วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 22 โลกกว้างใหญ่

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 22 โลกกว้างใหญ่
หนึ่งเดือนต่อมา คำสั่งจากประมุขตระกูลชาร์คก็ส่งมาถึง  คีนรับตำแหน่งเจ้าเมืองปกครองเมืองเซียร์  อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะอายุบรรลุนิติภาวะ เจนน์พี่สาวของเขาจะช่วยเขาดูแลกิจการของเมือง

 “พี่ลีย์, ท่านจะไปจริงๆ หรือ?”
เจนน์ คีนและแลมเบิร์ตทุกคนมองดูลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
เมื่อคีนเป็นเจ้าเมืองและเจนน์เป็นผู้ดูแลของเขา เทียบกับตอนนี้สองพี่น้องนับว่ามีชีวิตที่สบายแล้ว เพียงแต่ทั้งสองคนต้องการหาทางตอบแทนลินลี่ย์ แต่จู่ๆ เขาประกาศว่าเขาตั้งใจจะแยกออกไปจากเมืองเซียร์
 “พี่ลีย์” เจนน์มองทำตาแดงๆ
ลินลี่ย์สะพายดาบหนักและบีบีอยู่บนไหล่ของเขา  เสือดำเมฆาแฮรุยืนอยู่ด้านข้างของเขา  ลินลี่ย์ยิ้มพลางกล่าว  “ในสภาพแวดล้อมที่พัฒนาแล้วและมีสิ่งก่อสร้างในเมืองเซียร์ การฝึกฝนของข้าจะส่งผลไม่ดีต่อเมือง  ข้าไม่ได้ไปไกลมากนัก  แค่ตั้งใจไปในหุบเขาใกล้ๆ เมืองเซียร์และฝึกฝีมือเงียบๆ สักระยะหนึ่ง”
สำหรับลินลี่ย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นการฝึก  ลินลี่ย์ยังคงฝึกฝนพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เมื่อยังไม่ถึงสภาวะคอขวดของการฝึกฝน จึงทำให้การฝึกฝนนั้นสำคัญมากขึ้น ในเวลาอย่างนี้เขาต้องฉวยโอกาสเพิ่มพลังของเขาให้มากเท่าที่เป็นไปได้
มีบันทึกว่านักรบเลือดมังกรของตระกูลบาลุคสามารถบรรลุถึงระดับเซียนและมีอำนาจเหนือโลกเป็นเวลาหลายทศวรรษเนื่องจากการฝึกฝนอย่างเข้มข้น
ยอดฝีมือต้องอดทนต่อความเดียวดายได้
 “หุบเขาหรือ?” เจนน์และคีนลอบถอนหายใจโล่งอก
 “ถูกแล้ว  ถ้าข้ามีเวลาว่าง ข้าจะมาเยี่ยม ข้าช่วยพวกเจ้ามากเท่าที่จะช่วยได้แล้ว ในอนาคตพวกเจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเองแล้วนะ”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
เมื่อเขามองดูสองพี่น้องคีนและเจนน์  ลินลี่ย์มักจะคิดถึงวอร์ตันน้องชายของเขาเอง ตอนนี้เขากับวอร์ตันก็กำพร้าพ่อแม่เช่นกัน
 “สงสัยจริงๆ ว่าวอร์ตันจะเป็นยังไงบ้าง  หลังจากข้าเข้าใจเคล็ด กำหนด มากขึ้น ข้าค่อยไปเยี่ยมหาเขาก็ได้”
ลินลี่ย์รู้ดีว่าตอนนี้ วอร์ตันจะต้องฝึกฝนอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียนอย่างหนักแน่นอน เขายังไม่จำเป็นต้องไปรบกวนวอร์ตัน  นอกจากนี้เมื่อเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้วอร์ตันเติบใหญ่รวดเร็วที่สุด
เมื่อลินลี่ย์อยู่ข้างๆ วอร์ตัน  บางทีวอร์ตันอาจได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
…..

