วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 506 ป้อมประตูเดี่ยว



ตอนที่  506  ป้อมประตูเดี่ยว
หมื่นปีที่แล้ว เราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน  หมื่นปีต่อมาเราได้พบกันอีก  ข้ายังอยู่ดี แต่ท่านกลับเสียหายทรมานมาเป็นเวลาหมื่นปี

ข้าไม่สามารถตายพร้อมกับพวกท่านทุกคนในศึกสุดท้ายได้  ข้าไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย  ข้าไม่มีความสุขเลยจริงๆ  เทียบกับความกลัวตายแล้ว ข้ากลัวการพรากจากพวกท่านทุกคนมากกว่า
เด็กน้อยคนนี้เติบใหญ่ขึ้นแล้วและตอนนี้ก็กล้าหาญขึ้นแล้ว
ในอดีต พวกท่านพยายามอย่างที่สุดเพื่อปกป้องข้า  ตอนนี้ถึงคราวข้าปกป้องท่านคืนบ้าง
หลัวซือ, ข้าอยากนำท่านกลับมาสู่กองทัพ  ข้าต้องการรักษาท่าน  ข้าอยากนำท่านกลับมาพบกับอาซิ่น  เราต้องการนำท่านไปพบผู้บัญชาการ  ถ้าเราไม่ตาย แล้วสัตว์ประหลาดอย่างผู้บัญชาการจะตายได้ยังไง?
ก็เหมือนเมื่อหมื่นปีที่แล้ว
เราจะร่วมกันดื่ม!
เราจะร้องเพลงปลุกใจของเรา
เราจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน!
ไม่มีใครหยุดเราได้  ไม่มีใครเลย, แม้แต่ช่วงเวลาหมื่นปีก็หยุดเราไม่ได้!
ปิงปาดน้ำตา  เขาจ้องมองโลงน้ำแข็ง ขุนพลวิญญาณบ้าคลั่งที่ได้รับเสียหายอย่างหนักและตะโกนอยู่ข้างในนั้น เขาคือหลัวซือ  สายตาของเขามั่นคง ในใจเขามีความปรารถนาจะต่อสู้ลุกโชนอย่างไม่มีสิ้นสุด
ทุกคนเงียบ  ทุกคนตะลึงกับการกระทำของปิง  มีเพียงถังเทียนที่คิดอะไรบางอย่างได้ และถามด้วยความกังวล  “ลุง....”
สีหน้าปิงกลับคืนสู่ความปกติ  ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของการลืมตัวอีกต่อไป
 “ข้าไม่เป็นไร  ข้ากลายเป็นตัวตลกไปเสียแล้ว  เขาคือสหายร่วมรบของข้า  ข้าไม่คิดว่าข้าจะได้พบเขาอีก”  ปิงตอบอย่างสงบ
ทุกคนรู้สึกปลาบปลื้ม
 “ทำไมพวกเจ้าถึงไม่จากไปเล่า?”  ปิงถามทันที  “ถ้าพวกเจ้าจากไป ก็ยังมีทางอยู่แน่นอน”
 “เพราะมันต้องการพลังดวงดาว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์”  ชางหยางหวี่อธิบาย  “มีแต่พลังดวงดาวของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์เราจึงจะทำให้ดวงตาเซกซ์เสร็จสิ้นการเปลี่ยนสภาพได้  นี่คือสิ่งที่เขาสั่งข้าให้ทำจนสำเร็จ”
 “จำเป็นต้องใช้เวลาอีกกี่วัน?”  ปิงถาม
 20 วัน”  ชางหยางหวี่กล่าว  “เมื่อมีการปรับแต่งได้สำเร็จ  ดวงตาเซกซ์แทนส์จะมีความสามารถเพิ่มขึ้น  มันจะสามารถสร้างประตูดวงดาวชั่วคราวได้  แนวของมันจะอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์  เราสามารถใช้มันเพื่อออกไปได้”
 “ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง”  ปิงพูดช้าๆ
ทุกคนมีกำลังใจเพิ่มขึ้น  สถานการณ์ที่วิกฤติทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันอย่างมาก  ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขามาถึงทางตันแล้ว  พวกเขาไม่เคยคิดว่าปิงจะมีความคิดอะไรจริงๆ
 “เปลี่ยนสภาพจวนที่ทำการ”  ปิงพูดอย่างลึกซึ้ง  “เราได้ติดตามจือหงและเห็นพื้นที่จวนที่ทำการทั้งหมดแล้ว  เมื่อแรกเริ่มที่ถูกสร้างนั้นจะอิงกับป้อมปราการที่สมบูรณ์  ถ้าเป็นกรณีนี้ เราสามารถเปลี่ยนเป็นป้อมปราการประตูเดี่ยวได้”
นี่เป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคย จึงทำให้ทุกคนสับสน  มีแต่ฟู่จือหงที่มีสีหน้าประหลาดใจ “ป้อมปราการประตูเดี่ยว?”
