วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 510 ร่มหยาหยา

ตอนที่  510  ร่มหยาหยา
ประกายแวววาวฉายผ่านในดวงตาของเสี่ยวเอ้อ  ใบหน้าที่น่ารักของเขามีแววเคร่งขรึม
สมบัติวิญญาณระดับบรอนซ์ทั่วไป มิได้เหนือกว่าสมบัติดวงดาวสามชิ้นนี้  อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเอ้อที่มีนิสัยจุกจิกไม่ยอมแม้แต่จะเหลียวแลขยะเหล่านี้

สมบัติชิ้นแรกที่เขาปรับแต่งก็คือร่มมือ  เขาเลือกสมบัติที่ชื่อว่าพลองบรอนซ์เข้มแห่งกลุ่มดาวกิ้งก่า  พลองบรอนซ์เข้มจากกลุ่มดาวกิ้งก่าซึ่งเป็นสมบัติชั้นบรอนซ์  พลองทองแดงถูกเพลิงเย็นคลุมไว้อย่างรวดเร็วซึ่งซึ่งเหมือนกับทรายน้ำแข็งขาวไหลบดพลองบรอนซ์
เสี่ยวเอ้อเพ่งอยู่ที่การควบคุมรังสีเพลิงเย็นที่พันรอบพลอง  จิตวิญญาณยุทธในสมบัติระดับบรอนซ์ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนักและยังมีสิ่งสกปรกมากมายจำเป็นต้องขัดเกลาให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น เพียงแค่นั้นมันก็จะยกระดับคุณภาพได้
เพลิงเย็นมั่นคงเปล่งประกายผ่านอากาศที่เยือกเย็น
เสี่ยวเอ้อมีท่าทางเหมือนกับกำลังหลับเนื่องจากเป็นเวลารวบรวมข้อมูล  เขากินหินดวงดาวไปสองสามก้อน  เขากังวลอยู่บ้างเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่คาดว่าระดับการปรับแต่งสมบัติวิญญาณจะยาก  ตอนนี้เขารู้เหตุผลที่สมบัติวิญญาณแพงหูฉี่  ว่ากันในเรื่องความบริสุทธิ์  พลังงานในร่างกายของเขาไม่สามารถเทียบได้กับพวกเซียนได้  แต่ว่ากันในเรื่องคุณภาพของพลังงานพวกเซียนไม่มีทางเท่ากับเขา
แม้จะครอบครองพลังภายในเช่นนั้น  เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าพลังงานของเขาไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้  เขาไม่สามารถนึกภาพได้ว่าแล้วเซียนอื่นๆ จะสามารถทำได้อย่างไร  วิชาเพลิงเย็นเป็นวิชาที่ใช้ปรับแต่งวิญญาณระดับเบื้องต้นซึ่งมีค่าวิญญาณประมาณสิบจุด ส่วนวิชาวิญญาณสำหรับปรับแต่งระดับสูงขึ้นไปอัตราความสิ้นเปลืองพลังจะเร็วมากและความอ่อนเพลียก็กินเวลานานเช่นกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ หยาหยาวางหินดวงดาวไว้ข้างหน้าเสี่ยวเอ้อเพิ่มขึ้น ภายในเวลาสั้นๆ หินดวงดาวกองอยู่ข้างหน้าเสี่ยวเอ้อ
หลังจากส่งหินดวงดาวให้แล้ว หยาหยานั่งอยู่ข้างเสี่ยวเอ้อเงียบๆ
ภายในเพลิงเย็นขาว  พลองบรอนซ์ค่อยๆ มีขนาดบางลง  เสี่ยวเอ้อกินหินดวงดาวมากกว่าสองก้อน ขณะที่สิ่งสกปรกถูกชำระออกไปช้าๆ  พลองบรอนซ์เป็นประกายเงางามเรียบลื่นขึ้นแสงรัศมีแพรวพราวและดูมีลายเส้นผลึกอย่างคาดไม่ถึง
ขณะที่เสี่ยวเอ้อเร่งเพลิงเย็น พลองบรอนซ์ขนาดฝ่ามือน้อยที่พอดีกับมือของเขาก็ปรากฏ  ขณะที่มือของเสี่ยวเอ้อเล็กมาก  เขาก็ยังรู้สึกจนใจ  พลองบางพอๆ กับไม้ตะเกียบ  มีผลึกโปร่งใสเล็กๆอยู่บนผิวของพลอง  ลายเส้นสีดำที่พันรอบพลองบรอนซ์มองดูเหมือนตุ๊กแกน้ำแข็ง  จุดแดงสองจุดปรากฏอยู่บนพลองเหมือนคู่นัยน์ตาสีแดง