ด้านตะวันออกของเมืองเซียร์ มีแนวเทือกเขาเขียวชอุ่มซึ่งมีหุบเขาเล็กๆ ซ่อนอยู่  ลินลี่ย์สร้างห้องไม้ที่นี่ จากนั้นเริ่มฝึกฝนอย่างเงียบสงบ
ตกดึกภายในหุบเขา มีทุ่งหญ้าเขียวขจีและมีทะสาบเล็กอยู่ตรงกลาง
ลินลี่ย์นั่งทำสมาธิอยู่ใกล้ทะเลสาบ  เขาหลับตาปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ  ข้างตัวของเขามีกองไฟสว่าง แสงไฟวูบวาบอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์
ลินลี่ย์สามารถสัมผัสรู้ได้ถึงแผ่นดินที่กว้างหญ่ สายลมที่พัดโบกและกระแสน้ำและรู้สึกถึงภาวะของเปลวไฟ
ในฐานะจอมเวทที่มีสายสัมพันธ์สองสายธาตุดีเป็นพิเศษคือธาตุลมและธาตุดิน ความสามารถของลินลี่ย์ในการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติเหนือล้ำกว่านักรบทั้งหมด
นี่คือสาเหตุที่บรรพบุรุษของตระกูลบาลุคผู้ใช้ค้อนหนักเป็นอาวุธคู่มือสามารถเข้าถึงระดับ กำหนด ได้หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเซียน  ที่สำคัญคือ นักรบปรับตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับนักเวท
 “เคล็ดสายฟ้าฟาด ข้าได้เรียนรู้เมื่อตอนถึงระดับกวัดแกว่งของหนักดุจของเบามีพลังระเบิดแฝงอยู่เหมือนกับภูเขาไฟปะทุ  ส่วนเคล็ดที่ชื่อว่า กำหนด จะประกอบไปด้วยพลังคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของตนเองของธาตุ ดิน ไฟ น้ำและลม  อย่างไรก็ตาม...”
หลังจากเข้าสมาธิเป็นเวลานานลินลี่ย์ก็เข้าใจทันที
 “ระดับ กำหนด ก็คือพลังคุณสมบัติที่ยืมมาจากพลังที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัว  ระดับที่อยู่เหนือกว่า กำหนด น่าจะครอบคลุมทั้งหมด  ข้าจำเป็นต้องไล่ไปตามเส้นทางนี้อย่างเหมาะสมที่สุด”
ในความมืดยามราตรี  ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิที่เดิม  จากนั้นเขาลืมตาพลัน  ดวงตาของเขาสดใสเหมือนกับดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรี
 “อาวุธที่แตกต่างคงจะต้องใช้วิธีการที่แตกต่าง พลังของดาบหนักอยู่ที่น้ำหนักของมัน! เพราะดาบนี้มีชื่อว่าเบลดเลส (ดาบไร้คม) จึงเป็นธรรมดาที่มิได้อาศัยคมของมัน  มันอาศัยน้ำหนักที่มหาศาลอย่างชัดเจนและทำการโจมตีอย่างตรงๆ
จิตวิญญาณของลินลี่ย์รู้สึกถึงเค้าลางบางอย่าง
หลักการฝึกด้วยดาบหนักคล้ายกับหลักการพื้นฐานของตัวแผ่นดินเอง
 “แผ่นดินกว้างใหญ่หนาแน่นและหนัก  แผ่นดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แผ่นดินกว้างใหญ่มั่นคง...” ลินลี่ย์ถือดาบหนักอดาแมนเทียมในมือของเขา แต่หัวใจของเขาผสานเข้ากับชีพจรของแผ่นดิน
ชีพจรของแผ่นดินสั่นสะเทือนไม่เหมือนใคร สั่นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจ กล่าวโดยทั่วไป มีแต่คนที่เข้าถึงแผ่นดินในระดับสูงได้จึงจะรู้สึกได้
ลินลี่ย์ยกเท้าข้างหนึ่ง
เขาเริ่มกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมเงียบๆ ขณะที่ดาบหนักอดาแมนเทียบร่ายรำ  ความเคลื่อนไหวของตัวลินลี่ย์เองและความเคลื่อนไหวของดาบเริ่มเป็นจังหวะเฉพาะตน
นี่เป็นจังหวะที่เป็นเหมือนชีพจรของหัวใจคน
 “ควั่บ”
ดาบหนักอดาแมนเทียมดูเหมือนจะแบกน้ำหนักเป็นล้านปอนด์  ขณะที่มันฟันใส่อากาศครั้งแล้วครั้งเล่า  ขณะที่ลินลี่ย์เหวี่ยงดาบหนักของเขาซ้ำๆ กัน เขารู้สึกเหมือนกับเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดิน เพียงฝึกด้วยดาบหนักของเขา เขาก็รู้สึกเหมือนกับตัวเขาเองแบกน้ำหนักโลกไว้ทั้งโลก
 “บึ้ม!
ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์แทงฝ่าอากาศทันที  เสียงระเบิดดังหลายครั้งได้ยินอย่างต่อเนื่อง  การแทงใส่อากาศว่างเปล่านี้ทำให้ตัวอากาศระเบิดได้เอง ไม่อยากเชื่อเลย  นี่เป็นเพราะไม่ว่าอาวุธจะเคลื่อนได้ไวเพียงไหน ก็มีแนวโน้มจะเกิดเสียงระเบิดทลายกำแพงเสียงเพียงครั้งเดียว  การจะเกิดเสียงระเบิดตามมาหลายครั้งนั้นเป็นไปไม่ได้
 “หืม?” ตาของลินลี่ย์เป็นประกายทันที
แต่ก็เพียงแค่นั้น เมื่อเลิกกังวลใจ ลินลี่ย์ไม่ดูดซับความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบตัวอีกต่อไป
 “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?  ข้าไม่ได้ใช้ปราณยุทธอะไรเลย  แต่พลังของข้ากลับแบ่งออกเป็นหลากหลายจังหวะชีพจรที่หลากหลาย
ลินลี่ย์เริ่มไตร่ตรองถึงข้อสงสัยนี้
เมื่ออยู่ในระหว่างการฝึกฝน  บางครั้งผู้ฝึกจะเข้าสู่สภาวะบางอย่างแน่นอน และเข้าถึงระดับพลังที่น่าทึ่ง  แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้าใจสภาวะที่พวกเขาเข้าถึงนั้น  พวกเขาจะไม่สามารถใช้พลังนั้นได้อีกโดยง่าย
สิ่งที่ลินลีย์จำเป็นต้องทำตอนนี้คือไตร่ตรองและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เขาจำเป็นต้องเชี่ยวชาญให้ได้ทุกอย่างและควบคุมให้ได้อย่างสิ้นเชิง
……

ท้องฟ้าสีเหมือนน้ำทะเล  สีฟ้าบริสุทธิ์ไม่มีสีอื่นเจือปน มีเมฆสองสามก้อนลอยขวางอ้อยอิ่ง  ชีวิตของลินลี่ย์ในหุบเขาช่างเงียบสงบนัก
สายลมพัดโบก เกิดระลอกคลื่นในทะเลสาบ
ตอนนี้ลินลี่ย์ไม่ได้ฝึก  เขาตกปลาอยู่ในทะเลสาบกลางหุบเขา  คนเราไม่สามารถฝึกอยู่ตลอดเวลาได้  ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้น ก็อาจมีผลต่อความสมบูรณ์ก็ได้
ถ้าเขาต้องการตกปลา  เขาจะทำ  ถ้าเขาต้องการไปนอน  เขาจะไปนอน
ใจของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลก  หนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เมื่อเขาฝึก นี่จะทำให้ระดับความก้าวหน้าสูงมาก
 “พี่ลีย์” เสียงหนึ่งดังมาจากนอกหุบเขา  ลินลี่ย์หันไปมองเห็นเจนน์อยู่บนหลังม้า  ด้านหลังนางมีหญิงรับใช้หน้าตางดงามสองคนขี่ม้าติดตาม  หญิงรับใช้ทั้งสองคนนี้ดูมีความสามารถ เนื่องจากความเคลื่อนไหวบนหลังม้าของพวกนางบ่งบอกว่าเป็นนักขับขี่ที่มีประสบการณ์
 “เจนน์”  ลินลี่ย์วางคันเบ็ดลงและลุกขึ้นยืน
บีบีกับแฮรุไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น  ทั้งสองชอบเข้าไปในภูเขาลึกเพื่อล่าสัตว์ป่ากิน  สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาที่ลินลี่ย์อยู่อาศัยนี้จะเป็นสัตว์ป่าธรรมดา  อสูรเวทจะหาได้ยากมาก