 “ป้อมปราการประตูเดี่ยวนี้คืออะไร?”  หยางเฮ่าหรันถาม
ฟู่จือหงมองดูปิงและอธิบายทันที  “ป้อมที่ชื่อว่าป้อมปราการประตูเดี่ยวคือป้อมปราการระดับสูง โครงสร้างของป้อมปราการนี้ถือว่ามีความพิเศษมาก มันถูกสร้างขึ้นโดยตัดคั่นกันด้วยถ้ำมืดหลายระดับ  พลังป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก  อย่างไรก็ตาม โครงสร้างนี้ทิ้งจุดอ่อนอย่างหนึ่งไว้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็คือมีทางเข้าออกทางเดียวเท่านั้น  จุดอ่อนนี้จะกลายเป็นจุดเดียวให้ศัตรูของเราโจมตี  ดังนั้นเราต้องมีนักสู้ที่มีพลังแข็งแกร่งมากคนหนึ่งเฝ้ารักษาป้องกันไว้”
 “ถูกแล้ว”  ปิงพูดเสียงเบา  “ป้อมปราการประตูเดี่ยวถูกสร้างมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามต้องแยกกัน จากนั้นจะสร้างสถานการณ์เผชิญกันตัวต่อตัว  อย่างไรก็ตามนั่นจะส่งผลให้ทางเข้าป้อมประตูเดี่ยวตกอยู่ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องเป็นการต่อสู้ที่ถี่ จึงจำเป็นต้องมีคนที่แข็งแกร่งมาคอยคุ้มกัน”
 “ข้าจะไป”  ฟู่จงซานพูดเสียงเบา  เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนทั้งหมด เขายืนยันจะรับหน้าที่นี้
 “ไม่, ถังเทียนจะคอยป้องกัน”  ปิงพูดเสียงทุ้ม  “ข้าไว้ใจเขาคนเดียว”
คำพูดของปิงทำให้ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันรู้สึกเจ็บ  หยางเฮ่าหรันเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกฟู่จงซานปรามไว้  ฟู่จงซานตอบ “ถ้ามันใช้ไม่ได้ เราสามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ไหม”
 “ไม่จำเป็น” ปิงตอบ  “ป้อมปราการประตูเดี่ยวยังมีการทำงานอีกอย่างหนึ่งคือ มันสามารถรวบรวมพลังงานที่กระจัดกระจายจากการต่อสู้ และเมื่อพลังงานรวมตัวกันจนถึงระดับสุดยอด มันจะก่อตัวเป็นชั้นพลังงานซึ่งจะช่วยผนึกประตูทางเข้าออก ทำให้มีโอกาสพักได้”
ฟู่จือหงเห็นว่าทุกคนชะงักไปเล็กน้อยจึงถามทันที  “แล้ววัสดุเล่า?”
ปิงชี้ไปที่ใต้เท้า “อิฐน้ำแข็งคลื่นพลังเย็น!  เราสามารถใช้อิฐน้ำแข็งคลื่นพลังเย็นก่อสร้างได้  นักสู้ของเราไม่สามารถต่อสู้ได้  แต่ใช้พวกเขาสร้างอิฐน้ำแข็งก็คงไม่เป็นปัญหา  นี่คือโครงสร้างป้อมปราการที่มั่นคงอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนให้เป็นป้อมปราการประตูเดี่ยว  ถ้าเราทำได้เร็วพอ ก็อาจสร้างเสร็จได้ในคืนเดียว!”
