจมตีระลอกแรก มีนักสู้รอดอยู่สามคนคือ
ชายชราผู้หมุนควงไม้เท้า
สตรีชุดดำผู้ใช้ห่วงฟันเลื่อยคู่และคนสุดท้ายก็คือบริวารของอูเซี่ย ม่อเป่า
วิชาไม้เท้าของชายชราดุร้ายยิ่งนัก
เขาเผชิญหน้ากับรังสีหอกไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย เขาตวาดก้อง ผมเคราชี้ชัน
และหวดฟาดไม้เท้า พอไม้เท้าเขากระทบ
รังสีหอกก็แตกระเบิดทันที
เขาถอยไปสองสามก้าวจากแรงระเบิด ชุดของเขาฉีกขาด
สตรีชุดดำตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรังสีหอกพุ่งมาถึงนาง นางซัดห่วงฟันเลื่อยด้วยมือขวานาง
ห่วงฟันเลื่อยสีเขียวพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าหลังจากนั้นร่างสตรีชุดดำก็มาปรากฏที่ห่วงฟันเลื่อยเขียวทันทีหลบพ้นจากรังสีหอกได้
ม่อเป่าไม่มีทางเลือกที่จะหลบได้ เขาต้องการทดสอบน้ำหนักของพลังโจมตี เขาอยู่ในท่านั่งม้า
ดาบด้ามห่วงในมือของเขาฟันลงตรงๆ ไม่มีล่อหลอก
รังสีหอกระเบิดทันที
ร่างของม่อเป่าไม่ถอยสักก้าว
แต่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียด
หลิวจงกวงค่อยรู้สึกตัว หน้าของเขาซีดและเริ่มมีสีแดง
เขาลอบหัวเราะนิสัยขี้ขลาดของตนเองซึ่งไม่เคยเปลี่ยน เพราะความตกใจ
มาตรฐานของกองทัพหมาป่านับว่าสูงจริงๆ
คำว่ามาตรฐานนี้ไม่ได้รวมถึงพลังของแต่ละคนซึ่งโดดเด่น
แต่หมายถึงการร่วมมือกันในกลุ่มในกองนั้นสมบูรณ์เกินไป
การโจมตีก่อนนั้นรังสีดาบทั้งสิบเล่มได้ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีพลังรั่วหรือสูญหาย
รวมพลังกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มีแต่กองทัพที่มีมาตรฐานจึงจะทำได้อย่างนั้น
รูปแบบการรวมพลัง ด้วยมาตรฐานเช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาเป็นหน่วยทหารชั้นหนึ่งที่เพิ่งก่อตั้งยังไม่นาน
แต่พลังของทหารแต่ละคนยังแตกต่างกันอยู่บ้าง ถ้าเป็นหนึ่งในหกกองพลของราชสีห์เลโอน ผลครั้งแรกจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต นั่นเป็นเพราะทหารแต่ละคนของหกกองพลใหญ่ของราชสีห์แข็งแกร่งมาก
หลิวจงกวงรู้สึกทันทีว่าความคิดของเขาช่างน่าขัน เขาเอากองทัพหมาป่ามาเทียบกับหกกองพลราชสีห์
กองทัพเล็กและกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถีเอามาเทียบกันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
แต่ในใจของเขานั้น
ต้องยอมรับ กองทัพภายใต้บังคับบัญชาของถังเทียน
มีมาตรฐานอยู่บ้างจริงๆ
บุรุษชราที่เพิ่งป้องกันการโจมตีได้
ปราณของเขากลายเป็นปั่นป่วน
เขาตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น
“รอสักเดี๋ยวเถอะ
เฒ่าผู้นี้ซึ่งมาจากกลุ่มดาวอินทรี...”
“กลุ่มดาวอินทรี!”
ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง กลุ่มดาวอินทรีเป็นหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลาง
ปัจจุบันนี้ไม่มีตำหนักระนาบกลางแห่งไหนที่อ่อนแอเลย พวกเขาคือกลุ่มดาวในแนวระนาบกลาง
ประกอบไปด้วยกลุ่มดาวสุนัขเล็ก, กลุ่มดาวนกอินทรี, กลุ่มดาวคนแบกงู กลุ่มดาวงู กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ กลุ่มดาวงูทะเล
(ไฮดรา) กลุ่มดาวยูนิคอร์น กลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาววาฬ
อาเดรียนมาจากกลุ่มดาวนายพราน,
ท่านอูเซี่ยมาจากกลุ่มดาวหมีใหญ่
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มดาวอินทรีก็มาถึงด้วยเช่นกัน
เป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง!
“กลุ่มดาวอินทรี อ๋า!” ถังเทียนหยัน
ชายชราคลายใจ
ความคิดเขาแต่เดิมต้องการจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อประโยชน์ตนเอง แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพลังของถังเทียนเกินคาดหมายของเขาไปมาก ด้วยการมีอำนาจที่เด็ดขาดอย่างกลุ่มดาวอินทรีคอยหนุนหลังเขา ไม่ว่าถังเทียนจะทรงพลังขนาดไหน
เขาก็ยังไม่เห็นถังเทียนอยู่ในระดับเดียวกัน
เขายังคลายใจและแสดงท่าทางหยิ่งยโสจนติดเป็นนิสัยเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เขารอให้ถังเทียนเปิดทางออกให้เขา ตราบใดที่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่มีทางต่อต้านกลุ่มดาวอินทรีในช่วงเวลานั้นแน่นอน
กองทัพอินทรีคือหนึ่งในกองทัพชั้นสูงที่มีชื่อเสียงของสวรรค์วิถี กลุ่มดาวหมาป่าคือชนบทอยู่แถวไหนกันแน่?
“แค่เพียงเพราะเจ้ามาจากกลุ่มดาวอินทรี
เจ้าเลยคิดว่าเจ้าสามารถจู่โจมทำร้ายข้าได้ใช่ไหม?”
ชายชราตะลึง
เขาคิดว่าได้ยินผิดไป
ดังนั้นเขาเชิดหน้าเหลือบมองเห็นมือขวาของถังเทียนกำหมัด
นิ้วหัวแม่มือของเขาชี้ที่หน้าซึ่งดูดุร้ายของเขา
นี่มัน...
ถังเทียนเชิดคางประกาศกร้าวเหมือนกับพวกอันธพาลตามท้องถนน
“แค่เพราะเจ้ามาจากกลุ่มดาวอินทรี
แล้วนึกว่าจะวิ่งเข้ามาหาเรื่องในถิ่นของคุณชายผู้นี้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?”
นัยน์ตาของเขาเหมือนมีไฟลุกโชน เขาแค่นเสียงใส่ชายชราที่อยู่ในสภาพจนใจ และด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นชาและไว้ตัว
เขาค่อยๆ กล่าวเสียงรอดไรฟัน “ฆ่ามัน!”
ชายชราตกตะลึง “เขาบ้าไปแล้วหรือ? เขาไม่รู้หรอกหรือ เมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มดาวอินทรี
เขาเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง?
คำพูดของถังเทียนยังไม่ทันขาดคำ
ถังอี้เริ่มวิ่งไปข้างหน้าแล้ว
ทหารหน่วยย่อยเล็กๆ
สี่กลุ่มดูเหมือนมีพลังจิตสื่อสารถึงกันเคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกเขาเป็นเหมือนหัวลูกธนูสี่ดอก
และถังอี้เป็นแม่เหล็กคอยดึงดูดพวกเขาเข้ามา
เจ็ดสิบก้าว!
