วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 500 นักโทษรอประหาร

ตอนที่ 500  นักโทษรอประหาร
โลกของเซียนกว้างขวางยิ่งใหญ่มากกว่าที่ถังเทียนจินตนาการไว้มาก  เขารู้สึกได้ทันทีว่าเขาพรวดพราดเข้าสู่โลกใหม่  ทุกอย่างใหม่และมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจ

แต่เขาไม่กังวลหรือกลัวแม้แต่น้อย  เขาเต็มไปด้วยความสงสัย  ทุกอย่างมีความหมายมากมาย
สถานการณ์ในเมืองหานกู่สงบอย่างน่าทึ่ง  ทุกคนมีความกังวลบางอย่าง  แม้แต่กับผู้อาวุโสสำนักมู่ หรือผู้อาวุโสสำนักหรงปัว ไม่มีใครประมาทแต่อย่างใด  อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่เหมือนเมื่อคราวอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่า ที่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวหรือดูเหมือนมีการเข่นฆ่ากันได้ง่ายเหมือนผัก เหมือนปลา
ถังเทียนไม่รู้เหตุผล แต่เขาคร้านที่จะคิด
เขาวนอ้อมและกลับไปที่ค่าย  อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า  ผลเก็บเกี่ยวของเขามากมายเกินกว่าที่เขาคิด  เสี่ยวเอ้อกำลังกินจิตวิญญาณเซียน  ขณะที่ถังเทียนกำลังอ่านหนังสือจิตวิญญาณที่เขาซื้อมาอย่างกระตือรือร้น
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเซียนแล้ว มีความรู้ซึ่งอธิบายไม่ได้  ดังนั้นหนังสือจิตวิญญาณจึงมีขายอยู่ในตลาด  หนังสือจิตวิญญาณจะบันทึกวิธีการต่างๆ โดยพวกเซียน
การสร้างหนังสือจิตวิญญาณไม่ใช่งานซับซ้อน  มีพลังจิตวิญญาณเป็นสื่อ ส่วนใหญ่ที่คนใช้ก็คือเศษเสี้ยวพลังวิญญาณที่ใช้ต่อสู้  เศษพลังวิญญาณทั้งหมดนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก  แต่สามารถเก็บรักษาข้อมูลไว้ได้จำนวนมาก
และหนังสือจิตวิญญาณก็ไม่ใช่วัตถุระดับสูง และเป็นความรู้ตื้นๆ ของพวกเซียน  แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์สมบัติเซียนไม่ใช่ราคาถูกๆ  เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างหนังสือพลังจิตวิญญาณ ราคาของมันก็สูงถึงร้อยล้านเหรียญดาว
แต่มันคือสิ่งที่ถังเทียนต้องการมากที่สุด
เขามีข้อสงสัยมากมายและสามารถมองหาคำตอบจากในหนังสือได้  ตัวอย่างเช่น  เขารู้ว่าจิตวิญญาณเซียนคืออะไร และจากที่เซียนตายไปแล้ว  ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่เหลือจิตวิญญาณเซียนไว้  เพราะจิตวิญญาณยุทธของเซียนเปลี่ยนไปเป็นสนามพลังวิญญาณแล้ว  แค่เพียงอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษสองสามอย่าง เซียนถึงจะทิ้งจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาไว้และนั่นก็คือจิตวิญญาณเซียน
ประโยชน์ของจิตวิญญาณเซียนที่มากที่สุดก็คือช่วยยกค่าจิตวิญญาณและขยายสนามพลังวิญญาณได้
สนามพลังวิญญาณเป็นเหมือนแปลงพื้นที่เพาะปลูกของเซียน และวิชาจิตวิญญาณเป็นเหมือนพืชที่ปลูกอยู่ในแปลง  ยิ่งมีพื้นที่เพาะปลูกมาก  เซียนก็สามารถเพาะปลูกได้มาก
เมื่อถังเทียนมาถึงระดับนี้แล้ว จากนั้นเขาจึงค่อยเข้าใจความสำคัญของค่าจิตวิญญาณ  อย่างนั้นนั่นก็คือพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเซียน!