ฟู่จงซานและพวกที่เหลือมองดูชางหยางหวี่  ชางหยางหวี่มองดูถังเทียน  “เจ้าตัดสินใจ”
ถังเทียนประหลาดใจเล็กน้อยที่ชางหยางหวี่เชื่อใจเขา  “ข้าน่ะหรือ?”
 “ใช่แล้ว”  ชางหยางหวี่ยิ้ม  “พวกเขาจะติดตามเจ้าในอนาคต  โปรดอย่าปฏิเสธ”
ฟู่จงซานและคนที่เหลือตกใจกับคำพูดของอาจารย์  ทุกคนมองหน้ากันเองอย่างมึนงง แต่ไม่มีใครส่งเสียงอะไร
ถังเทียนไม่ปฏิเสธ  แม้ว่าเขาจะยังคาใจอยู่บ้าง  แต่เขาพอได้ยินว่าชางหยางหวี่และคนผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกันในระดับตื้นเขิน  เขาผงกศีรษะและกล่าว  “ดี, นั่นคือสิ่งที่ข้าจะทำ  ข้าจะเป็นผู้คุ้มกัน!”
สถานการณ์อยู่ในสภาพวิกฤติ  ข้อสงสัยอาจได้คุยกันเมื่อถึงเวลา  หลังจากที่พวกเขาผ่านรับมือการโจมตีในครั้งก่อนได้แล้ว  ศัตรูอาจโจมตีได้ทุกเมื่อ และอาจเป็นเรื่องร้ายแรงจนทำให้ป้อมปราการล่มสลายก็เป็นได้
ทั่วทั้งจวนที่ทำการเริ่มต้นทำงาน  ศิษย์ทุกคนถูกนำมาใช้งาน  ก้อนอิฐน้ำแข็งใต้พื้นถูกลำเลียงขึ้นมาใช้อย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินว่าจะทำการซ่อมแซมที่มั่น  พวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการสู้รบได้  ทุกคนอดร่าเริงกระตือรือร้นมิได้
เมื่อถึงรุ่งอรุณวันใหม่ ทั่วทั้งจวนที่ทำการก็เปลี่ยนสภาพไปเกินกว่าจะจดจำได้
ฟู่จือหงสังเกตว่ารูปลักษณ์ของป้อมที่มั่นดูประหลาดและชำเลืองมองดูบุรุษวัยกลางคนที่คาบบุหรี่อยู่ในปาก  ตอนนี้นางรู้แล้วคนที่จัดแนวป้องกันในวันนั้นก็คือปิง  นางรู้จักป้อมปราการประตูเดี่ยว  แต่ไม่รู้ว่าจะสร้างอย่างไร การออกแบบและรูปร่างของป้อมปราการประตูเดี่ยวสาบสูญมานานหลายปีแล้ว นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จริงๆ
ทันใดนั้นนางจำคำที่ปิงได้พูดไว้เรื่องขุนพลวิญญาณที่ได้รับความเสียหายก็คือสหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่  เป็นไปได้ไหมว่าเขามาจากเมื่อหมื่นปีที่แล้ว?
ในใจนางนึกถึงภาพที่ปิงคุกเข่ากับพื้นร้องไห้รำพึงรำพัน  นางไม่เคยพบบุรุษที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดทุกข์ทนอย่างนั้นมาก่อน ขณะนั้นนางตกใจอย่างมาก
เขาไม่เชื่อใจบิดาของนาง ไม่เชื่อแม้แต่น้อย  แต่กับอำนวยตามถังเทียนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า  นางรู้จักความแข็งแกร่งของถังเทียน  อย่างไรก็ตาม บอกตามตรงเทียบกับบิดาของนางแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ปิงสังเกตสายตาของฟู่จือหง ใจของเขาไม่ได้สงบเหมือนอย่างที่แสดงออก  เนื่องจากถังเทียนและเขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน  เขาคาบบุหรี่ “เจ้าพร้อมหรือเปล่า?”