เสี่ยวเอ้อค่อนข้างจะพอใจในผลงานสร้างสรรค์ของเขา เพลิงเย็นคือวิชาจิตวิญญาณสำหรับปรับแต่งที่น่าเชื่อถือ  อย่างน้อยถ้าเอาไปขายก็คงมีมูลค่าไม่น้อย  ภายใต้แสงส่องพลองนี้มองดูเป็นงานศิลปะที่งดงาม
ถ้ามีผู้ที่สามารถเชี่ยวชาญวิชาจิตวิญญาณสำหรับปรับแต่งเพิ่มขึ้น  คุณภาพของอาวุธก็จะดีขึ้น  เพลิงเย็นที่มีค่าวิญญาณสิบจุดก็สามารถทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจขนาดนี้แล้ว
ค่าวิญญาณของเสี่ยวเอ้อถึงแปดสิบจุดแล้ว  เคลื่อนย้ายในพริบตาใช้สิบจุด ขณะที่เพลิงเย็นใช้อีกสิบจุดยังคงเหลือพื้นที่อีกหกสิบจุด  วิชาวิญญาณสำหรับร่มกลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องทำความเข้าใจด้วยตนเอง  เนื่องจากร่มของกลุ่มดาวหมีใหญ่ศักยภาพใหญ่ในเรื่องพลังของมัน เขาตัดสินใจใช้ค่าพลังสามสิบจุด ของค่าวิญญาณ
นี่หมายความว่าเขายังคงมีค่าวิญญาณเหลืออยู่อีกสามสิบจุด
คนเกือบทั้งหมดไม่มีค่าวิญญาณมากพอสำหรับฝึกวิชาวิญญาณใหม่  แต่เขากลับตรงกันข้าม  เขามีค่าวิญญาณสำรองขนาดใหญ่แต่ไม่มีวิชาวิญญาณอะไรให้เรียน
ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องบ่นอีกแล้ว
เสี่ยวเอ้อตั้งใจว่าทันทีที่ทุกอย่างจบลง  เขาจะพยายามเชี่ยวชาญการสร้างปรับแต่งสมบัติวิญญาณและทำรายได้มากๆ จากสิ่งนี้ สำหรับแผนในอนาคต  ถ้าเขาปล่อยให้เจ้าเด็กโง่รับมือต่อไป  เขาคงจะถูกลากลงนรกเป็นแน่
จะยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้
จะปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้อีกไม่ได้
ใครๆ ก็ไม่สามารถทำให้เขาทิ้งความทะเยอทะยานได้
เสี่ยวเอ้อประสานหมัดน้อยๆ ของเขาไว้แน่น  เขาค่อยคลายกำมือขณะที่เขาตระหนักได้ว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น  เขาสุ่มเลือกหัวลูกศรสิบสองลูก  สมบัติบรอนซ์เหล่านี้เป็นสมบัติจากกลุ่มดาวคนธนูเรียกว่าธนูสี่ฤดูมีลูกศรเพียงสามลูก  เพราะฉะนั้นทุกฤดูจะมีสามดอก
เขาโยนลูกธนูสิบสองดอกลงในเพลิงเย็น
เพลิงเย็นโหมลามเลียลูกศรขณะที่ลูกศรเหล่านั้นค่อยๆ มีรัศมีที่ชัดเจน  ลูกศรทั้งหลายกลายเป็นโปร่งใสและเพรียวบาง ลูกศรใบไม้ผลิสีเขียวอ่อนเหมือนหยก  ขณะที่ลูกศรฤดูร้อนเหมือนกับผลึกสีแดงเนียนและมีรัศมีอบอุ่น  ลูกศรใบไม้ร่วงจะมีสีเหมือนใบไม้เหลืองแก่  ขณะที่ลูกศรฤดูหนาวจะสีขาวเหมือนน้ำแข็ง
เสี่ยวเอ้อตรวจสอบลูกศรทุกดอกว่าไม่มีข้อบกพร่อง  หลังจากมั่นใจความสมบูรณ์แบบของลูกศรเหล่านี้ เขายิ้มอ่อนโยน
เขาเป็นคนที่ละเอียดมาก
โครงสร้างของร่มสำเร็จแล้ว
ต่อไปก็เป็นผิวของร่ม  เสี่ยวเอ้อเลือกเสื้อคลุมทะเลสาบเงา  สมบัติบรอนซ์จากกลุ่มดาวหงส์ในฐานะเป็นวัสดุจะถูกใช้เป็นผิวของร่ม  เมื่อมีการปรับแต่งสมบัติจากกลุ่มดาวหงส์ด้วยเพลิงเย็น  มันใช้พลังครึ่งหนึ่งตามปกติซึ่งเสี่ยวเอ้อสามารถรู้สึกได้ชัด