ไม่เพียงแต่การฝึกเคล็ดจิตวิญญาณจะต้องใช้ค่าจิตวิญญาณที่เพียงพอเท่านั้น  แต่จำเป็นต้องเข้าใจวิชาจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งด้วย  วิชาจิตวิญญาณจะยังคงเติบโตและพัฒนาได้ จำเป็นต้องมีค่าจิตวิญญาณมากขึ้น  ถ้ามีค่าจิตวิญญาณไม่เพียงพอ  แม้แต่วิชาจิตวิญญาณก็ยากจะก้าวหน้าได้ไกล
ค่าของจิตวิญญาณเสี่ยวเอ้อคราวก่อนก็แค่พอเรียนวิชาเคลื่อนย้ายพริบตาเท่านั้น
และนอกจากนั้นแล้ว สมบัติจิตวิญญาณมีพลังที่น่ากลัว  ของพวกนี้จะมีแตกต่างกันและประโยชน์ที่สุดก็คือไม่จำเป็นต้องใช้ค่าวิญญาณ  สำหรับเซียนคนหนึ่ง  ค่าวิญญาณทุกอย่างมีความสำคัญมาก
ท่าทางเจ็บปวดผุดขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวเอ้อ  ร่างของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ถังเทียนตกใจกลัวและรีบเชื่อมโยงกับเสี่ยวเอ้อทันที  เขาสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเสี่ยวเอ้อได้  ใบหน้าที่น่ารักของเสี่ยวเอ้อทรมานน่ากลัว  หมอกสายหนึ่งเริ่มคลุมรอบตัวเขา เขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังดิ้นทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน
 “ฆ่า...”
เสียงที่ดังออกมาเต็มไปด้วยความโกรธและแค้น เสียงแหบแห้งเหมือนกับเป็นอีกคนหนึ่งที่แตกต่าง
ร่างของเสี่ยวเอ้อกลายเป็นหมอกควันและแสดงอาการโกรธอย่างรุนแรง
แย่แล้ว!
ถังเทียนยื่นมือเข้าไปในหมอกโดยไม่คิดอะไร
***************

เมื่อกลับมายังที่พัก เย่เฉาเกอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูด “ผู้อาวุโส, เราต้อง...”
เขาเหยียดหัวแม่มือและทำท่าเป็นสัญลักษณ์ฆ่า  วันนี้ผู้อาวุโสของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มีแนวโน้มว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หรงปัวหัวเราะและกล่าว  “เฉาเกอ, เอ่อ.. เจ้ายังอายุน้อย ดังนั้นเจ้าคงอยากฆ่าคนโดยตรง  แต่เจ้าต้องจำไว้  เมื่อเจ้าสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องใช้ดาบของเจ้า จงพยายามอย่างดีที่สุดอย่าใช้ดาบของเจ้า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
สีหน้าของเย่ว์เฉาเกอเปลี่ยน  เขาคิดย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นชั่วขณะ  “อย่าบอกข้าจะว่า ผู้อาวุโส..”
 “อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเจ้าเห็น”  หลงปัวหัวเราะ  “แสงอรุณสำคัญขนาดนั้นจริงๆ หรือ?  ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไงก็ยังไม่คู่ควรเทียบเท่าจิตวิญญาณเซียนระดับห้า  บางคนอาจจะคิดว่าข้าห้ามเอาไว้ไม่ให้ของตกไปในเงื้อมมือของพวกวิญญาณมืดและข้าคิดอะไรไม่ออก  แต่ในความจริง เมื่อข้ารู้ว่าเจ้าแพ้เขา ข้าก็ตัดสินใจกำจัดเขาแล้ว”