 “พร้อม!”  ถังเทียนพยักหน้าหนักแน่น
 “อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ต้องการถามเหตุผลที่ข้าให้เจ้าป้องกัน?”  ปิงถามทันที
 “ทำไม?” ถังเทียนตกใจ แต่เขาส่ายหัว  “ข้าไม่คิดอยู่แล้ว  ข้าเชื่อใจลุง  แม้ว่านี่ก็เป็นปัญหาของข้าแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมคนอื่นต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อข้าด้วยเล่า?  ข้าคิดแต่เพียงว่า ข้าต้องพยายามอย่างหนัก เนื่องจากข้าต้องได้มันไป อย่างนั้นข้าก็ต้องเสี่ยงชีวิตของข้าเอง ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้ข้าหลอกตัวเองหรือ?”
คำพูดของถังเทียนตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม
ปิงพ่นควันและหัวเราะ  “หึหึหึ หนุ่มชาวฟ้า เจ้าช่างเต็มไปด้วยอารมณ์คลั่งไคล้เสียจริง!”
เขาหยุดและพูดอย่างจริงจัง “อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่พูดอะไรที่เหลวไหล  พลังของฟู่จงซานแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าจริงๆ  แต่ศักยภาพและความอดทนของเขายังไม่ดีเท่าเจ้า  ข้าเชื่อมั่นในความอดทนและความสามารถแฝงของเจ้า  นี่คือเดิมพันแม้แต่ของข้าด้วย แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีที่สุด”
ถังเทียนฟังอย่างตั้งใจ  ปิงจะไม่โกหกเขา  ปิงจะมีข้อไตร่ตรองของเขาไว้แล้วแน่นอน
 “สนามพลังวิญญาณที่เจ้าได้สร้างขึ้น เป็นร่างวิญญาณที่หาได้ยาก  ตอนนี้ไม่มีใครรู้วิธีควบคุมมัน” ปิงกล่าว “แต่ข้าเชื่อว่าตราบใดที่เจ้ายังต่อสู้ไม่หยุด  เจ้าจะพบหนทางได้แน่นอน  นี่คือการฝึกที่พิเศษมากและอันตรายมากเช่นกัน  แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้แน่นอน เพราะเจ้ามีสัญชาตญาณในการสู้รบซึ่งนั่นคือสิ่งพิเศษ”
ถังเทียนยิ้ม “จริงๆ หรือนี่? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า งั้นข้าก็แข็งแกร่งมากน่ะสิ! ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น! วิธีที่ลุงอ้างขึ้นมานั้น ข้ารู้สึกว่ามีเหตุผลดีมาก!
ปิงแนะนำอย่างอดทนและเป็นระบบ  “เจ้าลองคิดดู เจ้าจะสามารถพบเซียนหลายคนที่สามารถฝึกให้กับเจ้าได้เมื่อใดกัน? นี่คือโอกาสที่หาได้ยากมาก  ถ้าเจ้าพลาดไป เจ้าอาจต้องเสียใจไปทั้งชีวิต
ถังเทียนตบอกพูดด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องเป็นห่วง!  หนุ่มชาวฟ้านี้จะต้องเอาชนะพวกงี่เง่าพวกนั้นได้แน่”
ปิงเตือน  “อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ก่อนที่เจ้าพวกงี่เง่าเหล่านี้จะได้ทันตั้งตัว”
 “เตรียมอะไร?”  ถังเทียนสับสนเล็กน้อย
ปิงหัวเราะอย่างลึกลับ  “ถึงตอนนั้นแล้วเจ้าจะรู้เอง”
ฟู่จือหงซึ่งอยู่ไม่ห่างได้ยินคำสนทนาของพวกเขาถึงกับตกตะลึง   นั่นเป็นการฆาตกรรมไม่ใช่หรือ? เป็นไปได้ไหมว่าลุงผู้นั้นเป็นไส้ศึกที่ศัตรูส่งมา  ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไหนกันที่กระตุ้นผู้นำตนเองให้เสี่ยงชีวิตเช่นนั้น?  และผู้นำแบบไหนกันที่โง่มากขนาดเข้ารับสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด?
ฟู่จือหงจ้องมองตัวประหลาดทั้งสองอย่างงงงวย
ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันมองหน้ากันเองอย่างงงงวยอยู่ห่างๆ  ดังนั้นเหตุผลที่ปล่อยให้ถังเทียนยืนคุ้มกัน  ความจริงพวกเขามีเจตนาแฝง...