 “พี่ลีย์, อาหารเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้ท่าน”  เจนน์แก้ห่อสัมภาระจากหลังม้า  สัมภาระถูกห่อไว้อย่างดี  “ที่นี่ท่านไม่สามารถหาอาหารดีๆ กินได้ มาเถอะพี่ลีย์  นี่คืออาหารเลิศรส”
เจนน์แก้สัมภาระทีละชั้น ภายในเป็นกล่องโลหะกล่องหนึ่งบรรจุไปด้วยข้าวปลาอาหารทุกอย่าง
ลินลี่ย์สูดกลิ่น
 “ฮืมม.. กลิ่นหอมจริงๆ ด้วย”  ลินลี่ย์หัวเราะ
หน้าของเจนน์แดงด้วยความตื่นเต้น
แต่ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ  ลินลี่ย์จะบอกความรู้สึกเจนน์ได้ยังไง?  ในแง่ของรูปลักษณ์และนิสัยอารมณ์ทั้งสองอย่าง   เจนน์สมบูรณ์พร้อม  แต่ลินลี่ย์มีประสบการณ์มาก ยากที่ลินลี่ย์จะยอมเปิดหัวใจส่วนลึกรับคนอื่นเข้ามาในหัวใจ
 “รัก?”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจให้ตอนเอง
เขาไม่มีความสนใจเรื่องราวของหัวใจ  สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือมุ่งมั่นฝึกฝน  ช่วงนี้เองฉากภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์อย่างช่วยไม่ได้
หลังจากบิดาของลินลี่ย์ตาย พวกชนชั้นสูงที่มาคารวะในงานศพที่เมืองอู่ซันทุกคน  เดเลียมาเยี่ยมเขา  นางต้องการบอกลินลี่ย์ว่านางจะกลับไปจักรวรรดิยูลาน  และคืนนั้นก่อนที่นางจากไป เดเลียจูบเขา
 “เดเลีย?”
นอกจากอลิซแล้ว บางทีมีเพียงคนเดียวที่ลินลี่ย์รู้สึกมีใจให้ด้วยก็คือสาวน้อยคนนี้ผู้ที่เขารู้จักตั้งแต่ปีแรกในสถาบันเอินส์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนางแสดงความในใจต่อเขา  แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ได้ยอมรับโดยเปิดเผย แต่ในใจของเขาภาพของเดเลียประทับอยู่ในใจของเขา
 “พี่ลีย์ ทานเสียเถอะ”  เจนน์พูดอย่างมีความหวัง
ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง  “ข้าไม่ยอมให้เจนน์ต้องเสียช่วงเยาว์วัยของนางไปในลักษณะนี้”  ขณะที่เขาคิดในใจ ลินลี่ย์เริ่มกินพลางชื่นชมไปด้วย  “นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ  อร่อยมาก”
เมื่อได้ยินคำชมของลินลี่ย์  เจนน์ยิ้มเต็มหน้า
 “เจนน์ ต่อไปคราวหน้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมข้าแล้ว  เมื่อข้ากำลังฝึก ข้าไม่อยากถูกรบกวน”  ลินลี่ย์พูดกับเจนน์
เจนน์สะดุ้ง
 “โอว” เจนน์พึมพำ  จากนั้นนางฝืนยิ้ม  “อย่างนั้นเมื่อท่านมีเวลาว่าง พี่ลีย์ต้องมาเยี่ยมเราที่ปราสาทบ้าง”
 “ย่อมได้”  ลินลีย์ได้แต่ตอบยืนยันเท่านั้น
….

