วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 23 คาร์ดินัล

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 23 คาร์ดินัล
บุรุษอ้วนพูดอย่างสงสัย  “เฮ้ ตามคำที่พวกเจ้าทั้งสองคนพูด  คนอย่างวอร์ตันผู้นี้ควรเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วไม่ใช่หรือ  ทำไมไม่มีใครได้ยินชื่อของเขาจนบัดนี้เล่า?”

บุรุษโล้นพยักหน้า  “ข้าก็สังสัยคำถามนี้เหมือนกัน  ดังนั้นข้าก็เลยสืบเรื่องราวบางอย่างได้  วอร์ตันผู้นี้ตลอดเวลาที่อยู่ในจักรวรรดิโอเบรียนไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันประจำปีเลย  ทั้งไม่เคยประลองฝีมือกับยอดฝีมือคนใด นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่มีชื่อเสียงมาโดยตลอด”
 “มีพลังแต่ไม่อวดฝีมือ”  บุรุษผมเขียวและบุรุษอ้วนถอนหายใจด้วยความเลื่อมใส
 “อย่าว่าแต่ในอดีตเลย”  บุรุษโล้นมั่นใจมาก “หลังจากการแข่งขันนักเรียนปีเจ็ดที่สถาบันโอเบรียน  วอร์ตันผู้นี้กลายเป็นจุดสนใจทันที”
ภายในโรงแรมเล็กที่เงียบสงบนั้น  ลินลี่ย์ยังคงนั่งจิบไวน์ต่อไป  มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา
 “วอร์ตันน้อยสูงถึงสองเมตรเชียวหรือนั่น?  นั่นสูงกว่าข้าเล็กน้อย”
เมื่อวอร์ตันออกจากเมืองอู่ซัน  เขาอายุเพียงหกขวบ  ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กนี่น่ารักมากยังมีฟันน้ำนมเต็มปาก  ในพริบตาเดียว ผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้ว
 “น้องวอร์ตัน!
ความรู้สึกอบอุ่นผุดขึ้นในหัวใจของลินลี่ย์  นี่เป็นความรักความผูกพันระหว่างพี่น้อง
 “น้องวอร์ตันมีเลือดมังกรที่เข้มข้นอยู่ในสายเลือดสูงยิ่งกว่าเราเสียอีก  พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเขาในฐานะเป็นนักรบก็คงสูงมากกว่าเช่นกัน  เขาเอาชนะนักรบระดับแปดตอนอายุสิบเจ็ดปีได้เชียวหรือนี่? อืมม... ข้าคาดว่าวอร์ตันน่าจะถึงระดับเจ็ดอย่างน้อยเมื่อสองหรือสามปีที่แล้ว”
ลินลี่ย์คาดเดาได้ถูกต้อง
ปีนั้นตอนอายุหกขวบวอร์ตันติดตามพ่อบ้านแอชลี่ย์ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียน วอร์ตันมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว  การเข้าสถาบันโอเบรียนจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
แต่พ่อบ้านแอชลี่ย์เข้าใจว่าตระกูลบาลุคยังเป็นคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องตอกย้ำวอร์ตันไม่ให้เปิดเผยพลังที่แท้จริงและปกปิดเอาไว้  ถ้าวอร์ตันเปล่งประกายมากเกินไป  หลังจากจบการศึกษา สถาบันโอเบรียนจะไม่ยอมปล่อยให้เขากลับสหภาพศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายๆ
ดังนั้น ตามคำแนะนำของพ่อบ้านแอชลี่ย์ในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมานี้วอร์ตันปกปิดพลังของเขาเอาไว้  แม้ว่าเขาจะเปิดเผยออกมาบ้างเมื่อตอนเขายังเด็ก ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปและไม่ทันระวังตัว  เมื่อเขาโตขึ้นและรู้ความ  เขาจึงเข้าใจความสำคัญของการปกปิดตนเองโดยธรรมชาติ
หลายปีฝึกฝนอย่างยากลำบาก
ที่สถาบันโอเบรียน สถาบันนักรบชั้นยอดของจักรวรรดิที่ทรงอำนาจทางทหารที่สุดในโลก  ระดับความก้าวหน้าของวอร์ตันรวดเร็วมาก
เมื่อวอร์ตันอายุสิบสี่ปี ฮิลแมนรับคำสั่งจากลินลี่ย์เดินทางมาถึงสถาบันโอเบรียน
ความจริงช่วงเวลาที่ฮิลแมนเดินทางมาถึงสถาบันโอเบรียน วันมหาวิบัติได้เกิดขึ้นนานแล้ว พวกราชวงศ์และตระกูลขุนนางใหญ่ของจักรวรรดิโอเบรียนทั้งหมดจะมีระบบการสื่อสารของตนเองโดยเฉพาะได้รู้เรื่องนี้นานแล้ว ขณะที่สถาบันทหารชั้นสูงของจักรวรรดิโอเบรียน  สถาบันโอเบรียนย่อมรู้ข่าวนี้เช่นกันเป็นธรรมดา
เมื่อฮิลแมนไปถึงจักรวรรดิ  วอร์ตันก็รู้เรื่องวันมหาวิบัติเกิดขึ้นแล้ว
ฮิลแมนแจ้งข่าวการเสียชีวิตของฮ็อกให้วอร์ตันทราบ และการตัดสินใจแก้แค้นของลินลี่ย์  วอร์ตันได้แต่ตะลึง เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไง
มีฮิลแมนและแอชลี่ย์อยู่ข้างๆ และด้วยดาบศึกประหารปรปักษ์ในมือของเขาที่ลินลี่ย์ยกให้เขา  วอร์ตันตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าเขาจะรับผิดชอบตระกูล  แต่ในใจของเขาวอร์ตันยังคงห่วงใยลินลี่ย์พี่ชายของเขา  วอร์ตันไม่รู้ว่าสถานการณ์ของลินลี่ย์เป็นเช่นไร
ระยะทางจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์ไปจักรวรรดิโอเบรียนนั้นห่างไกลกันมาก เดินทางเที่ยวหนึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
โชคดีที่หลังจากนั้นหอการค้าดอว์สันติดต่อวอร์ตันและส่งจดหมายลับให้เขา
จดหมายลับนั้นเขียนโดยเยล อธิบายถึงความเป็นปรปักษ์ระหว่างลินลี่ย์กับเคลย์ รวมทั้งศาสนจักรเจิดจรัสด้วย ทั้งยังแจ้งวอร์ตันให้ทราบว่าลินลี่ย์ไม่เป็นไรแล้ว  แต่เขาตะลุยเดี่ยวฝึกฝีมือระยะยาว
หลังจากได้ทราบข่าวนี้ วอร์ตันรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นบ้าง
วอร์ตันรู้สึกภูมิใจพี่ชายของเขา และทำให้เขามุ่งมั่นพากเพียร เพื่อที่ว่าในอนาคต  เขาจะได้ยืนต่อสู้เคียงข้างกับพี่ชาย  ในอดีตวอร์ตันก็ฝึกหนักมากอยู่แล้ว  แต่สามปีหลังจากนั้น  วอร์ตันฝึกหนักยิ่งขึ้น  เมื่อเขาอายุสิบห้าปี วอร์ตันก็เป็นนักรบระดับเจ็ดแล้ว
เมื่อวอร์ตันกลายเป็นนักรบระดับเจ็ด  เขาเชื่อว่าเขามีระดับสูงพอจะใช้ดาบศึกประหารปรปักษ์ได้  ในเวลานั้น เขาตั้งใจจะร่วมแข่งขันประจำปี  ผลของการแข่งขัน วอร์ตันสร้างความตื่นตะลึงทั่วทั้งจักรวรรดิและกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในเมืองหลวง  จักรพรรดิเองพระราชทานศักดินาตำแหน่งเคานท์ให้กับเขา
………