ผิวของร่มที่สมบูรณ์ทำให้เสี่ยวเอ้อรู้สึกพอใจ  พื้นผิวขาวเหมือนหิมะดูเหมือนสะท้อนเป็นระลอกที่พริ้วอยู่บนผิว
หลังจากเสร็จสิ้นร่มทั้งสามส่วน  เสี่ยวเอ้อไม่ได้ทำต่อทันที  เขานั่งขัดสมาธิและรำพึง  แม้ว่าการปรับแต่งส่วนต่างๆ ของร่มไม่ใช่เรื่องยากและเป็นแค่การขัดเกลาวิชาของเขา  แต่เขาก็ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องไว้ก่อน  แม้เขาจะมีความมั่นใจในตนเอง แต่เขาไม่เคยประมาท
หยาหยามองดูเสี่ยวเอ้อด้วยความทึ่ง เนื่อจากเสี่ยวเอ้อลอยตัวในอากาศนั่งขัดสมาธิพักอย่างสบายใจ
ขณะที่เสี่ยวเอ้อกำลังปรับแต่งสมบัติวิญญาณ  ถังเทียนและปิงกำลังเตรียมการสำหรับการสู้รบที่จะมาถึง
ปิงยังไม่ใช้บรอนซ์หมายเลขเก้า หลังจากติดต่อกับเซรีนแล้ว  ปิงสั่งวัสดุค้นคว้าใหม่จากเซรีนซึ่งมีชื่อว่าแก้วผลึกทองแดง
ครั้งนี้ปิงนำกล่องแก้วผลึกทองแดงซึ่งมีขนาดเท่าถั่วเขียวและผิวเป็นมันเรียบซึ่งไม่คล้ายกับวัสดุบรอนซ์อื่นที่สีเข้มกว่า  แต่ก็ไม่ถึงกับต่างกันมาก
ถังเทียนมองดูกล่องที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งบรรจุเศษเสี้ยวสมบัติวิญญาณและตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญ  จากนั้นเขากล่าว  “ข้าจะนำผนึกพลังออกมาใช้ได้ยังไง?”
ปิงชะงักเล็กน้อยขณะที่เขาลูบคางรำพึง  “นี่คือปัญหาแน่นอน  หรือว่าเราจะกินมัน?  ควรจะลองดูก่อนดีไหม?  ทำไมล่ะ?  เจ้าจะลองดูไหม?  ข้าคิดว่าสมบัติวิญญาณอาจมีรสชาติดีนะ  มันอาจอร่อยก็ได้!
ถังเทียนประหลาดใจ  “กิน.... เฮ้, ลุง,  ลุงแน่ใจนะ...”
 “ถ้าเจ้าคิดวิธีอย่างอื่นได้  ข้าก็คงไม่ลอง”  ปิงโบกมือและเขามองดูอย่างกระวนกระวาย  “หรือว่าเจ้าต้องการให้แผนใหญ่ของเราต้องจบก่อนเวลาอันควร?”
 “พวกเจ้าต้องการพลังประทับในสมบัติวิญญาณหรือ?”  ชางหยางหวี่ถามทันที
 “ใช่”  ปิงพยักหน้า  “ท่านมีวิธีอะไรอื่นบ้างไหม?”
 “บางทีให้ข้าลองดูก็ได้”  ชางหยางหวี่ตอบ  “หลังจากข้าเปลี่ยนเป็นสภาพวิญญาณ ข้าไม่มีพลังกายทั่วตัวอยู่แล้ว  แต่พลังควบคุมจิตวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย”
ชางหยางหวี่โบกฝ่ามืออยู่เหนือเศษเสี้ยวสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่ง มันลอยเข้าหาเขาทันที  เขาหันมาทางปิง  “เปลือกด้านนอกใช้ประโยชน์ได้ไหม?”
 “ไม่!  ปิงส่ายศีรษะ
ชางหยางหวี่พยักหน้า  เขายังคงเงียบ หมอกชั้นหนึ่งลอยลงมาและซึมเข้าไปในสมบัติอย่างรวดเร็ว  รัศมีสว่างฉายผ่านนัยน์ตาเขาทันที ลูกกลมแสงสลัวปกคลุมด้วยหมอกปรากฏขึ้นทันที
ปิงสะดุ้งตื่นและชี้ไปที่ถังเทียน  “ผลักพลังประทับเข้าไปในร่างของเขา”
ทันใดนั้น บอลแสงซึมเข้าไปในร่างของถังเทียน
ถังเทียนเบิกตากว้าง  ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว แสงรังสีฉายเจิดจ้าออกมาจากร่างของถังเทียน  พายุหมุนพลังผนึกปรากฏอยู่บนฝ่ามือของถังเทียน