พลังโจมตีที่น่าทึ่งของม้าฝีเท้าเพลิง
ในพริบตาเดียวช่วงเวลาสั้นๆ กลุ่มเล็กๆ
ที่อยู่ด้านข้างของถังอี้ก่อขบวนเป็นมุมโจมตีทันที
ไม่มีเสียงคำราม
ถังอี้ชูดาบฟันขาม้าโดยไม่แสดงสีหน้าความรู้สึก
รังสีหอกทั้งสี่ยิงออกมาจากด้านข้าง ขณะที่ถังอี้ฟันดาบฟันขาม้าลง
รังสีหอกทั้งสี่สายผสานกันเป็นรังสีดาบ เกิดแสงเจิดจ้าแพรวพราว
ราวกับว่าถังอี้ถือดวงอาทิตย์ทั้งดวงไว้
ชายชราดูเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความฝัน เขาตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ไม่....”
ประกายแสงวาบผ่านตัวชายชรา ร่างของเขาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
ถังอี้วาดดาบในแนวขวาง นัยน์ตาของเขากวาดผ่านทุกคน
ท่วงท่าการมองของเขาดูสง่างามขณะที่กวาดตามองทุกคนในพื้นที่ เขาทำเหมือนกับว่าเพิ่งทำเรื่องง่ายๆ
จากนั้นหันหัวม้าเดินออกมา
กุบ
กุบ กุบ
เสียงกีบเท้าม้าย่ำลงพื้นเสียงดังเสียดหูในท่ามกลางความมืด
ทุกคนตกตะลึงกับความระห่ำของถังเทียน
และตกตะลึงกับประกายดาบของถังอี้ในท่ามกลางความมืด หลายๆ
คนได้รับผลกระทบจากพลังโจมตีของถังอี้
ขุนพลวิญญาณสามารถดูแคลนพวกเขาได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
แต่ไม่มีใครส่งเสียง แม้แต่สตรีชุดดำและม่อเป่าที่หลบรังสีหอกได้ก็ยังมีความกลัวปรากฏอยู่ในแววตา
พวกเขาคงไม่อาจหลบดาบของถังอี้ได้เช่นกัน
พลังทวนหนักตะลุยศึกครั้งก่อนทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนาแน่น
ไม่มีทางที่จะหลบได้
แต่พลังโจมตีของถังอี้เองกลับมีระดับที่แตกต่างสิ้นเชิง
พวกเขาไม่รู้ว่า
ถังอี้มีคุณสมบัติเพียงพอให้หยิ่งลำพองได้ เพราะเขาคือสุดยอดขุนพลวิญญาณโดดเด่น
พลังโจมตีของเขาโดดเด่นเฉพาะตัวที่สุดในโลก
ทุกคนตั้งใจจะจากไป
แต่ราวกับว่าถังเทียนจะรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไร เสียงที่หยิ่งยโสของเขาดังขึ้น
“ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับ ถังอี้ ใครก็ตามที่พยายามหลบหนี จงฆ่าให้หมด”
ทุกคนพร้อมใจกันหยุดนิ่ง
ราวกับว่าพกลายเป็นหิน ไม่มีใครเคลื่อนไหว
“ขอรับท่าน!”
ดวงตาของถังอี้ที่หลับอยู่
ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ประกายตาสีทองทำให้ทุกคนเยือกเย็นจับใจ
ถังเทียนนั่งอยู่บนบันไดเข้าประตูและไขว่ห้างอย่างสบายใจ
มือข้างขวาเท้าคาง กวาดสายตามองดูทุกคน เหมือนกับว่าเขาเก็บงำเจตนาทำอันตรายไว้
หลังจากคิดชั่วขณะ เขารู้สึกท่าทางของเขายังเท่ไม่พอ จึงหยิบดาบยาวเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้
อาเฮ่อและหลิวซิ่วมองดูขณะที่สถานการณ์สงบลงแล้ว
พวกเขาจึงพุ่งมาอยู่ข้างตัวถังเทียน
คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคน
เมื่อเผชิญหน้ากับทหารจากกองทัพหมาป่าที่กำลังจับตาดูพวกเขาอย่างขึงขัง
ไม่มีใครกล้าขยับ
ถังเทียนปักดาบลงพื้นทำให้หินแตกกระเด็ก เขามองดูคนรอบๆ ราวกับว่ากำลังมองดูปศุสัตว์ของตนเอง
“สหายที่ซ่อนตัวอยู่ เชิญออกมาได้ คนที่หลบอยู่หลังหินโม่,
คนที่เกาะอยู่ใต้หลังคา และคนที่หลบอยู่ที่มุม...”
ถังเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาและชี้ตำแหน่งที่มีคนซ่อนตัวอยู่ สัญชาตญาณของเขาน่ากลัว
และพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องคิดหาวิธีซ่อนตัวจากความรู้สึกของเขา
“และเหมือนกัน, ใครหนีก่อน... ตาย”
ถังเทียนย้ำประโยคเดิมทำให้คนสองสามคนที่ตอนแรกตั้งใจจะหนียอมเดินออกมาจากที่ซ่อนแต่โดยดี
หลิวจงกวงตะลึง
เขาคิดในตอนแรกว่าสามารถปกปิดร่องรอยได้สุดยอดตามมาตรฐานของเขาแล้ว
แม้แต่อาเดรียนอาจารย์ของเขาก็ยังชื่นชม แต่กลับถูกถังเทียนหาพบได้
เขาช่างประหลาดคนจริงๆ...
ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว
ในช่วงเวลานั้น ทุกคนไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้
ถังเทียนนั่งลงเหมือนลูกพี่ใหญ่
ตะโกนเสียงลั่น “ทุกคน, มาตกลงกันดีกว่า
เราจะแก้ปัญหาวันนี้กันยังไง?”
เขาเคาะดาบลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า หน้าของเขาเต็มไปด้วยท่าทีที่หยิ่งผยอง
ถ้าจะกันว่าแล้วบุคลิกท่าทางของเขาก็คืออันธพาลข้างถนนดีๆ นี่เอง หลิงซิ่วไม่เห็นว่าแปลก
มีแต่อาเฮ่อที่รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง
เขารู้สึกดูแคลนตนเองและหลิงซิ่วและถังเทียน
ทำแบบนี้...เหมือนกับว่าเราจะขอเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเขา...
และข้าก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลูกพี่โดยตรงเสียด้วย บางทีอาจจะมีการตั้งฉายาให้เรา เช่น สี่วายร้าย
สิบสามอันธพาล...
ข้ามีความคิด
ความฝันเป็นของตนเอง เป็นศิษย์สำนักที่มีความทะเยอทะยาน แล้วต้องมาประสบพบเหตุแบบวันนี้ได้ยังไง อาเฮ่ออยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ทุกคนพากันเงียบ
เหมือนกับว่าถังเทียนกำลังถือมีดบินพิเศษ
ปาหนึ่งครั้งคร่าหนึ่งชีวิต
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถฆ่าได้ทุกคน
แต่เขาจะฆ่าคนแรกที่เคลื่อนไหวก่อน
ทุกคนมีแรงจูงใจและแผนซ่อนเร้น
ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีใครกล้านำหน้า
แต่ต้องการให้มีคนเคลื่อนไหวก่อน แล้วค่อยฉวยโอกาสหลบหนี
“เมื่อไม่มีใครต้องการพูด งั้นข้าพูดเอง
ทุกคนจะต้องทิ้งของบางอย่างเอาไว้
อะไรก็ได้ขอเพียงมีราคาอย่างน้อยร้อยล้านเหรียญดาว เอ่อ..
การ์ดข้าก็รับด้วยเช่นกัน”
ถังเทียนพูดอย่างสบายๆ
แต่นัยน์ตาของเขาเคร่งขรึม
ใบหน้าของเขาเหมือนไม่สนใจอะไร
“อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าไม่อะไร พวกเจ้าแต่ละคนมีสถานะและตำแหน่ง มีหลายคนจับตาดูอยู่ ไม่มีร้อยล้านเหรียญทอง นั่นเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าแน่นอน”
ทุกคนตะลึงกับคำพูดของถังเทียน แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ พวกเขาจึงตั้งตัวได้
กรรโชกทรัพย์!