ลินลี่ย์นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของโรงแรม  เขามีความสุขมากกว่าที่เคยมีมานานแล้ว
 “เจ้านาย, วอร์ตัน? นั่นคือน้องชายของเจ้านายใช่ไหม?”  บีบีขดตัวอยู่บนเก้าอี้จ้องมองลินลี่ย์ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์หัวเราะพยักหน้า
 “เจ้าหนูน้อยนั่นเอาชนะนักรบระดับแปดได้จริงหรือนั่น?” บีบีถอนหายใจอย่างประหลาดใจ  “เจ้านาย น้องชายของเจ้านายน่าจะแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้ใช่ไหม?”
 “เรื่องธรรมดา”
ลินลี่ย์ภูมิใจในวอร์ตันน้องชายของเขามาก  “บีบี, ข้าแปลงเป็นนักรับเลือดมังกรได้ด้วยการดื่มเลือดของมังกรเกราะหนามและปลุกเลือดมังกรในสายเลือดของข้า  ส่วนน้องชายข้ามีเลือดมังกรความเข้มข้นอยู่ในสายเลือดสูงอยู่แล้ว  เขาสามารถเป็นนักรบเลือดมังกรได้โดยตรง  แต่ร่างแปลงมังกรของเขาไม่เหมือนกับข้า”
ลินลี่ย์จำได้ชัดถึงคำอธิบายร่างมังกรแปลงในบันทึกของตระกูลของเขา
เมื่อเลือดมังกรที่เข้มข้นในสายเลือดของคนผู้นั้นมีเพียงพอ  หลังจากฝึกฝนไปตามคัมภีร์ลับเลือดมังกร  เขาสามารถแปลงเป็นนักรบเลือดมังกรได้   ปกติร่างกายของนักรบเลือดมังกรจะปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีฟ้า และมีเขามังกรเดี่ยวงอกออกมาจากหน้าผาก
อย่างไรก็ตามร่างแปลงมังกรของลินลี่ย์ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำและมีเขาแหลมงอกออกมาจากหน้าผาก มีหนามสีดำที่ศอก และเข่าและหางสีดำด้วยเช่นกัน
 “ขอหยกเขียวขวดหนึ่งให้อีกคน”  เสียงซึ่งลินลี่ย์คุ้นเคยดังออกมาจากในโรงแรม
 “นี่คือ....”
ดูเหมือนลินลี่ย์สะดุ้งเหมือนถูกฟ้าผ่า  ทั่วทั้งตัวของเขาเกร็งและจากนั้นเขาพูดในใจกับบีบีทันที  “บีบี, มาหาข้า, อย่าเผยตัวให้ใครเห็น”  ลินลี่ย์วางบีบีบนเก้าอี้ในมุมหนึ่งของรองเท้าเขา
นี่คือโรงแรมที่มืดสลัวมาก
ยิ่งกว่านั้น ทุกๆ โต๊ะจะมีฉากไม้กั้นไว้  ร่างของลินลี่ย์แทบถูกฉากไม้กันไว้ทั้งหมด เพื่อที่ว่าคนที่คุ้นเคยกันจะได้มองไม่เห็นลินลี่ย์
ลินลี่ย์หันศีรษะชะเง้อขึ้นเล็กน้อย
ร่างอ้วนเตี้ยนั่น นัยน์ตาของเขาที่สลัวเปลี่ยนเป็นมีประกายเจิดจ้าทันที
 “เขานั่นเอง”
ลินลี่ย์หดหัวกลับ  “คาร์ดินัลแลมพ์สัน  ทำไมเขามาอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน?  และพวกที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ไม่อ่อนแอแต่อย่างใด  ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในพวกนี้เป็นโยคีที่เคยปรากฏตัวที่ชั้นบนสุดของวิหารเจิดจรัสในปีนั้น”