เย่เฉาเกอใจสั่นสะท้าน
 “ความล้มเหลวไม่มีอะไรต้องคิดมาก  เมื่อข้ายังอายุน้อย  ข้าก็แพ้มาหลายครั้ง”  หลงปัวยังคงยิ้มและกลายเป็นจริงจัง  “พรสวรรค์ของเจ้าและความเพียรพยายามของเจ้าไม่ได้ด้อยเลย  พลังปัจจุบันของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าในอดีตเสียอีก  เจ้าไม่ใช่คนที่ใครจะเอาชนะได้   คู่ต่อสู้ไม่ใช่คนที่จัดการง่ายๆ และข้ามีความรู้สึกว่าเขาคือศัตรูของเรา”
 “จิตวิญญาณเซียนจะเปลี่ยนเป็นศัตรูที่อันตรายและมีศักยภาพ ใครจะใส่ใจทันระวังได้  นั่นช่างคุ้มค่านัก”  หลงปัวหัวเราะ  และพูดอย่างเป็นกันเองว่า “จิตวิญญาณเซียนนั่นถูกดึงออกมาจากนักโทษรอประหาร”
 “นักโทษรอประหาร?”  เย่เฉาเกอตะลึง
 “เขาชื่อวิลเลียม!  หลงปัวเริ่มหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องที่มีความสุขอย่างนั้น
เย่เฉาเกอตะลึง  หน้าของเขาซีดขาว  นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจ
***********

นอกเมืองอาเลียธ การรบพุ่งดุเดือดไม่มีทีท่าสิ้นสุด
กองทัพใหญ่ของถังโฉ่ว มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน  หลังจากประสบกับสงครามในเมืองมิซาร์  แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียค่อนข้างมาก  แต่สงครามที่รุนแรงทำให้ทหารของเขาแข็งแกร่งขึ้น
กองทัพได้รับการปรับแต่งแล้ว  นักสู้ชาวเจ็ดดาวเหนือเผชิญกับกองทัพใหญ่เช่นนั้นไม่สามารถขัดขืนได้
ถังโฉ่วเงยศีรษะขึ้นมองดูจุดดำทั้งสี่จุด
ในการต่อสู้ในเมืองมิซาร์ เขาพบกับนักสู้ชั้นเซียนสองคน  เซียนที่ไม่รู้วิธีเหาะถูกพวกเขาฆ่าตายอย่างรวดเร็ว  ขณะที่เซียนอีกสองคนรู้วิธีเหาะทำให้พวกเขาสูญเสียค่อนข้างมาก  เซียนที่รู้วิธีเหาะมีความได้เปรียบในสงครามมาก  พวกเขาไปมาเหมือนสายลม  วิชาตัวเบาไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้ และนั่นคือสิ่งที่ถังโฉ่วไม่ได้คาดการณ์ไว้
วิชาจิตวิญญาณทรงพลังมาก แข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธและในช่วงเวลาสั้นๆ ถังโฉ่วสูญเสียคนไปเกิน 500 คนซึ่งทำให้เขาโกรธมาก
แต่ถังโฉ่วพบจุดอ่อนของเซียนได้อย่างรวดเร็วและนั่นก็คือการโจมตีระยะไกลของเขา
ศัตรูไม่สามารถโจมตีได้ไกลเกินกว่า 300 เมตร และเมื่อเขาพบจุดอ่อนนี้ ถังโฉ่วรวบรวมสมาธิทันที กองทัพถอยและจัดระยะห่างของกองทัพ
เซียนชอบการต่อสู้แบบตัวต่อตัว  ดังนั้นเขาจึงมีทหารน้อยมาก  แต่นี่ก็เพียงพอให้ถังโฉ่วรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่
ถังโฉ่วรู้สึกยินดีในใจ  พวกเซียนที่พวกเขาพบส่วนใหญ่เป็นเซียนทั่วไป  เขาได้ยินว่าเจ้านายฝึกวิชาจิตวิญญาณที่สามารถเคลื่อนในพริบตาได้ ถังโฉ่วเห็นว่ายังมีวิชาจิตวิญญาณอื่นที่ดีกว่าวิชาเคลื่อนไหวในพริบตานั่นจะเอามาใช้ในสงครามได้หรือไม่?