 “ผนึกเข้าไปในกล่องแก้วผลึกทองแดง” ปิงตะโกน
ถังเทียนนึกตามง่ายๆ และรู้สึกว่าพลังงานไหลออกจากปลายนิ้วและเข้าไปในกล่องแก้วผลึกทองแดง  พายุพลังประทับปรากฏอยู่บนกล่อง
ปิงโห่ร้องตื่นเต้น  “สำเร็จ!
ชางหยางหวี่ลอยอยู่เหนือพวกเขาและถาม  “นี่คืออะไร?”
 “นี่คือกล่องพลังต้นกำเนิด”  ปิงตื่นเต้นขณะที่เขาชี้ที่ถังเทียน  “เจ้านี่มีร่างกายพลังเป็นศูนย์  และร่างของเขาจะขับไล่ต่อต้านพลังงานอื่นอย่างดุร้าย  เมื่อพลังตราประทับนี้เป็นพลังที่ต้องถูกขับออกมา  พวกมันจะกลายเป็นเครื่องหมายต้นกำเนิดพลัง  โดยการผนึกพลังต้นกำเนิดนี้ในกล่องแก้วผลึกทองแดง  จากนั้นก็จะกลายเป็นกล่องพลังต้นกำเนิด”
 “นั่นช่างน่าสนใจดี  ร่างกายพลังเป็นศูนย์...”  ชางหยางหวี่รำพึง  “ใช่แล้ว  ถ้าจิตวิญญาณแปรเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนแปลงร่างกายให้เป็นพลังงานได้สมบูรณ์  จากนั้นก็มีขอบเขตพื้นที่ซึ่งมีพลังเป็นศูนย์  ต้นกำเนิดพลัง... เป็นชื่อที่ดี  วิธีเข้าใจเช่นนี้ แม้ว่าอาจจะยากสักเล็กน้อย  แต่ก็ตรงมากกว่า  ไม่มีพลังงานสร้างความสับสน  นี่ก็ยิ่งเข้าถึงแก่นของกฎวิญญาณมากขึ้น”
ชางหยางหวี่รำพึงกับตนเอง
 “ใครจะทราบได้”  ปิงกล่าว  “เราจำเป็นต้องเร่งเรื่องนี้  เวลากำลังจะหมดไป”
ถังเทียนหยิบกล่องแก้วผลึกทองแดงออกมาเนื่องจากเขาต้องการผนึกตราดาบลงในนั้น  อย่างไรก็ตามทันทีพลังงานสัมผัสกล่องแก้วผลึกทองแดง เสียงกรีดอากาศดังขึ้นขณะที่กล่องทองแดงเริ่มบิดก่อนที่จะถูกทำลาย
ทุกคนตกใจ
พลังงานปัจจุบันกลับซึมซับกลับเข้าไปในร่างของถังเทียน  ก่อนจะกลายเป็นตราประทับรูปมีดอีกครั้ง
ถังเทียนไม่เชื่อว่าเขาไม่สามารถทำได้  เขาเอากล่องแก้วผลึกทองแดงอื่นออกมาอีก  เสียงฉีกอากาศดังขึ้นก่อนที่กล่องจะบิดและถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
 “ดูเหมือนประทับตรามีดจะไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว”  ปิงถอนหายใจ  “โชคของเจ้าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
ถังเทียนต้องการจะลองอีกครั้ง  แต่ปิงห้ามเขาไว้  “ก่อนอื่นจัดการกับเศษเสี้ยวสมบัติวิญญาณพวกนี้ก่อนเถอะ”
เสี่ยวเอ้อมองดูผลผลิตที่อยู่ต่อหน้าเขาและพอใจกับงานสร้างของตนเอง
ร่มถือที่วิจิตรงดงาม ลายดำที่พันรอบมีจุดคู่นัยน์ตาสีแดงถือได้พอดีกับมือของเสี่ยวเอ้อ ลูกดอกทั้งสิบสองลูกเป็นจุดอยู่ในโครงร่มซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล  ผิวของร่มเหมือนกับงานศิลปะเป็นรูประลอกคลื่นพัดใส่ภูเขาหิมะ  ที่งดงามที่สุดก็คือท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอยู่เหนือภูเขาหิมะ ซึ่งสะท้อนเงาอยู่ในทะเลสาบ
เสี่ยวเอ้อจัดการใส่ดวงดาวลงในสมบัติวิญญาณนี้  หลังจากเห็นสมบัตินี้แล้ว  ไม่มีใครคาดเลยว่ามันมันคือร่มดาวหมีใหญ่ แต่เสี่ยวเอ้อไม่สามารถใช้รูปแบบของกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้