ความจริงโยคีนั้นคือหนึ่งในคนที่ทำงานให้กับไฮเดนส์ในการสร้างวงเวท  เขาเป็นนักสู้ที่ทรงพลังคนหนึ่ง
ที่นี่มีนักสู้ระดับเก้าอย่างน้อยสองคน  แลมพ์สันกับโยคี
 “ข้าจำคนอื่นๆ ไม่ได้  แต่ตัดสินจากกลิ่นอายพลังของพวกเขา  พวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าแลมพ์สันมากนัก  บางทีพวกเขาอาจเป็นยอดฝีมือระดับเก้า”
ลินลี่ย์เริ่มใจสั่น
 “ในที่อย่างเมืองปกครองเซียร์ ทำไมถึงมียอดฝีมือของศาสนจักรเจิดจรัสปรากฏตัวอย่างมากมาย? เป็นไปได้ไหมว่า  เป็นไปได้ไหมว่า....” จิตใจของลินลี่ย์ตึงเครียด  “เป็นไปได้ไหมว่าสถานะของเราถูกเปิดเผย?”
ลินลี่ย์รู้ว่าองค์กรขนาดใหญ่อย่างสหภาพศักดิ์สิทธิ์มีเครือข่ายข่าวกรองอยู่ในอาณาจักรและจักรวรรดิอื่นๆ มากมาย  แต่เครือข่ายข่าวกรองของพวกเขาจะมีการเจาะลึกแม้แต่ในหัวเมืองเซียร์ด้วยหรือไม่?
 “เจ้านาย เกิดอะไรขึ้น?”  บีบียังคงสงสัย  หลังจากได้รับคำสั่งจากลินลี่ย์ให้หลบมุม  บีบีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลินลี่ย์มองดูบีบีและยิ้มให้  “บีบี ยอดฝีมือจากศาสนจักรเจิดจรัสมาถึงแล้ว  น่าจะมีนักสู้ระดับเก้าอยู่หลายคน”
 “ศาสนจักรเจิดจรัส?”  ตาของบีบีมีแววอำมหิต
 “ถ้าพวกเขาวางแผนลงมือกับข้า  ข้าจะต้องแน่ใจว่าไม่มีใครในพวกเขาหนีไปจากเมืองเซียร์ได้”  ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันด้วยเช่นกัน   ระดับพลังของลินลี่ย์ในปัจจุบันนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีในอดีต
เมื่ออยู่ในร่างมังกรแปลง  พลังของเขาเทียบเท่านักรบระดับเก้าขั้นสูง  และยิ่งกว่านั้นเกี่ยวกับการใช้ดาบหนักอดาแมนเทียม ลินลี่ย์บรรลุถึงระดับสูงสุดขั้น ‘กำหนด’ แล้ว และอีกเพียงเล็กน้อยก็จะเริ่มเข้าสู่การบรรลุระดับสูงกว่านั้น
ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวัง
พวกที่มาจากศาสนจักรเจิดจรัสยังไม่พบการปรากฏตัวของลินลี่ย์
 “เพื่อให้ได้คนผู้นี้มา เราใช้เวลาสองปี  ในที่สุดอีกสิบวันหรือราวๆ ครึ่งเดือนเราจะได้กลับกันเสียที”  เสียงของแลมพ์สันเบามาก
แลมพ์สันระมัดระวังมากเมื่อเขาพูด ไม่ยอมให้ร่องรอยอะไรที่เป็นการระบุถึงสถานะของคนผู้นี้ปรากฏ
 “สองปี” บุรุษชุดดำอีกคนซึ่งหันหลังให้ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “เพื่อจัดการกับเจ้าแก่นั่น สหายที่ดีของข้าต้องตายไปหลายคน”
 “ตราบใดที่เราจับเขาได้  ทั้งหมดก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”  แลมพ์สันกล่าว
…..

ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว ขณะฟังคำสนทนาของพวกเขา
 “พวกเขาหมายความว่ายังไง?”
เขาได้ฆ่ามือปราบพิเศษทั้งหกของศาลศาสนจักร  แต่เขาไม่ใช่เจ้าแก่แน่นอน
 “คนแก่?  และพวกเขาจะกลับไปในไม่ช้า?”  ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้อยู่ที่นี่  มีแนวโน้มว่ามุ่งจัดการกับคนผู้นั้น
ลินลี่ย์เริ่มสงสัยมากขึ้น  ใครกันถึงมีค่าคู่ควรให้ศาสนจักรเจิดจรัสต้องทุ่มเทความพยายามมากขนาดนี้?
 “เจ้าแก่, เจ้ากำลังจ้องอะไร?”  หนึ่งในบุรุษชุดดำตะคอกเบาๆ
 “ทำไมต้องโอหังด้วยเล่า?”  เสียงชราภาพเสียงหนึ่งดังขึ้น  “ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงว่าพวกเจ้าถือดีที่จำนวนคนมากกว่าข้าและยังใช้กลอุบาย  ข้าจะตกไปอยู่ในมือของพวกเจ้าได้ยังไง?  ตลกชัดๆ”
ลินลี่ย์หนังตากระตุก
ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงชรานี้เองเป็นคนที่ศาสนจักรเจิดจรัสต้องการตัว
 “ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ส่งยอดฝีมือจำนวนมากขนาดนั้นไปยังประเทศอื่นเพื่อไล่ล่าและฆ่าข้า  แต่พวกเขาทำเพื่อชายชราผู้นี้... เขาเป็นใครกันแน่?”
ลินลี่ย์สงสัย
 “อะไรก็ช่างและไม่ว่าผู้เฒ่านี้จะเป็นใครก็ตาม ข้าจะช่วยเขาแน่นอน”  ลินลี่ย์หัวเราะกับตัวเองอย่างเยือกเย็น  “สามารถขัดขวางแผนการสำคัญของศาสนจักรเจิดจรัสได้ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น”
การทำลายศาสนจักรเจิดจรัสให้สิ้นซากแบบถอนรากถอนโคนเป็นเรื่องที่ยากมาก
ตอนนี้ เขาสามารถทำได้เพียงดำเนินไปทีละขั้น
หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง  แลมพ์สันและคนกลุ่มนี้ก็ออกจากโรงแรมในที่สุด และพาชายชราผู้นี้ไปกับพวกเขาด้วย  ตั้งแต่เริ่มจนจบ  แลมพ์สันและคนที่มากับเขาไม่ชำเลืองมองมาที่ลินลี่ย์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉากไม้แม้แต่น้อย 
ลินลี่ย์เดินออกมาจากซุ้มของเขา
 “บีบีไปกันเถอะ”  ลินลี่ย์โยนเหรียญทองสองสามเหรียญไว้ และพาบีบีออกจากโรงแรมทันที ติดตามกลุ่มของแลมพ์สันไปข้างหลัง
ความเข้าใจของลินลี่ย์ในเรื่องระดับ ‘กำหนด’ ถึงระดับสุดยอดฝีมือแล้ว  แค่ใช้ความรู้เรื่องระดับ ‘กำหนด’ ของเขา  ลินลี่ย์สามารถยืนอยู่บนผิวน้ำโดยไม่จมลง  บางอย่างที่นักสู้ระดับเก้าส่วนใหญ่ทำไม่ได้  นี่คือความเข้าใจระดับสูงกว่าซึ่งไม่สามารถทำได้โดยใช้พลังภายนอก หรือพลังปราณภายใน
ลินลี่ย์ติดตามไปข้างหลังกลุ่มของแลมพ์สันในที่สุดก็เห็นว่าคนเหล่านี้มีใครบ้าง
 “ศาสนจักรเจิดจรัสมีคนหกคน  กับทั้งชายชราลึกลับที่พวกเขาอารักขาอยู่”  ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าคนทั้งหกเหล่านี้เป็นนักสู้ระดับเก้ากันทั้งหมด
ยอดฝีมือระดับเก้าหกคนคุ้มกันชายชราคนเดียว  และมีคาร์ดินัลแลมพ์สันนำทีมด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินคำสนทนาของเขาพวกเขา  ดูเหมือนว่าหน่วยของคาร์ดินัลแลมพ์สันใช้เวลาสองปีกับการจับกุมครั้งนี้ และสูญเสียคนไปสองสามคนเช่นกัน