พวกเขาถูกกรรโชกทรัพย์อย่างโจ่งแจ้งจริงๆ!
หลายคนโกรธจนตัวสั่น
พวกเขาถ้าไม่เป็นผู้นำที่เฉียบขาด ก็เป็นยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียง พวกเขาเคยถูกรีดไถกรรโชกตั้งแต่เมื่อไหร่?
“แน่นอน ถ้าพวกเจ้าไม่มีงั้นก็ไม่เป็นไร จะมีอะไรที่สำคัญมากกว่าชีวิตตนเอง”
ถังเทียนยิ้มจนเห็นฟันขาว
ดาบยาวในมือฟันลงพื้นทันที
ดาบจมลึกจนถึงด้าม
ทุกคนตะลึง
อาเฮ่อแทบอยากซุกหน้าหนี ใจของเขารู้สึกอายอยู่ลึกๆ เจ้าบ้านี่รีดไถกรรโชกทรัพย์จริงๆ ด้วย! พระเจ้า ข้าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลและใช้ชีวิตอย่างใสสะอาด
และข้าจะก้มหัวให้กับการกระทำแบบนี้ได้ยังไง? นี่ขัดกับหลักการดำเนินชีวิตของข้าอย่างมากมาย นี่คือความด่างพร้อยในชีวิตของข้า...
อาเฮ่อรู้สึกว่ามีอะไรไหวๆ
อยู่ด้านหน้าเขา
เขาเงยหน้ามองทันทีเห็นเป็นถุงผ้าใบหนึ่ง
ถังเทียนกำลังถือถุงผ้ายื่นให้อาเฮ่อ “เสี่ยวเฮ่อ! ไปเก็บรวมรวมทุกอย่างมา”
อาเฮ่อรู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ตลอดทั้งตัวชะงักค้าง
ทำไม....
ทำไมต้องเป็นข้า....
24 ความคิดเห็น:
อาเฮ่อน่าวงวาร อ่านจบนี่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาจริงๆเลย คนแต่งแกล้งอาเฮ่อบ่อยมาก 555+
เดี๋ยวก็ชินหน่า อ่าเฮ่อ
5555555555555 น่าสงสารบุรุษหนุ่มรูปงามหลายยยย
เสี่ยวเฮ่ออออออออ 555+ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
55555ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
555 ตอนนี้อย่างจี้
ขอบคุณครับ
ตอนนี้ฮาจริงๆ
ออกมาก็ไถตังเลยโหดจิงๆ 555
พี่ถังทำไปได้ไม่สงสารภาพลักษณ์ของน้องเฮ่อเลย
นี้สิลูกผู้ชายตัจริง พระเอกในฝันสัสสัส
เอ็นดูอาเฮ่ออออ 55555
พี่เฮ่อทนไว้ เพื่ออนาคต 555
อือ อาเฮ่อเดียวก้ชิน
บาปกรรมมีจริงพี่ถัง เดี๊ยวเมิงเจอลุงปิงรูดทรัพย์ต่อ
อ่าเฮ่อผู้น่าสงสาร พลาดตั้งแต่เป็นลูกน้อง3ปีแล้ว 555555555555 5 5 5 5
ไม่แน่นานๆไปเสี่ยวเฮ่ออาจจะปล้นก่อนไอ่ถังสั่งก็เป็นได้ 555
อย่าฮ่า ตอนนี้
อาเฮ่อ สามปีเอง สามปี ใจเย็นไว้ ใจเย็นไว้
โอ้ยดั้นตอนนี
ตอนนี้เล่นเอา ฮาลั่นเลยยยยย ห้าๆๆๆๆๆ
Thx
แสดงความคิดเห็น