 “เราควรแนะนำอาจารย์ไหม?” หยางเฮ่าหรันพึมพำอย่างว่างเปล่า มีเจ้านายแบบนั้นไม่ว่าจะมองตรงมุมไหน เขาก็ไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
ฟู่จงซานรู้สึกจนใจ  ปิงผู้นั้นดูเหมือนเขามีมาตรฐานบางอย่าง  แต่ด้วยการเสี่ยงเช่นนั้น จะคุ้มกันหรือเปล่า?  แต่เขารู้ว่าไม่ว่าตอนนี้เขาจะพูดยังไงก็ตาม พวกเขาก็คงไม่สนใจ  ดังนั้นเขาพูดได้แต่เพียงว่า “เราคงต้องปลุกปลอบใจเอาไว้  ถ้าเห็นว่าบางอย่างไม่เข้าท่า  เราค่อยลงมือ”
หยางเฮ่าหรันได้แต่พยักหน้าอย่างจนใจ  “เราคงทำได้แต่เพียงแค่นั้น!”
*******

ในห้องจิตวิญญาณยุทธ  เสี่ยวเอ้อลอยอยู่ในอากาศอย่างว่างเปล่า จมอยู่ในห้วงความคิด
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขา  ชางหยางหวี่ ดวงตาเซกซ์แทนซ์ เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย  เขาเคยคิดว่าเขารู้เรื่องราวมากมาย  แต่เขาตระหนักในตอนนี้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เขารู้ช่างน่าสมเพช เขามีคำถามและข้อสงสัยอยู่ในใจมากมายและต้องการถามชางหยางหวี่  แม้ว่าเขารู้ว่าชางหยางหวี่อาจจะไม่ตอบคำถาม
หยาหยากระโดดวนไปรอบๆ เสี่ยวเอ้อ
ใจของมันห่วงใย เสี่ยวเอ้อเลิกเล่นกับมัน  มันพยายามควักของออกมาและได้หินดวงดาวก้อนหนึ่ง มันยื่นให้เสี่ยวเอ้ออย่างกระตือรือร้น
เสี่ยวเอ้อประหลาดใจที่หยาหยาส่งเสียง เขาหงุดหงิดเล็กน้อย  แต่พอเห็นหยาหยากระตือรือร้นเอาใจเขา  ความโกรธในใจก็หายไป
เสี่ยวเอ้อสามารถจำได้เลือนรางถึงมิตรภาพที่เขามีต่อหยาหยาเมื่อเขาเพิ่งตื่นขึ้น
หยาหยายื่นหินดวงดาวให้ต่อหน้าเสี่ยวเอ้อ  ใบหน้าที่อวบอ้วนของมันคาดหวัง
เสี่ยวเอ้อลังเลเล็กน้อย จากนั้นรับหินดวงดาวไว้  ก็ได้ เพื่อไม่ให้เจ้านี่กวนใจเขา เขารับไว้อย่างไม่เต็มใจนัก
กร้วม.. เขากัดหินดวงดาวอย่างอดไม่ได้
หยาหยาตื่นเต้นจัด มันตีลังกาไปมา และร้องอุทาน ยิ ย้า ยิ ย้า และส่ายก้นของมัน  เสี่ยวเอ้อจะเล่นกับมันอีกครั้ง
เขาล้วงหินดวงดาวออกมาและกินอย่างมีความสุข
ช่วยไม่ได้จริงๆ....
เสี่ยวเอ้อกินหินดวงดาวและกรอกตาไปมา  เมื่อไหร่ชีวิตแบบนี้จะจบเสียที

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

หยาหยาน่ารักเกิ้น

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

จ๊ะเอ๋ดาวลูกน้องเก่าพ่อยังงั้นหรอ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เตรียมการที่ลุงปิงว่าคือ ดาวนี้จะเข้าร่วม ดาวหมีสินะ ถถถ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ตอนจำไม่ได้ยังเล่นกันตลอดเลยอาจจะเป็นใจจิงของเปลืองเยนชา55
หยาหยาอุส่าห่วง เสียสละหินเลยนะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น