 “ชายชราผู้นี้เป็นใคร?”  จากด้านหลังลินลี่ย์พยายามหาทางชำเลืองมองชายชรานั้นเช่นกัน
เขาตัวผอมมากและคิ้วสีขาวของเขายาวห้อยลงมาถึงอก  ที่สำคัญที่สุด ชายชราผู้นี้ถูกพันธนาการที่มือ มีผ้าอยู่ชิ้นเดียวที่พันรอบกุญแจมือ คนส่วนใหญ่ก็จะไม่สังเกตมันจนกว่าพวกเขาจะได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ แม้แต่ลินลี่ย์ก็เพียงแต่สังเกตเห็นหลังจากติดตามมานาน และเพราะแค่เพียงลมกระโชกมาชั่วคราวพัดผ้าที่บังนั้นเปิดครู่หนึ่ง
 “หืม? นั่นมัน...”  นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นเครื่องมือในตำนาน  “กุญแจต้านเวท?”
ตามบันทึก ใครก็ตามที่ถูกสวมกุญแจต้านเวทจะไม่สามารถใช้พลังเวทในร่างได้เลย  ต่อให้เป็นนักเวทที่ทรงพลังก็ตามจะกลายเป็นเหมือนกับคนธรรมดา  แต่กุญแจต้านเวทราคาแพงมาก  นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นของอย่างนั้น
ลินลี่ย์ไถลเข้าไปในกลุ่มผู้คนในท้องถนน  บางครั้งก็หลบ บางครั้งก็ซ่อนตัว  ความเคลื่อนไหวของเขาทำได้ยอดเยี่ยม  แลมพ์สันและคนของเขาไม่คิดว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไรได้
หลังจากนั้นไม่นาน แลมพ์สันและคนของเขาก็มาถึงตรอกแห่งหนึ่ง  พวกเขาหยุดข้างหน้าที่พักสองชั้น  หนึ่งในคนชุดดำเคาะประตู
 “ใต้เท้า”  ประตูที่พักเปิดออก และบุรุษวัยกลางคนออกมาคำนับ  “ทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว  ใต้เท้า เชิญเข้ามาพักเถิด”
แลมพ์สันและคนอื่นพยักหน้า
 “คอแซ็ท!  เจ้ากับพี่ของเจ้ายืนเฝ้าเจ้าแก่นี่ไว้  เราจะมาช่วยเจ้าทีหลัง”  แลมพ์สันสั่ง
ลินลี่ย์ลอบสะดุ้ง  “แม้พันธนาการด้วยกุญแจต้านเวท  พวกเขาก็ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดอีกหรือ?  ชายชราคนนี้มีความพิเศษจริงๆ”  นี่ทำให้ลินลี่ย์ต้องการจะทำลายแผนของศาสนจักรเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น

10 ความคิดเห็น:

Hemm กล่าวว่า...

จริงๆ เลย พอหยุดลงก็โดนทวง แต่พอลงแล้วก็ไม่มีคอมเมนท์ เมื่อผู้อ่านเฉย คนแปลขอเฉยบ้างนะครับ วันนี้หยุดลงครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ใจเย็นครับ สำหรับผมตอนนี้เพิ่งว่างอ่าน และอ่านจบเมื่อตะกี้นี้เลย

Ray cool กล่าวว่า...

สนุกครับ ขอบคุณมากๆ

Tong คนป่วย กล่าวว่า...

สำนวนพัฒนาไปเรื่อยๆ ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณครับไรท์

เทพดีกรี กล่าวว่า...

สุดยอดเหมือนเดิมขรับ

zyntatar กล่าวว่า...

อ่านทุกวัน ติดมากก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับบบ สนุกมากๆ

สุดยอด กล่าวว่า...

ผมเพิ่งไดอ่านเรื่องนี้ครับ จากตอนที่ 1 มาจนถึงตอนนี้ 5 วันแล้วครับ ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว 555

Unknown กล่าวว่า...

สุดยอดมากกก

Unknown กล่าวว่า...

5555 สนุกดี

แสดงความคิดเห็น