คงจะไม่เหมือนกับที่ตำนานบอกกล่าวไว้  สิ่งที่คงอยู่ซึ่งสามารถระเบิดหินดวงดาวได้
สำหรับเซียนธรรมดา มีข้อจำกัดบางประการ  ตัวอย่างเช่นปราณแท้ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไร ก็ต้องใช้ปราณแท้  และปราณแท้ของเซียนคนหนึ่งมิใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด
ข้อดีของกองทัพก็คือจำนวน  มดหลายตัวสามารถล้มช้างได้  และจะใช้ประโยชน์จากวิธีนี้ทำงานทางทหารได้อย่างไร
ถังโฉ่วมองดูเซียนในท้องฟ้า
กองทัพมีอำนาจเหนือกว่าในสนามรบอยู่แล้ว  ถ้าเซียนไม่เคลื่อนไหวอะไร  การรบก็จะยิ่งเข้าทางพวกเขามาก เซียนที่อยู่ในอากาศสามารถมองได้ทั่วสนามรบจากท้องฟ้าและสถานการณ์ในสนามรบก็ชัดเจนมากขึ้น
จุดดำทั้งสี่เริ่มเคลื่อนไหว
ทนไม่ได้อีกต่อไปหรือ?  ตาของถังโฉ่วเป็นประกายเยือกเย็น
ไม่มีอะไรสามารถขัดเกลาหัวหน้าทหารให้ดีขึ้นได้มากไปกว่าการรบอย่างต่อเนื่อง  ถังโฉ่วสั่งการทหารสี่กองทัพ  กองทัพหมาป่าของถังอี้  ทหารพรานข่ายของขลุ่ยวิเศษ  กองพลทหารราบของทาร์ตันและกองทัพหมัดเหล็กของหวงฝู่หง
นอกจากกองทัพหมัดเหล็กของหวงฝู่หงซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด  กองทัพอีกสามกองทัพคงการรักษาไว้แบบเดิมได้โดยเพิ่มเลือดใหม่เข้าไป  ความแข็งแกร่งของบุรุษทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม  ถังอี้คือดาบที่คมที่สุดตลอดไป  สถานะขุนพลของขลุ่ยวิเศษก็อยู่ในสภาพดีที่สุด เขายังอายุเยาว์และมีศักยภาพสูงสุด  ทาร์ตันมั่นคงไม่หวั่นไหว  เขาเป็นคนมั่นคงไม่หวั่นไหวและพลังป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งมาก  และหวงฝู่หงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก  หัวใจของเขาดูเหมือนมุ่งอยู่กับการรบและชอบจะเข้าปะทะ
กองทัพหมัดเหล็กถูกสร้างขึ้นจากนักสู้สายจักรกลจากค่ายบรอนซ์แห่งเมืองสามวิญญาณ และนอกจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มคนที่ถังโฉ่วได้ดูแลไว้ก่อนนั้น  กองทัพเก่าของหวงฝู่หงซึ่งก็คือกองทัพเหล็กก็มีบางส่วนที่เป็นกองทัพจักรกล  หวงฝู่หงมักจะมาประจำการอยู่ที่เมืองสามวิญญาณ ได้ติดตามปิงเพื่อเรียนรู้  และอีกทางหนึ่งเขาร่วมช่วยร่างหลักสูตรฝึกฝนทุกแผนการอบรม ทำให้ได้รับประสบการณ์มากมาย
ปิงกล้าปล่อยมือและตามถังเทียนไปกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์เป็นเพราะพวกเขามีคนพอพึ่งพาอาศัยได้  กองพลทั้งสี่คือความเชื่อมั่นของเขา  ขลุ่ยวิเศษอาจมีศักยภาพเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อได้  แต่อีกสามคนนั้นยังไม่พอ  แต่มาตรฐานของพวกเขานั้นโดดเด่น มั่นคงและน่าเชื่อถือ
เมื่อผ่านการสู้รบติดต่อกัน  แม้มีการบาดเจ็บบ้าง  แต่ความสัมพันธ์ของทุกคนก็เพิ่มขึ้น
 “แถวหน้าถอยกลับ  ม่อจื่อหวี!”
เสียงมั่นคงของหวงฝู่หงดังผ่านสนามรบที่ยุ่งหยิง ทำให้ม่อจื่อหวีสั่น
อาวุธจักรกลวิญญาณสองสามแถวหน้าถอยออกมาเหมือนคลื่นน้ำลด  ฝ่ายตรงข้ามเริ่มดีใจและวิ่งเข้ามาเพื่อฆ่า  อาวุธจักรกลวิญญาณของม่อจื่อหวีเป็นผู้นำ การต้อนรับหน่วยของเขาดังกระหึ่มใส่เขา  เขาตะโกนเต็มเสียง  “กลยุทธหมายเลยห้า!”