วันคืนที่ลินลี่ย์ฝึกฝนอยู่ในหุบเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวผ่านไปเกินกว่าหนึ่งเดือน เรื่องการใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมของเขา ลินลี่ย์ค่อยๆ พบวิธีการที่เหมาะสม
ตราบเท่าที่เขายังคงเพียรพยายามอยู่ในเส้นทางนี้  ในช่วงเวลาสองสามปี เขาคงสามารถบรรลุระดับใหม่ที่เหนือยิ่งกว่าระดับ ‘กำหนด’ แน่นอน!
….

ภายในโรงแรมที่เงียบสงบของเมืองเซียร์
โรงแรมแห่งนี้มีไฟเพียงสลัวๆ และบรรยากาศค่อนข้างมืดมัวในช่วงพลบค่ำ  แต่ละโต๊ะจัดแถวอย่างเป็นระเบียบและช่วงระหว่างนั้นจะมีฉากกั้น
นี่คือโรงแรมที่เงียบมากแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศยิ่งใหญ่  เพียงครั้งแรกที่ลินลี่ย์มาที่นี่ เขาก็ชอบมัน
ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเช่นกัน
ขณะที่เขากำลังฝึกฝน กล่าวโดยทั่วไปแล้วทุกๆ เจ็ดหรือแปดวัน ลินลี่ย์จะมาที่นี่และดื่มเหล้าฟังเพลงของโรงแรมที่ไพเราะ  และบ่อยครั้งที่เขาได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของคนเดินทาง
 “ใกล้เดือนกรกฎาคมแล้ว  ปีการศึกษาใหม่ของวอร์ตันน่าจะเริ่มในไม่ช้า”  ลินลี่ย์คิดเอง
ตอนนี้ ในโรงแรมมีลูกค้าค่อนข้างน้อย ลูกค้าทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสนทนาจะพยายามเบาเสียงลงขณะที่พวกเขาพูดคุย  แต่เมื่อลินลี่ย์ตั้งใจฟังเขาสามารถได้ยินทุกคำพูดสนทนาได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเสียงสนทนาเบาๆ รายหนึ่งดึงดูดความสนใจของลินลี่ย์
 “เจ้าเคยได้ยินมาบ้างไหม? ในเมืองหลวงจักรวรรดิมีอัจฉริยะที่เหลือเชื่อถือกำเนิด  อายุสิบเจ็ดปีเองชื่อวอร์ตัน”  ที่โต๊ะต่อจากลินลี่ย์ มีบุรุษวัยกลางคนสามคนนั่งอยู่  พวกเขาพูดคุยกันถึงพวกอัจฉริยะต่างๆ ในจักรวรรดิ
วอร์ตัน?