เสี่ยวเอ้อมั่นใจกับสมบัติชิ้นแรกของเขาขณะที่เขาถามตนเอง  “ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่าไงดี?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้  หยาหยาวิ่งเข้ามาและเริ่มทำท่าทำทางไม่หยุด
เสี่ยวเอ้อเข้าใจความหมายของหยาหยาและส่ายศีรษะไม่หยุด  “ไม่ ข้าทำไม่ได้!
ร่มหยาหยา?  มีผลงานที่น่าประทับใจอย่างนั้น จะเอาไปจับคู่กับชื่อแบบนั้นได้ยังไง?
หยาหยากระวนกระวายขณะที่มันเริ่มโดดไปมาไม่หยุดต่อหน้าเสี่ยเอ้อและเริ่มร้องประท้วง
เสี่ยวเอ้อใจร้อนแต่เขาเข้าใจความผิดหวังของหยาหยาได้
ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี  เสี่ยวเอ้อ เจ้าไม่ยอมตั้งชื่อตามข้าได้ยังไง เรายังจะเล่นสนุกด้วยกันได้อีกหรือ?  เจ้าไม่ถือว่าข้าเป็นพี่น้องหรือ?  แค่ชื่อเท่านั้นถึงกับทำให้ความสัมพันธ์ของเราไม่มีค่าหรือ?   ข้าอุตส่าห์ให้อาหารเจ้า  เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้ยังไง, ขุนพลวิญญาณเป็นแบบนี้ได้ไง...
เสี่ยวเอ้อจำกองหินดวงดาวที่หยาหยาช่วยสะสมเอาไว้ให้ได้
 “ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะตั้งชื่อว่า ร่มหยาหยา”
เสี่ยวเอ้อพูดอย่างอ่อนใจ  เสียงเด็กของเขาเต็มไปด้วยอาการจนใจ  ทำไมรอบตัวข้ามีแต่พวกงี่เง่า  แม้กระทั่งขุนพลวิญญาณน้อยก็พลอยเป็นไปด้วย...
หยาหยายิ้มและกระโดดมาอยู่ข้างเสี่ยวเอ้อและแบกเขาขึ้นหลัง  จากนั้นโดดไปรอบๆ ห้องจิตวิญญาณยุทธขณะที่มันตะโกนอย่างตื่นเต้น
หลังจากรู้สึกถึงความตื่นเต้นของหยาหยา  เสี่ยวเอ้อมีความสุขมากขึ้น
เอาอย่างนั้นก็ได้  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถตั้งชื่อสิ่งประดิษฐ์ของเขาได้ตามความต้องการ  แต่นี่คือผลสำเร็จที่สำคัญ
อย่างน้อย หยาหยาก็เป็นผู้สนับสนุนหลักหินดวงดาว....
นี่คือวิธีเดียวที่จะคิดแบบนั้นได้

9 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ลุงกักสมุทรเจอหยาหยาละลายพฤติกรรมซะละมั้ง

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ผู้สนับสนุนหินดววดาวหลัก สปอนเซอร์รายใหญ่ไม่ตั้งชื้อให้ได้ไง

เทพ3บาท กล่าวว่า...

หยาหยา ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ

มีตน กล่าวว่า...

หยาหยาผู้น่ารัก

Unknown กล่าวว่า...

เก่งมาจากไหนก็แพ้หัวใจยุดี //เพ้อล่ะๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tong คนป่วย กล่าวว่า...

หยวนๆ หน่อบน่า ผู้สนัชสนุนหลักเชียวนา มีฮาส่งท้ายอีก

Unknown กล่าวว่า...

มีความสุขสิ ลุงต้องโดนขังคนเดียวมานาน
มีเพื่อน พี่น้องแบบนี้ ก้ดีกว่าตัวคนเดียวสินะ
แต้ก่อนจะพูดคุยทำไรกะไคก้ไม่ได้

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

แสดงความคิดเห็น