ที่ด้านข้างทั้งสองของเขา  อาวุธจักรกลวิญญาณสองร้อยชุดวิ่งตามเขาจนฝุ่นคละคลุ้ง  เสียงลมอื้ออึงผ่านหูพวกเขา  ลมหายใจของทุกคนหนักหน่วง  พวกเขาตื่นเต้นและอาวุธจักรกลทั้งสองร้อยชุดบุกใส่พร้อมกัน  เสียงโห่ร้อง เสียงกึกก้องของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยพลังและความย่ามใจ เสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่นเหมือนเสียงแผ่นดินไหว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามา เหมือนกับจะเตรียมปะทะและประจัญบาน
ม่อจื่อหวีเห็นม่ออู๋เว่ยควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณถอยมาถึงด้านหน้าเขา ก็หัวเราะลั่น “การปะทะหนักยังคงขึ้นอยู่กับเรา”
อาวุธจักรกลวิญญาณที่กำลังวิ่งเข้าใส่เริ่มส่งเสียงโห่ร้อง
ระยะระหว่างกองทัพทั้งสองใกล้เข้ามา 90 เมตร... 75 เมตร.... 60 เมตร.... 45 เมตร!
ม่อจื่อหวีแสดงท่าทางเหี้ยมหาญทันทีและตะโกนลั่น  “ฆ่า!”
 “ฆ่า!”
ทั้งสองฝ่ายส่งเสียงโห่ร้อง  เสียงตะโกนของพวกเขาบรรจบรวมกันเหมือนน้ำเชี่ยวกราก
อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งสองร้อยชุด กระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมกันทั้งหมด เฉียดผ่านเพื่อนร่วมหน่วยไปอย่างหวุดหวิด  พวกเขาเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงขึ้นไปบนฟ้ามีแรงเหวี่ยงที่น่ากลัวกระแทกใส่พื้น
นักสู้ที่กำลังวิ่งไล่ตามหลังพวกเขาคาดไม่ถึงว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะพวกเขาจะกลายเป็นสีเข้ม และก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัว รังสีที่แพรวพราวมากมายก็ระเบิดต่อหน้าพวกเขา  แสงระคายตาจนพวกเขาไม่สามารถลืมตาได้
อาวุธจักรกลวิญญาณทุกเครื่องยิงดาบออกมาสามเล่ม  รังสีดาบหกร้อยเล่ม ที่ยาวเกินกว่าเก้าเมตรเกิดเป็นข่ายใบมีด
ใบมีดเหล่านั้นกระแทกใส่ในคลื่นมนุษย์
ในทันใดนั้น เลือดเนื้อปลิวกระจายไปทุกที่  เสียงร้องโหยหวนที่น่าสยดสยองร้องดังพร้อมกัน
ปัง
อาวุธจักรกลทั้งสองร้อยเครื่องลงพื้นพร้อมกัน  เสียงเหมือนกับค้อนขนาดใหญ่หวดลงพื้น กระแทกกระทั้นหัวใจผู้คน  นักสู้ชาวเจ็ดดาวเหนือแตกตื่นกันทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางที่อาวุธจักรกลวิญญาณกำลังลงสู่พื้น
พวกเขางอเข่า  ร่างของพวกเขาโน้มไปข้างหน้า
อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งสองร้อยชุดที่เพิ่งลงมายืนที่พื้น  เป็นเหมือนลูกตุ้มบรอนซ์ 200 ลูกพุ่งเข้าใส่ทันที
ข่ายรังสีดาบตัดใส่คลื่นมนุษย์อย่างโหดอำมหิต  โลหิตนับไม่ถ้วนฉีดพุ่งกระจาย  คลื่นมนุษย์ล้มลงกับพื้นในทันที
ปัง!
อาวุธจักรกลสองร้อยชุดลงมายังพื้นพร้อมกันอีกครั้ง ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเหมือนก้อนเมฆ
เวลาดูเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ  นักสู้เจ็ดดาวเหนือมองดูกลุ่มอสูรร้ายบรอนซ์ด้วยความหวาดผวา  ยักษ์บรอนซ์กำลังก้าวเข้ามาบนแม่น้ำโลหิต  ซากศพระเนระนาดอยู่พื้น กลายเป็นคำอธิบายของอสูรบรอนซ์ที่ดีที่สุด
ประหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมและเยือกเย็น

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เข้าสู่สมรภูมิ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าทำเป็นอนิเมะคงจะมัน

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ได้ของไปเปย์สหายหอกเงิน

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับบบ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น