ลินลี่ย์เพ่งความสนใจฟังเต็มที่
หลังจากใช้เวลามามากครั้งในจักรวรรดิโอเบรียนลินลี่ย์ยังคงติดตามเรื่องราวของวอร์ตัน
 “เจ้ากำลังพูดถึงอัจฉริยะที่โผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในสถาบันโอเบรียนน่ะหรือ?”  บุรุษศีรษะโล้นตาเป็นประกาย  “ข้าก็เคยได้ยินชื่อเขาเช่นกัน  นักเรียนปีเจ็ด ซึ่งเป็นปีสำเร็จการศึกษามักจะได้รับความสนใจอย่างมากมาย  แม้กระทั่งนักเรียนบางคนที่ถึงระดับแปดก็มีส่วนร่วมในโอกาสนี้”
เนื่องจากสถาบันโอเบรียนสถาบันนักรบอันดับหนึ่งของทวีปยูลาน แบ่งออกเป็นเจ็ดระดับชั้น
เมื่อถึงระดับเจ็ดนักรบก็จะได้รับให้เข้าเรียนในชั้นที่เจ็ด
นักรบระดับเจ็ดมีมีคุณสมบัติจะจบการศึกษา  แต่มีหลายคนเลือกจะอยู่ในสถาบันต่อ  แม้ว่านักรบระดับแปดบางส่วนก็ยังไม่รีบจบ
 “เจ้าแร้งหัวโล้น  เจ้าได้ยินข่าวนี้มาด้วยหรือ?  เจ้าวอร์ตันผู้นั้นจริงๆแล้ว โอว..”  บุรุษวัยกลางคนผมเขียวถอนหายใจ  “อายุเพียงสิบเจ็ดปี ในอดีตเขาไม่เคยร่วมแข่งขันประจำปีแต่อย่างใดเลย  ครั้งนี้เมื่อเขาเข้าร่วมแข่งขันในเด็กชั้นปีเจ็ด  เขาเอาชนะนักรบระดับแปดกลายเป็นผู้ชนะเลิศของชั้นปีที่เจ็ด”
 “อะไรนะ?  อายุสิบเจ็ดปีและเอาชนะนักสู้ระดับแปดได้เหรอ?  พูดจริงหรือเปล่า?  เรื่องจริงหรือเปล่า?”  บุรุษอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่นั่งฟังจนตอนนี้โพล่งขึ้นด้วยความตกใจทันที
บุรุษหัวโล้นชำเลืองมองเขา “จริงแท้แน่นอน  ข้าเห็นมากับตาตัวเอง เจ้าไม่รู้หรอก วอร์ตันผู้นี้สูงเกือบสองเมตรและร่างใหญ่กำยำมาก  แค่ลักษณะร่างกายภายนอกเพียงอย่างเดียวก็สร้างแรงกดดันให้ผู้คนได้  อาวุธที่เขาเลือกใช้เป็นดาบศึกขนาดยักษ์ดูน่ากลัวมาก ยามกวัดแกว่งดาบศึกนั้น วอร์ตันผู้นั้นสามารถเอาชนะนักรบระดับแปดกลายเป็นผู้ชนะเลิศของปีที่เจ็ดไปเลย”
 “จากสิ่งที่ข้าได้ยิน เพราะวอร์ตันผู้นี้สามารถเอาชนะนักรบระดับแปดได้ตอนนี้ ก็หมายความว่าเขามีแนวโน้มว่าจะถึงระดับแปดด้วยตัวเองตอนอายุราวๆ ยี่สิบปี  ในอดีตเซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิวิเย่ว์ถึงระดับเก้าตอนอายุสามสิบ ความสามารถตามธรรมชาติของวอร์ตันนี้ถือว่าไม่ไกลเกินไป”  บุรุษผมเขียวยกย่องเช่นกัน  “สำหรับเด็กอายุสิบเจ็ดปีสามารถเอาชนะนักรบระดับแปดได้น่าทึ่งจริงๆ นานเพียงไหนแล้วที่จักรวรรดิได้สร้างอัจฉริยะเช่นนี้ออกมา  นับว่าเขาเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันโอเบรียนและองค์จักรพรรดิได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เคานท์ให้กับเขาด้วย”

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

มาแล้วๆ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เก็บสาว ๆ ให้หมดเลยบักลี่ย์ อย่าให้เหลือสักคน

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เมื่อไหร่จะเจอ เดเลีย 55คนนี้รักพระเอกมาก
พระเอกก้มีแผลจากอลิซอีก เจนก้ชอบอีก เอาเข้าไป

แสดงความคิดเห็น